สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 300
บทที่300 เทพเจ้าแห่งสงครามของเยี่ยนจิงในอดีต!
อากาศสงบยิ่งขึ้น บางเบา ยังสามารถสังเกตได้ถึงความเคร่งขรึมนิดๆ
ที่ว่างเงียบกริบ บรรยากาศอัดอั้นตันใจอย่างน่าประหลาดใจ จางเป่าเฉิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าเปลี่ยนนิดหน่อย พูดกับหลีชิงเยียนเสียงต่ำ “ผมไม่เคยเจอเขาท่าทางอย่างนี้มาก่อนเลย รู้สึก……น่ากลัวมาก”
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น เธอกดความกลัวในใจลง ก้าวเท้าออกมา เอ่ยปากบอก “เขาเป็นลูกน้องของฉัน หากเขามีอะไรตรงไหนที่ทำไม่ถูก เป็นฉันอบรมไม่ดี…….”
หลีชิงเยียนยังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นเสียงที่ดุเดือดหนาวเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้น “หุบปาก!”
ในใจของหลีชิงเยียนสั่นโดยจิตใต้สำนึก ดวงตาตื่นตระหนก เธอโดนนายพลขัดจังหวะแล้ว
เธอยังอยากช่วยเฉินเป่ยอธิบายอะไรบ้าง เพราะใครก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น หลีชิงเยียนเป็นห่วงเฉินเป่ย……โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายพลท่านนี้เป็นนายพลระดับสูงที่มาจากกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง ไม่ใช่นายทหารธรรมดา
ส่วนจางเป่าเฉิงดึงแขนของหลีชิงเยียนไว้ ส่ายๆ หน้าให้เธอ ให้เธอไม่ต้องพูดอะไร
ดวงตาหลีชิงเยียนสาดส่องไปทางเฉินเป่ย เธอทั้งโกรธทั้งกังวล
ส่วนเฉินเป่ยยืนอยู่ที่นั่น เหมือนไม่ได้รู้สึกถึงความกังวลและการบีบคั้นของนายพลสักนิดเดียว
“ฉันถามนายอยู่นะ” นายพลเห็นเฉินเป่ยไม่สนใจตนเอง ความหนาวเย็นในแววตายิ่งล้ำลึกขึ้น
เฉินเป่ยชายตามองเขาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นถามกลับ “นี่ ฉันว่า……ฉันติดเงินนายรึไง?” เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมา ถามอย่างเรียบเฉย
นายพลส่ายหน้าแล้ว
เฉินเป่ยถามต่อไปอีก “งั้นฉันมีความแค้นอะไรกับนายรึไง?”
นายพลตะลึงนิดหน่อย ส่ายหน้าอีกครั้ง
“งั้นนายแม่งจ้องฉันอยู่ กัดฉันไม่ปล่อย นายแม่งจะเอายังไง? เชี้ย!” เฉินเป่ยหมดความอดทน ด่ากราดใส่นายพลยกใหญ่
ซู่!
ทั้งหมดในเหตุการณ์ หลีชิงเยียน จางเป่าเฉิง……แม้แต่ซูเหลย ล้วนงงไปหมด
เฉินเป่ย นี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ? เขารู้หรือเปล่าว่าที่เขาด่าเป็นใครกัน……….นี่คือนายพลระดับสูงของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง…….เป็นบุคคลใหญ่สุดของเมืองหลวง ที่เยี่ยนจิง มีใครที่กล้า……เสียมารยาทเช่นนี้ต่อเขา? นี่เป็นพวกอยู่ดีไม่ว่าดีอยากหาที่ตายชัดๆ
“หยุดพูด ท่านนี้คือพลเอกหลี่ของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง ห้ามเสียมารยาท!” ในที่สุดหลีชิงเยียนอัดอั้นตันใจจนไม่ไหว พูดเตือนสติด้วยเสียงร้อนรน
เฉินเป่ยสังเกตดูพลเอกหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตนเองแวบหนึ่ง จากนั้นทำหน้าไม่เชื่อ ผ่านไปสักพักหนึ่ง ถึงหัวเราะแบบอึดอัดพูดว่า “อ่อ เป็นพลเอกหลี่หรอกเหรอ…ถึงว่าพอเจอหน้าก็รู้สึกถึงกลิ่นอายชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่บนตัวของพลเอกหลี่……”
จางเป่าเฉิงและหลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างต่างใกล้แข็งเป็นหินแล้ว……มุมปากของหลีชิงเยียนเป็นตะคริวอย่างแรง……กลิ่นอายชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่…….สรุปเขากำลังชม หรือกำลังด่าคนกันแน่?
ส่วนพลเอกหลี่ที่เงียบนิ่งไม่พูดจา สายตาเผยความลุ่มลึกที่ไร้ขีดจำกัดและความสงสัยที่น่าประหลาด……..ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ บุคลิกกลับเหมือนเขาในเวลานั้น…เพียงแค่ตอนนั้น ตนเองยังเป็นนายทหารทั่วไปที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรนายหนึ่ง ส่วนเขาเป็นถึงเทพเจ้าแห่งสงครามที่ไร้ศัตรูไปตั้งนานแล้ว……ต่อให้ตะลุยไปทั้งเยี่ยนจิง ก็ไม่มีใครจัดการได้
เพียงแต่เขาในตอนนั้น กับพวกต่ำต้อยตรงหน้าคนนี้…….ช่างต่างกันเหลือเกิน บุคคลลำดับหนึ่งของเยี่ยนจิง ซึ่งน่ายกย่องในโลกปัจจุบันนี้…ส่วนคนต่ำต้อยที่อยู่ด้านหน้าคนนี้ ไม่ใช่แค่ผู้ชายแต่งเข้าบ้านผู้หญิงกระจอกคนหนึ่งเองเหรอ ผู้ชายแต่งเข้าบ้านที่เกาะผู้หญิงกินเท่านั้น
สองคนที่บุคลิกคล้ายกันนี้ กลับมีสถานะที่แตกต่างราวฟ้ากับเหว คนหนึ่ง อยู่สูงเหนือมวลชนยิ่งใหญ่เกรียงไกร…อีกคนหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับสวะในสายตาของพลเอกหลี่
“ที่แบกทุ่มลงท่านั้นเมื่อกี้นี้ สรุปใครเป็นคนสอนนาย เขาอยู่ที่ไหน?” พลเอกหลี่ค่อยๆ เอ่ยปาก น้ำเสียงเผยความล้ำลึก สายตานั้นราวกับสามารถมองทะลุเฉินเป่ยได้
“ไม่รู้สิ ใช้ออกมาจากจิตใต้สำนึก” เฉินเป่ยทำหน้างงงวย
“จิตใต้สำนึก?” ดวงตาพลเอกหลี่หดตัว น้ำเสียงเพิ่มความจริงจังขึ้นฉับพลัน เอ่ยปากด้วยเสียงดุ “อย่า…หลอกฉัน”
“ฉันจะหลอกนายทำไมกัน?” เฉินเป่ยทำหน้านิ่งเฉย เบ้ๆ ปาก
พลเอกหลี่จ้องมองเฉินเป่ยตั้งนาน เอ่ยปากทันใด “นี่เป็นความลับของกระทรวงการป้องกันสงครามของพวกฉัน นายใช้ออกมาจากจิตใต้สำนึก…คำพูดนี้ นายเชื่อ?”
พลเอกหลี่พูดแบบนี้ออกมา ชั่วขณะนั้นทำให้ซูเหลยและหลีชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยน ร่างกายอ่อนช้อยของหลีชิงเยียนสั่นอย่างแรง สายตาที่มองทางเฉินเป่ยอย่างซับซ้อนฉับพลัน มหัศจรรย์ใจขึ้นมา
ส่วนซูเหลยมองทางเฉินเป่ย ในแววตาประกายแสงที่แปลกประหลาด ไม่รู้กำลังคิดอะไรบ้าง
“ความลับของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง?” หลีชิงเยียนพูดกับตนเองวนไปมา มองทางเฉินเป่ย เธอดูเข้าใจอะไรแล้ว
พลเอกหลี่จ้องมองเฉินเป่ยอยู่ นี่ไม่เพียงเป็นความลับของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง……..การแบกขึ้นแล้วทุ่มลงที่อานุภาพสยองขวัญท่านี้ เป็นท่าทางที่ผ่านการปรับปรุงใหม่มาจากทีมรบพิเศษของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง
มวยจูนถี่ของทีมรบพิเศษ เป็นมวยจูนถี่ที่เหนือกว่าของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง…….ลือกันว่ามวยจูนถี่ของทีมรบพิเศษ ผ่านการปรับปรุงใหม่มาจากเทพเจ้าแห่งสงครามที่ไร้ศัตรูท่านนั้น แต่ละท่าทางอานุภาพน่าสยองขวัญ
นี่คือความลับของทีมรบพิเศษ มีเพียงสมาชิกของทีมรบพิเศษถึงครอบครองมวยจูนถี่ที่ผ่านการปรับปรุงชุดนี้มา
ดังนั้นซูเหลยที่อยู่ด้านข้างมองเฉินเป่ย ในแววตาประกายแสงรุ่งโรจน์ที่น่าประหลาดใจ สายตาของหล่อนผิดปกติ อย่างไรเสียหล่อนก็นึกไม่ถึง…เฉินเป่ยสามารถใช้มวยจูนถี่ในตำนานนั้นออกมาได้
ซูเหลยมองทางเฉินเป่ย แววตาร้อนแผดเผา ชั่วขณะนั้นในใจหล่อนเกิดความคิดที่กล้าหาญขึ้น…….เฉินเป่ยกุมท่าแบกขึ้นยกทุ่มที่เป็นฉบับของทีมรบพิเศษปรับปรุงใหม่ไว้…งั้นเขาจะเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมรบพิเศษหรือเปล่า?
แต่ความคิดนี้พึ่งโผล่ขึ้น ไม่นานซูเหลยก็ลบความคิดนี้ทิ้ง เพราะหล่อนจำสมาชิกทีมรบพิเศษได้มากมาย ไม่ว่าปลดประจำการหรือว่าพลีชีพ…ล้วนไม่มีการดำรงอยู่ของเฉินเป่ย
งั้นเขากุมไว้ได้อย่างไร?
ไม่เพียงแค่นี้ หลีชิงเยียนก็มีความคิดแบบนี้เหมือนซูเหลยเช่นกัน ดวงตาของหลีชิงเยียนจ้องเฉินเป่ยแน่น ดวงตาเธอมีความซับซ้อนก่อหวอดขึ้น……เจ้าหมอนี่ คาดไม่ถึงสามารถผูกสัมพันธ์กับกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิงได้?
สรุปเขายังมีความลับอีกมากเท่าไรที่ตนเองยังไม่รู้?
“ก็แค่แบกขึ้นทุ่มลงกากๆ กลายเป็นความลับของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิงได้…งั้นสิ่งที่ฉันทำเป็นยังมีอีกเยอะเลยล่ะ” เฉินเป่ยคาบบุหรี่ สีหน้าผ่อนคลายขึ้นมา พูดคำนี้ออกมา มีกลิ่นอายที่เล่นแง่แบบไร้ขอบเขต ตอบพลเอกหลี่อย่างเอ้อระเหยลอยชายขนาดนี้
พลเอกหลี่จ้องมองเฉินเป่ย ตอนมองเห็นการกระทำที่คุ้นเคยนี้ ในใจของพลเอกหลี่…อดเต้นรัวไม่ได้ การกระทำนี้เขาช่างคุ้นเคยเหลือเกิน วินาทีนั้น ภาพเงาของเฉินเป่ยราวกับทับซ้อนภาพเงาท่านนั้นในอดีต…ในแววตาพลเอกหลี่มีความล้ำลึกไร้ขีดจำกัดก่อหวอดรวมกัน…ความทรงจำของหลายปีก่อนค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ตอนนั้นพลเอกหลี่ยังคงเป็นนายทหารธรรมดาคนหนึ่ง เคยเห็นเทพเจ้าแห่งสงครามผู้ไร้ศัตรูในตำนานท่านนั้นที่งดงามแวบหนึ่ง
ตอนนั้นผู้ที่ได้สนทนากับเทพเจ้าแห่งสงครามท่านนั้นเป็นผู้นำของเมืองหลวง บุคคลระดับสูงสุดที่น่าเกรงกลัว เมื่อหลายปีก่อนนั้นพลเอกหลี่มองเห็นเขาก็เกิดความคิดสยบสมยอมออกมาโดยจิตใต้สำนึก…และภาพเงาท่านนั้นกลับเอามือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงไว้อย่างนิ่งเฉยสง่า คาบบุหรี่ไว้ ผ่อนคลายมาก แม้กระทั่งยังมีเล่นแง่นิดๆ
พอมองแวบนั้น ทำให้พลเอกหลี่ยากจะลืมชั่วชีวิต ถึงแม้ผ่านมาหลายปี จนเขากลายเป็นนายพลระดับสูงแล้ว และมีตำแหน่งของตนเองในกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิงแล้ว กลับยังคงลืมฉากนั้นที่ที่ทำให้คนตื่นตระหนกไม่ลง
พลเอกหลี่มองเฉินเป่ย เสียงเรียบง่ายมีพลังและจริงจัง “วันนี้ถ้านายไม่บอกเหตุผลออกมา งั้นก็ตามฉันไปแล้วกัน”
“พลเอกหลี่!” หลีชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยน ตะโกนเสียงร้อนใจ
แต่พลเอกหลี่กลับยื่นมือ ลักษณะพลังที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามปกคลุมพื้นที่นี้ไปทั่วทั้งหมด ร่างกายหลีชิงเยียนสั่นเทา ราวกับรู้สึกถึงการปราบปรามของพลังยิ่งใหญ่
มองเห็นฉากนี้ ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยหดลง ความล้ำลึกหนาวเย็นไม่ที่สิ้นสุดเกาะตัวกัน…เขามองทางพลเอกหลี่ สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย
เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออก พูดอย่างเมินเฉย “พลเอกหลี่ นี่คือเรื่องระหว่างนายกับฉัน ทำไมต้องยุ่งยากคนอื่น?”
พลเอกหลี่ยกมุมปากขึ้นนิดหน่อย สีหน้าเย็นยะเยือกดุร้าย “ฉันอยากยุ่งยากคนอื่น นายจะทำอะไรฉันได้?”
คำพูดพลเอกหลี่พึ่งจบ กุมหมัดทั้งคู่ โจมตีเข้าไปทางใบหน้าของเฉินเป่ย
ที่ว่างในอากาศสั่นสะเทือน ความเร็วหมัดนี้ของพลเอกหลี่ไวเหลือเกิน มีเสียงคำรามปรากฏขึ้นด้วย
“ไม่!” หลีชิงเยียนมองเห็นฉากนี้ แทบหยุดหายใจ
“มวยจูนถี่!”
ซูเหลยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน สีหน้าตื่นตระหนก
สายตาหล่อนจ้องที่พลเอกหลี่แน่น ในสายตาเต็มไปด้วยความซับซ้อนอึ้งทึ่ง ในใจเกิดความรู้สึกปั่นป่วนยักษ์ใหญ่ขึ้น
นี่คือมวยจูนถี่ได้มาตรฐาน ทั้งยังผ่านการปรับปรุงใหม่ของทีมรบพิเศษด้วย…แต่ถูกพลเอกหลี่ใช้ออกมา คาดไม่ถึงใช้ได้อานุภาพใหญ่ขนาดนี้ น่าสยองขวัญเช่นนี้
ต่อให้ซูเหลยตรวจสอบตนเอง หล่อนก็ไม่มีทางปล่อยหมัดที่อานุภาพสยองขวัญเช่นนี้ออกมาได้
สายตาของซูเหลยหดอย่างแรง อานุภาพของหมัดนี้ยากจะจินตนาการ แต่โจมตีจนพวกแผ่นไม้จนทะลุได้ ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ส่วนหมัดนี้ของพลเอกหลี่ คาดไม่ถึงโจมตีไปทางด้านหน้าของเฉินเป่ย ซูเหลยอยากไปช่วยเฉินเป่ยไว้ แต่สายไปเสียแล้ว
แต่แวบเดียว ตอนที่ทุกคนกังวลหวาดกลัวแทนเฉินเป่ย เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ ค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออกมาทีหนึ่ง
เขามองทางพลเอกหลี่ ในสายตาเหลือเพียงการเยาะเย้ยหยอกเย้า
“เหยดแม่ง ไม่พูดไม่จาก็ลงมือเลย ต่อสู้เป็นแล้วเหนือกว่ามากรึไง” เฉินเป่ยด่ายกใหญ่ จากนั้นปล่อยหมัดหนึ่งออกมาแบบด่าไปด้วย
“ตึง!”
หมัดทั้งสองปะทะกัน การระเบิดไร้รูปร่างกระจายบึ้มไปโดยรอบ มีเสียงกระดูกแตกที่กังวานดังก้องอยู่ในอากาศ
หลีชิงเยียนกัดริมฝีปากแดงไว้ กัดจนหนังริมฝีปากใกล้จะแตกแล้ว……ดวงตาของเธอจ้องมองเฉินเป่ยอยู่ ความกังวลเต็มเปี่ยม…นั่นเป็นนายพลระดับสูงของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิงเลยนะ…ผู้นำทางทหารแบบนี้ เฉินเป่ยจะต่อสู้ได้อย่างไร?
นี่เขาไม่ใช่กำลังหาที่ตายเหรอ ช่างไม่รู้จักเจียมตัวเลย
การระเบิดปกคลุมกระจายไปทั่ว พริบตาเดียวทำเอาผมยาวของหลีชิงเยียนปกคลุมหน้า และตอนที่หลีชิงเยียนแหวกผมยาวที่บังสายตาออก ชั่วขณะนั้นตะลึงค้างแล้ว
พลเอกหลีเซถอยหลังไปยี่สิบกว่าก้าว…ส่วนเฉินเป่ยยืนอยู่ที่นั่นอย่างนิ่งเฉย ไม่มีถอยหลังสักครึ่งก้าว