สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 255
บทที่ 255 บอกคณะกรรมการ!
“เพี้ยะ”
จางเสี้ยวเทียนทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนที่เขาได้สติกลับมาแล้วกำลังจะตบ กลับกลายเป็นเวลาที่สายเกินไปแล้ว!
ในออฟฟิศจึงมีเสียงตบที่ดังและฟังชัดก้องกังวานขึ้น บรรยากาศเหมือนสั่นสะเทือนเล็กน้อย ฝ่ามือนั้น ใบหน้าของจางเสี้ยวเทียนทิ้งรอยตบสีแดงสดเอาไว้!
จางเสี้ยวเทียนนิ่งงันไป! ตั้งแต่เขานั่งอยู่บนบริษัทย่อยเยี่ยนจิง แน่นอนว่าต้องดำรงตำแหน่งท่านประธานอยู่แล้ว แทบจะไม่มีใครกล้าพูดจาเสียงดัง และยิ่งไม่มีใครกล้าลงไม้ลงมือกับเขา!
ช่วงนี้ จางเสี้ยวเทียนร่วมงานเลี้ยงที่อลังการมากมาย และมีแขกคนสำคัญนับไม่ถ้วน พวกคนที่รู้ฐานะของจางเสี้ยวเทียน ใครบ้างที่ไม่ทำสีหน้าที่ดีและเกรงใจเขาบ้าง
ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับจางเสี้ยวเทียนที่เป็นคนใหญ่คนโต ยังไงเบื้องหลังของจางเสี้ยวเทียนก็คือบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป!
บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมีความสามารถอันแข็งแกร่ง แน่นอนว่าต้องทำให้แขกไม่น้อยที่ไม่อยากจะมีปัญหา……ไม่เพียงแต่แบบนี้ แขกคนสำคัญเหล่านั้นยิ่งได้ยินข่าวคราวว่า บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปถูกควบคุมโดยตระกูลหลีหู้ไห่ และความสัมพันธ์ของตระกูลหลีหู้ไห่กับตระกูลหลีเยี่ยนจิง มันซับซ้อนแค่ไหน ใครก็พูดออกมาอย่างชัดเจนไม่ได้
กลัวเบื้องหลังที่ลึกลับและของจางเสี้ยวเทียน คนที่สามารถคบหากับจางเสี้ยวเทียนได้ ไม่มีคนไหนก็เป็นบุคคลธรรมดา……พวกเขาสงสัยว่าภูมิหลังของจางเสี้ยวเทียน ต่างก็สานความสัมพันธ์ที่ดีกับจางเสี้ยวเทียน บางคนแม้กระทั่งยังยอมให้โอกาสกับคนบางคน
และจางเสี้ยวเทียน ก็ได้รับการประจบของคนเหล่านั้น แน่นอนว่าต้องล่องลอยอย่างกับเทวดา ยิ่งอยู่ก็ยิ่งทระนงตัวโดยไม่รู้ตัว
จางเสี้ยวเทียนลูบจับแก้มที่โดนตบจนแดงก่ำไว้ ฝ่ามือนี้แรงเกินไป ทำให้ใบหน้าของเขาเจ็บแสบ ทำให้สีหน้าของเขาเลือดเย็นขึ้นมาทันที
และตอนนี้ หลีชิงเยียนก็นิ่งงันไปสักพัก เธอมองไปยังทิศทางของฝ่ามือนี้ แล้วเห็นสีหน้าที่นิ่งเฉยของเฉินเป่ยค่อยๆ ดึงฝ่ามือกลับไป
“แกมันช่างกล้า! ” จางเสี้ยวเทียนจับแก้มแดงก่ำไว้ สีหน้าหม่นหมองไปทันที แล้วเคล้าด้วยความอาฆาตที่น่าตกใจ น้ำเสียงก่นด่าอย่างโมโหอย่างมาก
จางเสี้ยวเทียนไม่สามารถยอมรับ การโดนตบเมื่อกี้นี้ ไม่ใช่หลีชิงเยียนตบก็ถือว่าช่างมัน เขาไม่สามารถยอมรับ กลับเป็นไอ้จรจัดคนนี้ที่ตบเขา!
จางเสี้ยวเทียนยืนขึ้นมาทันที เลขาที่อยู่ข้างหลังเขา ก็ดันแว่นของตัวเอง ด้านหลังของเลนส์แว่นกรอบทอง นัยน์ตาคู่นั้น เปล่งประกายยิ้มอันโหดเหี้ยมและเย็นชาออกมา
หลีชิงเยียนหันไปมองเฉินเป่ยเพียงชั่วพริบตา……ภายในใจรู้สึกซับซ้อน วิธีของเฉินเป่ย ทำให้เธออยากจะก่นด่าสักตั้ง……และตอนนี้ จู่ๆ เฉินเป่ยก็พูดขึ้น “นี่ก็คือจุดจบของคนที่ดูถูกประธานหลี”
จางเสี้ยวเทียนกวาดสายตามองเรือนร่างที่เรียวผอมของหลีชิงเยียน ได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเป่ย จึงทำหน้าที่จับตัวเป็นก้อน แล้วแสยะยิ้มเย็นชาขึ้น น้ำเสียงเย่อหยิ่งทระนงตัว “ออกหน้าออกตาแทนเธอ? ฉันพูดผิดอะไรไป แกถือว่าเป็นใคร กล้าตบฉัน! ”
จางเสี้ยวเทียนทำเสียงเข้ม แล้วพูดอย่างโหดเหี้ยม “เชื่อไหมแค่สายๆ เดียวของฉัน ทำให้พวกแกมีชีวิตรอดออกจากประตูใหญ่นี้ไม่ได้! ”
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วยิ่งอยู่ยิ่งขมวดคิ้วให้แน่นขึ้น เธอมองจางเสี้ยวเทียน แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “แกลองดูสิ”
“พวกแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร พวกแกรู้ไหมว่าพวกเขาฝ่าเข้ามาที่อะไร ที่นี่เป็นบริษัทย่อย……กล้าตบฉัน! วันนี้ฉันสามารถทำให้พวกแกจมลงในแม่น้ำได้! ”
จางเสี้ยวเทียนกระตุกปากกลายเป็นทรงโค้ง เป็นอาการที่เลือดเย็นและเคล้าด้วยความเย้ยหยัน เขาจึงพูดกับเลขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง “ให้พวกเขาลองดู ผลที่ตามมาของการฝ่าเข้ามาในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป! ”
เลขาพยักหน้า เขาเพิ่งจะพุ่งหน้าไปยังโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน และในตอนนี้ ก็มีเสียงคำรามดังขึ้น จากนั้นก็มีแสงเปล่งประกายอันเย็นชา ม่านตาของเลขาหดเล็กลง แล้วดึงมือกลับไป
สีหน้าของเลขาดูหนักใจ แค่เห็นซูเหลยกอดอก และยืนอยู่ที่เดิม นัยน์ตาเปล่งประกายด้วยความเลือดเย็นอย่างมาก แล้วได้ดึงสายโทรศัพท์บ้านจนขาด!
สีหน้าก่อนหน้านี้ของเลขาดูเย็น ทันใดนั้นก็กลายเป็นสีหน้าที่ซีดขาว และเฉินเป่ยที่อยู่ข้างๆ หลีชิงเยียน เรือนร่างขยับทันที เท้าหนึ่งข้างก้าวออกไป จากนั้นก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าจางเสี้ยวเทียนในพริบตา!
รอให้จางเสี้ยวเทียนได้สติกลับมา เฉินเป่ยก็จับคอเสื้อของเขาไว้ แล้วยกเขาขึ้นสูง!
จางเสี้ยวเทียนดิ้นรนสุดแรง ทว่ากำลังของเฉินเป่ยนั้นน่ากลัว จางเสี้ยวเทียนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ตรงหน้าเฉินเป่ย ง่ายเหมือนดั่งนกอินทรีที่จับลูกไก่!
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ ก็นิ่งงันไป นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเฉินเป่ยออกลงไม้ลงมือแบบนี้ ดวงตาคู่สวยของเธอหดลงเล็กน้อย……เธอนึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะมีแรงมากขนาดนี้!
“ไอ้จรจัด ไอ้ยาจก! ปล่อยฉัน! ” จางเสี้ยวเทียนทำสีหน้าที่ดูแย่มาก ขณะที่กำลังจะดิ้นรนสุดแรง ก็ได้ตะโกนอย่างโมโห
เฉินเป่ยทำสีหน้าที่นิ่งเฉยพลางมองจางเสี้ยวเทียน สีหน้าดูนิ่งเฉยอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆ มุมปากก็กระตุกเป็นทรงโค้ง แล้วเอ่ยพูด “ได้ จะปล่อยแก”
พูดจบ เฉินเป่ยก็จับจางเสี้ยวเทียน แล้วกระแทกลงบนโต๊ะทำงานไม้ประดู่แดงตัวนั้นแรงๆ!
“ปัง! ”
โต๊ะทำงานไม้ประดู่แดงนั้นถูกเรือนร่างทั้งร่างของจางเสี้ยวเทียนกระแทก ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น กลับถูกเอวกระแทกจนหัก!
โต๊ะทำงานหลายแสนนั้นถูกทำลายอย่างง่ายดาย……และจางเสี้ยวเทียน ข้างหลังถูกโต๊ะไม้ประดู่แดงกระแทกนั้นแบบนี้ หน้าผากก็มีเหงื่อเย็นผุดออกมาอย่างรุนแรง!
หลังจากที่เฉินเป่ยปล่อยคอเสื้อ สองมือก็เอาไว้ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็ควักบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน
หลังจากสูบหนึ่งคำ เฉินเป่ยก็พ่นควันบุหรี่ให้จางเสี้ยวเทียน จางเสี้ยวเทียนคลานขึ้นมาจากควันบุหรี่ด้วยความอนาถ แล้วมองหลีชิงเยียนกับเฉินเป่ย สองมือกำแน่น!
และหลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ เฉินเป่ย ก็เห็นโต๊ะทำงานตัวนั้นที่ถูกกระแทกจนหักอย่างง่ายดายขนาดนี้……ภายในใจกลับรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาทันที
เธอตกตะลึงเฉินเป่ยในตอนนี้อย่างมาก……คนคนเดียวจะมีแรงมากขนาดไหน ถึงสามารถทำให้อีกคนถูกกระแทกจนได้รับบาดเจ็บขนาดนี้!
และที่หลีชิงเยียนไม่รู้คือ นี่ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอเห็นในภายนอก!
ข้างๆ หลีชิงเยียนคือซูเหลย สีหน้าดูตกตะลึง เธอมองโต๊ะทำงานตัวนั้นอย่างเหม่อลอย สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ซับซ้อนอย่างมาก!
นัยน์ตานั้น ยังคงปะปนไปด้วยความตะลึงงัน!
หลายๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ มีแค่ซูเหลยที่รู้ เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่……หากไม่ใช่เพราะซูเหลยเคยถูกฝึกฝนมาพิเศษ เธอก็คงจะยากที่จะดูออก!
ภายในใจของซูเหลยเกิดคลื่นมหึมา เธอไม่กล้าเชื่อ ฉากที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้!
ทะลวงผ่านภูผาทุบตีโคถึก! ซูเหลยหายใจแรงขนาด ลมหายใจเกิดความวุ่นวาย……เธอมองเฉินเป่ยและจางเสี้ยวเทียนด้วยความไม่น่าเชื่อ นั่นเป็นทักษะที่ขาดการตกทอดไปแล้ว ทะลวงผ่านภูผาทุบตีโคถึก!
ซูเหลยนึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยกลับมีทักษะแบบนี้ แค่ผู้ที่สามารถควบคุมกำลังที่สามารถบรรลุขั้นสูงสุด ถึงจะสามารถฝึกทักษะแบบนี้ นั่นเป็นความสามารถของการควบคุมกำลังที่เหมือนดั่งเทพนิยาย!
กำลังของเฉินเป่ย หลังจากที่ส่งผ่านจางเสี้ยวเทียนถึงจะระเบิดได้ และทำให้โต๊ะทำงานถูกสั่นสะเทือนจนหัก!
ต่อให้เป็นซูเหลย ก็ไม่มีทางทำได้ และตอนนี้ เฉินเป่ยกลับทำได้
ซูเหลยมองเรือนร่างของเฉินเป่ย…….แม้แต่ทะลวงผ่านภูผาทุบตีโคถึกยังเป็น เฉินเป่ยมีที่มาอะไรกัน เธอยิ่งอยู่ก็ยิ่งสงสัยในฐานะของเฉินเป่ย ตัวของเฉินเป่ยปิดบังความลับไว้มากมายเกินไป
โต๊ะทำงานถูกสั่นสะเทือนจนหัก จางเสี้ยวเทียนลุกขึ้นมาด้วยลำตัวที่เซไปเซมา ทั้งเรือนร่างแปดเปื้อนไปด้วยควันและฝุ่น ใบหน้าถูกความเลือดเย็นและความอาฆาตแทน
“ใครอนุญาตให้แกพูด บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเป็นของแก? ” หลีชิงเยียนเอ่ยพูด น้ำเสียงเคร่งขรึม ฟังเสียงของผู้หญิงที่ซึ่งเป็นเสียงของหลีชิงเยียน ก็เป็นการดื่มด่ำชนิดหนึ่ง
“พวกแกเป็นตัวอะไร…..แม้แต่ไอ้ยาจกนี่พวกยังพามา……แล้วยังกล้าลงไม้ลงมือกับฉัน! ” จางเสี้ยวเทียนทำสีหน้าที่เย็นชาและโมโห ภายในใจเคล้าด้วยไฟแห่งความโมโฟ เขากวาดสายตามองหลีชิงเยียนพวกเขา แล้วพูดขึ้น “สำนักงานใหญ่ที่หู้ไห่ แม้แต่เหล่าคณะกรรมการก็สนับสนุนฉัน บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ก็ยังสามารถได้มาอย่างง่ายดาย! ”
จางเสี้ยวเทียนมองหลีชิงเยียนด้วยความเย็นชาย แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ไสหัวไปยังทัน ถ้าไม่งั้นเดี๋ยวละก็ จะโยนพวกแกลงในแม่น้ำให้เต่ากิน! ”
“ไสหัวหาแม่มึงดิ! ”
และในตอนนี้ เฉินเป่ยก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เรือนร่างจึงแวบหายไป แล้วปรากฏตรงหน้าจางเสี้ยวเทียนทันที จากนั้นก็จับคอของจางเสี้ยวเทียนขึ้น มือซ้ายมือขวาหมุนเวียนกันยิงศร
ใบหน้าหลีชิงเยียนจับตัวเป็นก้อน ทว่าครั้งนี้ เธอไม่ได้ขัดขวาง แล้วปล่อยให้เฉินเป่ยกระทืบแรงๆ!
และเฉินเป่ยที่กำลังจะออกแรง จู่ๆ นอกออฟฟิศก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เฉินเป่ยหยุดชะงักฝีเท้าลง จางเสี้ยวเทียนดูอนาถมาก แล้วกำลังจะกลิ้งและคลานหนีไปจากใต้เท้าของเฉินเป่ย แล้วมองเฉินเป่ย พร้อมกับหัวเราะเสียงดัง แล้วสีหน้าดูโหดเหี้ยม “คนของฉันมาแล้ว ต่อให้พวกแกเป็นแมลงวัน ก็ไม่สามารถหนีออกจากที่นี่ได้! ”
หลังจากจางเสี้ยวเทียนถูกกระทืบไปหนึ่งชุด ความโมโหที่อดกลั้นไว้ภายในใจยังไงก็ยังไม่ได้ระบาย และตอนนี้ เสียงเคลื่อนไหวนอกออฟฟิศ ทำให้เขาเกิดความเชื่อมั่นขึ้นมาทันที
“ใครให้ความเชื่อมั่นในตัวเองกับแก อัปยศ” และในตอนนี้ เฉินเป่ยค่อยๆ พูดขึ้น สีหน้านิ่งเฉย แล้วแสยะยิ้ม
“แกก็หนีไม่รอด ถึงเวลา คนแรกที่จะจมลงในแม่น้ำก็คือแก” จางเสี้ยวเทียนก้มลงมองเฉินเป่ย นัยน์ตาเคล้าด้วยความได้ใจ
เฉินเป่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วมองไปยังจางเสี้ยวเทียน พร้อมพูดด้วยเสียงเรียบ “ตอนนี้รีบขอโทษ ทุกอย่างยังมีทันแก้ไข”
“ขอโทษ? ขอโทษนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ ให้ฉันขอโทษพวกแก พวกแกคู่ควรแล้วหรอ? ” จางเสี้ยวเทียนแสยะยิ้มอย่างเย็นชาไปด้วย แล้วก็จัดชุดสูทของตัวเอง
เขาใกล้จะถูกเฉินเป่ยตีจนโง่ไปแล้ว ตอนนี้พอไปยังเฉินเป่ย นัยน์ตาของเขาเหลือแค่ความเกลียดชังและความร้ายกาจ
เขาจะยอมรับได้ยังไง ตัวเองถูกขอทานคนหนึ่ง กระทืบจนเป็นแบบนี้?
นี่เป็นการข่มเหงที่ร้ายแรงมาก! เขาจึงตัดสินใจตั้งแต่แรกว่าต้องโยนเฉินเป่ยจมลงไปในแม่น้ำ เพื่อที่จะระบายความเกลียดในใจ!
“ซูเหลย” เวลานี้ จู่ๆ หลีชิงเยียนก็พูดขึ้น
“ประธานหลี” ซูเหลยมองหลีชิงเยียน แล้วตะโกนด้วยความเคารพ
หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่เลือดเย็น แล้วจับจ้องหลีชิงเยียนไว้ด้วยความเย็นชา พร้อมพูด “บอกท่านประธานในทุกอย่างที่เราพบเจอวันนี้ ให้เหล่าคณะกรรมการมาจัดการด้วยตัวเอง”
“ค่ะ” ซูเหลยพยักหน้า แล้วกดโทรออก
และจางเสี้ยวเทียนทำสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน เขาไม่เชื่อ คนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้า จะเป็นตัวแทนอะไรของบริษัท
เขาแสยะยิ้มอย่างเย็นชา เขากลับจะดูว่า ทั้งสามคนนี้คิดว่าจะจบสิ้นสถานการณ์ยังไง
และจากที่เขาดูๆ แล้ว พวกคนนี้ก็แค่มาหาเรื่องเท่านั้น
หลังจากซูเหลยโทรเสร็จ หลีชิงเยียนมองจางเสี้ยวเทียน แล้วพูดด้วยความเย็นชา “จางเสี้ยวเทียน ขอให้แกโชคดี”
หลีชิงเยียนพูดจบ ก็กวาดสายตามองเฉินเป่ยและซูเหลยเพียงพริบตาเดียว แล้วพูดขึ้น “เราไปกัน”
เฉินเป่ยที่อยู่ข้างๆ กระตุกมุมปากขึ้น เขารู้ คำพูดนี้ของหลีชิงเยียน โดยทั่วไปแล้วก็คือการประกาศให้จางเสี้ยวเทียนมีถูกฐานความผิดที่ต้องประหารชีวิต……ครั้งนี้ แม้แต่เธอยังไม่หาหลักฐาน ทำให้เห็นว่า เธอรู้สึกผิดหวังต่อบริษัทย่อยในเยี่ยนจิงมาก!
“อยากไป ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น! ”
หลีชิงเยียนเดินไปไม่ถึงกี่ก้าว ข้างหลังก็มีเสียงแสยะยิ้มอันเย็นชาของจางเสี้ยวเทียนส่งมา
หลีชิงเยียนหันไป แล้วมองจางเสี้ยวเทียน และทำสีหน้าที่เลือดเย็น “แกคิดจะทำอะไร? ”
จางเสี้ยวเทียนจับแก้มที่แดงก่ำไว้ มุมปากกระตุกความเย้ยหยันออกมา “กล้าตบฉัน ก็ไม่สืบข่าวคราวที่เกี่ยวกับพื้นที่นี้เลย ว่าไปมีปัญหากับใครก็ได้……แต่อย่ามามีปัญหากับฉันจางเสี้ยวเทียน! ”
ในมือของจางเสี้ยวเทียนไม่รู้ว่าไปเอาเศษแล้วจับจนแตกตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงแก้วแตกนั้นดังจนทำให้หลีชิงเยียนรู้สึกตะลึงงัน!
ฉากฉากนั้นเหมือนเคยเจอะมาก่อน หลีชิงเยียนแทบจะได้สติกลับมาทันที…….สัญญาณของแก้วแตก!
ปัง!
ประตูออฟฟิศถูกคนเตะออก รปภ.แต่ละคนพุ่งเข้ามา และกำลังล้อมรอบพวกหลีชิงเยียนไว้!
พวกเขาทุกคนต่างจับกระบองไฟฉายช็อตไฟฟ้าไว้ และหน้าตาดูโหดเหี้ยม!
หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ซีดขาวเล็กน้อย ต่อให้ซูเหลยอยู่ข้างๆ หลีชิงเยียนเห็นถึงคนมากมายปรากฏแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดผวาในใจ!
ซูเหลยกับเฉินเป่ยกลับไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นอยู่ในสายตา โดยเฉพาะเฉินเป่ย เขายังจะเอาบุหรี่หนึ่งมวนออกมาด้วยความนิ่งเฉย
เมื่อสายตาของเขากวาดมองรปภ.เหล่านี้ มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย นั่นเป็นริมฝีปากทรงโค้งที่ลุ่มลึกอย่างมาก
ในสายตาของเขา มีความเหยียดหยามอันนิ่งสงบแวบผ่าน……เหมือนคนเหล่านี้ ไม่เข้าตาเฉินเป่ยแม้แต่นิดเดียว!