สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 302
บทที่302 เขาเป็นระดับในตำนาน
“ฮู้……”
พลเอกหลี่ถอนหายใจออกอย่างหนักหน่วง แช่อยู่ในถังน้ำแข็งมาครึ่งชั่วโมงเต็มๆ ความเจ็บปวดที่สุดจะทนได้นั้นถึงค่อยๆ หยุดลง
“เอ๋อตงเฉิน……” พลเอกหลี่กล่าวถึงเฉินเป่ยขึ้นตามที่หลีชิงเยียนเคยพูดกับเขา แววตาล้ำลึกยังแอบมีความหวาดหวั่นนิดๆ
ไม่มีใครคิดว่าในฐานะนายพลระดับสูงของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง มีวันหนึ่ง จะกลัวอันธพาลที่เอ้อระเหยลอยชายคนหนึ่งได้
พลเอกหลี่ยิ่งนึกไม่ถึงว่ามวยจูนถี่ที่เพิ่มการต้านทานของตนเองหมัดนั้น คาดไม่ถึงยังสู้หมัดหนึ่งที่แสนธรรมดาของเขาไม่ได้
ถากถางมากแค่ไหน? ร่างกายของเขาผ่านการฝึกฝนมาอย่างมากที่สุด ยังคงไม่ต้อยกว่าเอ๋อตงเฉินคนนี้
เอ๋อตงเฉินคนนี้มีที่มาอย่างไรกัน พลังถึงมากขนาดนี้ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ถึงตอนนี้พลเอกหลี่ก็ยังไม่เข้าใจ เพียงแค่หมัดเดียว แต่กำลังมหาศาลของเอ๋อตงเฉินหมัดนั้น เกือบทำแขนของเขาฉีกขาดแล้ว
นั่นเป็นแค่หมัดเดียวเท่านั้น คาดไม่ถึงจะก่อให้เกิดผลกระทบภายหลังที่สยดสยองขนาดนี้ เอ๋อตงเฉินทำได้อย่างไรกัน?
พลเอกหลี่จมสู่การครุ่นคิด ทันใดนั้นเขาสั่นไปทั้งตัว ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แววตาเผยความตื่นตระหนกที่ไม่คาดฝันออกมา
“นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด…” พลเอกหลี่มองที่แขนขวาของตนเองแวบหนึ่ง ภายในสมองเกิดข้อสรุปที่น่ามหัศจรรย์ใจขึ้นมา
หมัดของเอ๋อตงเฉินมีแรงสั่นสะเทือนที่ทรงพลังมากอย่างคาดไม่ถึง…กระตุ้นความสั่นไหวในร่างกายของเขาแล้ว…นี่คือพลังการสั่นพ้อง นี่เป็นเพียงสิ่งที่มีตัวตนอยู่ในตำนาน ที่พลิกแพลงใช้พลังไปถึงขั้นในตำนาน
ในตำนานมีเพียงพลิกแพลงใช้การควบคุมของพลัง ละเอียดอ่อนและประณีตถึงขั้นที่ยอดเยี่ยมล้ำเลิศที่สุด…ถึงจะถูกเรียกว่าเป็นการสั่นพ้อง
หมัดของการสั่นพ้อง พลังน่าสยองขวัญเช่นนี้
พลเอกหลี่ถึงเข้าใจ…หมัดเมื่อสักครู่ของเฉินเป่ยธรรมดาหยาบกระด้างที่ไหนกัน…นี่แฝงด้วยการสั่นพ้องอย่างชัดเจน เทียบกับมวยจูนถี่แล้วไม่รู้ว่าแกร่งกว่าไปถึงไหนต่อไหนกัน
“คาดไม่ถึงเขาเป็นการสั่นพ้องด้วย…เขาเป็นใครกันแน่!” พลเอกหลี่พึมพำ แม้แต่การสั่นพ้องยังควบคุมได้…เป็นแค่คนธรรมดาเหรอ? เมื่อสักครู่ ถ้าเฉินเป่ยอยากฆ่าเขา ยังง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
และเฉินเป่ยไม่ได้ทำแบบนั้น…นี่พลเอกหลี่ถึงเข้าใจ…หมัดนี้ของเฉินเป่ยเป็นเพียงการแจ้งเตือนกับเขา
พลเอกหลี่กำลังคิดจนลืมความเจ็บปวดหนาวเหน็บที่เสียดกระดูกในถังน้ำแข็งไปโดยสิ้นเชิง หน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดออกมา เขาโชคดีอย่างยิ่งที่หนีรอดมาได้ แต่นี่เป็นเฉินเป่ยจงใจปล่อยเขาไป
ตอนนี้เขาสรุปเลยได้ไหม ถ้าเมื่อสักครู่เฉินเป่ยไม่อยากให้เขาไป เขาคงหนีไม่รอดอย่างแน่นอน
ในฐานะนายพลระดับสูงของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง เขามีประสบการณ์ความรู้มากมาย แต่การสั่นพ้องที่หายสาบสูญไปแล้ว เขากลับเห็นเป็นครั้งแรก จะไม่กลัวได้อย่างไร?
สามารถทำให้แขนขวาของตนเองเกือบถูกพลังหนึ่งฉีกขาดเสียหายลง ผ่านมานานขนาดนี้ยังไม่ดีขึ้นมาสักครึ่งหนึ่ง……นอกจากการสั่นพ้องแล้ว ยังมีอธิบายอะไรได้อีก?
เวลานี้พลเอกหลี่นำแขนที่แช่อยู่ในถังน้ำแข็งออกมาแล้ว หลังเช็ดให้แห้ง จึงต่อสายโทรศัพท์หมายเลขหนึ่ง
เขาเดินไปที่ริมหน้าต่าง น้ำเสียงเฉียบขาด ไม่ได้เป็นที่สงสัยใดๆ “นี่คือคำสั่งของฉัน ให้ทีมรบพิเศษทีมเอรีบเคลื่อนไหวทันที ตำแหน่งเป้าหมาย โรงแรมของฉัน”
พลเอกหลี่วางสายโทรศัพท์ นั่งลงบนโซฟาหนังแท้ ถอนหายใจยาวๆ ทีหนึ่ง เหมือนว่าแบบนี้ถึงสามารถทำให้เขารู้สึกปลอดภัยเพิ่มขึ้นได้บ้าง
…………
“ปึง!”
เสียงกระแทกที่กังวานดังขึ้น แก้วชาโบนไชน่าชั้นเยี่ยมใบหนึ่งหล่นลงบนพื้น แก้วชาแตกละเอียดเป็นเสี่ยงหลายชิ้น
แก้วชาโบนไชน่าใบนี้ ถ้าจางเป่าเฉิงหรือหลีชิงเยียนอยู่ที่นี่ มองเห็นเข้าคงปวดใจอย่างยิ่งเป็นแน่
แก้วชาโบนไชน่าใบนี้ราคาหลายแสน ถือว่าของล้ำค่าชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว ผลปรากฏว่ากลับถูกขว้างลงบนพื้นไปตามใจชอบแบบนี้
ในห้องพักระดับสูง อวี้ย้งเซวียนนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เก็บมือที่โยนแก้วชากลับมา
ลูกน้องสองคนยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ก้มหน้าลงลึกมาก รู้สึกถึงบนตัวเขาแพร่กระจายออร่าที่หนาวเหน็บออกมา ท่าทางสั่นเทา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสักนิดเดียว
พวกเราสั่นกันไปทั้งตัว หลังได้ยินแก้วชาโบนไชน่าใบนั้นแตกละเอียด ยิ่งสั่นสะท้านไปทั้งตัว คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังพรึบพรับ
“สวะ!”
อวี้ย้งเซวียนสบถออกมาสีหน้าหนาวเย็น ความโกรธแค้นของเขายากจะหายไป
“คุณชายอวี้ครับ เป็นผมที่บกพร่องในหน้าที่เองครับ โดนผู้มีฝีมือดีคนหนึ่งจู่โจมเข้าแล้ว” ลูกน้องคนหนึ่งในนั้นพูดเสียงสั่น
อวี้ย้งเซวียนกัดฟันแน่น คำพูดแต่ละประโยคลอดจากร่องฟันออกมา พูดว่า “ฉันเห็นว่าพวกนายสองคนความสามารถยอดเยี่ยม ดังนั้นถึงส่งพวกนายสองคนไป แม้แต่คนกระจอกข้างถนน พวกนายสองคนยังจัดการไม่ได้กันเลย! พวกสวะ ไม่เอาไหน!”
อวี้ย้งเซวียนโมโหอย่างยิ่ง ท่วงทีที่เรียบนิ่งของเขาถูกความแค้นเคืองเข้าแทนที่
“คุณชายครับ เวลานี้เอาแต่โทษพวกเขาทั้งหมดไม่ได้ พวกเขาฝีมือไม่ธรรมดา ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาตื่นตัวยังสามารถจู่โจมได้ด้วยเสียงที่แผ่วเบามาก อธิบายว่าข้างกายคนเหล่านั้นน่าจะยังต้องมีคนฝีมือดีที่แกร่งกว่าพวกเขาอยู่”
ที่โซฟาด้านข้าง ในที่สุดผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ก็เอ่ยปากขึ้น เขานั่งอยู่บนโซฟา หากไม่เอ่ยปาก คงทำให้คนเพิกเฉยต่อการมีตัวตนของเขาได้ง่ายมาก
ถึงแม้เขาจะนั่งอยู่ตรงนั้น แต่ความรู้สึกมีตัวตนกลับต่ำถึงขั้นสุด
ผู้อาวุโสเอ่ยปากเสียงแหบแห้ง ลูกน้องสองคนมองทางผู้อาวุโส ชั่วขณะนั้นสีหน้าเปลี่ยน เผยสีหน้าที่เคารพนอบน้อมและซาบซึ้งใจออกมา
อวี้ย้งเซวียนก็เคารพต่อผู้อาวุโสอย่างมากเช่นกัน “ท่านผู้อาวุโส งั้นเรื่องนี้ท่านคิดว่าควรทำยังไงดี?”
ผู้อาวุโสถอนใจ “ช่างเถอะ ฉันจะไปดูสักหน่อยแล้วกัน”
อวี้ย้งเซวียนสีหน้าดีใจ เอ่ยปากอย่างเคารพ “งั้นไหว้วานท่านผู้อาวุโสแล้วนะ จะต้องจัดการพวกมันทิ้ง แย่งหินหยาบสองก้อนนั้นกลับมาให้ได้”
ท่านผู้อาวุโสพยักหน้า หลังเดินออกจากห้อง อวี้ย้งเซวียนสายตาเป็นประกาย หัวเราะเยาะทีหนึ่ง เผยรอยยิ้มที่ดุร้ายออกมา พูดพึมพำ “ฉันจะดูว่าครั้งนี้หญิงร้ายชายเลวอย่างพวกแกจะทำยังไงกัน!”
อวี้ย้งเซวียนเดินไปที่ริมหน้าต่าง เส้นขอบฟ้าด้านนอกหน้าต่าง ก้อนเมฆผืนใหญ่ถูกแสงสายันต์สีแดงปกคลุม เมฆแต่ละก้อนแดงโร่งดงามอย่างยิ่ง กลายเป็นความงามรุ่งโรจน์ ทิวทัศน์สวยสด
ผ่านไปจนเข้าใกล้ยามตะวันตกอย่างไม่รู้ตัว แววตาอวี้ย้งเซวียนล้ำลึก มุมปากฉีกเส้นรัศมีวงกลมที่ผิดปกติขึ้น พูดกับตนเอง “คืนนี้น่าจะมองเห็นพระจันทร์สีเลือดได้มั้ง?”
พระจันทร์สีเลือด สีเลือดแบบนั้น…ต้องใช้เลือดสดชำระล้าง
…………
ช่วงยามค่ำ ในโรงแรมแสงไฟสว่างไสว บนถนนด้านนอกของโรงแรม รถวิ่งขวักไขว่สวนกันไม่ขาดสาย รถยนต์แต่ละคันราวกับภาพลวงตา พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว แล่นผ่านไป
ในห้องพัก ที่ห้องน้ำ มีภาพสาวงามที่หุ่นเรียวเล็กกำลังอาบน้ำอยู่ กระจกใสทั้งสี่ด้านถูกไอน้ำสีขาวที่ลอยวนในอากาศปกคลุม มองผ่านกระจกทั้งสี่ด้านนี้ไปอย่างเลือนราง สามารถเห็นภาพสาวงามสมบูรณ์แบบอย่างชัดบ้างเลือนรางบ้างได้
ถ้าเฉินเป่ยอยู่ที่นี่ มองเห็นฉากนี้เข้า ลูกตาคงหลุดออกมาอย่างแน่นอน ทั้งตัวคงตื่นเต้นฮึกเหิม
นี่คือหลีชิงเยียนกำลังอาบน้ำอยู่ล่ะ มองผ่านหมอกไอน้ำสีขาวไป สามารถมองเห็นฉากที่ทำให้คนเลือดกำเดาทะลักได้
ไม่นานเสียงน้ำหยุดลงทันใด ผ่านไปไม่เท่าไร ประตูกระจกเปิดออก หลีชิงเยียนใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเดินออกมาจากด้านใน เธอหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมยาวที่เปียกชื้นอยู่ หยดน้ำใหญ่ๆ กลิ้งหล่นลงจากผมยาวที่ดำสลวย จากแผ่นหลังไหลลงไปตลอดทาง……
หลีชิงเยียนพึ่งเช็ดเรียบร้อย จากนั้นต่อสายไปที่หมายเลขโทรศัพท์หนึ่ง
“ฮัลโหล ชิงเยียน?” โทรศัพท์สายนั้น เสียงที่หนักแน่นชัดเจนและมีความสนิทดังขึ้น
“พ่อ~” หลังหลีชิงเยียนได้ยินเสียงของหลีหยางในสายโทรศัพท์นั้น ชั่วขณะหนึ่งฉีกริมฝีปากแดงขึ้น เริ่มออดอ้อนขึ้นแล้ว
ถ้าเฉินเป่ยอยู่ตรงนี้มองเห็นหลีชิงเยียนออดอ้อน เดาว่ากระดูกทั่วตัวคงอ่อนไปหมด
ประธานนางฟ้าที่เย็นชาออดอ้อนกับผู้ชายคนหนึ่ง…ภาพนี้ เพียงแค่คิดดูยังรู้สึกมีเสน่ห์ แทบทนไม่ไหวเลย
“มีอะไรเหรอ งานพนันเพชรพลอยราบรื่นดีมั้ย?” หลีหยางถามขึ้น
“ราบรื่นอะไรกันคะ เฉินเป่ยเจ้าหมอนี่ ไม่รู้ยังทำเป็นรู้ พ่อฟังหนูเล่าให้ฟังนะ……” หลีชิงเยียนเบ้ๆ ปาก เริ่มเล่าขึ้นมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฟ้องความผิดของเฉินเป่ยอย่างจริงจัง
“ฮ่าๆๆ …….” หลีหยางที่อยู่ในสายนั้นฟังที่หลีชิงเยียนพูดจบ ไม่เพียงไม่ได้จริงจังขึ้นมา แต่ทว่ายังหัวเราะชอบอกชอบใจ ทำเอาหลีชิงเยียนหน้าตามึนงง
“พ่อคะ หนูกำลังพูดเรื่องที่จริงจังกับพ่ออยู่นะคะ” หลีชิงเยียนพูดอย่างไม่พอใจ
“พ่อรู้ว่าลูกกำลังคุยเรื่องจริงจังกับพ่ออยู่ ลูกคิดว่าพ่อให้เจ้าเฉินไปที่เยี่ยนจิงเพื่ออะไรกัน? พ่อกับเขาความสัมพันธ์ดี?” เสียงของหลีหยางในสายนั้นเผยความล้ำลึก “ลูกคิดดูให้ละเอียดเอาเอง ไม่คิดว่าเจ้าเฉินเป็นคนที่ดวงดีเหรอ มีเขาอยู่ ผลลัพธ์ของเรื่องราวมักจะไม่เลวร้ายไปถึงไหนหรอก”
ในสายโทรศัพท์นั้น หลีชิงเยียนถือโทรศัพท์อยู่ ฟังหลีหยางกำลังล้างสมองให้เธออย่างเคร่งขรึม ใบหน้าที่สวยเพริศพริ้งอึ้งไปหมด……ผ่านไปตั้งนานถึงตอบกลับเสียงแผ่วเบา “พ่อคะ เขาสินะที่เป็นลูกแท้ๆ ของพ่อ?”
น้ำเสียงหลีชิงเยียนอัดอั้นแทบแย่ มีความไม่พอใจอย่างรุนแรง ส่วนหลีหยางในสายนั้นกลับไม่สนใจคำพูดนี้ของหลีชิงเยียน บอกว่า “เจ้าเฉินอยู่ข้างลูกรึเปล่า ให้เขามารับสายที พ่ออยากคุยกับเขาหน่อย”
“เขาอยู่ข้างห้องค่ะ” หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด พูดไปอย่างอารมณ์เสีย
“พวกลูกไม่ได้เปิดห้องเตียงคู่? ชิงเยียนอ่า เจ้าเฉินก็แต่งงานกับลูกมาตั้งนานแล้ว พวกลูกยังแยกห้องนอน นิสัยแบบนี้ไม่ดีเลย!” หลีหยางในสายนั้นตะลึงนิดหน่อย ไม่นานก็อบรมขึ้นมาพร้อมคำพูดที่อัดแน่นด้วยความหมายลึกซึ้ง
ส่วนหลีชิงเยียนถือโทรศัพท์ไว้ ฟังหลีหยางอบรม เธอกำลังสั่นเทาไปทั้งตัว โดนหลีหยางทำให้โมโหจนแทบไม่ไหว
“พ่อคะ ที่นี่หนูสัญญาณไม่ดี วางก่อนนะคะ” พูดจบ หลีชิงเยียนไม่รอหลีหยางพูดอะไรอีก วางโทรศัพท์ไปอย่างแรง
หลีชิงเยียนเกือบจะอดกลั้นไว้ไม่อยู่ เดิมทีเธอไม่สามารถรับประกันได้ว่าหากฟังหลีหยางพูดขนาดนี้ต่อไปอีก ตนเองจะโมโหจนตายไปแล้วหรือเปล่า
หลังจากวางโทรศัพท์ลง หลีชิงเยียนเดินไปที่ริมหน้าต่าง มองทิวทัศน์ยามค่ำที่ด้านนอกหน้าต่าง ในใจถึงค่อยๆ สงบลง
ส่วนที่เธอไม่รู้คือเวลานี้ กำลังมีรถยนต์ไมบัคที่หรูหราคันหนึ่งแล่นมาทางโรงแรมที่หลีชิงเยียนพักอยู่
ห้องโดยสารภายในรถที่หรูหรา การตกแต่งในรถอลังการสุดๆ ผ่านการออกแบบที่ประณีต มองขึ้นมายังสูงศักดิ์และโออ่า
เวลานี้ ท่านผู้อาวุโสกำลังอยู่ในรถ ลูกน้องคนหนึ่งรออยู่ด้านข้างด้วยความระมัดระวัง…….
ท่านผู้อาวุโสมองการตกแต่งภายในรถรอบหนึ่ง เอ่ยปากพูดนิ่งๆ “หึ…ไมบัค62sเหรอ?”
ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างรีบพยักหน้า ตอบว่า “นี่เป็นคุณชายอวี้กำชับเป็นพิเศษครับ ต้องให้ท่านผู้อาวุโสนั่งรถที่สูงศักดิ์ที่สุด……”
ท่านผู้อาวุโสส่ายหน้า “ช่างเสพสุขเกินไป…ดูแล้วเงื่อนไขที่ครอบครัวให้อวี้ย้งเซวียนช่างดีเหลือเกิน…แม้แต่ชีวิตที่ลำบากจะเติบโตขึ้น ความสบายจะนำหายนะมาให้ เหตุผลอันนี้ยังไม่รู้เลย”
น้ำเสียงของท่านผู้อาวุโสสงบมาก แต่ห้องโดยสารภายในรถกลับล้ำลึกขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
ในใจลูกน้องที่อยู่ด้านข้างเต้นแรง อยู่ข้างกายท่านผู้อาวุโสที่มองตื้นลึกหนาบางไม่ออกท่านนี้ ความกดดันของพวกเขายิ่งมากกว่ายามอยู่ข้างกายอวี้ย้งเซวียน
และความหมายของท่านผู้อาวุโสนี้คือไม่พอใจอวี้ย้งเซวียน คุณชายอวี้น่ะเหรอ?
ลูกน้องเหล่านี้กำลังสงสัยอยู่ ท่านผู้อาวุโสก็เอ่ยปากกับตนเองต่อไป “ไมบัค62s นี่เป็นรถหรูยี่สิบล้าน…รถยนต์ของคุณหม่าคนรวยที่สุดในหัวเซี่ยก็เป็นเช่นนี้ นี่เขาอยากเทียบว่าตัวเองเป็นคนรวยที่สุดในปัจจุบันงั้นเหรอ?”
ขณะพูดอยู่ น้ำเสียงของท่านผู้อาวุโสมีความไม่พอใจและความโกรธนิดๆ เพิ่มขึ้นมา
ลูกน้องด้านข้างรักษาความเงียบเนื่องจากเกรงกลัว ไม่กล้าเอ่ยปาก ท่าทางของเขาประหม่าและกังวลอย่างมาก
“แค่มีกำลังแฝงอยู่บ้าง กลับมือเติบฟุ่มเฟือยอย่างนี้ ต่อไปยังอยากเอาตัวไปเทียบกับเศรษฐีดูไบรึเปล่า? หลังจากครั้งนี้ คงเป็นเวลาเตรียมการอบรมสักครั้งให้เขาแล้ว…หากไม่มีการฝึกฝนจิตใจที่ยากแค้น ไม่ช้าหรือเร็วคงมีสักวันที่เขาจะนำตระกูลหายนะหมด!” ท่านผู้อาวุโสพูดกับตนเอง ไม่นานเขาก็เปลี่ยนหัวข้อ มองทางที่ไกลออกไป ในสายตาที่ล้ำลึกเผยความดุเดือด “แต่ถึงแม้ตระกูลอวี้ของฉันจะตกต่ำ ก็ไม่ใช่พวกต่ำต้อยที่ไหนจะเหยียดหยามรุกรานได้ตามใจชอบ!”
ชั่วพริบตาเดียวทั้งรถไมบัค62sก็ถูกแรงอาฆาตแค้นที่หนาวเหน็บปกคลุม ความลุ่มลึกในแววตาท่านผู้อาวุโสถูกความเย็นยะเยือกแหลมคมเข้าแทนที่โดยฉับพลัน