สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 281
บทที่281 ทีมรื้อถอน
พอคิดดูแบบนี้ อารมณ์ภายในใจของหลีเช่าเทียนก็กลับคืนสู่ความสงบมาก เขามองทางเฉินเป่ย ในแววตาเป็นการขบคิดและความล้ำลึก
บนเวทีต่อสู้ สถานการณ์การต่อสู้ค่อยๆ รุนแรง
เจ้าสำนักเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว จ้องมองไปยังเฉินเป่ยด้วยแววตาหนาวเย็น ความสามารถที่ทระนงองอาจระเบิดขึ้น ทำให้ผู้คนหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“ฉันจะทำให้แกเป็นแบบมัน โดนฉันเหยียบไว้ใต้ตีน……” เสียงของเจ้าสำนักเผยความเย็นยะเยือก
ทันใดนั้น มุมปากของเฉินเป่ยวาดเส้นรัศมีวงกลมขึ้น มองทางเจ้าสำนัก สีหน้าเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “เหยียบไว้ใต้ตีน?”
แวบเดียว เฉินเป่ยก็เหยียดขาทั้งคู่ออก สีหน้าดุเดือด
จากนั้นภาพเงาของเฉินเป่ยกระโดดขึ้นสูง ทำให้ทั้งหมดร้องตกใจอย่างฉับพลัน
“น่าสนุก……” หลีเช่าเทียนมองทางภาพด้านหลังของเฉินเป่ย พูดเบาๆ
ในใจเจ้าสำนักสั่นสะเทือน เขาเงยหน้าขึ้น กลับเห็นเฉินเป่ยพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ท่าทางราวกับสายรุ้ง
“นี่…….” ดวงตาทั้งคู่ของเจ้าสำนักหดตัว ความเร็วของเฉินเป่ยระเบิดออกไวเหลือเกิน ทำให้รู้สึกตื่นตกใจกันไปหมด
หรือว่านี่ต่างหากที่เป็นความสามารถที่แท้จริงของเขา?
เจ้าสำนักยกแขนทั้งสองข้างขึ้น อยากจะต้านทานเอาไว้
“ตึง!”
เสียงหนึ่งดังขึ้น แขนทั้งคู่ของเจ้าสำนักมีเสียงดัง “แก๊ก” ที่ดังก้องกังวาน สีหน้าของเจ้าสำนักซีดขาวไปทันที
พลังมหาศาลอันน่าสยองขวัญยากจะจินตนาการกำลังระเบิดใส่แขนทั้งคู่ของเจ้าสำนัก จากบนลงล่าง กระแทกเจ้าสำนักเข้าไปที่พื้นอย่างรุนแรง
ฝุ่นควันคลุ้งกระจาย ผู้คนมากมายที่มุ่งดูกันโดยรอบต่างตกใจ ฮือฮาคึกคักกันไปทั่วทั้งสนาม
ที่พื้นปรากฏหลุมยุบขนาดใหญ่หนึ่งหลุม ร่างกายครึ่งหนึ่งของเจ้าสำนักจมเข้าไปในพื้น เสื้อผ้ายุ่งเหยิง กระเซอะกระเซิงสุดจะทน
“แค่กๆ …….” เจ้าสำนักไอสุดแรง สมองของเขามึนงงเหมือนโดนของหนักกระแทกเข้าแล้ว เวียนหน้าตาลาย เหมือนมีดาวขึ้นตรงหน้า
และหลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้น ชั่วขณะนั้นก็โกรธเคืองแล้ว
ที่แท้เท้าข้างหนึ่งของเฉินเป่ยเหยียบบนศีรษะของเขา ในปากคาบบุหรี่ มองเขาอยู่ด้วยสีหน้าสงบ
“สรุปเป็นใครเหยียบใครไว้ใต้ตีนกันแน่?”
อุณหภูมิอากาศทั้งลานกว้างเพิ่มขึ้นไม่ขาดสาย ผู้คนมากมายมองเฉินเป่ยแบบตาค้าง ทำเอาตกใจกันถึงที่สุดเลย
เฉินเป่ยช่างน่ากลัวเหลือเกิน คาดไม่ถึงสามารถกดเจ้าสำนักลงได้ดื้อๆ แถมยังเหยียบเขาไว้อีกด้วย
เจ้าสำนักร้องคำราม เขาอยากปล่อยหมัด แต่เขากลับพบว่ากระดูกแขนทั้งคู่ของตนเองหักไปตั้งนานแล้ว เดิมทีใช้ออกแรงไม่ไหว
ความเจ็บปวดทำให้หน้าผากของเขาเหงื่อตก เขากัดฟันไว้แน่น ฝืนกลั้นความเจ็บอยู่ แล้วมองเฉินเป่ย “แกหาที่ตาย……”
เจ้าสำนักยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้น เฉินเป่ยก็โค้งตัว ยื่นมือไปราวกับฟ้าแลบ
“ป๊าบ!”
เสียงระเบิดดังกังวานทีหนึ่ง บนหน้าของเจ้าสำนักมีรอยฝ่ามือสีแดงเลือดเพิ่มขึ้นมารอยหนึ่ง
สั่นสะเทือนไปทั้งลานกว้าง เพราะเสียงตบนี้ช่างดังเหลือเกิน ดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง ทำเอาผู้คนมากมายตกใจกันยกใหญ่
ผู้คนมากมายมองไปตามเสียงนั้น พอพวกเขามองไปก็เห็นแก้มข้างหนึ่งของเจ้าสำนักบวมแดง แก้มข้างหนึ่งแดงราวเลือดสด ดูขึ้นมาน่าขบขันอย่างยิ่ง
เจ้าสำนักมองทางเฉินเป่ย เขาโกรธเคืองจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ทว่าเขากลับทำได้เพียงโมโหแต่ไม่กล้าพูดอะไร
“ป๊าบ!”
ผู้คนยังไม่ทันได้สติกลับมาจากอาการตื่นตกใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดุเดือดดังขึ้นแบบไม่มีมูลอีกครั้ง
เห็นเพียงเฉินเป่ยสังเกตหน้าของเจ้าสำนักอย่างละเอียดอยู่ แก้มด้านขวาของเจ้าสำนักบวมขึ้นสูง เขาสังเกตดูไปด้วยพูดไปด้วย “อื้ม…….ข้างขวาเหมือนจะเตี้ยไปหน่อย…….”
“ป๊าบ……”
“ข้างซ้ายสูงเกินไป……”
“ป๊าบๆๆ …….”
เสียงตบหน้าดังไม่ขาดสายอยู่ที่ข้างหู ทั้งลานกว้างใกล้จะระเบิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายหายใจรีบเร่งกันขึ้นมา มองทางเฉินเป่ย สายตาเผยความนับถือและเลื่อมใสอย่างแรงกล้าออกมา
“เจ้าหนุ่มคนนี้ช่างเก่งกาจเหลือเกิน เจ้าสำนักอยู่ตรงหน้าเขา มีเพียงโดนเหยียบไว้ใต้ตีน”
“เป็นไปได้ยังไง…….เจ้าสำนักแพ้แล้ว? ทั้งหมดนี้เขาสู้ไปกี่ครั้งกัน ฉันไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม แค่เตะทีเดียว ก็เหยียบเจ้าสำนักไว้ใต้ตีนได้แล้ว!”
“ฉันรู้สึกว่าเขาให้กลิ่นอายที่คุ้นเคยมากอย่างหนึ่ง…….หรือว่าเขาจะเป็นทหารปลดประจำการเหรอ?” ผู้เฒ่าท่านหนึ่งมองทางเฉินเป่ยหลังตรงดิ่ง แววตาใสแจ๋วเปล่งประกาย เฉินเป่ยมอบความรู้สึกที่คุ้นเคยมากอย่างหนึ่งให้เขา ทำให้เขาที่แม้ว่าร่างกายจะหลังโก่ง แต่ทั่วทั้งตัวกลับแพร่กระจายความรู้สึกเด็ดเดี่ยวกล้าหาญแบบไม่เป็นที่สงสัย นั่นมีเพียงออร่าที่อยู่ในกระทรวงการป้องกันสงครามถึงฝึกฝนออกมาได้
ผู้เฒ่าพูดแบบนี้ ทำให้คนมากมายต่างใกล้จะบ้า………ทหารปลดประจำการ สายตาของผู้คนมากมายเพิ่มความหมายเคารพต่อเฉินเป่ยขึ้นอีกหลายระดับ
“ทำได้สวย ไอ้เจ้านี่สมควรโดนตีแรงๆ ครั้งก่อนยังเห็นมันทำลายเด็กสาวไปตั้งหลายคนด้วย!”
“ใช่ พวกเราทนมันมานานมากแล้ว ทำได้ดี!”
ในฝูงชน ไม่รู้เป็นใครที่ตะโกนขึ้นมาก่อนประโยคหนึ่ง ชั่วขณะนั้นจุดอารมณ์ฮึกเหิมของผู้คนมากมายขึ้น จากนั้นค่อยๆ ปลุกเร้าใจขึ้นมา
“เอะอะ” หลีเช่าเทียนไม่ได้โดนความฮึกเหิมกระสับกระส่ายในอากาศนั้นกระทบสักนิดเดียว เขามองทางเฉินเป่ย ทันใดนั้นพูดกับบอดี้การ์ดที่อยู่อีกข้าง “ความสามารถของเขาเป็นยังไง?”
“ทั่วไปครับ ขอเพียงเป็นทหารปลดประจำการจริง แค่สักคนมาก็จัดการเขาได้ครับ” บอดี้การ์ดด้านข้างตอบตามความเป็นจริง ที่เฉินเป่ยแสดงออกมาเมื่อสักครู่นี้เพียงแค่เล็กน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูเหมือนไม่ได้แข็งแกร่งอะไร
“หึๆ ……..ไม่ใช่แค่นี้เองเหรอ” หลีเช่าเทียนมองทางเฉินเป่ย สายตามีการขบคิด “ไม่หาเรื่องฉันก็พอ ถ้ากล้าหาเรื่องฉันอีก ที่นี่เป็นถิ่นของฉัน!”
หลีเช่าเทียนเอาหยกแข็งมาเล่นอยู่ในมือ พูดพึมพำ…….ที่นี่คือเยี่ยนจิง เป็นสถานที่ที่เขาเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ส่วนเฉินเป่ยมาเยี่ยนจิงกลับไม่มีที่พึ่งพา ในสายตาของหลีเช่าเทียน ถือว่าสวรรค์มอบโอกาสให้อย่างยิ่ง
ถ้าเฉินเป่ยยังกล้ากำเริบเสิบสานอย่างเมื่อก่อน…….เขาคงไม่พยายามอดกลั้นไว้อีก
“ฉันจะให้โอกาสแก้เป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษซะ” เฉินเป่ยมองทางเจ้าสำนัก เวลานี้สายตาของเขาเย็นลงมาแล้ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา
“รอฉันออกไปได้…….ฉันอัดแกไม่ตายจะไม่ยอมหยุดแน่” เจ้าสำนักพูดอย่างเดือดดาลออกไป
“ได้” เฉินเป่ยมองเจ้าสำนักอย่างล้ำลึก ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะแบบผิดปกติ ควักโทรศัพท์ออกมา
และตอนที่ควักโทรศัพท์นี้ออกมา หัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนอย่างประหลาด มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง
“เรียกทีมรื้อถอนเข้ามา รื้อตำแหน่งที่ฉันอยู่ออกซะ” เฉินเป่ยสั่งคนในสายนั้น
พอเจ้าสำนักได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย ก็งุนงงไปสักพักหนึ่ง หลังมีปฏิกิริยาเข้ามาก็หัวเราะเสียงดัง “รื้อสำนักฝึกวิทยายุทธของฉัน? แกถือว่าเป็นตัวอะไรกัน ยังคิดมารื้อสำนักฝึกวิทยายุทธ!”
เจ้าสำนักมองทางเฉินเป่ย “แกรู้มั้ยว่าใครเป็นคนที่คุ้มครองฉันอยู่ ไม่ออกไปถามดูหน่อยล่ะ ทั้งเยี่ยนจิง ไม่มีทีมรื้อถอนสักที่กล้ารื้อสำนักฝึกวิทยายุทธของฉัน”
เจ้าสำนักหัวเราะเยาะ นึกไม่ถึงสายตาที่เฉินเป่ยมองทางเจ้าสำนักเพิ่มความเสียดสีขึ้น
ผ่านไปไม่นาน ภายนอกสำนักฝึกวิทยายุทธ รถบรรทุกหลายคนขับเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ภายนอกสำนักฝึกวิทยายุทธนั้น เดิมทีมีฝูงคนเดินอยู่ไม่น้อย มองเห็นรถบรรทุกแต่ละคันนี้ ล้อมรอบเข้ามามากมายแล้ว
เพราะนี่คือขบวนรถรื้อถอนทั้งหมด
“ฉันไม่ฝึกได้มองผิดใช่มั้ย สำนักฝึกวิทยายุทธนี้จะโดนรื้อแล้วเหรอ?”
“เป็นไปได้ยังไง ได้ยินว่าเบื้องหลังเจ้าสำนักของสำนักฝึกวิทยายุทธไม่ธรรมดา สำนักฝึกวิทยายุทธจะโดนรื้อทิ้ง? ทีมรื้อถอนที่ไหน ถึงได้กล้ามากขนาดนั้น!”
“ครืนๆๆ”
รถดันดิน รถแบคโฮถูกขนย้ายวางลงมาจากรถบรรทุกแล้ว จากนั้นค่อยๆ เริ่มเดินเครื่อง เสียงดังปึงปังที่สะเทือนแก้วหู สั่นจนพื้นสะเทือนไปหมด
ไม่นาน มีบางคนในสำนักฝึกวิทยายุทธไม่นิ่งเฉยแล้ว เพราะเสียงโครมครามพวกนี้ช่างดังเหลือเกิน แม้แต่ภายในสำนักฝึกวิทยายุทธยังได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
“ฉันไม่ได้ฟังผิด นี่คือเสียงรถแบคโฮ!”
“ด้านนอกกำลังก่อสร้างเหรอ หรือว่าถนนพังแล้ว แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าเหมือนกำลังทำอะไรกับสำนักฝึกวิทยายุทธอยู่เลยล่ะ?”
ผู้คนมากมายค่อยๆ แสดงความเห็นขึ้นมา ในใจพวกเขามีความไม่สงบอย่างรุนแรง
ส่วนเจ้าสำนัก หลังได้ยินเสียงจากด้านนอก หน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน
“ไม่…….แกทำได้ยังไง…….แกทำไม่ได้!” เจ้าสำนักมองทางเฉินเป่ย ในที่สุดเขาก็สับสนแล้ว เขานึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะกล้าทำจริง
โดยเฉพาะใช้ขบวนรถรื้อถอนมาด้วย…….สีหน้าเจ้าสำนักตื่นตกใจ อย่างไรเสียเขาก็นึกไม่ออก โทรศัพท์สายนี้ ทำได้อย่างไร?
“สำนักฝึกวิทยายุทธนี้ของแกไม่มีความจำเป็นต้องมีตัวตนแล้ว” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ
“ไม่ ไม่ได้!” เจ้าสำนักตะโกนเสียงดุ
“ครืนๆๆ!”
ทันใดนั้น กำแพงของสำนักฝึกวิทยายุทธพังทลาย แสงแดดสีทองที่จ้าตาสาดส่องเข้ามาจากภายนอก ชั่วพริบตาเดียวทำให้หวาดหวั่นยกใหญ่
“ไม่!”
ภายใต้ความแตกตื่นของคนที่มุ่งดูนับไม่ถ้วน ต่างพากันพุ่งออกไปทางด้านนอก ส่วนเฉินเป่ยเก็บเท้ากลับมา เดินไปทางเด็กสาวมัธยมคนนั้น
“ออกไปเถอะ ไม่นานที่นี่ก็จะกลายเป็นซากปรักหักพัง” เฉินเป่ยพูดเตือนสติด้วยเสียงละมุน
เด็กสาวมัธยมปลายมองเฉินเป่ยด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจมาก กอดผู้ชายที่ผอมแห้งคนนั้นไว้ แบกเขาขึ้นแล้วเดินไปทางด้านนอก
“คุณชายหลีครับ พวกเราออกไปก่อนเถอะครับ ไม่นานที่นี่จะโดนรื้อถอนแล้ว…….ผมกลัวว่าคุณจะมีอันตรายครับ” เลขาฯ ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากอย่างกังวล
“รู้แล้ว” หลีเช่าเทียนพยักหน้า ลุกขึ้นเดินไปข้างนอกสำนักฝึกวิทยายุทธแล้ว
“ฉันจะให้แกต้องตาย!” เจ้าสำนักดิ้นรนปีนออกมาจากหลุมยุบ พุ่งเข้าไปทางเฉินเป่ย
เขารวบรวมพลังมากที่สุดของตนเองออกมา แต่ตอนที่เขากำลังอยากไปสัมผัสเฉินเป่ย ทันใดนั้นเฉินเป่ยก็หมุนตัวกลับมา เตะเท้ามาด้วยความดุเดือดว่องไว
“ปึง!”
เจ้าสำนักกระเด็นออกไป กระแทกบนกำแพงข้างหนึ่งของสำนักฝึกวิทยายุทธอย่างรุนแรง ในอากาศมีเลือดสดสาดกระเซ็น หลังจากเขากระแทกเข้ากำแพงไป หมดลมหายใจไปแต่แรก
ก่อนที่เขาจะตาย ยังเบิกตาโตค้างไว้ เหมือนตื่นตระหนกมาก ไม่อยากเชื่อว่าเฉินเป่ยจะมีพลังที่น่าสยองขวัญเช่นนี้
เพียงแค่เสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่เขาจะเผชิญความตายนั้น จึงสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของพลังเฉินเป่ย
ถ้าเขายังมีชีวิตรอด จะต้องเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ตนเองไม่ควรหาเรื่องเฉินเป่ยตั้งแต่แรก
เดาว่าคงเสียใจที่ทำลงไปอย่างยิ่ง
หน้าประตูสำนักฝึกวิทยายุทธ ฝุ่นควันตลบอบอวล ทุกที่กลายเป็นฝุ่นไปหมดเนื่องจากการรื้อถอนอาคารทิ้ง ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ส่วนฝูงชนทำได้เพียงดูอยู่ไกลๆ
ในเวลานี้ ภาพเงาคนหนึ่งที่ชัดบ้างเลือนรางบ้างปรากฏตัวขึ้นในฝุ่นควัน มือทั้งคู่ล้วงกระเป๋ากางเกง เดินออกมาจากด้านในอย่างเนิบช้า
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น คือเฉินเป่ย
“แค่กๆ” เฉินเป่ยปัดฝุ่นบนตัวออก
“ไปกันเถอะ” หลังหลีเช่าเทียนเห็นเฉินเป่ยเดินออกมาจากด้านในอย่างปลอดภัย ยกมุมปากนิดหน่อย จากนั้นหมุนตัวออกไป
เฉินเป่ยเงยหน้า เขามองเห็นภาพด้านหลังของหลีเช่าเทียน ดวงตาทั้งคู่แข็งกร้าว แววตาเผยความหนาวเย็นออกมา
ภาพด้านหลังคนคนนี้ เขาช่างคุ้นเหลือเกิน