สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 307
บทที่307 เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ
อวี้ย้งเซวียนสีหน้าแข็งทื่อ จากในโทรศัพท์สายนั้น เสียงที่ก้าวร้าวอย่างมากลอยมาทันใด “คุณชายอวี้ ประหลาดใจรึเปล่า คาดไม่ถึงรึเปล่า?”
อวี้ย้งเซวียนสีหน้าแย่ นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของผู้อาวุโสตระกูลอวี้เหรอ แต่กลับเป็นเฉินเป่ยใช้โทรศัพท์โทรเข้ามา ผู้อาวุโสตระกูลอวี้ สรุปเป็นอะไรกัน?
เกือบจะชั่วพริบตาเดียว ในใจอวี้ย้งเซวียนเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้น……หรือว่าท่านผู้อาวุโสเขา……
แต่ตอนที่อวี้ย้งเซวียนมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้นมา ก็รีบลบล้างไปทันที เขาย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดา ท่านผู้อาวุโสตระกูลอวี้ฝีมือน่าหวาดกลัว ลึกจนยากหยั่งถึง ห่างไกลเกินกว่าที่นักเลงกระจอกแบบนี้จะสามารถเทียบได้
ผู้อาวุโสตระกูลอวี้ของตนเองมีชื่อเสียงโด่งดังมานาน จะตายอยู่ในมือของเจ้าเด็กเมื่อวานซืนคนนี้? เป็นไปได้อย่างไร
อวี้ย้งเซวียนเกือบจะตัดความเป็นไปได้นี้ออกไปในวินาทีแรก เพียงแต่เขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินเป่ยถึงเอาโทรศัพท์ของท่านผู้อาวุโสมาได้? เจ้าหมอนี่ทำได้อย่างไรกัน?
พออวี้ย้งเซวียนคิดแบบนี้ จึงพูดเสียงทุ้มด้วยหน้าตาดูแย่ “มือถือของท่านผู้อาวุโสอยู่ในมือแกได้ยังไง?”
“แกว่าไงล่ะ?” เฉินเป่ยในสายโทรศัพท์นั้น น้ำเสียงอันธพาลไร้ขอบเขต กำเริบเสิบสาน ทำให้มุมปากอวี้ย้งเซวียนกระตุก สีหน้าเขียวปัดดูไม่ดี……แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเจอผู้ชายที่ก้าวร้าวขนาดนี้แบบเฉินเป่ย
“ท่านผู้อาวุโสไปที่ไหนแล้ว?” อวี้ย้งเซวียนพยายามฝืดกดความโกรธในใจลง สอบถาม
“แกเดาสิ แกส่งท่านผู้อาวุโสมาฆ่าฉัน ยังถามฉันว่าไปที่ไหนแล้ว?” เฉินเป่ยในสายนั้น พูดไปด้วย มุมปากฉีกเส้นรัศมีวงกลมขึ้นไปด้วย
“เฮ้ย สมองแกมีปัญหารึไง ธรรมดาสมองคนปกติจะถามอะไรแบบนี้ออกมาที่ไหนกัน” เฉินเป่ยในสายโทรศัพท์ พ่นควันบุหรี่ออกมา แสยะมุมปาก น้ำเสียงโอหังเหยียดหยาม เดิมทีไม่ได้เห็นอวี้ย้งเซวียนอยู่ในสายตา
“เอามือถือให้ท่านผู้อาวุโส…ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกเหมือนตายทั้งเป็น…….” มือของอวี้ย้งเซวียนที่บีบมือถือไว้ มีเส้นเลือดเขียวปูดขึ้น น้ำเสียงของเขาหนาวเย็นดุจน้ำค้างแข็ง เขาพยายามไม่ให้สีหน้าของตนเองดุร้าย
“ตายทั้งเป็น โอ๊ะ หรือว่าแกยังเรียนการฆ่าคนผ่านโทรศัพท์ด้วยเหรอ?” เฉินเป่ยในสายนั้นหัวเราะเยาะอย่างไม่สนใจโดยสิ้นเชิง ทำให้อวี้ย้งเซวียนสั่นเทาไปทั้งตัว
คำพูดแต่ละประโยคของเฉินเป่ยล้วนราวกับน้ำมันเดือดระดับสูงสุด ราดลงบนไฟโกรธที่หัวใจอวี้ย้งเซวียน
ภายนอกอวี้ย้งเซวียนดูเหมือนว่าจะไม่ยินดียินร้ายตามสบาย แต่คนแบบนี้ ภายในหยิ่งยโสที่สุด แม้กระทั่งรับการดูถูกไม่ได้สักนิด……โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวี้ย้งเซวียนเกิดมาในตระกูลการพนันเพชรพลอย ยิ่งเป็นเช่นนี้ ขอเพียงคนที่ได้ยินประวัติของเขา คนไหนบ้างที่ไม่เคารพนอบน้อมต่อเขา?
และอย่างไรเสียเขาก็คิดไม่ถึง เจอกับเฉินเป่ยนักเลงข้างถนนแบบนี้ จะกำเริบเสิบสานจนกระทั่งไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา นี่ก็แค่พวกต่ำต้อย
“ท่านผู้อาวุโสของแก ตอนนี้นอนอยู่หน้าประตูโรงแรม อีกสิบห้าหน้าที ตำรวจจะรีบเข้ามาขนศพของเขาไป…แกเองก็ทำเวลาหน่อยแล้วกัน”
ในเวลานี้ เสียงเงียบสงบลอยออกมาจากในโทรศัพท์สายนั้น กลับทำให้ดวงตาทั้งคู่ของอวี้ย้งเซวียนแข็ง ชั่วขณะนั้นสีหน้าเผยความยากที่จะเชื่อ
“แกว่าอะไร? ศพ? ท่านผู้อาวุโสไม่มีทางตาย!” อวี้ย้งเซวียนอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป ตวาดออกมาด้วยสีหน้าดุร้าย
ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ ผู้อาวุโสของตนเองท่านนี้ที่ความสามารถน่าสยองขวัญฝีมือเหนือขั้น คาดไม่ถึงจะตายแล้ว……กลายเป็นศพไปแล้ว
ท่านอาวุโสผู้นั้นเคยพูดว่าถ้าความสามารถทั้งหมดของเขาระเบิดออกมา การกวาดล้างทั้งงานพนันเพชรพลอยล้วนไม่ใช่ปัญหาใดๆ …ที่สามารถฆ่าเขาได้ นอกเสียจากผู้นำของเยี่ยนจิงมาด้วยตนเอง
แต่……ผู้นำของเยี่ยนจิงมาถึงที่ได้อย่างไรกัน……เพียงแค่เพื่อมาจัดการท่านผู้อาวุโสคนนี้
ต่อให้สมองระเบิดอวี้ย้งเซวียนก็ยังคิดไม่ออก ท่านผู้อาวุโสตายได้อย่างไรกันแน่
“แกพูดเหลวไหล ท่านผู้อาวุโสไม่มีทางตายได้ จะต้องเป็นแกมีเจตนาไม่ดีแอบแฝง มีแผนการชั่วร้ายอะไร!” อวี้ย้งเซวียนในสายนั้นกัดฟัน ลมหายใจของเขาหนักอึ้ง หน้าอกขึ้นลงฉับพลัน ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
ได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย เดิมทีทำให้หัวใจของเขายากจะผ่อนช้าลง แม้กระทั่งต้นคอเขายังมีหลอดเลือดสีเขียวโผล่ออกมาชัดเจน
แม้กระทั่งโทรศัพท์ในมือของเขาก็กำลังแตกร้าว ปรากฏรอยร้าวเล็กน้อยขึ้น
ใบหน้าหล่อเหลาของอวี้ย้งเซวียนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ไปหมด……ถ้าท่านผู้อาวุโสตายแล้ว เขาคงไม่มีหน้ากลับไปตระกูลอวี้น่ะสิ เขาจะเอาหน้าที่ไหนกลับไปอธิบายกับตระกูลอวี้
การตายของท่านผู้อาวุโสคนหนึ่ง ต้องทำให้ตระกูลอวี้เกิดการสั่นสะเทือนไม่น้อยเด็ดขาด ถึงตอนนั้น ตระกูลต้องระดมกำลังเข้ามาปราบปรามเขาเป็นแน่
ที่ทำให้โกรธที่สุดคือเขาให้ผู้อาวุโสไปกำจัดเฉินเป่ยทิ้ง กลับคาดไม่ถึงว่าคนสารเลวนี้ยังยืนอยู่ที่นั่นได้แบบสบายดี แต่ท่านผู้อาวุโส……กลับตายแล้ว?
อวี้ย้งเซวียนไม่มีทางยอมรับได้ นี่เป็นไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“สรุปท่านผู้อาวุโสเป็นอะไรกัน เขาอยู่ที่ไหน?” อวี้ย้งเซวียนตะโกนขึ้น
“อยู่หน้าประตูโรงแรม ฉันพึ่งออกมานอกโรงแรม มองเห็นว่ามีร่างหนึ่งร่วงจากฟ้า กระแทกอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม แกว่าบังเอิญรึเปล่า?” ในสายนั้น เสียงของเฉินเป่ยสงบอย่างยิ่ง แม้กระทั่งยังมีการหยอกล้อนิดๆ
นี่เห็นได้ชัดว่าเฉินเป่ยกำลังยั่วเย้าอวี้ย้งเซวียน คำพูดนี้ออกมา ตัวเฉินเป่ยเองก็เชื่อเหรอ?
“ร่วงลงจากฟ้า…แกหลอกฉัน?” เส้นเลือดบนหน้าผากอวี้ย้งเซวียนเต้นกระตุก โมโหเดือดดาล โกรธจนแทบจะกระอักเลือดแล้ว
“ก็คือร่วงลงจากฟ้า แม่งเอ๊ยไม่อยากเชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าช้าอีกหน่อย แม้แต่ศพเขา แกก็ไม่ได้เห็น! โง่” เฉินเป่ยเบ้ปาก หัวเราะเหยียดหยาม จากนั้นตัดสายโทรศัพท์ทันที
หลังวางสายโทรศัพท์ เฉินเป่ยก็ส่งรูปศพของท่านผู้อาวุโสรูปนั้นเข้าไป
“แกล้งฉัน? คิดว่าฉันหลอกง่ายขนาดนั้นเหรอ? ไม่รู้ว่าเอามือถือไปได้ยังไง อยากจะมาหลอกฉัน เห็นฉันโง่รึไง?” เวลานี้ ในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีท อวี้ย้งเซวียนมองมือถือในมือที่แตกร้าวเต็มไปหมด ราวกับจะแตกละเอียดได้ทุกเวลา แล้วหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม
หลังจากเขาวางโทรศัพท์ลง มือถือดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ตอนที่เขาหยิบมือถือขึ้นมาอย่างดูถูก มองเห็นรูปใหม่ที่มือถือรับเข้ามา ชั่วขณะตะลึงค้างแล้ว
มือที่อวี้ย้งเซวียนหยิบมือถือชะงักกลางอากาศ ชั่วพริบตาเดียวทั้งตัวราวกับกลายเป็นรูปปั้น
ในรูปภาพ คาดไม่ถึงคือศพของท่านผู้อาวุโสที่หน้าประตูโรงแรม
อวี้ย้งเซวียนจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตาไม่กะพริบ มีกลิ่นอายที่น่าสยองจากบนตัวของเขากำลังฟื้นคืนชีพ ก่อนจะระเบิดออก
อวี้ย้งเซวียนสีหน้าดุร้าย ทั้งใบหน้าใกล้จะบิดเบี้ยวไปหมด ไม่ปกปิดแรงอาฆาตแค้นเย็นยะเยือกในแววตาของเขาที่สาดยิงออกมา
“วอนหาที่ตาย!” อวี้ย้งเซวียนชัดถ้อยชัดคำ เอ่ยปากอย่างหนาวเหน็บ มือถือในมือของเขาแตกออกฉับพลัน แยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
มือที่หยิบมือถือของเขาค่อยๆ กุมแน่น มือถือระดับสูงที่งดงามราคาแพงเครื่องนั้น ชั่วพริบตาเดียวก็เปลี่ยนรูปไป…ตอนที่เขาคลายมือออกอีกครั้ง มือถือเครื่องนั้นก็กลายเป็นเศษอิเล็กทรอนิกส์กองหนึ่งเรียบร้อย
บนตัวอวี้ย้งเซวียนเต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้นไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ปกปิดแต่อย่างใด
สี่มุมของห้องเพรสซิเดนเชียลสวีท ผู้หญิงบริการสี่คนยืนอยู่ ตัวสั่นเทา พวกหล่อนรู้สึกถึงไฟโกรธบนตัวของอวี้ย้งเซวียน รู้อย่างลึกซึ้งว่าคุณชายอวี้โมโหแล้ว
พอคุณชายอวี้โกรธ ผลสุดท้ายร้ายแรงที่สุด สรุปเป็นใครที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ยั่วโมโหคุณชายอวี้แล้ว?
พวกหล่อนไม่เข้าใจ นี่พวกหล่อนยังเคยเจอเป็นครั้งแรก คุณชายอวี้โกรธขึ้นมา คาดไม่ถึงจะน่าหวาดผวาเช่นนี้
“เข้ามาสิ!” อวี้ย้งเซวียนตะโกน สีหน้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โกรธจนควบคุมไม่ได้
“ปึง!” ประตูห้องเปิดออก ภาพคนที่ร่างกายแข็งแรงหลายคนพุ่งเข้ามา ราวกับลมแรงพัดผ่าน ภาพหลายคนคุกเข่าข้างหนึ่งลงที่พื้น ปรากฏอยู่ตรงหน้าของอวี้ย้งเซวียน
“ไปนำร่างของท่านผู้อาวุโสกลับมา ถ้ารอดฉันอยากเจอคน ตายต้องเจอศพ! ถ้าท่านผู้อาวุโสตายจริง……ฉันจะสังหารทั้งตระกูลหลี!” อวี้ย้งเซวียนเอ่ยปากอย่างหนาวเหน็บ สั่นสะเทือนที่ว่างในอากาศ
“ครับ!”
………
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฉินเป่ยมองศพท่านผู้อาวุโสที่นอนอยู่หน้าประตูโรงแรมแวบหนึ่ง มุมปากยกเส้นรัศมีวงกลมที่ล้ำลึกลึกลับขึ้น
“นี่ นายกำลังทำอะไร?” ในเวลานี้ มีเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นกังวานติดกันดังขึ้นมาด้านหลังของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยหันหน้า มองเห็นหลีชิงเยียนไม่รู้ว่ามาที่หน้าประตูโรงแรมตั้งแต่เมื่อไร
“ดูเรื่องสนุกไงล่ะ” เฉินเป่ยหัวเราะเฮฮา
“ดูเรื่องสนุก? เรื่องสนุกอะไร?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าสงสัย
“เรื่องสนุกดีๆ อันหนึ่ง” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ หลีชิงเยียนมองตามขึ้นมา แวบเดียวก็มองเห็นศพที่นอนอยู่หน้าประตูโรงแรม ตกใจยกใหญ่
“ศพนี้มานอนอยู่หน้าโรงแรมได้ยังไงกัน?” หลีชิงเยียนมองเห็นรอยใหญ่นั้นที่หน้าอกของศพ ตบๆ หน้าอกอย่างอกสั่นขวัญหาย
“ไม่รู้สิ เมื่อกี้ตกลงมาจากบนฟ้า” เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่อย่างเรียบเฉย ทำเป็นพูดเหลวไหลไร้สาระอย่างจริงจัง
“หล่นลงมาจากบนฟ้า? นายหลอกผีเหรอ?” หลีชิงเยียนหัวเราะเยาะ “คำพูดนี้ผียังไม่เชื่อเลย!”
“คุณไปด้วยสอบวงจรปิดได้นะ เดิมทีศพนี้ตกลงมาจากด้านบน” เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ เงยหน้ามองฉากยามค่ำที่ลุ่มลึกมืดมิด ในแววตาลึกเปล่งประกายความหมายที่ลึกล้ำ
เขาแอบมีลางสังหรณ์บางอย่าง…….เยี่ยนจิงที่แต่ไหนแต่ไรถูกเรียกว่าเมืองที่สงบสุข……..คงไม่สงบสุขขนาดนี้ต่อไปอีกแล้ว งานพนันเพชรพลอยคือสาเหตุของทุกอย่าง
“ในที่สุดตำรวจก็มาแล้ว” หลีชิงเยียนมองทางที่ไกลออกไป มีเสียงไซเรนตำรวจที่เสียดแก้วหูดังสะท้อนลอยมา มองเห็นไฟตำรวจสีแดงน้ำเงินเปล่งประกายได้แบบเลือนราง กำลังมาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว……
มุมปากเฉินเป่ยยกเส้นรัศมีวงกลมนิดๆ เขาหันหน้ามองทางอีกด้านหนึ่ง ปลายทางถนนอีกด้านหนึ่งก็มีรถไมบัคสีดำคันหนึ่งแล่นมา เครื่องยนต์คำรามกระหึ่ม ลักษณะท่าทางดุดัน
ที่แท้อวี้ย้งเซวียนไม่อยากให้ตำรวจได้ศพของท่านผู้อาวุโสไป แบบนั้นคงต้องเพิ่มเรื่องวุ่นอีก แม้กระทั่งยังมีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นข่าวฉาวของตระกูลอวี้
ความเร็วของตระกูลอวี้กลับไวมาก พึ่งโทรศัพท์ได้ไม่นานนัก ลูกน้องของตระกูลอวี้ก็รีบเข้ามาแล้ว
“ไปเถอะ กลับไปเถอะ” เฉินเป่ยหมุนตัว
“กลับไปทำอะไร ที่โถงทางเดินทุกที่ล้วนเป็นศพ” หลังหลีชิงเยียนรู้จักเฉินเป่ยมา ก็ได้เห็นเรื่องที่ไม่เคยเจอมาก่อนมากมาย แต่การเผชิญหน้ากับศพกลางโถงทางเดิน ยังคงอกสั่นขวัญแขวน ใบหน้าซีดขาว หน้าตาไร้สีสัน
กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นนั้น แม้กระทั่งเธอยังได้กลิ่นจากบนตัวของตนเอง
เฉินเป่ยมองแบบลึกซึ้งแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเดินไปด้านหน้าของหลีชิงเยียน นั่งยองลงมา พูดเสียงละมุน “ชิงเยียน ขึ้นมาเถอะ”
หลีชิงเยียนตะลึงค้าง เธอมองเฉินเป่ยอยู่สักครู่หนึ่งแบบค้างคาโดยไม่รู้สึกตัว ความหนาวเหน็บบางทีในใจละลายอย่างรวดเร็ว
เปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนเธอต้องด่าเฉินเป่ยว่า “กุ๊ย” ออกไปอย่างว่องไวแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ระยะห่างของหลีชิงเยียนกับเฉินเป่ยถึงเหมือนลากมาใกล้แบบไร้ขีดจำกัด……
เวลานี้ประธานนางฟ้าที่หยิ่งยโสเผยสีหน้าที่พัวพันแบบเด็กสาวออกมา กัดริมฝีปากแดงไว้ ลังเลอยู่ตั้งนาน ถึงเดินบนรองเท้าส้นสูงเข้ามาใกล้เฉินเป่ยอย่างระมัดระวัง พิงขึ้นไปช้าๆ แขนทั้งคู่โอบต้นคอของเฉินเป่ยเอาไว้
หลังกอดคอของเฉินเป่ย หลีชิงเยียนถึงเอ่ยปากด้วยเสียงเบา “ไปเถอะ