สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 296
บทที่296 ใครให้ความกล้านายมา?
แขกผู้มีเกียรติในห้องแต่ละคนล้วนเป็นการดำรงอยู่ของบุคคลผู้เจนโลก ไม่มียกเว้นสักคน
ตอนที่เฉินเป่ยพูดประโยคนี้ออกมา ชั่วขณะนั้นทำให้แขกผู้มีเกียรติไม่น้อยสีหน้าเปลี่ยนนิดหน่อย จากนั้นจมสู่การครุ่นคิดกันแล้ว
ส่วนสายตาที่มองทางเฉินเป่ย ยังมีความหมายยั่วเย้าเหน็บแนมเพิ่มขึ้นไม่น้อย
แม้แต่สีหน้าของหลีชิงเยียนและชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน สีหน้าหลีชิงเยียนแปลกใจ แต่ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาว สีหน้ายิ่งหนาวเย็นขึ้น ราวกับน้ำค้างแข็ง ในแววตายังมีความหมายโกรธเคืองที่โดนเหยียดหยามกำลังก่อหวอดขึ้นเต็มไปหมด
หลีชิงเยียนประหลาดใจ คาดไม่ถึงเฉินเป่ยยังคิดว่าหินที่ประมูลในห้องพนันแห่งนี้จะมีแบบที่ไม่มีอะไรทั้งนั้น…….หินแบบนี้เพียงจะปรากฏอยู่ที่โซนพนันระดับต่ำด้านนอก
หินที่มีคุณสมบัติเข้ามาประมูลในโซนพนันระดับสูง น้อยบ้างมากบ้างด้านในล้วนมีหยกอยู่บ้าง เพียงแค่คุณภาพแตกต่างกันออกไป
ส่วนหินที่ไม่มีหยกสักนิดเดียว และว่างเปล่าหมด ก่อนหน้าที่งานพนันเพชรพลอยเริ่มต้น ถูกคัดเลือกออกไปรอบหนึ่งแล้ว ทั้งหมดจะวางไว้ประมูลที่โซนพนันระดับต่ำ
และเฉินเป่ยพูดประโยคนี้หมายความว่าอะไร? ไม่เพียงเหน็บแนมต่องานพนันเพชรพลอย ยังเสียดสีชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวอยู่กลายๆ ด้วย
สีหน้าชายหนุ่มเสื้อคลุมขาวดูแย่ลงมา พูดเสียงหนาวเหน็บ น้ำเสียงมีการสอบถามนิดๆ “นายหมายความว่า หินที่ผ่านการประเมินค่าของฉัน และจ่ายไปเจ็ดล้านซื้อมา เป็นหินธรรมดาๆ ก้อนหนึ่ง?”
ในสายตาที่กังวลร้อนใจของหลีชิงเยียน เฉินเป่ยพยักหน้า สงบอย่างมาก “ประมาณนั้น ก็หมายความอย่างนี้”
“หึ นายคิดว่านายเป็นใคร กล้ามาสงสัยสายตาของฉัน!” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวสังเกตเฉินเป่ยไปแวบหนึ่ง พูดถากถางอย่างเหยียดหยาม
สีหน้าเฉินเป่ยเรียบเฉย กวาดสายตามองผู้คน ยักไหล่ บอกว่า “ตามใจพวกคุณ พวกคุณอยากตัดก็ตัด?”
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวหัวเราะหึๆ เสียงหัวเราะยิ่งเย็นยะเยือกผิดปกติ ทำให้คนขนพองสยองขวัญ ไม่มีบุคลิกที่สุภาพเรียบร้อยแบบก่อนหน้านี้
เหมือนว่าคำพูดประโยคนี้ของเฉินเป่ย แทงเข้าโดนแผลในใจของชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวเข้า ขยายด้านมืดมนในใจของเขาให้ใหญ่ขึ้น
“ฉันในฐานะตระกูลการพนันเพชรพลอยที่เก่าแก่ที่สุด สืบทอดเทคนิคการพนันเพชรพลอยที่แม่นยำเกรียงไกรที่สุด……..หินที่ผ่านมือฉัน เกือบจะไม่มีที่ผิดพลาดใดๆ ตอนนี้นายบอกกับฉันว่าหินที่มีหยกจักรพรรดิชั้นยอดอยู่ภายในก้อนนี้เป็นของปลอม?” ชายเสื้อคลุมสีขาวหัวเราะเยาะ “ฉันอวี้ย้งเซวียนเคยเจอคนที่ไร้ยางอายขนาดนี้อย่างนายเป็นครั้งแรก”
“เพื่อลดระดับฉัน ทำลายชื่อเสียงของฉัน นายก็ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลจริงๆ” อวี้ย้งเซวียนมองทางเฉินเป่ย สีหน้าหนาวเย็น หัวเราะเยาะฮาๆ
อวี้ย้งเซวียนพึ่งพูดจบไป ทันใดนั้น “อวี้ย้งเซวียน……คาดไม่ถึงเขาคืออวี้ย้งเซวียน?” ชั่วขณะนั้นแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งสีหน้าเปลี่ยน ในปากบ่นพึมพำวกวน เหมือนนึกถึงเรื่องใหญ่ไม่คาดฝันอะไรขึ้นได้
และแขกผู้มีเกียรติมากมายค่อยๆ ถกเถียงขึ้นมา คนแซ่อวี้ อยู่ที่หัวเซี่ยพบเจอได้ยากที่สุดแล้ว
ส่วนที่หัวเซี่ยมีตระกูลที่พิเศษบางส่วน ครอบครัวตระกูลอวี้ยังมีตัวตนอยู่ และตามที่อวี้ย้งเซวียนพูดขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ที่ว่าเขาอยู่ใน……ตระกูลเก่าแก่ที่เพียงมีตัวตนอยู่ในตำนาน…..พวกเขาครอบครองมรดกการพนันเพชรพลอยที่เก่าแก่ที่สุดไว้…….แต่พวกนี้ล้วนเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่มีหลักฐานบันทึก ผู้คนพากันพูดเกรียวกราว มีไม่เท่าไรที่เชื่อยังมีครอบครัวแบบนี้ดำรงอยู่แล้ว งานพนันเพชรพลอยหลายครั้งก่อนก็ไม่เคยเห็นลูกหลานของตระกูลแบบนี้มาเข้าร่วม
แต่ปีนี้ อวี้ย้งเซวียนคนนี้……หรือจะเป็นลูกหลานของตระกูลเก่าแก่นั้นจริงๆ เหรอ?
แขกผู้มีเกียรติแต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไปหลายรอบ กลับเป็นพิธีกรคนนั้น หลังผู้อาวุโสได้ยินอวี้ย้งเซวียน มือที่กุมไมโครโฟนไว้สั่นอย่างแรง ทั่วทั้งตัวเริ่มสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นขึ้นมา
“ตระกูลอวี้ ความสามารถของการพนันเพชรพลอยลึกลับซับซ้อน มหัศจรรย์อย่างยิ่ง แม้กระทั่งปัจจุบันเครื่องมือวิทยาศาสตร์มากมายก็ไม่มีทางสำรวจในความดั้งเดิมมีอะไรออกมาได้ และตระกูลอวี้ ตระกูลที่ครอบครองมรดกเก่าแก่ สามารถวินิจฉัยของจริงของปลอมออกมาได้อย่างสบาย ในงานพนันเพชรพลอยนี้ แสนยานุภาพเกรียงไกร สามารถเรียกได้ว่าไร้ศัตรู!” พิธีกรท่านนี้พูดทอดถอนใจ
ส่วนได้ยินข้อเถียงของคนโดยรอบ และการตอบสนองของพิธีกรที่ฮึกเหิมจนใกล้บ้าคลั่ง อวี้ย้งเซวียนทำเสียงฮึดฮัด มองเฉินเป่ยแบบอยู่เหนือกว่า เอ่ยปากชัดถ้อยชัดคำ “นายจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน?”
เฉินเป่ยมองอวี้ย้งเซวียนแวบหนึ่ง สีหน้าเรียบนิ่ง “ทำไมฉันต้องแข่งกับนาย เดิมทีที่ฉันพูดก็ถูกต้องแล้ว”
“พวกฉันลูกหลานตระกูลอวี้ สามารถโดนดูถูกเหยียดหยามได้ แต่กล้าสงสัยเทคนิคพนันเพชรพลอยของฉัน นั่นถือว่าเป็นปรปักษ์กับทั้งตระกูลของพวกฉัน เป็นการเหยียบย่ำฉันมากที่สุด” อวี้ย้งเซวียนกุมหมัดทั้งคู่แน่น มองเฉินเป่ยอยู่ สีหน้าเย็นชา “ใครให้ความกล้านายมา ถึงรู้สึกว่าตัวเองถูกแน่นอน?”
การเย้ยหยันในสายตาของอวี้ย้งเซวียนถึงขั้นสุดแล้ว เขามองเฉินเป่ยอยู่ รอยยิ้มยิ่งมีการถากถาง เหมือนเขาเตรียมดูเฉินเป่ยปล่อยไก่ออกมา
เฉินเป่ยเบ้ปาก ตอบกลับประโยคหนึ่งอย่างไร้ยางอายมาก “ยังเป็นใครได้อีก ก็ฟิชลองน่ะสิ” (ฟิชลองมีเพลงหนึ่งชื่อ ‘ความกล้า’)
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างกอดหน้าอกไว้ ขมวดคิ้วแน่น เธอมองเฉินเป่ยอย่างโมโห เฉินเป่ยทำแผนการของเธอเสียหาย
ตอนนี้เฉินเป่ยยังทำให้ความสัมพันธ์กับอวี้ย้งเซวียนแย่ลงฉับพลันอีก ทำให้หลีชิงเยียนลังเลดิ้นรนมาก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะดี?
อวี้ย้งเซวียนมองเฉินเป่ย หัวเราะเหยียดหยาม พูดเสียงเบา “นักเลงข้างถนน”
ในสายตาของเขา พวกอันธพาลมั่วซั่วแบบเฉินเป่ยนี้ ทั่วทั้งตัวมีกลิ่นอายของพวกชั้นต่ำ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกดีเลิศขึ้นมาเองอย่างไม่รู้ตัว สายตาเปลี่ยนไปดูถูกขึ้นมา
“ถ้าไม่ใช่หยกจักรพรรดิชั้นยอด งั้นหินสองก้อนที่ฉันประมูลไป นายเลือกไปได้ตามสบายก้อนหนึ่ง” อวี้ย้งเซวียนเอ่ยปากอย่างทระนงองอาจ เห็นได้ชัดว่ามีความมั่นใจในตนเองที่สุด “ถ้าไม่อย่างนั้นฉันเอามือนายข้างหนึ่ง”
เสียงอวี้ย้งเซวียนดุเดือดเย็นเฉียบขึ้นมาทันใด
เฉินเป่ยเบ้ปากแล้วเอ่ยปากนิ่งๆ “ตามใจนาย”
“เข้ามา ตัดลงไป” อวี้ย้งเซวียนจ้องเฉินเป่ยอย่างเย็นชา เอ่ยปากเรียบๆ
ไม่นานผู้เชี่ยวชาญการตัดถือเครื่องตัดไว้ตนเองเดินไปตรงหน้าหินแล้ว ภายใต้คำสั่งของอวี้ย้งเซวียน ตัดลงไปด้วยความระมัดระวัง โดยทั่วไปเรียกว่าเปิดช่องฟ้า
อวี้ย้งเซวียนสีหน้าผ่อนคลาย เขามีความมั่นใจในตนเองเหลือเกิน เขามีเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่แน่ใจว่าด้านในนี้เป็นหยกจักรพรรดิ
มรดกเก่าแก่ที่เขาเรียนมาย่อมมีประโยชน์
ส่วนเฉินเป่ยนิ่งเฉย กอดหน้าอกไว้ แคะหูอยู่ไม่ขาดสาย เหมือนไม่ได้สนใจว่ามือของตนเองจะเสียไปหรือไม่โดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะถ้าพนันแพ้แล้ว อวี้ย้งเซวียนเพียงแค่เสียเงิน ส่วนเฉินเป่ยก็สูญเสียมือไป
ซูเหลยและหลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างมองเฉินเป่ย หลีชิงเยียนกำลังแอบเป็นห่วงเฉินเป่ย ส่วนซูเหลยก็จ้องเฉินเป่ยแบบแฝงความหมายลึกซึ้ง
หล่อนมีสติกว่ามากเมื่อเทียบกับหลีชิงเยียน ในฐานะผู้ที่ดูเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ด้านข้างมา หล่อนแค่รู้สึกว่าเหมือนมีความมั่นใจว่าจะชนะ ซึ่งไม่รู้ว่าเอามาจากที่ไหน
ในห้องพนันเงียบกริบ แม้แต่เสียงลมหายใจก็ไม่ดัง เบาจนคล้ายว่าโดนที่ว่างในอากาศเงียบสงบกลืนหาย
แขกผู้มีเกียรติแต่ละท่านล้วนสังเกตสถานการณ์แบบนี้อยู่เงียบๆ รอคอยผลลัพธ์ปรากฏ
ถึงแม้ผลลัพธ์ยังไม่ออกมา แต่ก็มีแขกผู้มีเกียรติไม่น้อย ในสายตาที่มองทางเฉินเป่ยนั้นมีความหนาวเหน็บเสียดสีเพิ่มขึ้นมา
ในสายตาของพวกเขา ย่อมยินยอมเชื่ออวี้ย้งเซวียนที่มาจากตระกูลการพนันเพชรพลอย เฉินเป่ย? พวกกระจอกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายชั้นต่ำ จะได้รับความเชื่อมั่นของพวกเขาได้อย่างไร