สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 304
บทที่304 สู้กันอย่างดุเดือด
ใบมีดเปล่งประกาย เผยความรู้สึกอันแหลมคมที่เย็นเฉียบ ต่อให้มีเลือดสด ก็ยังปกปิดแรงอาฆาตแค้นที่ร้อนแรงไม่อยู่
ในโถงทางเดิน ลมที่มีกลิ่นคาวเลือดพัดผ่าน…เป่าเสื้อคลุมสีขาวของท่านผู้อาวุโสให้ขยับ มีดในมือของท่านผู้อาวุโส เลือดคาวบนมีด…หยดลงเร็วอยู่บ้าง
เลือดที่หยดลงทำให้พรมเปื้อนสีแดงเลือด กระจายดอกไม้สีเลือดดวงใหญ่ๆ
ท่านผู้อาวุโสจ้องมองประตูห้องบานนั้นอย่างเย็นชา แววตาเผยความล้ำลึกที่น่าประหลาดใจ ราวกับสามารถมองทะลุประตูห้องบานนี้ได้ มองเห็นภาพเงาคนนั้นที่อยู่ด้านหลัง
ทันใดนั้นท่านผู้อาวุโสยกมุมปากขึ้นนิดหน่อย ฉีกเส้นรัศมีวงกลมที่ผิดปกติขึ้น
เขายกมือขึ้นฉับพลัน ขว้างมีดที่อยู่ในมือไปทางประตูห้อง
“ปึง!”
คมมีดสีขาวเงินสาดส่องอย่างดุเดือดรุนแรง ตัดผ่านที่ว่างกลางอากาศ สับไปบนประตูห้องอย่างโหดเหี้ยม บนประตูห้องปรากฏรอยมีดที่ลึกอย่างยิ่งขึ้นมาโดยฉับพลัน
มีดนี้ของท่านผู้อาวุโส พลังสยองขวัญ ทรงอำนาจจนยากจะจินตนาการ
“ยังไม่พอ…” ท่านผู้อาวุโสกวาดสายตาแบบนิ่งๆ พึมพำกับตนเอง แวบหนึ่ง จากนั้นมีดในมือของท่านผู้อาวุโสก็ระเบิดแสงที่แวววาวเพิ่มขึ้นออกมา ร้องคำรามไปทางประตูห้อง
“ตึงๆๆ”
ที่พื้นสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง มีดในมือของท่านผู้อาวุโสร่วงลงไม่หยุด สับบนประตูห้อง ผ่านไปได้ไม่นาน ประตูห้องเผยแสงสว่างนิดๆ แบบไม่ชัดเจน โอนเอนจะล้มแหล่มิล้มแหล่ แค่ลงมีดอีกไม่กี่ครั้ง ประตูห้องนี้คงจะโดนผ่าออกในที่สุด
ท่านผู้อาวุโสมองประตูห้องที่จะล้มมิล้มแหล่บานนี้อยู่ หัวเราะเยาะทีหนึ่ง มีดในมือระเบิดแสงออกมา ดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้น
“ปึงๆๆ …”
ความเร็วในการโบกมีดของท่านผู้อาวุโสนับวันยิ่งไว ส่วนในห้องพัก เฉินเป่ยมองดูประตูห้องที่โอนเอนจะล้มมิล้มแหล่ และใกล้จะโดนผ่าออกอย่างนิ่งเฉย แววตาเผยการเหยียดหยามอันเรียบนิ่ง และความรู้สึกที่ลึกลับ
“ปัง!”
เสียงดังสนั่น ประตูห้องโดนท่านผู้อาวุโสใช้มีดผ่าออกแบบทื่อๆ
ประตูห้องล้มลงพื้นเสียงดัง ท่านผู้อาวุโสยืนอยู่หน้าประตูห้อง แวบเดียวก็มองเห็นเฉินเป่ยที่อยู่ในห้องพัก
ภาพเงาคนนั้นเหมือนกันกับข้อมูลที่ตระกูลอวี้ได้รับมา ถึงแม้ตระกูลอวี้จะเป็นตระกูลการพนันเพชรพลอย แต่ก็คบหากับตระกูลมากมาย แม้กระทั่งมีความสัมพันธ์ที่ดี การสอบถามเลขห้องของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนจึงง่ายดายมากเช่นกัน
เฉินเป่ยพิงที่ข้างหน้าต่าง ข้อศอกทั้งคู่ท้าวขอบหน้าต่าง ในปากยังคาบบุหรี่มวนหนึ่งไว้ มองท่านผู้อาวุโสอย่างนิ่งเฉยขนาดนี้ แววตาสงบล้ำลึกล้วนไม่มีหวั่นไหวสักนิดเดียว
เขาผ่อนคลายสบายใจขนาดนั้น ส่วนท่านผู้อาวุโสถือมีดไว้ ก้าวเท้าออกมา เอ่ยปากนิ่งๆ “ให้แกเลือกสองอย่างหนึ่ง ไปก้มหัวขอขมาต่อหน้าของคุณชายอวี้กับฉัน ดูว่าเขาจะลงโทษแกยังไง”
ท่านผู้อาวุโสนิ่งแล้วพูดต่อไปอีก “สอง ฉันฟันหัวของแกลง ให้วิญญาณของแกไปหาคุณชายอวี้ ยอมรับผิดขออภัย!”
สีหน้าของท่านผู้อาวุโสมีการเยาะเย้ยนิดๆ แวบผ่าน สองทางเลือกนี้ เหมือนล้วนเป็นทางตายทั้งนั้น จุดจบของเฉินเป่ยคือต้องตาย
ไปก้มหัวขอขมาอวี้ย้งเซวียนกับเขา อวี้ย้งเซวียนอดกลั้นที่เขาตบหน้าตนเองไปได้อย่างไรกัน ยังมีชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้? จะต้องมีวิธีที่เจ็บปวดชั่วร้าย ทรมานเขาสักรอบ จากนั้นค่อยจัดการเขาเป็นแน่
ส่วนในสายตาท่านผู้อาวุโส ผู้ชายตรงหน้าคนนี้อ่อนแอราวกับพวกตัวตุ่นและมด ไม่มีแม้กระทั่งลมหายใจแพร่ออกมาสักนิดเดียว เดิมทีก็แค่คนธรรมดาโดยสิ้นเชิง
“ฉันยังมีทางเลือกที่สาม” เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมาทีหนึ่งอย่างสงบ มองทางท่านผู้อาวุโส น้ำเสียงหยอกเย้าเสียดสีขึ้นมา “ใช้หัวของแก เตือนเจ้าหมอนั่นที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ให้ต่อไปมันอย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก”
เฉินเป่ยพูดจานิ่งๆ ส่วนท่านผู้อาวุโสสีหน้าเปลี่ยนแปลงชั่วขณะนั้น แวบเดียวก็เปลี่ยนไปมืดครึ้มขึ้นมา หน้าราวน้ำค้างแข็ง พูดเสียงทุ้ม “นี่แกกำลังบีบให้ฉันลงมือ”
ท่านผู้อาวุโสหรี่ดวงตาทั้งคู่เล็กน้อย ชั่วขณะหนึ่งท่วงท่าทั้งตัวเปลี่ยนไป บรรยากาศปกคลุมไปด้วยแรงอาฆาตที่หนาวเย็น ราวกับกลายเป็นดาบสังหารหมู่ที่ชักออกจากฝักเล่มหนึ่ง
เขามองเฉินเป่ยอยู่ เหมือนอยากระเบิดการโจมตีที่น่าหวาดหวั่นออกมา สังหารเฉินเป่ย
“หึ……” เฉินเป่ยหัวเราะแบบเกียจคร้านทีหนึ่ง เริ่มพ่นควันบุหรี่ ชำเลืองมองท่านผู้อาวุโสแวบหนึ่ง สายตาเย้ยหยันที่สุด
ต่อให้ท่านผู้อาวุโสถือมีดอยู่ เฉินเป่ยยังคงท่าทางที่ไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาสักนิด นิ่งเฉยสบายใจ
“วอนหาที่ตาย!” ท่านผู้อาวุโสตะคอก เขาที่สีหน้าเย็นเฉียบควบคุมไม่ไหวอีกแล้ว ก้าวเท้าออกมา ก่อนจะใช้ทักษะหายตัว
เขาหายไปจากที่เดิมในฉับพลัน ส่วนมีดในมือระเบิดแสงที่น่าตกใจออกมาทันที ฟาดฟันบุกจู่โจมทางเฉินเป่ย
คมมีดฟันผ่านที่ว่างกลางอากาศ เกิดเสียงคำรามที่เสียดแก้วหู…นั่นคือเสียงดังสนั่นของเครื่องเหนือเสียง
“ตาย!” แสงมีดที่แวววาวทำให้ทั้งห้องพักของโรงแรมมืดโดยฉับพลัน ตามมาด้วยสว่างแสบตา ใกล้จะเป็นประกายจนทำให้คนตาบอดกันแล้ว
“ฮู้!”
ลมแรงคำราม คมมีดผ่าฟันเข้าไปทางเฉินเป่ยแล้ว ใกล้คล้ายกับสายฟ้าแลบ เกือบยากที่ทำให้คนจับร่องรอยของเขาได้
“ตายซะ!”
ในอากาศที่ว่าง เสียงตะโกนดังของท่านผู้อาวุโสดังก้อง สนั่นราวฟ้าผ่า
ตอนที่คมมีดจะตัดร่างกายของเฉินเป่ยแบ่งเป็นสองท่อน ทันใดนั้นในสายตาที่สงบล้ำลึกของเฉินเป่ยเพิ่มความดุเดือดรุนแรงขึ้นทันที
“ตึง!”
ตอนที่แสงมีใกล้จะผ่ากลางร่างกายของเฉินเป่ย มือขวาของเฉินเป่ยมีแสงสีดำประกายขึ้นฉับพลัน สาดแสงออกมาจากมือขวาของเขา สกัดคมมีดนี้ลงมาเอาทื่อๆ
“ชิ้ง!”
เสียงดังกังวานทีหนึ่ง ประกายไฟสาดกระเซ็นไปทั่ว ท่านผู้อาวุโสถือมีด ถอยหลังตึกๆๆ ไปหลายก้าว ในสายตาที่มองทางเฉินเป่ยเพิ่มความหวาดกลัวนิดๆ มาด้วย
คาดไม่ถึง…สกัดไว้ได้ เป็นครั้งแรกที่ท่านผู้อาวุโสเจอสถานการณ์เช่นนี้ คมมีดของเขาเฉียบคมอย่างมาก ไม่มีอะไรไม่พัง แต่ไหนแต่ไรไม่มีสิ่งของอะไรที่สามารถสกัดคมมีดของเขาได้…แต่วันนี้มีดดำที่ดูธรรมดาในมือของผู้ชายคนนี้นั้นกลับต้านเอาไว้ได้อย่างคาดไม่ถึง
นี่เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร
ในใจท่านผู้อาวุโสปั่นป่วนขึ้นมา แววตาเขาที่เผยความล้ำลึก ยิ่งซับซ้อน…ตอนที่สายตาของเขาตกอยู่ที่มีดของตนเอง สีหน้าฝืดค้าง
เขาจ้องรอยบิ่นเล็กน้อยบนมีดแบบตาไม่กะพริบ……สีหน้าดูแย่ หน้าเขียวปัดอัปลักษณ์
มีดเล่มนี้เป็นอาวุธชั้นยอดที่ตระกูลอวี้ได้มาจากในตลาดมืด…แหลมคมระดับสุดยอด ตัดเหล็กได้ราวกับโคลน…ผ่านการต่อสู้ที่เหี้ยมโหดมานับไม่ถ้วน จนกระทั่งปัจจุบันไม่เสียหายสักนิด เป็นมีดวิเศษที่ชื่อเสียงสมจริงเล่มหนึ่ง
แต่ตอนนี้ท่านผู้อาวุโสมองเห็นอะไร?
มีดวิเศษเล่มนี้ คาดไม่ถึงประสบความเสียหายเข้าแล้ว
นี่…ในใจท่านผู้อาวุโสยากจะสงบลง ในใจเต้นแรง สายตาของเขาตกอยู่ที่มีดสีดำเล่มนั้นในมือของเฉินเป่ย แววตาร้อนแรง
เขาที่สายตาหลักแหลม แวบเดียวก็มองออก มีดอู่เหอเล่มนี้ไม่ใช่ของทั่วไปเด็ดขาด แม้แต่มีดวิเศษยังสามารถฟันหัก…มันมีความเป็นไปได้มากว่าจะสูงค่ากว่ามีดวิเศษเสียอีก
ท่านผู้อาวุโสมองทางมีดอู่เหอเล่มนี้ ในสายตาความโลภร้อนแรงแวบผ่าน เขามองทางเฉินเป่ยด้วยสายตาดูถูก เอ่ยปากนิ่งๆ “มันอยู่ในมือแกก็สิ้นเปลืองการมีตัวตนของมันอย่างยิ่ง”
เฉินเป่ยเบ้ปาก คาบบุหรี่ไว้ ท่าทางที่ก้าวร้าวโอหังและอันธพาลสุดๆ “สมัยนี้คนแก่พูดไร้สาระมากขนาดนี้เลยเหรอ อยากหาที่ตายแม่งก็รีบเข้ามาสิวะ ฉันจะได้รีบนอน…”
สีหน้าของท่านผู้อาวุโสแข็งทื่อทันใด เห็นท่าทางที่กำเริบเสิบสานนี้ของเฉินเป่ย โมโหถึงขีดสุดแต่กลับหัวเราะ มือที่กุมมีดสั่นอย่างฉับพลัน พุ่งเข้ามาทางเฉินเป่ย
“อ๊าก—” ท่านผู้อาวุโสตะโกน คมมีดหนาวสะท้านบีบเคล้น คำรามแล้วฟันเข้ามาที่เฉินเป่ย
เฉินเป่ยโบกขยับหลงหยา เสียงดังลั่นสนั่น โจมตีไม่หยุด ผ่าฟันสกัดกั้น
“ชิ้งๆๆ ……”
ภาพเงาคนเปล่งประกาย ความเร็วของทั้งสองดุจฟ้าแลบ ประมือกันอย่างดุเดือดในห้องพักระดับสูง
โดยรอบของสองคน ไม่รู้ว่ามีลมแรงคำรามตั้งแต่เมื่อไร ทั้งห้องพักของโรงแรมล้วนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย สองคนนี้ก่อความวุ่นวาย ความจริงช่างมากเสียจริง
ภายในห้องพักด้านข้าง เวลานี้ซูเหลยนอนอยู่บนเตียง หลับลงไปลึก เข้าสู่ความฝัน……
หล่อนพึ่งเข้าสู่ความฝันไม่นานก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย จากนั้นตื่นขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ ในแววตาเต็มไปด้วยท่าทางตื่นตัว มองไปรอบด้าน
หลังมองไปได้ครู่หนึ่ง ไม่นานหล่อนสังเกตเห็นถึงการสั่นสะเทือนเล็กน้อยของห้องพัก หล่อนขมวดคิ้วฟังอย่างละเอียดสักพัก หันหน้าทางผนังด้านหนึ่งด้วยความสงสัย
เท่าที่หล่อนรู้…นี่คือผนังห้องของเฉินเป่ย
เจ้าหมอนี่กำลังทำอะไร การเคลื่อนไหวถึงแรงขนาดนี้…….
ซูเหลยแอบพูดในใจ ทันใดนั้นเหมือนหล่อนนึกอะไรขึ้นได้ มองผนังห้องอย่างอารมณ์เสีย ทำเสียงฮึดฮัด สบถออกมาคำหนึ่ง “กุ๊ย!”
ตอนที่หล่อนเตรียมจะเข้านอนต่อไป……กลับยังกลั้นความสงสัยใจในไม่อยู่ ในใจเต้นแรงตุบๆ หล่อนแนบหูเข้าไปที่ผนังห้องด้วยความระมัดระวัง…….
“ปึง!”
หลงหยาในมือของเฉินเป่ยยังสภาพดีดังเดิม หลังจากผ่านการประมือหลายรอบ ท่านผู้อาวุโสถอยหลังไปหลายก้าว มีดวิเศษในมือบิ่นหักเพิ่มขึ้นไม่น้อย อย่างกับโดนหมาแทะไป
“ของวิเศษนี้ของแก คาดไม่ถึงถูกแกที่โชคดีได้ไปครอง แต่แกก็ใช้ไม่เป็น……..ฝังกลบราคาของมันไป” ท่านผู้อาวุโสมองทางเฉินเป่ย ถึงแม้ปากจะพูดไม่ปรานีใคร แต่ในใจจมสู่การระวังตัวขั้นสูงต่อเฉินเป่ยไปแล้ว
เดิมเขาคิดว่าจะสามารถกำจัดเฉินเป่ยทิ้งได้ในครั้งเดียว แต่ความเป็นจริงมักจะเกินความคาดหมายขนาดนี้
สู้กันมาหลายรอบนี้ เขายังไม่ได้เปรียบเลยสักนิดเดียว แม้กระทั่งยังตกเป็นเบี้ยล่างอีก
“เอาของโบราณอันนี้มาสู้กับฉัน เป็นพวกโบราณจริงๆ เลย” เฉินเป่ยส่ายๆ หน้า ยิ้มเยาะเอ่ยปากพูด
ส่วนท่านผู้อาวุโสสีหน้าตึง ยิ่งดูแย่ คนยิ่งแก่ยิ่งกลัวจะได้ยินคำว่า “แก่” คำนี้…ส่วนคำพูดของเฉินเป่ยประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าละเมิดขีดจำกัดของเขาแล้ว
“เอาหินหยาบออกมา ฉันสามารถเหลือศพแกไว้ทั้งตัวได้” ท่านผู้อาวุโสค่อยๆ เอ่ยปาก น้ำเสียงยิ่งหนาวเหน็บ แอบมีน้ำเสียงที่ไม่เป็นที่สงสัยนิดๆ เขาเริ่มข่มขู่เฉินเป่ยแล้ว
คำพูดของเขาพูดแบบดูถูกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เหมือนว่าเฉินเป่ยก็ถูกเขาวินิจฉัยแน่นอน และมีข้อสรุปแล้ว