สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 268
บทที่268 จัดการศัตรูเรียบ!
ในใจซูเหลยเกิดความสงสัยนิดๆ อย่างอดไม่ได้
เขาไปที่ไหนแล้วนะ?
และเวลานี้ ไม่ทันให้ซูเหลยได้คิดอะไรมาก ฝ่ามือใหญ่โตราวพัดใบปาล์มของชายกำยำนั้น ก็ยื่นเข้าไปทางหลีชิงเยียน
ส่วนใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนซีดเผือดขึ้น ฝ่ามือใหญ่กวาดผ่านที่ว่างในอากาศ เกิดเสียงพังครืนที่แหลมคมออกมา
หลีชิงเยียนหลับตาลงด้วยความหมดหวัง…….
ร่างกายของเธอสั่นเทานิดหน่อย เวลาราวกับแข็งตัวไปในวินาทีนั้น ภาพหยุดชะงัก เหมือนใครต่างสามารถคาดคะเนภาพผลลัพธ์ต่อไปนี้ได้
ฝ่ามือใหญ่ของชายกำยำบีบที่คอขาวเนียนนั้นของหลีชิงเยียน หัวเราะอย่างมุ่งร้าย……
แต่ในเวลานี้ ดวงตาซูเหลยกะพริบ ในชั่วพริบตาเดียว ระเบิดความหมายที่ดุเดือดออกมา……ราวกับดาบแหลมพร้อมต่อสู้ แสดงความสามารถของตนเองออกมา
“หู้!”
ซูเหลยลงมือราวกับสายฟ้าแลบ ระเบิดหมัดไปทางชายล่ำสัน
“ปึง!”
ฝ่ามือใหญ่ที่ราวพัดใบปาล์มของชายล่ำสันนั้นค้างทันที กำลังยิ่งใหญ่ระเบิดออกจากบนตัวซูเหลย ยากจะจินตนาการมาก ซูเหลยที่ร่างกายเหมือนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงดุจต้นหยางและต้นหลิวนั้น พอลมพัดมาคงพัดกิ่งก้านสั่นสะเทือน…….
วินาทีนั้น คาดไม่ถึงจะสามารถระเบิดพลังที่มากขนาดนั้นออกมาได้
ชายกำยำสีหน้าเปลี่ยนไป กำลังหมัดหนึ่งของซูเหลยที่ปล่อยออกช่างแข็งแกร่ง ทำให้เขาถอยหลังไปสามสิบกว่าก้าว ถึงหยุดร่างกายให้มั่นคงได้
ชายกำยำมองทางซูเหลย ในแววตาความดุร้ายยิ่งเย็นยะเยือกขึ้น เขาค่อยๆ หัวเราะอย่างน่ากลัว “น่าสนใจ……..”
“แต่ว่า……พวกเธอหนีไม่พ้นเงื้อมมือของฉันหรอก!” ชายกำยำตะคอก ทั่วทั้งตัวมีท่วงท่าที่ยากจะอธิบายระเบิดออกฉับพลัน
ที่มุมแห่งหนึ่ง เฉินเป่ยหรี่ตาอยู่ สังเกตทางนี้อย่างละเอียด ท่วงท่าที่ชายกำยำผู้นี้แพร่ออกมา เทียบกันกับท่านโจวของถานกง ยังยิ่งใหญ่น่ากลัวกว่าไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่าอิทธิพลใต้ดินของเยี่ยนจิงนี้ ที่แท้แกร่งกว่าหู้ไห่
เพียงแต่เฉินเป่ยไม่ลนลานเลยสักนิด อิทธิพลใต้ดิน……ในสายตาของเฉินเป่ยแล้ว เหมือนว่าแม้แต่ทหารไม่มีสังกัดยังไม่นับ
ไม่นานเฉินเป่ยก็หันหน้ามากะทันหัน มองทางที่ไกลออกไป เหลือเพียงรถอาวดี้สีดำไม่กี่คันจอดอยู่ที่ข้างถนน
รถอาวดี้ส่วนใหญ่ถอยหลังไปปิดทางของพวกเขาเอาไว้ทั้งหมด มีเพียงไม่กี่คันที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เห็นได้ชัดว่ามีความพิเศษอย่างยิ่ง
ในแววตาของเฉินเป่ยปรากฏความหมายที่หนาวเย็นขึ้นฉับพลัน มุมปากโค้งเส้นรัศมีวงกลมขึ้น เพียงแต่ว่ารัศมีวงกลมนี้ เห็นได้ชัดว่าแปลกประหลาดเป็นพิเศษ มีเสียงฮึดฮัดดังก้องในที่ว่างอากาศ
เสียงฮึดฮัดของเฉินเป่ยไม่ดังนัก แต่กลับแฝงด้วยกฎการสัมผัสของจังหวะที่น่าประหลาด ที่ว่างในอากาศสั่นสะเทือนหึ่งๆ เสียงทะลุผ่านที่ว่าง ดังก้องอยู่ในอากาศไม่หยุด ราวกับเหนือท้องฟ้ามีเสียงที่ให้ความร่วมมือกับเฉินเป่ยในการทำเสียงฮึดฮัด
“หึ!”
เสียงฮึดฮัดนี้กึกก้องดุจเสียงฟ้าผ่า ทำให้เหล่าซ่าหลัวที่อยู่โดยรอบสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้า
เวลานี้เป็นยามค่ำคืน ฟ้ามืดมาก ฉากยามค่ำที่ดำมืดล้ำลึก ราวกับฉากสีดำขนาดมหึมาผืนหนึ่ง ปกคลุมทุกอย่างไว้ แม้กระทั่งยังไม่มีดวงดาวนับล้านส่องแสงเหมือนเคยแบบนั้น ลมหอบใหญ่ที่ไม่รู้ว่าพัดขึ้นมาเมื่อไร ลมใหญ่ทะมึน อึดอัดไม่สงบ จิตใจของแต่ละคนที่อยู่ในเหตุการณ์หมุนวนเป็นเกลียว
โดยเฉพาะชายล่ำสันคนนั้น เสียงฮึดฮัดนั้น ทำให้ในใจเขาสั่นอย่างแรง
“ดู! มีเทพเจ้า!”
ทันใดนั้นลูกน้องที่ถือมีดไว้ในมือก็สีหน้าเปลี่ยนไปมาก ชี้ไปทางท้องฟ้ายามค่ำไม่ขยับ
ทุกคนมองไปทางนิ้วมือของเขา เห็นเพียงภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำที่มืดครึ้มอึดอัด คาดไม่ถึงมีภาพเงาคนคนหนึ่งลงมาจากท้องฟ้า
หลังชายล่ำสันมองเห็นภาพเงานั้น ถึงแม้เขาจะอยู่ในฐานะหัวหน้าสาขาของสำนักซ่าหลัว เวลานี้เห็นคนผู้นี้ก็งงไปเช่นกัน
คนผู้นี้ บินได้เหรอ?
นี่แม่งเป็นยอดมนุษย์หรือไง?
ลูกน้องทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ หลังมองเห็นภาพเงาคนนั้น ต่างก็หนังศีรษะชา ถอยหลังไปด้วยความรวดเร็ว ภาพเงาคนคนนี้ทำให้พวกเขานึกถึงคำสองคำที่ไม่มีความเป็นจริงโดยสิ้นเชิงได้ในชั่วขณะนั้น
ยอด……คน!
แม้ว่าพวกเขาจะเคยฆ่าคนตายเป็นผักเป็นปลา เคยเจอภูเขาศพทะเลเลือด ทว่าไม่เคยเจอเรื่องที่สยองขวัญขนาดนี้มาก่อน
หัวหน้าสาขามองเห็นภาพเงาคนคนนั้นก็งงงวยไปหมด จ้องภาพคนคนนั้นตาไม่กะพริบ ลูกตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
เวลานี้ ในรถอาวดี้สีดำ จางเสี้ยวเทียนจิบแชมเปญไปอึกหนึ่ง หรี่ดวงตาอยู่ ดื่มด่ำความรู้สึกของฟองเนียนละเอียดที่ซ่าอยู่ในปาก งดงามอย่างมาก
ด้านนอกรถ บรรยากาศประหม่าอันตราย แต่ในรถกลับบรรเลงดนตรีที่สง่างาม ถ้าไม่ใช่ว่าห้องโดยสารในรถพื้นที่ไม่พอ กลัวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะร้องเล่นเต้นรำด้วย
ความแตกต่างของภายนอกภายในรถช่างชัดแจ้งเหลือเกิน ทำให้คนไม่อยากเชื่อ
ทันใดนั้นเลขาฯ ก็ขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงร้องตกใจและเสียงเกรียวกราวด้านนอกรถ
“ประธานจางครับ ทางนั้นเหมือนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยครับ” เลขาฯ ดันๆ แว่นตากรอบทอง
“จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ หัวหน้าสาขาของซ่าหลัวฉันก็เชิญมาแล้ว ผลลัพธ์ในครั้งนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก” จางเสี้ยวเทียนหลับตาทั้งคู่พูดขึ้น ตอนที่พูดไปด้วยนั้น มุมปากของเขายังฉีกรอยยิ้มขึ้น
ในสมองของเขาปรากฏภาพอย่างไม่รู้ตัว หลีชิงเยียนโดนตนเองพิชิต กลายมาเป็นของเล่นของตนเอง ส่วนเฉินเป่ยได้รับความเจ็บปวดแบบตนเองก่อนหน้านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า จากนั้นโดนเขาฆ่าอย่างโหดเหี้ยมให้ตายทั้งเป็น
นี่คือความปรารถนาของเขา ส่วนตอนนี้ นับวันเขายิ่งเข้าใกล้เป้าหมายอันนี้ไปทุกที ไม่ไกลเลยสักนิด
และตอนที่เลขาฯ ยื่นศีรษะออกนอกกระจกรถ มองทางบนท้องฟ้า ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ก็แข็งตัวแล้ว
เหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก บรรยายตามไม่ทันเลย เลขาฯ พยายามผลักจางเสี้ยวเทียนทีหนึ่ง สีหน้าซีดเซียวชี้ไปด้านบนฟ้า ริมฝีปากกำลังสั่นซีดลง “ประธานจางคุณดู!”
“ดูอะไรกันอีก นี่มีอะไรน่าดู…….” จางเสี้ยวเทียนผลักออกอย่างรำคาญ มองทางนอกหน้าต่างตามเลขาฯ ไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ
และหลังจากเขามองบนท้องฟ้านอกหน้าต่างที่ไม่ไกลนักชัดเจน เขาก็งงเช่นกัน สมองเกิดเสียงดังครืน ตั้งนานยังไม่ตอบสนองเข้ามา
“นี่เป็นไปไม่ได้!” จางเสี้ยวเทียนร้องตกใจเสียงหลง ในสายตาเหลือเพียงความตื่นตระหนก
จางเสี้ยวเทียนหายใจเร่งรีบ เขาคิดว่าตนเองตาฝาดไป แต่หลังจากที่เขาหยิกตนเองทีหนึ่ง ความเจ็บแจ่มชัดบอกเขาว่าทุกอย่างนี้เป็นความจริงทั้งนั้น
ภาพเงาคนคนหนึ่งลงมาจากฟ้า ภายใต้ฉากยามค่ำที่ดำมืดล้ำลึก ราวกับวิญญาณที่เงียบสงัดไร้เสียงตนหนึ่ง
จางเสี้ยวเทียนจ้องภาพเงาคนนั้นตาเขม็ง ลมหายใจของเขายากที่จะสงบลงมา
เป็นไปได้อย่างไร เป็นตายอย่างไรจางเสี้ยวเทียนก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนที่ลงมาจากฟ้าได้ นี่แม่งเดิมทีไม่ใช่พลังที่เป็นของมนุษย์
เขาเป็นยอดมนุษย์เหรอ?
จางเสี้ยวเทียนไม่เชื่อการมีตัวตนของยอดมนุษย์ แต่ความจริงวางอยู่ตรงหน้า ทำให้เขามหัศจรรย์ใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
และหลังจากภาพเงาคนคนนั้นร่วงลง หนังศีรษะของชายล่ำสันชาอย่างฉับพลัน เขามองทางภาพเงาคนคนนั้น ดวงตาแข็งตัวทันที
เขาถอยหลังไปอย่างไม่ลังเลสักนิด ดวงตาเผยความดุเดือด ตะโกนเสียงดุ “ลงมือ!”
ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป ตะโกนเสียงดุ “เอามีดมา!”
ซู่! มีดด้ามหนึ่งดึงออกมา มีวิญญาณชั่วร้ายที่เข้มข้นยากจะกระจาย พุ่งทะยานขึ้นฟ้า
มีดยาวด้ามนี้ไม่รู้ว่าเคยสังหารชีวิตมามากน้อยเท่าไร บนมีดยังมีรอยเลือดสีดำที่แข็งตัวแทรกอยู่เลย
“ฆ่าไม่ยั้ง!” ชายล่ำสันมองทางภาพเงาคนคนนั้น ในแววตาเผยความหนักหน่วงออกมา
เป็นครั้งแรกที่เขาเจอเรื่องที่แปลกประหลาดขนาดนี้ ที่ว่ามีคนลงมาจากฟ้า
และตอนที่ชายล่ำสันตะคอก ซูเหลยก็เคลื่อนไหวแล้ว
ซูเหลยผลักหลีชิงเยียนไปทางด้านข้าง ทั้งตัวตนเองถูกออร่าที่ดุเดือดเกรียงไกรเข้าแทนที่
ในแววตาของหล่อนเหลือเพียงความหนาวเย็นและดุเดือด เหมือนว่าต่างหากถึงจะเป็นพลังการต่อสู้เต็มที่ของหล่อน
ในฐานะทีมรบพิเศษของหัวเซี่ย เป็นผู้หญิงที่รับหน้าที่ตำแหน่งรองหัวหน้าทีม ซูเหลยไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ล้วนพึ่งพาความสามารถของตนเองไต่ขึ้นตำแหน่งทีละก้าว
หล่อนย่อมมีฝีมืออยู่แล้ว เวลานี้ในที่สุดหล่อนก็ไม่ปิดซ่อนไว้อีกต่อไป
เพราะหล่อนรับรู้ออกมาแล้วว่าแต่ละคนในที่นี้ล้วนไม่ใช่คนดีอะไร ในมือแต่ละคนเอาชีวิตของผู้คนไปไม่น้อย
พวกเขา……..สมควรตายทั้งหมด
ในที่สุดซูเหลยก็ไม่สนใจอะไรขึ้นมาสักนิดเดียว เพียงแค่ตอนที่หล่อนมองทางภาพเงาคนคนนั้น ในแววตายังคงประกายความงงงวยและสงสัยอยู่
ภาพเงาคนนั้นจะเป็นใครได้อีก? ย่อมเป็นเฉินเป่ย
ไม่มีใครรู้ว่าเฉินเป่ยกระโดดขึ้นสูงจากข้างหนึ่ง เด้งเข้าไปตรงกลางของฝูงชน ในสายตาของพวกเขา เฉินเป่ยลงมาจากฟ้า……พวกเขาย่อมไม่เชื่อกันอยู่แล้วว่าพอเฉินเป่ยกระโดดขึ้น จะสามารถกระโดดได้สูงขนาดนี้
นี่พอจะอธิบายได้ว่ากำลังปะทุของเฉินเป่ยสยองขวัญเหลือล้น
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนฆ่าสนั่นฟ้า สมาชิกของซ่าหลัวนับไม่ถ้วนถือมีดไว้ในมือ ท่วงท่าโหดเหี้ยมกรูกันขึ้นมา แพร่กระจายความหมายน่าตกใจ ทำให้คนรู้สึกตื่นตระหนก
เดิมคนเหล่านี้ห้าวหาญและชำนาญในการรบ สมาชิกยอดเยี่ยมที่มีชีวิตอยู่ร่วมเป็นร่วมตายนับไม่ถ้วน พวกเขาแต่ละคน แต่ละมีดที่ลงมือ ล้วนมีเจตนาที่จะฆ่าอย่างน่าตกใจ
พวกเขามีคนไม่น้อย รวมทั้งชายล่ำสันคนนั้นมองดูไกลๆ ล้วนอยากรู้สถานะของเฉินเป่ย
น่าเสียดายที่คืนนี้ไร้จันทร์ ก่อนหน้าล้วนมีแสงจันทร์สว่างไสว ถูกเมฆดำผืนใหญ่บดบัง ทำให้ฉากยามค่ำของคืนนี้ ดูขึ้นมายิ่งลุ่มลึกดำมืด
บวกกับการเคลื่อนไหวของเฉินเป่ยไวเหลือเกิน เทียบได้กับสายฟ้าแลบ จึงไม่มีใครในที่นี้มองหน้าตาของเฉินเป่ยได้ชัดเจน
พวกเขาได้แต่มองเห็นภาพเงามืด ในมือถือมีดไว้ มีแสนยานุภาพซึ่งไปที่ใดก็กวาดล้างหมด
จากนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยน นับวันสมาชิกกลุ่มเข้าไปล้อมทางเฉินเป่ย เห็นเฉินเป่ยเก่งกาจจนน่ากลัว จึงต้องให้พวกเขาทั้งหมดพร้อมใจกันกำจัดทิ้ง
“ในที่สุดก็จัดการเสร็จแล้ว” ซูเหลยนำมีดเก็บเข้าที่เดิม บ่นพึมพำกับตนเองไม่หยุด
ตอนที่หล่อนลุกขึ้นยืน สายตาของหล่อนตกอยู่ที่ไม่ไกลนัก จากนั้นแข็งตัวทันใด
เฉินเป่ยถูกสมาชิกซ่าหลัวนับไม่ถ้วนล้อมขึ้นมาแล้ว จำนวนของกลุ่มคนเหล่านี้ไกลเกินกว่าหล่อนจินตนาการ
สมาชิกซ่าหลัวที่รอบล้อมเฉินเป่ย มีจำนวนมากกว่าของหล่อนสามสี่เท่า
“ฉันจะดูว่าแกจะรอดออกจากเงื้อมมือของฉันไปได้ยังไง” ชายล่ำสันมองทางซูเหลยและเฉินเป่ยที่ถูกสมาชิกซ่าหลัวล้อมไว้แน่น เผยรอยยิ้มดุร้าย
สีหน้าเขาผ่อนคลาย ระหว่างคิ้วยังมีการยั่วเย้านิดๆ
ครั้งนี้ล้วนไม่ต้องให้เขาลงมือด้วยตนเอง เพียงแค่ยุทธวิธีคลื่นมนุษย์ก็สามารถทำให้คนสองคนที่ไม่รู้จักเจียมตัวนี้ปวดหัวมากพอสมควร
แต่คำพูดของเขาพึ่งจบลง แวบเดียวสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน
เห็นเพียงภาพเงาคนคนนั้น ในมือถืออาวุธแหลมคม ระเบิดความเร็วออกดุจฟ้าแลบ ร่างกายสั่นไหว คาวเลือดกระจายไปทั่ว
ภาพเงาแต่ละคนโดนตัดลงราวกับเส้นฟาง ค่อยๆ ล้มลง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ไม่นานก็กระเพื่อมออกกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นสีหน้าของชายล่ำสันดูแย่ขึ้นมา ดูหม่นหมอง เขาจ้องภาพเขาคนนั้นอย่างเย็นชา มือที่กุมด้ามไม้ของมีดยาวกำลังสั่นเทาเล็กน้อย มีรอยร้าวปรากฏขึ้น
ง่ามนิ้วที่เขาบีบด้ามมีดซีดขาวลง สีหน้าหนาวเย็นและโกรธเคือง
เฉินเป่ยใช้ความเป็นจริงตบหน้าเขาไปอย่างแรง
ในสายตาเขา สมาชิกซ่าหลัวพวกนี้ราวกับของไร้ประโยชน์ที่ทำลายให้ย่อยยับได้อย่างง่ายดาย