สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 293
บทที่293 ราชาหลงมาได้อย่างไรกัน?
ภายในห้องที่หรูหราแห่งหนึ่ง ภาพเงาสองคนนั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้
พนักงานคนหนึ่งนำหนังสือที่มีภาพประกอบเล่มหนึ่งเข้ามาให้ ในนั้นคือผลลัพธ์ของวัยรุ่นชายด้านข้างคนนั้นที่สีหน้าซีดขาว ซึ่งทำออกมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
หนุ่มใหญ่ชาวตะวันตกพลิกดูหนังสือที่มีภาพประกอบ พยักหน้านิดหน่อยไม่ขาดสาย บอกว่า “ไม่เลวดี หินแร่สิบก้อน ได้หกเสียสี่”
วัยรุ่นชายที่ด้านข้างสีหน้าเรียบนิ่ง เพียงแต่อัตราส่วนนี้ ถ้าแพร่ออกไป คงทำให้วงการพนันเพชรพลอยของเยี่ยนจิงฮือฮาไม่น้อยอย่างเด็ดขาด
ได้กำไรหกส่วนขาดทุนสี่ส่วน……นี่เป็นอัตราส่วนที่เกินธรรมชาติมาก นักพนันเพชรพลอยรุ่นอาวุโสกว่ามากมาย ล้วนไม่แน่ว่าจะบรรลุอัตราส่วนนี้ของวัยรุ่นได้
วัยรุ่นชายเอ่ยปากด้วยภาษาต่างประเทศที่คล่องแคล่ว อยู่ในพื้นดินหัวเซี่ยแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าดูขัดกันอยู่บ้าง “การแสดงความสามารถวันนี้ไม่ได้ดีมาก ไม่อย่างนั้นผมคงทำถึงได้แปดเสียสองไปแล้ว”
น้ำเสียงของวัยรุ่นชายสงบเป็นพิเศษ เดิมทีไม่มีท่าทางโอ้อวดสักนิด นี่พออธิบายได้ว่าเขาไม่ได้ขี้โม้ไปเรื่อยเปื่อย เหมือนว่าเขากำลังพูดเรื่องเล็กๆ ที่ปกติธรรมดามากเรื่องหนึ่ง
“ใช้ได้แล้ว อย่าลืมนะ ลูกไม่ใช่คนหัวเซี่ย ลูกพึ่งมาสัมผัสการพนันเพชรพลอยสามเดือน” หนุ่มใหญ่ชาวตะวันตกปิดหนังสือประกอบภาพลง พลางบอกว่า “ตระกูลปราสาทของพวกเราที่สูงศักดิ์ สำหรับเกมที่ไร้สาระแบบนี้ ไม่ได้สนใจเสียเลย โดยเฉพาะนี่คือเกมที่คนหัวเซี่ยเล่น ส่วนพวกเรามีเลือดศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลผู้ดีไหลเวียนอยู่ ถูกลิขิตมาให้พวกเราต้องต่อสู้เพื่อปณิธานอันยิ่งใหญ่”
หลังหนุ่มใหญ่พูดจบ หยุดคำพูดนิดหน่อย จากนั้นเปลี่ยนหัวข้อ “แต่ลูกรู้รึเปล่าว่าทำไมพ่อถึงอนุญาตให้ลูกพนันเพชรพลอยที่นี่?”
วัยรุ่นชายสีหน้างงงวยขึ้นมาทันใด “ทำไมครับ?”
“เพราะที่นี่มีตำนานของราชาหลง” สายตาของหนุ่มใหญ่ล้ำลึกขึ้นมากะทันหัน “เคยมีตำนานอย่างหนึ่ง ฝีมือพนันเพชรพลอยของราชาหลงเยี่ยมยอดที่สุด ในการพนันเพชรพลอย เคยได้รับของต้องห้ามบางอย่าง”
“ของต้องห้าม?” วัยรุ่นชายคนนั้นสงสัยขึ้นมาแล้ว
หนุ่มใหญ่พยักหน้า “ไม่ผิด ความสามารถของราชาหลงไม่สามารถหยั่งได้ มีคำอธิบายอย่างหนึ่งคือของต้องห้ามนี้ สร้างราชาหลงขึ้นมาแล้ว!”
วัยรุ่นชายสีหน้าเปลี่ยน แสดงความตกใจออกมา “มีของที่เหนือธรรมชาติขนาดนี้จริงๆ เหรอ?”
หนุ่มชายพยักหน้าแล้ว “นี่เป็นเพียงตำนาน จริงหรือปลอม ใครจะรู้”
“งั้นทำไมพวกเรายังต้องไปหาอีกล่ะ?” วัยรุ่นชายคนนั้นยิ่งไม่เข้าใจ
“ลองดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย ถ้ามีของต้องห้ามแบบนี้จริง ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถทำให้พวกเรายิ่งเกรียงไกรขึ้นได้…….นี่ถึงเป็นเหตุผลที่พ่อให้ลูกมาพนันเพชรพลอยที่นี่” หนุ่มใหญ่มองทางวัยรุ่นชาย สายตาลุ่มลึกสงบ “ความรับผิดชอบที่ลูกแบกรับไว้บนตัวมันหนักมาก ครั้งนี้ลูกมาหัวเซี่ยเพื่อค้นหาร่องรอยที่ราชาหลงเคยเหลือไว้ และในช่วงเวลานี้ ลูกต้องเข้าสู่ห้องพนันระดับสูงที่สุดของที่นี่”
“ที่นี่ยังมีระดับสูงกว่าอีกเหรอ?” วัยรุ่นชายตกใจ เดิมเขาคิดว่าโซนพนันระดับสูงก็คือโซนระดับสูงสุดของงานพนันเพชรพลอยแล้ว
“แน่นอน โซนพนันระดับสูงและโซนพนันระดับทั่วไปไม่ถือว่าเป็นอะไรเลย ‘สุดยอดดาบสามเล่ม’ ของที่นี่ต่างหากถึงเป็นโอกาสที่จะทำให้ลูกได้เหนือกว่าคนอื่นอย่างแท้จริง และลูกจะได้สัมผัสกับหินแร่ชั้นสุดสูง ภายในงานพนันเพชรพลอยของครั้งนี้ มีเพียงมีหินแร่พวกนั้น ถึงจะมีโอกาสที่ไม่แน่นอนนิดๆ มีของต้องห้ามในตำนานอยู่” หนุ่มใหญ่พูดขึ้น
“พวกเรามีความขัดแย้งกับราชาหลงไม่น้อย ถ้าสามารถทำให้ตระกูลเราเกรียงไกร พวกเราตัดหัวราชาหลงมาได้ในวินาทีแรก ถึงตอนนั้นในโลกล้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว!” หนุ่มใหญ่บอกไป สีหน้าเย็นเฉียบทันใด
วัยรุ่นชายสั่นไปทั้งตัว จากบนตัวของหนุ่มใหญ่ เขารู้สึกถึงความหมายอาฆาตที่หนาวเย็น
“ราชาหลงแข็งแกร่งขนาดนี้…….จะได้จริงๆ เหรอ?” เสียงของวัยรุ่นชายสั่นเครือนิดๆ
“แน่นอน ในบรรดาผู้มีความทะเยอทะยานแต่ละด้านที่ต่างประเทศ มีเพียงราชาหลงที่ไม่มีอดีตใดๆ เลย นอกจากรู้ว่าเขาเป็นคนหัวเซี่ย ข้อมูลในอดีตอย่างอื่นว่างเปล่าไปหมด เหมือนเกิดมาอย่างไม่มีที่มา…….” สายตาหนุ่มใหญ่เผยการหวนรำลึก พูดความทรงจำ “ผู้ชายคนหนึ่งที่ปรากฏตัวอย่างไม่มีที่มา ความสามารถแกร่งจนน่ากลัว ความลับบนตัวมีมากเหลือเกิน ถ้าตำนานคือเรื่องจริง นั้นทุกอย่างล้วนอธิบายได้กระจ่างแล้ว”
วัยรุ่นชายจมสู่การครุ่นคิด……ราชาหลง…….ทำให้อิทธิพลต่างประเทศนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลระดับยอดสุด หรือว่าอิทธิพลกระจอกทั่วไป ตอนที่ได้ยินชื่อคำเรียกที่น่าเคารพซึ่งแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมไร้ขีดจำกัดนี้เข้า ต่างสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่
ราชาหลงเกรียงไกร เดิมทีไม่สามารถเอากฎเกณฑ์ทั่วไปมาตัดสินได้ หนุ่มใหญ่พูดไม่ผิด เกรงว่ามีเพียงใช้ตำนาน ถึงจะสามารถเข้าใจความสามารถที่ไม่อาจหยั่งถึงนั้นของเขา
“พ่อครับ พ่อเคยเจอราชาหลง…….รู้รึเปล่าว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง?” วัยรุ่นชายมองทางหนุ่มใหญ่ สายตามีความหวัง เขาอยากรู้อยากเห็นมาก บุคคลในเทพนิยายขนาดนี้ สรุปลักษณะเป็นอย่างไรกัน?
หนุ่มใหญ่สีหน้าอึมครึม ผ่านไปตั้งนานถึงส่ายๆ หน้า ตอบว่า “พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาช่างลึกลับเหลือเกิน ถึงแม้มีคนพวกนั้นตั้งใจอยากเก็บภาพใบหน้าของเขา แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มีเพียงรูปถ่ายในหนึ่ง ถ่ายภาพด้านหลังที่เลือนรางของเขาไว้…….”
“เป็นบุคคลที่ลึกลับขนาดนี้ ความสามารถก็แกร่งจนน่ากลัว……พวกเรา มีโอกาสจริงๆ เหรอครับ?” วัยรุ่นชายถามขึ้นหลังเงียบไปครู่หนึ่ง
หนุ่มใหญ่ไม่พูดอะไรแล้ว ถอนใจทีหนึ่ง ลูบๆ ศีรษะของวัยรุ่นชาย พูดแบบมีความจริงใจและมีความหมายแฝงลึกซึ้ง “ถึงแม้เขาจะยืนอยู่จุดยอดสุดของโลก ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่สามารถเห็นเขาเป็นเป้าหมายได้ ถึงแม้จะเป็นศัตรู พวกเราก็ต้องพยายามทำให้เต็มที่”
วัยรุ่นชายพยักหน้าแล้ว หนุ่มใหญ่ก็นึกถึงอะไรได้ขึ้นมา เอ่ยปากถาม “เมื่อกี้ลูกเจอคนหัวเซี่ยที่ทำให้ลูกเหมือนเคยรู้จัก?”
วัยรุ่นชายพยักหน้า หนุ่มใหญ่สีหน้าแปลกประหลาด แปลกใจ “แน่ใจมั้ย นี่ลูกพึ่งมาหัวเซี่ยเป็นครั้งแรก แม้ว่าอยู่ที่ต่างประเทศลูกก็ไม่เคยเจอคนหัวเซี่ยมากมายนัก”
วัยรุ่นชายส่ายหน้า “เขาให้ความรู้สึกที่พิเศษมากกับผม ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน”
หนุ่มใหญ่นิ่งเงียบสักพัก บอกว่า “ยังไม่ต้องสนเรื่องพวกนี้ พนันเพชรพลอยรอบต่อไปใกล้เริ่มแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ลูกต้องทำคือดึงดูดความสนใจของทางการ เข้าสู่การพนันเพชรพลอยระดับสูงสุดของที่นี่ สุดยอดดาบสามเล่ม”
“ครับ” วัยรุ่นชายรับปาก ส่วนหนุ่มใหญ่เดินไปที่ริมหน้าต่าง แววตาดุเดือด ทว่ายังคงแฝงด้วยความล้ำลึก
การตัดสินใจเลือกตอนแรกของเขาไม่ผิดจริงๆ มาที่หัวเซี่ย หัวเซี่ยก็มอบเซอร์ไพส์ใหญ่อย่างหนึ่งให้เขา……..ที่จริงราชาหลงยังทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่นี่ โดยเฉพาะบางทีทุกคนของที่นี่ล้วนไม่ได้สังเกตถึงผลกระทบของราชาหลง ทุกเวลาทุกนาทีมีผลกระทบต่อพวกเขาโดยไม่รู้ตัว
หนุ่มใหญ่แอบพูดในใจ เขาไม่เข้าใจ สรุปแล้วราชาหลงกับหัวเซี่ยมีอะไรเกี่ยวข้องกัน เทียบกับประเทศใหญ่โตมากมาย หัวเซี่ยยังคงอ่อนแอกว่าไม่น้อย แต่คาดไม่ถึงจะสามารถมีความสัมพันธ์ผูกพันกันแน่นกับผู้ชายที่ยืนอยู่ยอดสุดของโลกคนนั้นได้ และยังอธิบายไม่กระจ่างอีกด้วย
………….
หลังเฉินเป่ยกลับมาที่โซนพักผ่อน มองเห็นซูเหลยกำลังอ่านนิตยสารหนังสือเกี่ยวกับการพนันเพชรพลอยที่จัดวางไว้ตรงนี้ ส่วนหลีชิงเยียนกำลังคุยอย่างสนุกสนานกับผู้ชายคนหนึ่ง ดูเหมือนจะคุยจนอึกเหิมมาก
เฉินเป่ยเบ้ๆ ปาก……..ชั่วขณะนั้นในใจเกิดความรู้สึกหึง……ตนเองไม่ใช่ออกไปไม่กี่นาทีสั้นๆ เองเหรอ ก็มีผู้ชายที่เจ้าชู้เหลาะแหละเข้ามาคุยเสียแล้ว
และพอเฉินเป่ยเดินเข้าใกล้ ถึงมองใบหน้าคนนั้นชัดเจน เขาช่างคุ้นเคยเหลือเกิน คือนายพลท่านนั้นที่เมื่อสักครู่คุยกันอย่างดีกับหลีชิงเยียนในห้องพนัน
เฉินเป่ยถอนหายใจยาวๆ ทีหนึ่ง ชั่วขณะนั้นสีหน้าดูแย่สุดๆ
แต่เฉินเป่ยยังคงฉีกรอยยิ้มออกมานิดๆ ขยับไปใกล้ หัวเราะกระอักกระอ่วนพลางพูดว่า “โอ๊ะ บังเอิญจริง อยู่กันหมดเลย?”
นายพลรูปร่างสูงใหญ่มีกำลัง ราวกับต้นสนที่ตระหง่าน ชุดสูทตัวนี้ที่สวมอยู่บนตัวเขา สะอาด สง่าผ่าเผย
ในขณะเดียวกันสูทที่เฉินเป่ยใส่นั้น ยังมองตรงๆ ไม่ได้เลย คล้ายว่าสูทที่อยู่บนตัวของเฉินเป่ยนั้นเป็นของที่ขโมยมา
ทั้งสองคนแตกต่างตรงกันข้ามอย่างชัดเจน แม้แต่หลีชิงเยียนยังหดดวงตาลงเล็กน้อย เผยความโกรธเคืองนิดๆ ออกมา
นายพลท่านนั้นกวาดตามองเฉินเป่ย ในแววตาเผยความหมายเหยียดหยามอ่อนๆ ออกมา
แม้กระทั่งเฉินเป่ยยังไม่เข้าตาเขาเลย ในสายตาของเขา แม้แต่คู่แข่งของตนเองเฉินเป่ยก็ไม่คู่ควรเป็น
“ขอโทษด้วยค่ะ” หลีชิงเยียนยิ้ม ขอโทษกับนายพลท่านนี้อย่างมีมารยาท จากนั้นลากเฉินเป่ยไปที่ด้านหนึ่ง สอบถามอย่างหงุดหงิด “นายมาทำอะไร ฉันให้นายเข้ามาเหรอ?”
เฉินเป่ยงงงวย “ประธานหลี ผมไม่รู้ว่าคุณไม่อยากให้ผมเข้ามานี่?”
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด พูดเตือน “ฉันขอเตือนนาย นายพลท่านนี้มาจากเยี่ยนจิง เป็นคนที่นายผิดใจไม่ได้เด็ดขาด ถ้านายกล้าล่วงเกินเขา พวกเราทั้งบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปต้องจบเห่แน่!”
“รู้ว่าเขาไม่ธรรมดา หรือว่าคุณไม่ใช่เล่นกับไฟอยู่เหรอ?” เฉินเป่ยนำมือของหลีชิงเยียนออกไป จ้องหลีชิงเยียนแบบมีความหมายลึกซึ้ง
“ฉันรู้จักบันยะบันยัง ไม่ต้องให้นายเป็นห่วง” หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด เชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งยโส
“นี่คือลูกน้องของคุณเหรอ?” ในเวลานี้ มีคนร่างสูงใหญ่เดินก้าวยาวๆ มาทางหลีชิงเยียนกับเฉินเป่ยตรงนี้
“ใช่ค่ะ” หลีชิงเยียนนึกไม่ถึงว่านายพลท่านนี้จะเข้ามา รีบพยักหน้าให้นายพลไป พูดจาเสียงเล็ก
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนอย่างอิจฉาร้าย น้ำเสียงของหลีชิงเยียนเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ถ้าอยู่ที่ประเทศตี้กั๋ว นั่นถือว่ามีพรสวรรค์ของนักแสดงพากย์เสียงชั้นยอดได้เลย
ส่วนหลีชิงเยียนเห็นนายพลท่านนี้เดินเข้ามากะทันหัน ในใจเกิดความกังวลไม่สบายนิดๆ
เธอจำได้ เฉินเป่ยกับนายพลท่านนี้เคยขัดแย้งกัน เธอไม่อยากให้ระหว่างเฉินเป่ยกับนายพลท่านนี้เกิดการกระทบกระทั่งอะไร
นายพลเดินมาถึงตรงหน้าของหลีชิงเยียนและเฉินเป่ย สายตาหนึ่งยิงออกมาจากในดวงตาทั้งคู่ของเขา ตกอยู่บนตัวของเฉินเป่ย หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างรับรู้ได้อย่างชัดเจน สิ่งที่แฝงในสายตานั้นเต็มไปด้วยความกดดันที่อัดแน่นและความหนาวเย็นน่าเกรงขามที่ไม่ง่ายจะยั่วยุ
นั่นเป็นสายตาที่มีเพียงผู้อยู่ตำแหน่งสูงมานานถึงสามารถสร้างได้ เพียงสายตาเดียวพอจะทำให้คนสีหน้าเปลี่ยนได้
หลีชิงเยียนกัดริมฝีปากแดงไว้ เธอยืนอยู่ด้านข้างเฉินเป่ย ย่อมได้รับแรงกดดันที่ราวกับจะทำให้คนหยุดหายใจนี้อย่างไม่อาจเลี่ยงได้
แต่เธอย่อมไม่เดินออกไป เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาโดยตลอด
ทันใดนั้นในสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันคู่นี้ เฉินเป่ยเงยหน้า พยุงหลีชิงเยียนที่ร่างกายโงนเงนเอาไว้ ยิ้มให้นายพลท่านนี้อย่างเอาอกเอาใจ เหมือนกำลังแสดงท่าทีที่เตรียมพร้อมรับใช้
แวบเดียวสายตานี้ก็หายไป นายพลท่านนี้มองเฉินเป่ยอย่างเมินเฉย พูดว่า “ฉันจำนายได้ ต่อไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ตั้งใจเป็นคนใช้ก็พอแล้ว อย่าอยากมาเป็นคางคกที่กินเนื้อหงส์ ยังมาขี้โม้หน้าตาเฉยอยู่ในที่แบบนี้อีก”
นายพลท่านนั้นพูดจาสั่งสอนคนที่มีความหมายลึกซึ้งระดับหนึ่ง ทั้งยังมีความหมายเหน็บแนมด้วย
“คางคกกินเนื้อหงส์ หมายความว่าอะไร?” เฉินเป่ยถามด้วยหน้าตาฉงน
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้าง ฟังเฉินเป่ยถามปัญหา ในใจบีบแน่น มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง
“หมายความว่าอะไร นายก็ดีอยู่แก่ใจ!” นายพลท่านนั้นพูดอยู่ บนตัวมีลักษณะพลังนิดๆ ระบายออกมา ทำให้หลีชิงเยียนหนังศีรษะชา
เพียงแค่ลักษณะพลังนิดๆ ก็ทำให้หลีชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย นั่นคือลักษณะพลังมีเอกลักษณ์ที่เป็นทหารจิตใจเด็ดเดี่ยวมาหลายปีถึงมีได้ พอจะสั่นสะเทือนบุคคลยิ่งใหญ่มากมายในงานได้
และเวลานี้ ลักษณะพลังนั้นกำลังกดเข้ามาทางเฉินเป่ยอย่างรุนแรงเต็มที่