สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 323
บทที่ 323 ยาต้องห้าม
ด้านในห้องน้ำผู้ชาย เมื่อเฉินเป่ยคว้าศีรษะของชายสุภาพบุรุษกลับมาอีกครั้ง ชายสุภาพบุรุษถูกเฉินเป่ยจัดการจนหมดเรี่ยวแรงในการสะบัดตัวให้หลุด ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า
“พี่ใหญ่ ผู้ยิ่งใหญ่ขอชีวิตไว้เถอะ…ผมผิดไปแล้ว! ผมผิดไปแล้ว โปรดไว้ชีวิตผมเถอะ!” รอจนเวลาที่เฉินเป่ยยอมปล่อยมือออกจากศีรษะของชายสุภาพบุรุษคนนั้น ชายสุภาพบุรุษร้องไห้น้ำตาไหลนองท่วมใบหน้า ผู้ชายมีอายุแล้ว ร้องไห้ขี้มูกโป่งจนมันเอามากองอยู่รวมกัน จนมันไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
“ปึง!”
เฉินเป่ยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ชายสุภาพบุรุษคนนั้น พลันหัวเข่าทั้งสองข้างทรุดตัวลง จนเกิดเสียงดังลั่นจนลงไปนั่งคุกเข่ากองอยู่ที่พื้น!
“ฉันได้ยินว่า อวี้ย้งเซวียนเป็นเพื่อนสนิทของแกเหรอ?” เฉินเป่ยควานหาบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน พลางเอ่ยถามอย่างใจเย็น
“เปล่าเลย ผมไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ……” ชายสุภาพบุรุษสีหน้าหวาดหวั่นพรั่นพรึงมาก พร้อมทั้งส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย
ชายหนุ่มสุภาพบุรุษนั่งคุกเข่ากองอยู่ตรงหน้าเฉินเป่ย จิตวิญญาณสั่นจนหวั่นวิตก ราวกับชายที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นปีศาจร้าย!
ชายสุภาพบุรุษนั้นไม่กล้าขัดขืนเฉินเป่ย เพราะว่าไอ้หมอนี่มันไม่ใช่คน ถึงขนาดคว้าศีรษะของเขา เอาไปจุ่มแช่ในโถชักโครกได้… แถมยังกดปุ่มชักโครกราดน้ำ…จนทำให้กลิ่นเหม็นเน่าที่อยู่ในชักโครกนั้นกระจายเต็มศีรษะของเขา พร้อมทั้งถูกน้ำที่อยู่ในชักโครกนั้นล้างไปด้วย!
สิ่งที่ไอ้หมอนี่มันทำ คนปกติเขาทำเรื่องแบบนี้กันไหมล่ะ? เมื่อครู่เขาผ่านมรสุมด้านดำมืดเกินไปแล้ว จนทำให้เขาขนหัวลุก จนไม่กล้าจะคิดถึงอีกแล้ว!
ราวกับเป็นประสบการณ์ที่ทรมานที่สุดในชีวิตเขา! จนไม่มีทางมองภาพตรงๆ นั้นได้!
“จะเปิดห้องให้ฉันได้หรือยัง?” เฉินเป่ยจุดบุหรี่ พร้อมทั้งอัดมันเข้าปอด แล้วถามคำถามออกมา
“ได้ ได้ ได้…เปิดได้แล้ว” ชายสุภาพบุรุษฉีกยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มนั่นดูท่าทางใจดีมาก
“อีกเดี๋ยวรู้ตัวว่าจะต้องทำอย่างไรใช่ไหม?” เฉินเป่ยหยุดนิ่งอยู่สักพัก พลันหันมามองชายสุภาพบุรุษ
บนตัวชายสุภาพบุรุษนั่นมีกลิ่นเหม็นตลบจนไม่สามารถทนรับกลิ่นไหว หัวเข่าคุกเข่าอยู่กับพื้น ศีรษะก็โขกหัวพร้อมทั้งท่าทางสำนึกผิด ตอนที่เฉินเป่ยถามขึ้นมานั้น เขารีบเงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งผงกหัวเหมือนเจ้าลูกไก่ตัวน้อย “ทราบ ทราบแล้ว ทราบแล้วครับ”
“ถ้าให้ฉันรู้ว่าแกกับอวี้ย้งเซวียนมีความเกี่ยวข้องอะไรขึ้นมาอีก… ฉันจะเอาหัวของแกไปเตะเป็นลูกบอล!” เฉินเป่ยดึงหูของชายสุภาพบุรุษคนนั้นเอาไว้ พร้อมทั้งค่อยๆ พูดออกมา
ร่างกายชายสุภาพบุรุษสั่นสะท้าน เมื่อเฉินเป่ยพูดจบแล้ว ก็ทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้วลุกขึ้น พลางหันหลังเดินหายไป
ชายสุภาพบุรุษจ้องมองแผ่นหลังของเฉินเป่ย พร้อมทั้งกัดฟันเอาไว้แน่น ท่าทางโรยแรง… ปีศาจชัดๆ แม่งไอ้ห่านี่มันไม่ใช่คน มันเป็นปีศาจชัดๆ!
………
บริเวณประตูโรงแรม
ใบหน้างดงามสวยวิจิตรของหลีชิงเยียนแสดงอาการกังวลอย่างมาก เธอเดินวนไปเวียนมา ท่าทางร้อนรน จนไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้
ท่านประธานเทพธิดาได้ยินเสียงพูดของเฉินเป่ยแล้ว พอเดินออกจากโรงแรมแล้ว เธอไม่สามารถรับสภาพกับฉากในการถูกฆ่าที่จะเกิดขึ้น
แต่ว่าท่ามกลางเหตุการณ์ที่ช่างน่าหวาดกลัวพร้อมทั้งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ท่านประธานเทพธิดาเป็นห่วงซูเหลยกับเฉินเป่ยที่อยู่ในโรงแรมมากกว่า
ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจของหลีชิงเยียนพลันคิดถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ที่เฉินเป่ยพูดด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม จนทำให้ท่านประธานเทพธิดาถลำลึกกับความคิด ทำไมเฉินเป่ยถึงได้พูดแบบนั้นออกมาได้ หรือว่าแท้จริงแล้วเขารู้เรื่องอะไรกันแน่?
ไม่นาน หลีชิงเยียนก็สะบัดความคิดนี้ออกไป ทำไมเฉินเป่ยถึงได้เข้าใจซูเหลยได้ดีกว่าเธอ… เพราะว่าซูเหลยเป็นคนที่ตนเองเลือกกับมือ เป็นบอดี้การ์ดติดตามของเธอ เฉินเป่ย พูดมั่วซั่วไปเรื่อยแปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
หลีชิงเยียนคิดแบบนี้ ทันใดนั้น พลันมีเงาดำๆ เดินสาวเท้าก้าวออกมาจากโรงแรม
หลีชิงเยียนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าซูเหลยเดินออกมาจากตัวโรงแรม
ตอนที่สายตาของหลีชิงเยียนมองไปที่ร่างกายของซูเหลย ดวงตางดงามหดตัวลง เพราะว่าเสื้อสีขาวของซูเหลยเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด มีคราบเลือดไหลซึม จนทำให้ตาโตเป็นไข่ห่านตกใจตามด้วย!
เมื่อมองอยู่ห่างๆ ก็รู้สึกได้ว่า ซูเหลยคงเป็นยมทูตที่รอดตายเดินออกจากหนังสยองขวัญสักเรื่อง!
หลีชิงเยียนสูดลมหายใจเข้าปอด ใจสั่นเทา พร้อมทั้งรีบย่ำเท้าด้วยรองเท้าส้นสูง เพื่อพุ่งตัวเข้าหาไปยืนตรงหน้าซูเหลย แถมยังไม่สนใจไยดีกับกลิ่นคาวเลือดที่ส่งกลิ่นมาจากตัวของซูเหลยเลยสักนิด พร้อมทั้งรีบเข้าไปประคองร่างกายที่โงนเงนของซูเหลยเอาไว้ แถมถามกลับอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ซูเหลยส่ายหน้าไปมา พลันตอบกลับ “ท่านประธานหลี ไม่เป็นไรนะ เลือดพวกนี้ไม่ใช่ของฉัน”
ทันใดนั้น ซูเหลยส่งเสียงเจ็บปวดดังขึ้น พลันมือกุมอยู่ที่ท้องน้อย ใบหน้าฉายอาการเจ็บปวดออกมา ร่างกายของเธอทรงตัวไม่ได้ จนเกือบจะเซถลาล้มลง
“เป็นอะไรไป?” หลีชิงเยียนก้มหัว หางตาของท่านประธานเทพธิดาก็เห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาระหว่างนิ้วของเธอ
ท่านประธานเทพธิดาขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมร้องอย่างตกใจ “คุณได้รับบาดเจ็บหรือเนี่ย?”
ซูเหลยยิ้มให้อย่างขมขื่น “ตอนนี้ใช้ชีวิตช่างสุขสบายเกิน ฉันประเมินคนพวกนั้นต่ำไปนิด ไม่ทันระวังตัวก็ถูกคนแทงเข้าให้ ประมาทไปหน่อย”
“ประธานหลี ฉันไม่เป็นไร แผลแค่นี้มันไม่ทำให้ฉันเป็นอะไรหรอก” ถึงแม้ว่าจะพูดว่าหลีชิงเยียนวางใจ แต่น้ำเสียงของเธอนั้น อ่อนแรงเล็กน้อย
“ไม่ได้ ฉันจะต้องคุณไปส่งโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” หลีชิงเยียนท่าทางแน่วแน่ พร้อมทั้งพูดว่าต้องพาซูเหลยไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อจะได้จัดการเย็บให้เรียบร้อย
“เฉินเป่ยยังไม่ออกมาเลยนะ” ซูเหลยมองภายในโรงแรม ในใจเกิดความสงสัย เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมเฉินเป่ยไม่ยอมเดินออกมาสักที
“เขาทำอะไรอยู่ข้างใน” ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนตะลึง
ซูเหลยส่ายหน้าไปมา พลางกล่าวว่า “ไม่รู้เหมือนกัน เขาหายตัวไปพร้อมกับท่านประธานคนนั้น”
ทั้งสองคนพูดกันได้ไม่กี่ประโยค พลันมีเงาคุ้นเคยเดินออกมา คนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เฉินเป่ยนั่นเอง
“คุณหายไปไหนมา?” หลีชิงเยียนเห็นเฉินเป่ย จึงเอ่ยถามเสียงอ่อน
เฉินเป่ยปากคาบบุหรี่อยู่ เขาเอามือทั้งสองข้างเดินล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่แล้วเดินออกมาใบหน้ากวนๆ ท่าทางใจเย็นมาก
“จัดการเรียบร้อยแล้ว” เฉินเป่ยพูดออกมา
“อะไรจัดการเรียบร้อยแล้ว?” น้ำเสียงหลีชิงเยียนดูแอบโกรธอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ซูเหลยก็ได้รับบาดเจ็บ แต่อีตานี่ไม่มีแผลสักนิด แถมยังทำตัวเหมือนไม่มีเรื่องเกิดขึ้น
“เข้าไปเดี๋ยวพวกคุณก็รู้เอง” เฉินเป่ยยิ้มเล็กน้อย พลางหันตัวมุ่งหน้าไปทางโรงแรม
“ไม่ ฉันจะไปส่งเธอที่โรงพยาบาลก่อน” หลีชิงเยียนพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
เฉินเป่ยหยุดเท้าทันที พลันหันศีรษะกลับมามองซูเหลย พลางกวาดตามอง พร้อมทั้งเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น “แผลเล็กแค่นี้ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลหรอก พักผ่อนให้เพียงพอเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว”
“แผลเล็กงั้นเหรอ?!” เหมือนว่าท่านประธานเทพธิดาถูกคำพูดประโยคนั้นของเฉินเป่ยยั่วโมโห ฉับพลันระเบิดอารมณ์ลงทันที ดวงตาพ่นความโกรธออกมา “บาดแผลมันไม่ได้อยู่บนตัวคุณ คุณเลยคิดว่ามันเป็นแผลเล็กงั้นสิ?”
“ทำไมคุณถึงได้ใจจืดใจดำเช่นนี้ล่ะ ทั้งๆ ที่พวกคุณสองคนก็รู้จักกันมาสักพักแล้ว”
ท่าทางเฉินเป่ยนิ่งไปเล็กน้อย พลันมองท่านประธานเทพธิดาที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่ จนอดไม่ได้ที่กลอกตามองบนให้เธอ พร้อมทั้งพูดแฝงความหมายเป็นนัย “เอาเธอไปส่งโรงพยาบาล จากนั้นล่ะ? ตอนนี้อวี้ย้งเซวียนต้องการชีวิตของพวกเรา แต่คุณเอาซูเหลยไปส่งที่โรงพยาบาล นั่นก็หมายความว่าป้อนอ้อยเข้าปากช้างนะสิ? เพื่อแยกพวกเราออกจากกันเป็นสองกลุ่ม จนทำให้อวี้ย้งเซวียนจัดการพวกเรา ได้อย่างง่ายดาย….”
ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนนิ่งไปเล็กน้อย คำพูดของเฉินเป่ยก็มีหลักการอยู่ จนสามารถพูดจนเธอเถียงไม่ขึ้น! วินาทีนั้นคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรตอบโต้เขากลับไปดี
“เอาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล ย่อมเป็นโอกาสที่ดีมากที่สุดของอวี้ย้งเซวียน ถ้าอวี้ย้งเซวียนรู้เรื่องเข้าแล้ว คงนั่งยิ้มหน้าบานจนหุบปากไม่ลง” เฉินเป่ยกล่าว
หลีชิงเยียนเม้มริมฝีปากแดงเอาไว้ คำพูดทุกคำของเฉินเฟิง มันทำให้เธอหมดสิทธิ์ตอบโต้ จนสุดท้ายแล้วเธอได้แต่ตอบเสียงแข็งกลับไปประโยคหนึ่ง “อาการบาดเจ็บของเธอ ทนไม่ไหวหรอก”
เฉินเป่ยเบะปากเพราะไม่คิดตามนั้น “แค่คนเดียวแต่ชนะคน 5 คนเลย แผลเล็กๆ แค่นี้ยังทนไม่ไหวอีกเหรอ? คุณถามเธอแล้วกัน ว่าเธอทนไหวไหม?”
หลีชิงเยียนมองซูเหลยที่อ่อนระโหยโรยแรง ซูเหลยพยักหน้าให้ พร้อมทั้งกุมบริเวณท้องน้อยอยู่ ใบหน้าซีดเผือด “ท่านประธานหลี เฉินเป่ยพูดถูก การเดินทางไปโรงพยาบาลยิ่งอันตรายหนักกว่าเก่า อวี้ย้งเซวียนต้องได้ข่าวว่าพวกเราไม่เป็นไร ครั้งแรกไม่สำเร็จ เขาต้องมาส่งคนมาหาเรื่องซ้ำสองแน่”
“งั้นทำไงดี?” ดวงตาดำของหลีชิงเยียนหดตัวอย่างเคร่งเครียด พร้อมทั้งกังวลอยู่ตลอดเวลา เธอเป็นห่วงมาก ว่า อีกเดี๋ยวอวี้ย้งเซวียนจะส่งคนมาลอบสังหารอีกครั้ง พวกเราหมดหนทางวิธีตั้งรับ!
“แจ้งตำรวจเถอะ” หลีชิงเยียนครุ่นคิดอยู่สักพัก ในที่สุดก็ตัดสินใจได้
“แจ้งตำรวจเหรอ?” เฉินเป่ยถึงกลับหัวเราะเยาะเย้ยดูถูกออกมาทันที นัยน์ตาสื่อความหมายลึกซึ้ง “เขากล้าที่จะลงมือไร้ศีลธรรมท่ามกลางเมืองเยี่ยนจิง คุณคิดว่าทางตำรวจของเยี่ยนจิง จะมีวิธีจัดการกับเขาไหม?”
“งั้นทำไงดี?” ใบหน้างามของหลีชิงเยียนซีดเผือด ร่างกายอรชรสั่นเท่า ปกติวางตัวเก่งกล้า ท่านประธานเทพธิดาที่มีอำนาจแข็งแกร่งดั่งนางพญา พลันเวลานี้ กลับเผลอหลุดด้านความอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงออกมา
“ที่อันตรายที่สุดย่อมเป็นที่ปลอดภัยที่สุด” เฉินเป่ยค่อยๆ บี้ก้นบุหรี่ พร้อมทั้งเน้นย้ำคำพูดทุกคำ
หลีชิงเยียนตกตะลึง เฉินเป่ยมองมาทางหลีชิงเยียน พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “นี่มันก็ดึกแล้ว ห้องก็จัดเตรียมไว้ให้แล้ว ไปพักผ่อนให้เต็มที่กันเถอะ หรือว่าผ่านค่ำคืนนี้ไปแล้ว… คงไม่มีคืนไหนที่สงบเช่นคืนนี้แล้ว”
น้ำเสียงของเฉินเป่ยแสดงความหมายเป็นนัย เฉินเป่ยในเวลานี้ มันทำให้หลีชิงเยียนพบว่า เธอแทบมองไม่ออกเลย… ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“หยุดเดี๋ยวนี้!” หลีชิงเยียนมองเห็นว่า เฉินเป่ยหันกลับพร้อมทั้งมุ่งหน้าเดินเข้าไปในโรงแล้ว พลันตะโกนเสียงดังลั่น “ตกลงว่าคุณรู้เรื่องอะไรมา?”
มุมปากเฉินเป่ยกระดกขึ้นเล็กน้อย พลางหันตัว พร้อมมองท่านประธานเทพธิดาอย่างงุนงง แล้วหลุดพูดออกมา “บรรยากาศตึงเครียดก่อนที่สงครามจะมาเยือน!”
ส่วนเฉินเป่ยนั้นเดินเข้าไปด้านในโรงแล้ว ทิ้งท่านประธานเทพธิดาที่ทำหน้าประหลาดใจเอาไว้ ยังมีซูเหลย ที่สบตามองหน้ากันอยู่….
…………
ภายในห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีท (Presidential suite) สายตาอวี้ย้งเซวียนจับจ้องภาพในกล้องวงจรปิด พลันสูดลมหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว!
ข้างกายทั้งสองข้างอวี้ย้งเซวียน เลขาฯ สาวทรงเสน่ห์สองคนไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา จนหนักไปถึงขั้นจะหายใจแรงๆ ยังไม่กล้าเลย! เพราะว่าอารมณ์คุณชายตอนโกรธนั้น พวกเธอเพิ่งเคยเห็นคุณชายอวี้โกรธหนักแบบนี้เป็นครั้งแรก!
เลขาฯ สาวทรงเสน่ห์หนึ่งในนั้นตัวสั่นเล็กน้อย พลันใช้มือทั้งสองข้างดึงโทรศัพท์ดาวเทียมออกมา พลันยื่นไปด้านหน้าของอวี้ย้งเซวียน
อวี้ย้งเซวียนจ้องมองภาพวงจรปิดอย่างเอาเป็นเอาตาย…เขากดรีโมตทันที กดไปที่ตัวเคลื่อนไหว…จากนั้นก็เห็นว่าซูเหลยใช้มือสองข้างชนะคนไปแล้วห้าคน!
อวี้ย้งเซวียนทำหน้าผิดปกติเย็นยะเยือกดั่งป่าลึก เขาจ้องมองภาพในกล้องวงจรปิดอย่างเย็นชา บรรยากาศกดต่ำจนอึดอัดอย่างผิดปกติ!
ทันใดนั้น มุมปากอวี้ย้งเซวียนพลันกระตุกมุมปาก…ที่เย็นยะเยือกผิดปกติออกมา เขาบ่นพึมพำ “เอ๋อตงเฉิน น่าสนใจนี่ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะว่าแกบีบบังคับฉันเองนะ”
“แค่มดที่จัดการยากตัวเดียว ถึงขนาดต้องให้ฉันใช้วิธีพิเศษในการกำจัดให้สิ้นซากเลย…เหอะๆ”
“ฉันประเมินแกต่ำเกินไป” อวี้ย้งเซวียนบ่นพึมพำ เขาหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมขึ้นมา จากนั้นก็โทรศัพท์หาคนคนคนหนึ่งอย่างช้าๆ
ผ่านไปสักครู่ เสียงโทรศัพท์ปลายสาย เป็นเสียงชายชราดังขึ้น พร้อมทั้งกรอกเสียงพูดถามกลับ “มีเรื่องไร?”
สีหน้าของอวี้ย้งเซวียนตีหน้าเคร่งขรึมมากซึ่งไม่เหมือนกับเวลาปกติเลย พร้อมทั้งกล่าวอย่างเคารพ “ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง กระผมเจอเรื่องยุ่งยากเข้าให้แล้ว”
“อวี้โรงก็คอยปกป้องอยู่ข้างกายแกตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ?” เสียงโทรศัพท์ปลายสายของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง พลันมีน้ำเสียงประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
“ท่านผู้อาวุโสโรง ตายเพื่อกระผม” อวี้ย้งเซวียนถอนหายใจครั้งหนึ่ง ตอนที่พูด
“อวี้โรงเขาตายแล้วเหรอ?” เสียงปลายสาย เมื่อได้ยินว่าข่าวอันน่าเศร้าที่ต้องสูญเสียผู้อาวุโสแล้ว น้ำเสียงชายชราที่สงบนิ่งดั่งสายน้ำตั้งแต่แรก น้ำเสียงเริ่มออกอาการโกรธเคืองขึ้นมาเล็กน้อย
“ครับ” จากนั้น อวี้ย้งเซวียนก็เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบพูดออกมาทั้งหมด
เสียงปลายสายนั้น หลังจากที่ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างได้ฟังในสิ่งที่อวี้ย้งเซวียนเล่าแล้ว พลันครุ่นคิดไปสักพัก จนน้ำเสียงดูเคร่งขรึมขึ้นอีกนิด “ตามที่แกพูดออกมาแบบนี้ เอ๋อตงเฉินคนนั้น มันไม่ใช่คนธรรมดา แกพบเจอกับบุคคลเช่นนี้ที่งานการพนันเพชรพลอย ถือว่าพบได้น้อยมาก”
อวี้ย้งเซวียนอ้าปากพูด “ท่านผู้อาวุโส ท่านก็คงยังไม่ทราบ การพนันเพชรพลอยในครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน บุคคลอันมีชื่อเสียงมากมายต่างรวมตัวเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ กระผมได้ข่าวมาจากตลาดมืดว่า ตำนานในการพนันเพชรพลอยในครั้งนี้ อาจจะมีสิ่งของที่เป็นตำนานปรากฏตัวขึ้น”
“สิ่งของที่เป็นตำนานเหรอ?” เสียงปลายสาย คำพูดนั้นทำให้เสียงชายชราที่อยู่ปลายสายไม่สามารถใจเย็นได้ต่อ เพราะว่าสิ่งของที่เป็นตำนานนั้นช่างมีความดึงดูดมากนัก มันทำให้หัวใจของเขาเต้นโครมคราม ส่วนน้ำเสียงนั้น ดีใจจนออกนอกหน้า มันช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ!
“ไม่มั่นใจ แต่ว่าข่าวนี้ ไม่ใช่แค่กระผมที่มั่นใจ คนมากมายก็น่าจะได้ยินข่าวนี้ด้วย ดังนั้นพวกเขาเลยล่วงหน้ามาก่อน” อวี้ย้งเซียนเริ่มวิเคราะห์ออกมา
“ถ้ามีสิ่งของที่เป็นตำนานออกมาจริงๆ เช่นนั้นต้องเอามันมาให้ได้ ไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องราคาทั้งนั้น! ฉันจะรีบเดินทางไปพร้อมกับผู้อาวุโสอีกหลายท่านทันที ต้องเอาคนผิดคนเลวที่ทำผิดต่อตระกูลอวี้คนนั้นมา ฆ่ามันให้สิ้นซาก!” เสียงปลายสาย น้ำเสียงอันยะเยือกเจตนาฆ่าของผู้อาวุโสไท่ซ่าง แสดงอำนาจดื้อดึงเอาแต่ใจไม่สนหน้าไหนใครทั้งสิ้นออกมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หลังจากวางสายแล้ว อวี้ย้งเซวียนลุกขึ้น พร้อมทั้งเดินเอามือไพล่หลังเดินไปริมขอบหน้าต่าง ดวงตาทั้งสองข้างดำดิ่งสู่ห้วงลึก ทำให้คนปกติ ไม่สามารถมองออก
“เอ๋อตงเฉิน การที่ผู้อาวุโสต่างเริ่มลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน ก็เพื่อแกเลย ฉันได้เริ่มใช้แผนเกมในการฆาตกรรมแล้ว แกควรรู้สึกว่าช่างได้รับเกียรติเป็นอย่างมาก” อวี้ย้งเซวียนสีหน้าเย็นยะเยือกอย่างหดหู่ พร้อมทั้งบ่นพึมพำไปเรื่อย
นอกหน้าต่าง หลังจากที่ยามค่ำคืนมันมืดสนิทมานานแล้ว ในที่สุดก็มีแสงสายฟ้าทิ่มตาฟาดแยกออกจากกัน พร้อมทั้งบรรยากาศหนาวเหน็บท่ามกลางความมืดมิด ความหดหู่ พลันมีแสงสายฟ้าฟาดจนฉีกท้องฟ้าออก พร้อมทั้งนำพาเสียงคำรามดังกึกก้องกระทบกับโสตประสาท ตู้ม!
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!”
เยี่ยนจิงทั้งเมืองถูกเสียงสายฟ้าคำรามดังกึกก้องจนเสียดหูไปทั่วทั้งเมือง จนเสียงกึกก้องสั่นสะท้าน…. อวี้ย้งเซวียนยืนอยู่ริมหน้าต่าง พร้อมทั้งจ้องมองตึกสูงเสียดฟ้าที่อยู่ภายใต้ท้องฟ้าในยามค่ำคืน ตึกสถาปัตยกรรมก่ออิฐถือปืนที่กลายมาเป็นเมือง ด้วยท่าทางเย็นชาถลำลึก
จากนั้นก็มีสายฟ้าฟาดลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายแล้วพายุฝนก็เริ่มกระหน่ำเทลงมา พลันชะล้างความยุ่งเหยิง ของเมืองแห่งเวทมนตร์อันแสนศิวิไลซ์นี้ไป
ด้านนอกหน้าต่างพายุโหมกระหน่ำเทลงมาอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้เส้นคดงอของสายฟ้าที่ฟาดลงมา ยิ่งหดหู่ท่ามกลางความมืดมิดจนเห็นได้ชัด!