สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 272
บทที่272 เยี่ยนจิงที่คุ้นเคย!
จางเสี้ยวเทียนอยากจะหนี แต่เฉินเป่ยจะปล่อยเขาไปได้อย่างไรกัน?
หลังนั้นครู่หนึ่ง เลขาฯ บอกกับจางเสี้ยวเทียนว่า “ประธานจางครับ ไม่เห็นตัวคนแล้ว เดาว่าคงโดนทิ้งท้ายแล้วครับ”
จางเสี้ยวเทียนไม่เชื่อ ยื่นหน้ามองไปทางนอกหน้าต่างทีหนึ่ง เห็นว่าท้ายรถว่างเปล่าไป แม้แต่เงาคนยังไม่มี ถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง
“สุดท้ายเจ้านั่นก็โดนสะบัดทิ้งไปได้” จางเสี้ยวเทียนถอนหายใจออกมา ความพะวงก้อนใหญ่ในใจถือว่าได้ปล่อยวางลงแล้ว
“ประธานจางครับ ไปหาซ่าหลัวกลางดึก คงไม่ค่อยดีมั้งครับ?” เลขาฯ พูดอย่างลังเล
จางเสี้ยวเทียนทำหน้าเย็นชา “ไม่ดีเหรอ? ไม่ดียังไง คนของพวกเขาทำเรื่องไม่สำเร็จ หนึ่งล้านของฉันนี้ถือว่าถลุงเล่นเหรอ?”
“มีเงินหนาไปล่อต้องมีคนกล้าทำสิ แย่ที่สุดก็ไปหาสำนักใหญ่ของพวกเขา ฉันจะเพิ่มราคาสูงอีกหน่อย……ไม่ว่าวิธีไหน ชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้จำเป็นต้องตาย”
จางเสี้ยวเทียนพูดขึ้น ลูบๆ ใบหน้าของตนเองที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำบวมแดง สีหน้าอัปลักษณ์ดุร้าย
เขาไม่อาจปล่อยเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนไปอย่างเด็ดขาด……ต่อให้ครอบครัวล่มจมก็ต้องฆ่าพวกเขาสองคน
คำพูดของจางเสี้ยวเทียนพึ่งออกไป ทันใดนั้นรถอาวดี้ก็โคลงเคลงอย่างแรง
“เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าจางเสี้ยวเทียนเปลี่ยนไปทันที ส่วนเลขาฯ ที่อยู่ด้านข้างตวาดถามอย่างโมโหไปทางคนขับ
“ผม……ผมก็ไม่รู้ครับ” คนขับนั้นหน้ามึนงงมาก เขาขับรถยนต์อยู่ปกติ แต่เกิดโยกอย่างรุนแรงจนแทบจะทำให้เขาหักรถไปชนกำแพงด้านข้าง
“จอดรถ!” จางเสี้ยวเทียนตะโกนเสียงดุ
“ปึง!”
ทันใดนั้น มีเสียงดังสนั่นที่แสบแก้วหูดังขึ้นมาจากหลังคารถ จางเสี้ยวเทียนเงยหน้า มองเห็นที่ด้านบนหลังคารถ จากนั้นดวงตาคู่หนึ่งหดจนกลายเป็นเข็มทันที
บนหลังคารถมีรอยหมัดใหญ่บุบลงมา รอยหมัดนั้นชัดเจนมาก แม้กระทั่งยังมองเห็นร่องรอยของนิ้วมือได้
จางเสี้ยวเทียนเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน แวบเดียวก็มีเสียงดังขึ้นอีก หลังคารถเปลี่ยนรูปไม่หยุด รอยหมัดแสดงชัด ทำให้จางเสี้ยวเทียนสีหน้าซีดขาว
“ข้างบนมีคน เขย่ามันลงมา!” จางเสี้ยวเทียนสั่งเสียงดุ
ถนนยามดึกสงัดว่างโล่ง เกือบจะไม่มีรถยนต์ขับผ่าน ถึงแม้จะมีคนเมาเหล้านอนหลับอยู่ข้างถนน ก็คงไม่มีอันตรายอะไร
และเวลานี้ บนถนนที่กว้างขวาง มีรถอาวดี้สีดำคันหนึ่งขับส่ายซ้ายขวาด้วยความเร็วไม่หยุด ส่วนบนหลังคารถก็มีคนคนหนึ่งยืนอยู่ด้านบนอย่างมั่นคง พลังเขย่าสั่นที่มหาศาลไม่ได้สะบัดเขาลงจากหลังคารถได้เลย
ทั้งตัวเขาราวกับตุ๊กแก เหมือนโดนกาวน้ำติดไว้ด้านบน รถอาวดี้สีดำใช้ทุกวิถีทาง แต่ยังไม่สามารถสะบัดเขาลงได้
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือเฉินเป่ย
หลังเฉินเป่ยปล่อยหมัดลงบนหลังคารถไม่กี่ที ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มที่หนาวเย็นเยาะเย้ยออกมา ตามมาด้วยกระจกด้านหลังรถแตกละเอียด ภาพคนคนหนึ่งมุดเข้าไปจากด้านหลังรถ
ชั่วขณะนั้นสีหน้าเลขาฯ เปลี่ยนไปแล้ว และเขาพึ่งมองเห็นหน้าตาของเฉินเป่ยชัดๆ ฝ่ามือใหญ่ที่มีพลังข้างหนึ่งเปิดประตูรถออก ทิ้งเลขาฯ ออกไปทันที
“เอ๋อตงเฉิน!” ในใจจางเสี้ยวเทียนเต้นแรง จ้องเฉินเป่ยอย่างโมโหกัดฟันเอ่ยปาก
“แกคิดว่าแกจะหนีรอด?” เสียงหนึ่งที่มีความหมายเสียดสีเต็มที่ลอยเข้ามาในหูของจางเสี้ยวเทียน ไม่รู้ว่าเฉินเป่ยมานั่งด้านข้างของจางเสี้ยวเทียนตั้งแต่เมื่อไร กำลังมองทางจางเสี้ยวเทียนด้วยแววตาสงบ ในคำพูดกลับเต็มไปด้วยความหมายเสียดสี
“แน่นอนว่าไม่ แต่ถ้าแกฆ่าฉัน แกรู้มั้ยว่าผลคืออะไร?” ใบหน้าจางเสี้ยวเทียนเรียบนิ่ง รับมือกับเฉินเป่ยอย่างสงบ แต่มีเพียงเขาเองที่รู้ว่าหัวใจที่อยู่ภายในเต้นเร็วแค่ไหน ด้านหลังเหงื่อเปียกโชกเสื้อเชิ้ตไปตั้งนานแล้ว
ยามเผชิญหน้ากับเฉินเป่ย จางเสี้ยวเทียนเหมือนกำลังเต้นรำกับหมาป่า เขาเห็นความสามารถของเฉินเป่ยชัดเจน ทั้งสาขาซ่าหลัวโดนทำลายลงหมด กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นที่ลอยมาจากตัวเฉินเป่ย พอที่จะอธิบายได้ว่าเขามีความเหี้ยมโหดมากเท่าไร
“ผล? ผลอะไร?”
“ถ้าฉันตายแล้ว แกไม่เพียงจะโดนซ่าหลัวทั้งหมดตามฆ่าอย่างไม่หยุดหย่อน ยิ่งจะต้องผิดใจกับบุคคลยิ่งใหญ่ของเยี่ยนจิงแบบนับไม่ถ้วนด้วย แกคงกลับหู้ไห่ไม่ได้แน่” จางเสี้ยวเทียนเอ่ยปากนิ่งๆ อยากเพิ่มแรงกดดันให้เฉินเป่ยด้วยท่าทางเรียบเฉย
“อ่อ? ฟังขึ้นมาดูน่าสนใจอยู่หน่อย” มุมปากเฉินเป่ยยกขึ้นเล็กน้อย เผยสีหน้าที่รู้สึกสนใจออกมา
“รู้มั้ย? เครือข่ายเส้นสายของฉันใหญ่มาก ขอเพียงเกิดเรื่องขึ้นกับฉัน ขอเพียงสะกิดนิ้วบุคคลยิ่งใหญ่ส่วนหนึ่งหน่อย แกจะต้องโดนทั้งเยี่ยนจิงโจมตี……” จางเสี้ยวเทียนสงบลงมาก “ความสามารถของบุคคลยิ่งใหญ่ส่วนนี้ แกไม่มีทางจินตนาการได้……ฉันจะเตือนแกไว้ ดีที่สุดอย่ามาลงมือกับฉัน”
หลังจากจางเสี้ยวเทียนพูดพวกนี้จบ ก็แน่ใจเพิ่มขึ้นมาก สำหรับเขาแล้ว พอคำพูดพวกนี้ออกไป เฉินเป่ยย่อมไม่กล้าทำอะไรเขาแต่อย่างใดแน่
“หึๆๆๆ ……”
จางเสี้ยวเทียนพึ่งพูดจบ เฉินเป่ยก็หัวเราะแล้ว รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและเหยียดหยาม ทำให้ในใจจางเสี้ยวเทียนไม่มั่นใจอย่างน่าประหลาด
“บุคคลยิ่งใหญ่” เฉินเป่ยสีหน้าสงบ หัวเราะเยาะเย้ย “บุคคลยิ่งใหญ่ไร้สาระอะไร”
จางเสี้ยวเทียนสีหน้าค้างคา คาดไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะไม่กลัวการข่มขู่ของเขาสักนิด ทำให้ในใจเขาไม่สงบขึ้นมาทันใด
แวบหนึ่ง เฉินเป่ยก็คว้าคอเสื้อของจางเสี้ยวเทียนไว้แล้วหัวเราะใส่เขา พร้อมกับบอกว่า “ไปสบายซะ”
ตอนที่จางเสี้ยวเทียนมีการตอบสนองกลับมา สีหน้าก็เปลี่ยนยกใหญ่แล้ว
“ไม่! แกฟังฉันอธิบายก่อน เรื่องมันไม่ใช่แบบนั้น ซ่าหลัวไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันสักนิด……” จางเสี้ยวเทียนอยากจะอธิบายอะไร แต่ก็สายไปเสียแล้ว
ครู่หนึ่งประตูรถถูกเปิดออกทันที ลมพัดซู่เข้ามาอย่างแรง ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าจางเสี้ยวเทียนก็ซีดขาวราวกับกระดาษ ในใจเกิดความรู้สึกวิกฤตเป็นตายใหญ่หลวงขึ้นมา
เขามองทางเฉินเป่ย สีหน้าเต็มไปด้วยความหมดหวังและอ้อนวอน เขาไม่อยากมีจุดจบอย่างเลขาฯ
“กล้าแตะต้องเมียฉัน ไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ” เฉินเป่ยพูดอย่างเย็นชา จางเสี้ยวเทียนจับมือของเฉินเป่ยไว้แน่น ดิ้นรนไม่หยุด
แต่นี่จะมีประโยชน์อะไร?
ถึงจางเสี้ยวเทียนจะอ้อนวอนมากแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำเฉินเป่ยสะทกสะท้าน สุดท้ายยังหัวเราะเยาะพูดว่า “ตอนที่เสียใจ อย่าลืมว่าแกไม่ควรมาแตะต้องเมียฉัน”
ในที่สุดจางเสี้ยวเทียนก็หมดหวังถึงที่สุด พูดอย่างชั่วร้าย สีหน้าอัปลักษณ์ตวาดเสียงดุ “ถ้าแกกล้าลงมือ ฝันไปเถอะว่าจะอยู่ในเยี่ยนจิงได้!”
แต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงคือ เฉินเป่ยหัวเราะนิ่งๆ แล้วตอบกลับ “บังเอิญจังนะ เมื่อก่อนก็มีคนพูดกับฉันแบบนี้”
เฉินเป่ยปล่อยมือออกอย่างไม่ลังเลสักนิด แววตาปรากฏความดุเดือดขึ้นฉับพลัน
เขาสะบัดอย่างแรง จางเสี้ยวเทียนกรีดร้องก่อนจะลอยออกจากในรถ ถูกทิ้งออกมาจากรถอาวดี้ที่ขับด้วยความเร็วสูง ราวกับถูกยัดเข้าในเครื่องซักผ้าฝาหน้า ลอยกลิ้งบนถนน ภายในร่างกาย ภาพเงาโครงกระดูกแตกร้าวลอยออกอย่างแจ่มชัด จากนั้นหมดลมหายใจลง
เฉินเป่ยค่อยๆ เก็บมือ ปิดประตูรถ นั่งอยู่ตำแหน่งแถวหลัง ถอนหายใจออกทีหนึ่ง
ในแววตาของเขาเผยความเศร้าไม่หาย และความซับซ้อนออกมา
คำพูดของจางเสี้ยวเทียนเมื่อสักครู่นั้น ดึงความทรงจำของเขาขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง
ปีนั้น……เมืองเดียวกัน คำพูดเดียวกัน เพียงแค่อยู่ในรถรบ……คนที่พูดกับเขา เป็นสุดยอดทหารคนหนึ่ง ทั่วทั้งตัวแพร่กระจายความแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว มีเพียงอัจฉริยะทางทหารถึงจะมีท่วงทีเด็ดเดี่ยวได้
นั่นคือเพื่อนร่วมรบที่เคยสนิทของเขา……เป็นผู้ที่ร่วมเป็นร่วมตายในห่ากระสุนปืนมากับเขา……ภารกิจนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้พวกเขากลายเป็นมิตรที่สามารถพึ่งพาไว้ใจได้มากที่สุด และเล่าเบื้องหลังให้อีกฝ่ายรู้ได้
แต่ใครจะไปคิดว่าเพราะครั้งนั้นเหตุการณ์เปลี่ยนไป……เขากลายเป็นคนไม่มีแผ่นดินอยู่……และเพื่อนร่วมรบกลับกลายเป็นผู้ที่ไล่โจมตี
ในแววตาลึกของเฉินเป่ยล้ำลึก ซับซ้อน เศร้าใจ……ใครจะเคยคิดว่าผู้ชายที่ปกติเฮฮาร่าเริง พูดเล่นลิ้นกลับไปกลับมา เวลานี้ยังมีด้านแบบนี้ด้วย
เพียงแค่คงไม่มีใครเคยเห็นด้านนี้ ถึงโลกชั่วร้ายทิศตะวันตกจะเข้าใจมากที่สุด ก็รู้เพียงว่าราชาหลงที่ไร้ศัตรู……ไม่มีอดีต หรือพูดได้ว่า……อดีตของเขา ถึงแม้จะมีข้อมูลอิทธิพลสูงที่สุด ก็ค้นหาออกมาไม่ได้
เขาปรากฏตัวอย่างไร้มูล ใช้ความเร็วที่ยากจะจินตนาการ กลายเป็นผู้ชายที่ยืนอยู่ยอดสุดของโลก ขุนศึกที่ตั้งตัวเป็นใหญ่มองด้วยความหยิ่งยโส
และนายพลหลงสีท่านของเขา เป็นเช่นนี้……ข่าวสถานะของพวกเขา ล้วนแล้วแต่ไม่รู้ทั้งหมด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกองทัพของเขาเลย……
แต่ว่าไม่นานเฉินเป่ยก็ได้สติกลับมา พูดกับคนขับรถที่มือกุมพวงมาลัยนั้นยังคงสั่นเทา บอกที่อยู่ไปพลางพูดปลอบใจ “ไม่ต้องตื่นเต้น ขับรถดีๆ ฉันจะไม่ฆ่านาย และจะให้เงินด้วย”
ไม่นานเฉินเป่ยก็กลับมาถึงโรงแรม รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกชุดหนึ่ง ล้างรอยเลือดออกจากตัว
สักพักหนึ่ง โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เสียงชิงเนียนในสายนั้นลอยมา “ลูกพี่ เจ๋งนี่ พึ่งมาเยี่ยนจิงก็ก่อเรื่องใหญ่เข้าเลย”
น้ำเสียงของชิงเหนียนในสายนั้นเต็มไปด้วยการหยอกล้อ แต่โดนเฉินเป่ยเพิกเฉยไปทั้งหมด
เฉินเป่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง บอกว่า “จัดการหมดแล้วรึยัง?”
“เหมือนเดิม จัดการเรียบร้อย ผมทำอะไรพี่ยังไม่วางใจอีกเหรอ ตอนนี้พี่แค่ต้องโม้ให้สุดเหวี่ยงแล้วกัน” คำพูดชิงเหนียนชะงักไป พูดเสริมอีก “แต่เกรงว่าครั้งนี้พี่คงหลอกพวกเธอสองคนไม่ได้แล้วมั้ง คนอื่นเขาก็ไม่ใช่คนโง่กัน”
“ยังไงก็ปิดไม่มิด แต่ปิดได้นานเท่าไรก็ปิดนานเท่านั้นเถอะ” เฉินเป่ยพูดจบแล้ววางสายโทรศัพท์
ชิงเหนียนในสายนั้นจับมือถือไว้ ตะลึงนิดหน่อย จากนั้นส่ายหน้าหัวเราะอย่างขมขื่น พึมพำว่า “ลูกพี่ ต่อให้พี่ปลดเกษียณแล้ว ก็ยังคงไม่หยุดพัก”
ชิงเหนียนวางโทรศัพท์ลง กวาดตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ นิ้วมือพิมพ์ไปบนแป้นอย่างรวดเร็ว สูบซิการ์ทีหนึ่ง เขาแฮ็กเข้าด้านหลังของแพล็ตฟอร์มแจ้งเตือนบางอย่าง
พอกดปุ่มลงไป เขาก็มองซูเหลยและหลีชิงเยียนที่อยู่ในวงจรปิด ยิ้มแบบลึกลับ
“หญิงสาวที่โชคดีสองคนนี้ ใครกันที่ทำให้ลูกพี่ปกป้องนานขนาดนั้น……อื้อ ครั้งที่แล้วที่ให้ลูกพี่ลงมือให้บ่อน้ำมันสามแห่งมา ก็เป็นนายกของประเทศอังกฤษล่ะมั้ง?” ชิงเหนียนสูบซิการ์อยู่ เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง
“นายกของประเทศอังกฤษไม่ใช่ขอให้คุ้มครองแค่สองอาทิตย์เองเหรอ……และลูกพี่กลับยินยอมเป็นผู้ชายที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงทั้งชีวิต……ไม่รู้ว่าเขาทนไปได้ยังไง” ชิงเหนียนบ่นกับตนเองแล้วปิดคอมพิวเตอร์
ในห้องพักของโรงแรม เฉินเป่ยเปลี่ยนเสื้อเชิ้ตสะอาดตัวหนึ่ง เดินไปที่ริมหน้าต่าง เขามองทางภาพวิวยามค่ำที่เจริญรุ่งเรืองนอกหน้าต่าง ถอนหายใจนิดหน่อย
เขาจะเดาผลสุดท้ายไม่ได้อย่างไรกัน? เขาเดาออกแต่แรกแล้ว เพียงแค่มาถึงเยี่ยนจิง……เรื่องบางอย่างปิดซ่อนไม่ได้โดยธรรมชาติ ต้องมีสักวันที่หลีชิงเยียนจะพบเข้า
และตอนที่เธอรู้เข้า การปกป้องของเขาคงไร้ผล
ขณะเดียวกันเขามาถึงเยี่ยนจิงแล้ว อดีต กรรมที่เยี่ยนจิง ถึงเวลายุติลง