สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 275
บทที่275 บุคคลยิ่งใหญ่ทางทิศตะวันตก!
สีหน้าซูเหลยแปลกประหลาด หล่อนทำหน้าไม่พอใจ ถลึงตาใส่เฉินเป่ยแบบเย็นชา เดินตามหลีชิงเยียนเข้ามาในห้องของเฉินเป่ย
หลีชิงเยียนพึ่งเดินเข้ามาในห้องของเฉินเป่ยก็ขมวดคิ้วขึ้นแล้ว
ห้องของเฉินเป่ยรกรุงรังสุดจะทน สามารถพูดได้ว่าทนดูไม่ได้เลย
หลีชิงเยียนกวาดตาสังเกตห้องเฉินเป่ยรอบหนึ่ง จากนั้นโยนเสื้อผ้าสกปรกทิ้งไปสองสามตัว หาที่สะอาดหน่อยแล้วนั่งลงมา จากนั้นหัวเราะเยาะไป “นี่พึ่งมาถึงนานแค่ไหนกัน ฉันก็มองเห็นคอกหมาแล้วเหรอ? ฉันกลัวว่าผ่านไปอีกสักพักกลับมาดูจะกลายเป็นรังหนูซะแล้วสิ”
เผชิญหน้ากับการเสียดสีเหน็บแนมของหลีชิงเยียน เฉินเป่ยหัวเราะหึๆ ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างพูดผสมโรงตามมา “เฉินเป่ย ทำไมนายไม่ให้พนักงานเข้ามาทำความสะอาดล่ะ?”
เฉินเป่ยถลึงตาใส่ซูเหลย……ชั่วขณะนั้นอัดอั้นอยู่บ้าง…….แม่งเอ๊ย เธอยังมารังเกียจว่าสกปรกเหรอ? เมื่อคืนไม่รู้ว่าใครที่มานั่งคุยกับฉันในห้องจนถึงดึกดื่น
เฉินเป่ยถลึงตานี้ไป เป็นครั้งแรกที่ทำให้ซูเหลยย้ายสายตาไปอย่างหวาดผวา หันหน้าไปพูดกับหลีชิงเยียน “ประธานหลี ที่ห้องเขารกเกินไปแล้ว พวกเราเปลี่ยนที่กันเถอะ”
“ไม่ พูดในคอกหมานี่แหละ” เทียบกับคอกหมาที่รกรุงรังสุดจะทนอันนี้ หลีชิงเยียนที่ใส่กระโปรงยาวขาวสะอาด ขับรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอออกมา กระโปรงยาวสีขาวดุจหิมะ ไม่มีรอยเปื้อนสักนิดเดียว ซึ่งตรงกันข้ามกับที่นี่อย่างชัดเจน
เหมือนกับนางฟ้าที่ไม่มีรอยด่างพร้อยลงมาจากสวรรค์ ตกลงมายังสลัมที่สกปรกสุดจะทน และกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทั้งสองแตกต่างราวฟ้ากับดิน
หลีชิงเยียนชายตามองเฉินเป่ยทีหนึ่ง สอบถามว่า “นายคิดว่านายทำความสะอาดได้ดีกว่าพนักงานใช่มั้ย?”
คำพูดของหลีชิงเยียนมีความหมายเย้ยหยันนิดๆ คนโง่ต่างก็ฟังกันออก นี่คือการถากถางแบบกลายๆ
ส่วนเฉินเป่ยไม่ถือสาสักนิด ตบๆ รอยยับของเสื้อผ้าบนตัว รอยยิ้มมีการเอาใจ ยิ้มกริ่มตอบ “ประธานหลี นี่ไม่ใช่เพราะผมไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นนอกจากคุณเข้ามาในห้องของผมหรอกเหรอ”
น้ำเสียงเฉินเป่ยคลุมเครือ สายตาที่คลุมเครือนิดๆ และเร่าร้อนนั้นตกอยู่บนตัวของหลีชิงเยียน ทำให้หลีชิงเยียนนิ่งค้างไปเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นสีหน้าหนาวเย็นไม่น้อย
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด “นายอย่าหลงตัวเองเกินไปหน่อยเลย นายยังไม่คู่ควร”
“ใช่ๆๆ ชิงเยียน คุณพูดอะไรก็ถูกทั้งหมด” เฉินเป่ยยิ้มตอบ เริ่มเปลี่ยนไปเรียกว่าชิงเยียน
ส่วนหลีชิงเยียนจะฟังความหมายแฝงในนั้นไม่ออกได้อย่างไรกัน เธอถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างแรงทีหนึ่ง ไม่ได้ซักไซ้เรื่องเล็กแบบนี้อีกแล้ว
เธอย่อมไม่รู้ว่าเฉินเป่ยที่มีความลับติดตัวมากขนาดนั้น แม้ว่าซูเหลยจะใช้ความทุ่มเทมากขนาดนั้นก็รู้อะไรไม่มากเท่าไร เขาจะให้พนักงานเข้าห้องของตนเองได้อย่างไรกัน ถ้าเจอความลับเข้า…….นั่นคงยุ่งยากแน่
ความสกปรกสุดจะทนเป็นการปกปิด ปกปิดความลับของเฉินเป่ยถึงเป็นเรื่องจริง
“นายรู้รึเปล่าว่าพรุ่งนี้คือวันอะไร?” หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย
เฉินเป่ยไตร่ตรองครู่หนึ่ง เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา “รู้สิ วันครบรอบแต่งงานหนึ่งปีของพวกเรา”
“ไสหัวไป!” หน้าผากขาวเนียนของหลีชิงเยียนเส้นเลือดปูดขึ้น เจ้าหมอนี้ ไม่ซื่อตรงตลอดกาลเลย
“พรุ่งนี้จะเริ่มการต่อสู้งานพนันเพชรพลอยแล้ว” ซูเหลยที่ด้านข้างพูดขึ้น
“อ่อ?” เฉินเป่ยยักคิ้ว ดวงตาทั้งคู่ลุ่มลึกขึ้นมา
“ตอนแรกฉันไม่คิดจะให้นายมา และมีตัวเลือกอยู่แล้ว แต่พ่อฉันยังจะให้นายมา…….” คำพูดหลีชิงเยียนหยุดไป ก่อนจะถามว่า “บอกมานะ นายมีความมั่นใจแค่ไหนกัน?”
เฉินเป่ยมองทางหลีชิงเยียน คลำหาบุหรี่มวนหนึ่งออกมา หลังสูบแล้วก็ค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออกมา พูดจาด้วยสีหน้าจริงจัง “ชิงเยียน คุณเชื่อผมมั้ย?”
หลีชิงเยียนมึนงง เห็นท่าทางของเฉินเป่ยเคร่งขรึมขนาดนี้ จึงพยักหน้าแล้ว
“งั้นดี ผมมีความมั่นใจเต็มร้อย” เฉินเป่ยเอ่ยปาก
“หึ!”
ซูเหลยที่อยู่ข้างหลีชิงเยียนหัวเราะเสียง “หึ” ออกมากะทันหัน หล่อนกลั้นไม่อยู่จริงๆ
ส่วนหลีชิงเยียนจ้องเฉินเป่ยแน่น กัดฟันไว้ “นายแน่ใจ?”
“แน่นอน แต่ว่าก็แค่งานพนันเพชรพลอยงานหนึ่งเท่านั้นเอง มีร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่มีปัญหาหรอก” เฉินเป่ยโบกฝ่ามือใหญ่ ท่าทางผ่อนคลาย น้ำเสียงของเขานั่นเรียกว่าโอหัง คนทั่วไปยังทนฟังไม่ได้
เพราะท่าทางของเขานี้ ความจริงช่างกวนประสาทเหลือเกิน
“ได้ ถึงตอนนั้นนายโดนแตะออกมาเป็นคนแรก ต่อไปก็ไสหัวออกไปจากบ้านตลอดกาล!”
ในที่สุดหลีชิงเยียนก็ทนกับการโอ้อวดของเฉินเป่ยไม่ไหวแล้ว เธอรีบลุกขึ้นยืนทันที มองเฉินเป่ย แล้วพูดจาเย็นชา
ปีที่แล้วๆ มาปรมาจารย์ประเมินราคาอัญมณีที่ถนัดพนันเพชรพลอยเหล่านั้น ล้วนเป็นคนที่หลีชิงเยียนเชิญมา และพวกเขาเคยพูดกับหลีชิงเยียนด้วยตนเอง งานพนันเพชรพลอย ไม่ได้เป็นเพียงพนันเพชรพลอยธรรมดา จะรวบรวมบุคคลมีความสามารถพิเศษสารพัดมา ถึงแม้จะเป็นพวกเขา แต่สำหรับการเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอย ก็ยังไม่มีความมั่นใจเท่าไร
เดิมทีหลีชิงเยียนเพียงแค่อยากลองเชิงเฉินเป่ยนิดหน่อย รู้ดีว่าเขามีความสามารถแค่ไหน ถึงให้ตนเองได้เตรียมใจไว้
แต่ใครจะไปคิดว่าตอนที่เจ้าหมอนี้เคร่งขรึม น้ำเสียงยังใหญ่ขนาดนั้น…….สรุปเขาเข้าใจพนันเพชรพลอยหรือไม่?
เจ็ดส่วนพึ่งประสบการณ์ สามส่วนพึ่งดวง นี่คือพนันเพชรพลอย ใช้ดวงไปสามส่วนเต็มๆ
ถึงแม้คุณจะเป็นปรมาจารย์พนันเพชรพลอย ก็มักจะประสบกับสถานการณ์พลิกพลัน ดังนั้นสามส่วนนี้จึงไม่ใช่จำนวนน้อยนิดเลย เป็นจำนวนที่น่ากลัวมาก
ส่วนความมั่นใจของเฉินเป่ยมีตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างคาดไม่ถึง ตอนนี้ของเพียงเป็นคนต่างรู้ดีว่าเจ้าหมอนี้ เดิมทีไม่เข้าใจว่าอะไรคือพนันเพชรพลอยเลย
อย่าพูดถึงเข้าใจเลย เดาว่าไม่มีความรู้เบื้องต้นด้วยซ้ำ
ถึงหลีชิงเยียนจะไม่เข้าใจพนันเพชรพลอย แต่รู้จักปรมาจารย์พนันเพชรพลอยมามาก ย่อมรู้ประสบการณ์ช่องทางอยู่บ้าง น้ำเสียงของเจ้าหมอนี่ในเวลานี้ เหมือนปรมาจารย์พนันเพชรพลอยสักคนควรพูดออกมาที่ไหนกัน?
บนโลกนี้ ไม่มีปรมาจารย์พนันเพชรพลอยคนใดกล้ารับประกันพนันเพชรพลอยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือบอกสิ่งที่ตนเองคาดคะเนออกมา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขณะอยู่ในสถานที่ที่รวบรวมผู้มีความสามารถพิเศษแบบนี้แล้ว สิ่งที่ปรากฏขึ้นต้องเป็นความแปลกประหลาดมากมายแน่ ของเล่นที่ทำให้สิ่งมีชีวิตประหลาดที่ประสบการณ์โชกโชนเหล่านั้นล้วนมองไม่ออก
ในที่สุดหลีชิงเยียนก็อดทนมาถึงขีดจำกัด เธอถลึงดวงตาโหดร้ายใส่เฉินเป่ย หมุนตัว เดินบนรองเท้าส้นสูงตึกๆๆ เดินออกจากห้องเฉินเป่ยอย่างรีบร้อน จากนั้นเดินไปทางห้องตนเอง
หลังกลับถึงห้องของตนเอง หลีชิงเยียนทิ้งก้นนั่งลงมา ซูเหลยเทน้ำแก้วหนึ่งให้เธออย่างเอาใจใส่ ยื่นเข้าไป “ประธานหลี ใจเย็นๆ ค่ะ”
หลีชิงเยียนนิสัยเย็นชา แต่ครั้งนี้โมโหยกใหญ่แบบเห็นได้น้อยมาก ใบหน้าขาวเนียนงดงามเขียนความโกรธเคืองไว้เต็มหน้า กัดฟันบ่นกับตนเอง “ตอนแรกฉันพยายามสุดแรงต่อต้านเขาไม่ให้มาที่นี่ ที่จริงฉันเดาไม่ผิดเลย ไม่เข้าใจพนันเพชรพลอยสักนิดแต่ยังมาร่วมงานพนันเพชรพลอย นี่ไม่ใช่จะขายขี้หน้าไปทั้งบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเหรอ!”
หลีชิงเยียนกัดฟันแน่น เธอยิ่งคิดยิ่งโกรธ สุดท้ายล้วงมือถือออกมาแล้วโทรศัพท์หาหลีหยาง
แต่ไม่นานหลีชิงเยียนก็วางสายไปด้วยความโมโห ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างมองดูอยู่ หล่อนย่อมรู้ชัดเจนแน่นอน หลีชิงเยียนร้องเรียนหลีหยาง ย่อมถูกตีกลับทั้งหมด
ซูเหลยอดพูดปลอบใจไม่ได้ “ประธานหลีคะ ท่านประธานกรรมการหลีทำแบบนี้ จะต้องมีเหตุผลของเขาแน่ พวกเราไม่สู้เข้าใจเขาหน่อยดีกว่าเหรอ”
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด “ไม่ใช่เจ้าหมอนั้นประจบประแจงเป็นเหรอ ก็เลยเอาใจพ่อฉันสุดๆ!”
…………
เยี่ยนจิง ในบ้านที่สร้างล้อมรอบสี่ด้าน
หลีเช่าเทียนนั่งอยู่ในศาลาแห่งหนึ่ง ในมือลูบหมากสองตัวขาวดำ จ้องกระดานหมากอยู่ จมสู่ภายในความคิด
ผ่านไปนานมาก เขาถึงวางหมากสีดำลงอย่างยากลำบาก สาวใช้สองคนที่อยู่ด้านข้างต่างก็ไม่ขยับ……คุณชายตระกูลหลีนั้นเล่นหมากกับตัวเอง ความเคยชินงานอดิเรกอันนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องมานานมากแล้ว
ทันใดนั้นหลีเช่าเทียนเหมือนคิดอะไรได้ในใจ แวบหนึ่งถึงพึมพำขึ้น “น่าจะเกือบแล้วล่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ ……”
ในเวลานี้ เสียงหัวเราะที่ชัดเจนลอยมาจากที่หนึ่ง รบกวนความสงบของที่นี่แล้ว
หลีหงที่เส้นผมสีเทา แต่จิตใจกระฉับกระเฉงเป็นพิเศษ เดินเข้ามาจากด้านนอก พาผู้อาวุโสสองคนมาด้วย เดินไปที่ด้านข้างของหลีเช่าเทียน
“เช่าเทียน เล่นหมากกับตัวเอง ไม่น่าเบื่อเหรอ? ทำไมไม่หาคนมาเล่นหมากเป็นเพื่อนหลาน?” หลีหงมองทางเก้าอี้หินที่ว่างเปล่าตรงข้ามหลีเช่าเทียน หัวเราะฮาๆ พูดขึ้น
หลีเช่าเทียนวางหมากตัวหนึ่งลง เงยหน้ามองทางหลีหง ยิ้มนิ่งๆ “ฝีมือหมากในบ้านนี้ช่างแย่เหลือเกิน ไม่สู้แข่งกับตัวเอง”
ในแววตาหลีหงเผยการชื่นชมออกมา ก่อนจะพยักหน้า “วันหลัง ปู่จะไปหาอาจารย์ที่มีฝีมือเล่นหมากบางส่วนมาศึกษาแลกเปลี่ยนเป็นเพื่อนหลาน ช่วงนี้อารมณ์เป็นยังไงบ้าง?”
หลีเช่าเทียนหัวเราะแล้วบอกว่า “กำลังขัดเกลาไม่หยุด น่าจะใกล้สมบูรณ์แบบแล้วครับ”
หลีหงพยักๆ หน้า เขาให้หลีเช่าเทียนฝึกฝนนิสัยมาโดยตลอด ลืมความแค้นในอดีต แบบนี้ถึงจะสามารถรับช่วงวิชาต่อได้
ไม่อย่างนั้นจากนิสัยเมื่อก่อนของหลีเช่าเทียน เดิมทีคงไม่มีสิทธิ์กลายเป็นผู้สืบทอดของเขาได้ และตอนนี้หลีเช่าหงตายไปแล้ว เขาทำได้เพียงนำความหวังวางไว้ที่ความหวังหนึ่งเดียวของตระกูลหลีแล้ว
รุ่นหลังของตระกูลหลีมีไม่น้อย แต่มีเพียงหลีเช่าเทียนที่มีความหวังได้กลายเป็นผู้สืบทอด หากเปลี่ยนเป็นรุ่นเด็กเครือญาติคนอื่น อาจจะต้องโดนแสงอันรุ่งโรจน์ของหลีหงท่วมทับหมดแน่
ตอนนี้ดูแล้ว หลีเช่าเทียนฝึกจิตสมบูรณ์แบบมาก ทำให้เขาพอใจสุดๆ
“นี่ก็พอสมควรแล้ว การทดสอบของหลานเริ่มขึ้นแล้ว” หลีหงเอ่ยปากบอก
“สองท่านนี้คือปรมาจารย์ประเมินราคาอัญมณีชั้นยอดของหัวเซี่ย และเป็นตำนานในวงการพนันเพชรพลอย มีเขาอยู่ หลานต้องสามารถโด่งดังที่งานพนันเพชรพลอยได้แน่ นำเกียรติยศที่เป็นของหลานกลับคืนมา” หลังหลีหงพูดจบ หลีเช่าเทียนก็กวาดผู้อาวุโสสองท่านที่อยู่ด้านหลังหลีหง ผู้อาวุโสสองท่านนี้ไม่ว่าหน้าตาท่วงทีล้วนเหมือนกันอย่างมาก หลังรอให้หลีหงส่งผู้อาวุโสสองท่านไปเสร็จ ถึงบอกหลีเช่าเทียน
สองท่านนี้เป็นพี่น้องฝาแฝด ทั้งสองทำงานร่วมกัน อัตราความแม่นยำของประเมินราคาอัญมณีสามารถชี้ให้เห็นได้มากมาย
“เดิมทีสองท่านนี้ปลดเกษียณนานแล้ว ถึงแม้เป็นปู่ไปเชิญพวกเขามาก็ยังต้องใช้ฝีมือไปไม่น้อย” หลีหงพูดอย่างตรงไปตรงมา งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นเพียงงานชุมนุมของวงการพนันเพชรพลอย แต่เบื้องหลังกลับเชื่อมกลุ่มอิทธิพลต่างๆ นานา ยิ่งมีบุคคลยิ่งใหญ่มากมายมาด้วยตนเอง
“ที่หลานต้องทำคือเดินเข้าไปในสายตาของบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้ รับความรู้สึกดีของพวกเขา อนาคต ปู่จะพยุงหลานขึ้นตำแหน่ง หลานจะยิ่งมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น” หลีหงพูดไป เขาก็เริ่มคิดวางแผนอย่างระมัดระวังเพื่ออนาคตของหลีเช่าเทียน
“งานพนันเพชรพลอยงานหนึ่ง และมีปรมาจารย์สองท่านนั้นช่วยผม น่าจะไม่ยากมั้งครับ?” หลีเช่าเทียนยิ้มบอก
“ไม่” หลีหงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด “ระดับครั้งนี้ลึกมาก แม้แต่ทิศตะวันตกยังมีบุคคลยิ่งใหญ่แทรกแซงแล้ว…….”
“บุคคลยิ่งใหญ่ของทิศตะวันตก?” หลีเช่าเทียนสีหน้าแปลกใจ งานพนันเพชรพลอยของหัวเซี่ย ทิศตะวันตกก็จะเข้ามาแทรกแซงด้วยเหรอ?
หลีหงส่ายๆ หน้า “ดังนั้นครั้งนี้หลานจำเป็นต้องชนะ บุคคลยิ่งใหญ่ของทิศตะวันตกคนนั้นยุ่งยากมากๆ เลย”