สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 356
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่356 ความผิดร้ายแรง
“ตึกๆๆ…”
ร่างกายของเฉินเป่ยวาร์ปอย่างฉับไว เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช่เขาจู่โจมเอง ร่างกายของเขาดุจลูกกระสุนปืนใหญ่ ระเบิดทลายกำแพงสามสี่แผ่นแล้ว
บนกำแพงสามสี่แผ่นปรากฏหลุมยุบรูปคนขนาดใหญ่ขึ้นมา คลื่นมหาชน ทั้งหมดเป็นคนในตระกูลจางรวมตัวกันอยู่ พวกเขามองเห็นพลังน่าสยองที่เท้านั้นของจางข่ายลอนระเบิดออก ทำให้พวกเขาโห่ร้องไม่ขาดสาย มองทางกำแพงที่เฉินเป่ยอยู่ สายตาแต่ละคนประกายความเหยียดและเย้ยหยันอย่างเข้มข้น
ในสายตาของพวกเขา เฉินเป่ยเทียบกับนายใหญ่ของพวกเขา ถือว่าเป็นอะไร?
ในสายตาของพวกเขา จางข่ายลอนนายใหญ่ของพวกเขา นั่นคือการมีตัวตนที่ดุจเทพเจ้าแห่งสงครามผู้ไร้ศัตรู มีจางข่ายลอนออกนั่งบัญชาการตระกูลจางด้วยตนเอง พวกต่ำต้อยแบบนี้ที่มายั่วยุ และอยากสังหารตระกูลจางอย่างโอ้อวดไร้ยางอาย อยากวอนหาที่ตายเหรอ?
ตระกูลจางคงไม่ซ้ำรอยเดิมตามตระกูลตู้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายใหญ่ตระกูลจางไม่เหมือนนายใหญ่ตระกูลตู้ ที่เป็นสวะไร้ประโยชน์
แม้กระทั่งผู้อาวุโสหลายท่านของตระกูลจางต่างคาดการณ์ล่วงหน้า พวกเขามองเห็นความหวังบนตัวของจางข่ายลอนแล้ว คิดว่าจางข่ายลอนจะนำพาตระกูลจางเดินขึ้นสู่ยอดสูง แม้กระทั่งทำลายรูปแบบพลังที่สมดุลกันและกันทั้งสี่ด้านลง กระโดดขึ้นมาเป็นผู้นำของตระกูลทอง
พอมาแบบนี้ ครึ่งหนึ่งของหู้ไห่ก็ตกมาเป็นของตระกูลจาง…ต่อให้ผู้นำของหู้ไห่ก็ต้องเห็นแก่หน้าตระกูลจางระดับหนึ่ง
หู้ไห่ที่กว้างใหญ่ ผู้นำของหู้ไห่ไม่อาจพึ่งพลังของตนเองอย่างเดียวในการควบคุมหู้ไห่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาต้องการการสนับสนุนของอิทธิพลทางหนึ่ง…ขอเพียงตระกูลจางสามารถเป็นผู้นำของตระกูลทองแห่งหู้ไห่ได้ ผู้นำของเมืองแห่งนี้ต้องให้ความสำคัญกับตระกูลจางแน่นอน
หลังจากจางข่ายลอนสร้างความฮือฮาขึ้นที่ตระกูลจาง คนในตระกูลจางนับไม่ถ้วนก็ฝากฝังอนาคตของตระกูลจางไว้ที่ตัวของจางข่ายลอนแล้ว พรสวรรค์ของจางข่ายลอน ต่อให้วางไว้ที่หัวเซี่ยยังถือว่าเป็นความสามารถที่น่าตกใจ…นี่คือโอกาสหนึ่งของตระกูลจางอย่างแน่นอน
หู้ไห่ที่เคยอยู่ในฐานะชุลมุนไม่สงบ พัฒนาไปตามกาลเวลา ตระกูลทองแห่งหู้ไห่อยู่ภายใต้ชี้นำของผู้ที่มีความทะเยอทะยานสี่ท่าน ความสามารถมหาศาล จนถึงปัจจุบันนี้ ถึงแม้อิทธิพลตระกูลทองยังคงยิ่งใหญ่ แต่สมาชิกของตระกูลทองคนไหนๆ ต่างสามารถรู้สึกได้ว่าตระกูลทองตกต่ำไม่หยุด…ผู้นำของหู้ไห่ก็กำลังลดความสามารถของตระกูลทองดูกึ่งๆ จงใจใช้จุดนี้เสริมอำนาจตำแหน่งของตนเองให้มั่นคง
คนตระกูลจางแต่ละคนมองทางจางข่ายลอน สีหน้าแสดงความบ้าระห่ำและการเคารพอย่างเต็มเปี่ยม ในสายตาของพวกเขา จางข่ายลอนเกือบจะเป็นเทพเจ้าของพวกเขา
จางข่ายลอนยืนอยู่ที่เดิม ภาพเงายืนตระหง่าน เขาจ้องมองทางที่เฉินเป่ยหายไปอย่างสงบ เท้านั้นของเขา พอจะอธิบายได้ว่าเตะจนเฉินเป่ยบาดเจ็บสาหัส
จางข่ายลอนมองสักพัก รู้สึกไม่มีอะไรน่าสนใจ จึงหมุนตัว เอ่ยปากกับคนในตระกูลจางเหล่านั้นว่า “แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น กลับไปเถอะ”
และคำพูดจางข่ายลอนพึ่งจบลง ทันใดนั้นหินแตกก้อนหนึ่งก็แฉลบผ่านมาอย่างรวดเร็ว พุ่งไปทางกลางหลังของจางข่ายลอน จู่โจมมาด้วยความเร็วสยองขวัญอย่างยากจะจินตนาการ
จางข่ายลอนสีหน้าแข็งทื่อ ด้านหลังเย็นเฉียบเสียดกระดูก
และรอจางข่ายลอนหมุนตัวกลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังช้าไปก้าวหนึ่ง
ความเร็วของหินแตกก้อนนั้นที่จู่โจมมา ที่ว่างในอากาศสั่นสะเทือน ระเบิดยิงบนหน้าอกของจางข่ายลอนทันที
“ปึก!” จางข่ายลอนสั่นไปทั้งตัว ถอยหลังไปอย่างควบคุมไม่ได้
ซู่!
ทั้งที่เกิดเหตุตกตะลึง เสียงโห่ร้องหยุดลงโดยทันใด รอยยิ้มเย้ยหยันบนหน้าของคนมากมาย แข็งตัวแน่นิ่งกันฉับพลัน
ร่างกายจางข่ายลอนสั่นสะเทือน ถอยหลังตึกๆๆ ประมาณสามสิบก้าวด้วยความเร็วรวด ร่างกายถึงมั่นคง
จางข่ายลอนหายใจออกทีหนึ่ง มองทิศทางที่เฉินเป่ยหายไป ดวงตาเผยแสงรุ่งโรจน์
“เขาไม่ได้ตาย!” มีคนในตระกูลจางตะโกนขึ้น ที่ที่ไม่ไกลนัก ฝุ่นควันมหาศาลลอยฟุ้งกระจาย เห็นเพียงภาพเงาคนที่เดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือนรางคนหนึ่ง ค่อยๆ ลุกขึ้น จากในกองเศษก้อนอิฐแห่งหนึ่ง
จางข่ายลอนจ้องเฉินเป่ยตาไม่กะพริบ หมัดทั้งคู่ ค่อยๆ กุมแน่น
“แค่กๆๆ…”
เฉินเป่ยค่อยๆ เดินออกมาจากฝุ่นควันที่กระจายไปทั่วทุกที่ เขาในเวลานี้ค่อนข้างกระเซอะกระเซิง ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่นดิน…เทียบกับจางข่ายลอนที่เสื้อสูทเรียบง่ายสะอาดสะอ้าน กลายเป็นข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจน
เฉินเป่ยไอสองสามที ตบๆ ฝุ่นบนตัวแล้ว ภายใต้หน้ากากเผยดวงตาคู่นั้นออกมา สังเกตจางข่ายลอนแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเอ่ยปากพูด “ฉันคิดว่าแรงแกจะมากสักหน่อย แกไม่ได้กินข้าวเหรอ? อย่างกับผู้หญิง”
เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ น้ำเสียงสงบเรียบเฉย กลับทำให้อากาศแข็งตัวอย่างกะทันหัน ทั้งหมดรักษาความเงียบเนื่องจากหวาดกลัว เงียบงันอย่างกับตาย
คนในตระกูลจางนับพันรวมเป็นคลื่นมหาชนที่แน่นขนัดมีอานุภาพเกรียงไกร……เวลานี้กลับไม่มีสักคนหนึ่งส่งเสียงสักนิด พวกเขามองทางเฉินเป่ย มีคนไม่น้อยสีหน้าตกใจหนาวเย็น มองเฉินเป่ยอยู่ ราวกับปรารถนาอยากกลืนกินเฉินเป่ย
จางข่ายลอนยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าอึ้งค้างขึ้นมาทันที มองทางเฉินเป่ย เขาค่อยๆ หรี่ดวงตาขึ้น
ที่เขาเตะไปเมื่อสักครู่นี้ กำลังไม่มากเหรอ? นั่นเป็นการเตะคนตายได้อย่างง่ายดายทีเดียว…คนธรรมดาที่ร่างกายแย่สักหน่อย…บางทีอาจจะโดนเตะจนระเบิดเอาได้
แต่ตอนนี้คำพูดที่ออกมาจากปากเฉินเป่ยกลับเหยียดหยามอย่างยิ่ง……โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นจุดที่จางข่ายลอนรู้สึกภาคภูมิใจอีกด้วย ทั้งยังเยาะเย้ยอย่างดูถูก
จางข่ายลอนจ้องมองเฉินเป่ยอยู่ ลักษณะของเฉินเป่ยปลอดภัยดี ทำให้สีหน้าเขายิ่งเย็นยะเยือก แม้กระทั่งที่ว่างในอากาศ เห็นได้ชัดว่าอึดอัดขึ้นมา
ทันใดนั้นจางข่ายลอนก้าวเท้าออกมา มือทั้งคู่กุมหมัดไว้ ทั่วตัวระเบิดออร่าที่ดุเดือดออกมาฉับพลัน
จางข่ายลอนเอ่ยปากอย่างเย็นชา “งั้นดูแล้วพลังของนายคงแกร่งมาก ขอคำแนะนำสักหน่อยสิ”
จางข่ายลอนพูดจบ พอร่างกายวาร์ป ไม่รู้ว่าเฉินเป่ยพูดอะไร ปล่อยหมัดออกมาด้วยความรวดเร็ว แรงอาฆาตไร้ขีดจำกัด
การต่อสู้ที่ดุเดือด พอเตะก็ปะทุขึ้น
จางข่ายลอนปล่อยหมัดออกไปราวสายฟ้าแลบ ความเร็วที่ฉับไว คาดไม่ถึงทิ้งภาพวืดไว้ในที่ว่างกลางอากาศ
“ปึงๆ!” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ที่ว่างกลางอากาศบิดเบี้ยวกระเพื่อมไหว เกิดระลอกคลื่นที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ระเบิดกระจายไปรอบด้าน
เฉินเป่ยหรี่ดวงตาเล็กน้อย มุมปากวาดเส้นรัศมีวงกลมที่มีเลศนัยขึ้นภายใต้หน้ากาก
แข่งความเร็วเหรอ?
เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ตอนที่หมัดนั้นของจางข่ายลอนปล่อยโจมตีร่างกายเฉินเป่ย ทันใดนั้นร่างกายเฉินเป่ยก็วาร์ปหายไปจากที่เดิมทันที
หมัดนั้นของจางข่ายลอนปล่อยเข้ามา ตกกลางอากาศกะทันหัน เขาโจมตีตรงภาพวืดที่เฉินเป่ยเหลือไว้ที่เดิม
ในใจจางข่ายลอนมีความสับสนแวบผ่าน เขาสำนึกอะไรได้ทันใด หมุนตัวกลับไป เห็นเฉินเป่ยยืนอยู่ข้างหลังของเขา สายตาทั้งสี่ข้างจ้องกัน ชั่วขณะนั้นจางข่ายลอนมองเห็นในหน้ากากเผยลูกตาที่เต็มไปด้วยการหยอกเย้าคู่นั้นออกมา
ในใจจางข่ายลอนสั่น ในใจเผยความรู้สึกวิกฤตที่รุนแรงขึ้น
แต่เขายังช้าไปก้าวหนึ่ง ความเร็วของเฉินเป่ยยังไวกว่าเขา เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าความว่องไวที่เขาคิดเอาเองนั้น ในสายตาของเฉินเป่ย…ไม่มีอะไรแตกต่างอะไรกับการกระทำที่เชื่องช้า
เฉินเป่ยยกฝ่ามือขึ้นสูง มองจางข่ายลอน สีหน้าเฉินเป่ยเย็นชา แวบเดียวก็ร่วงลงทันที
“ป๊าบ!” เสียงตบฝ่ามือที่ดังกังวานทีหนึ่ง ตกตะลึงไปทั่ว
เห็นเพียงจางข่ายลอนยืนอยู่ที่เดิม เฉินเป่ยกำลังเก็บฝ่ามือกลับช้าๆ
จางหงเหลียงมองไปทางจางข่ายลอนโดยจิตใต้สำนึก หลังมองเห็นหน้าของจางข่ายลอน ร่างกายเขาสั่นเทาอย่างแรง แข็งเป็นหินทันใด
จางหงเหลียงเบิกดวงตาโต ราวกับแวบหนึ่งมองเห็นเรื่องอะไรที่น่ามหัศจรรย์ใจเกิดขึ้นมา
หน้าของจางข่ายลอนเดิมทีสง่า กระจ่างแดงแบบหาที่เปรียบไม่ได้ แก้มข้างหนึ่งของเขาแดงเถือกอย่างยิ่ง
เสียงฝ่ามือทีหนึ่งช่างกังวานเหลือเกิน เสียงตบที่ชัดแจ๋วดังก้องในกลางอากาศ คนในตระกูลจางนับไม่ถ้วนสีหน้าตื่นตระหนก บรรยากาศเงียบงัน
ใครจะไปคิดว่าเฉินเป่ยจะตบฝ่ามือไปทีหนึ่งบนหน้าของจางข่ายลอน
ที่จริงความกล้าหาญของเฉินเป่ยยิ่งใหญ่เหลือเกิน พูดได้ว่าเรื่องเลวอะไรก็กล้าทำหมด
สายตาแต่ละคนมองที่ตัวเฉินเป่ย ตกตะลึงอย่างยิ่ง ทุกคนคาดไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะกล้ามากขนาดนั้น ตบหน้าของนายใหญ่ตระกูลจางไปทีหนึ่ง
ผลลัพธ์นี้ร้ายแรงเหลือเกิน เทียบกับกระตุกหางเสือยังร้ายแรงกว่าเลย
อากาศเงียบเชียบไปฉับพลัน
คนนับพันในเหตุการณ์เงียบเพราะหวาดกลัว สายตาแต่ละคนค่อยๆ ตกอยู่บนตัวของจางข่ายลอนแล้ว
สีหน้าจางข่ายลอนเย็นชา เขาค่อยๆ ยื่นมือลูบบนแก้มที่บวมแดงของตนเอง มุมปากหดอย่างแรง
ความเจ็บปวดที่ร้อนฉ่าบอกเขาว่าตนเองไม่ได้กำลังฝันไป คนต่ำต้อยตรงหน้าคนนี้ คาดไม่ถึงจะกล้าตบตนเอง
สายตาของจางข่ายลอนตกอยู่บนตัวเฉินเป่ย เฉินเป่ยสีหน้าเรียบเฉย อย่างกับคนที่ไม่เป็นอะไร
ทันใดนั้นจางข่ายลอนแสยะมุมปาก ยกเส้นรัศมีวงกลมขึ้น
เขาหัวเราะแล้ว ไฟโกรธของเขาถูกจุดติดในชั่วขณะนั้น ลุกไหม้โชติช่วง เขาโกรธแต่กลับหัวเราะ
“หลายปีมากแล้ว ไม่มีใครกล้าตบฉันแบบนี้” จางข่ายลอนเอ่ยปากอย่างสงบ ชัดถ้อยชัดคำ แฝงด้วยแรงอาฆาตแค้นที่ไร้ขอบเขต
“ฉันเคยให้คำเตือนแกไปแล้ว ส่งคนมา ไม่อย่างนั้น ที่นี่จะกลายเป็นตระกูลตู้สอง” เฉินเป่ยเอ่ยปากอย่างเย็นชา แรงอาฆาตแค้นยิ่งใหญ่ของจางข่ายลอนไม่กระทบต่อเขาสักนิดเดียว
“ที่นี่เป็นถิ่นของฉัน แกบังคับฉันส่งคนให้?” จางข่ายลอนหัวเราะอย่างอัปลักษณ์ สีหน้าค่อยๆ โดนความโกรธทำให้ดูโหดร้ายเต็มที่ “นอกเสียจากเอาชีวิตแกมา!”
จางข่ายลอนตะคอก ตะโกนบอกทันใด “คนในตระกูลจางฟังคำสั่ง!”
จางข่ายลอนยื่นมือ จับแก้มที่แดงฉานไว้ รู้สึกถึงความเจ็บแสบที่ร้อนผ่าว ตะโกนบอก “ฆ่า!”
ซู่!
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
คนในตระกูลจางนับพันยกมีดดาบขึ้น ร้องว่าฆ่ารวมกันเป็นพลังที่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน ทะยานขึ้นฟ้า ราวกับสามารถเขย่าสวรรค์ได้
ที่ว่างกลางอากาศสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง คนในตระกูลจางนับพัน นี่เป็นอิทธิพลที่น่ากลัวอย่างแน่นอน พวกเขากล้าหาญไม่กลัวตาย เป็นพลังที่น่าสยองขวัญ
คลื่นมหาชนที่แน่นขนัด นั่นคือมหาสมุทรที่ไร้จุดสิ้นสุด กระเพื่อมแรงอาฆาตแค้นที่หนาวเหน็บ เสียงตะโกนฆ่าดังสนั่น กรูกันไปทางเฉินเป่ย
พื้นดินกำลังสั่นไหว ราวกับกำลังเกิดแผ่นดินไหวรอบหนึ่ง
เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิม เผชิญหน้ากับการโจมตีของคนตระกูลจางนับไม่ถ้วนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ในใจไม่เกิดการสั่นไหวสักนิด
เขายืนอยู่ที่นั่น ท่วงท่ายืนตระหง่าน เห็นได้ชัดว่าโอหังแข็งกร้าว เขาจะใช้ร่างกายของตนเองไปต่อกรกับฝูงชนนับพันนั้น
“แกคิดว่าตระกูลจางกับตระกูลตู้เหมือนกันเหรอ แกควรรู้ไว้ นี่คือการบดขยี้ การบดขยี้ที่ไม่ต้องสงสัยสักนิด!” จางข่ายลอนหัวเราะเสียงดังอย่างดุร้าย จ้องมองเฉินเป่ยด้วยสีหน้าหนาวเหน็บเสียดสี
เฉินเป่ยกวาดตามองจางข่ายลอนแวบหนึ่ง สีหน้าเย็นเฉียบราวน้ำค้างแข็งภายใต้หน้ากาก
นี่คือสงครามฉากหนึ่ง เป็นสงครามของเฉินเป่ย