สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 357
บทที่357 เอาปืนมา!
“ตั้งแต่เด็กจนโต มีแค่ฉันที่กุมสิทธิ์เป็นหรือตาย ยังไม่มีคนอื่นกล้าตบหน้าฉัน แกเป็นคนแรก” จางข่ายลอนมองเฉินเป่ยอยู่ สีหน้าค่อยๆ สงบนิ่ง ส่วนในแววตากลับประกายแสงที่โหดเหี้ยมดุเดือดขึ้น
“ดังนั้นฉันจะให้แกตายแบบพิเศษมาก โดนรุมฟันจนตาย…เอ็นมือเท้าขาด ฉันจะให้ทั้งชีวิตแกจำเอาไว้ ผลของการยั่วยุฉันเป็นยังไง”
จางข่ายลอนเอ่ยปากช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ เต็มไปด้วยแรงอาฆาตที่หนาวเหน็บ และความล้ำลึกไร้ขอบเขต
สีหน้าของเฉินเป่ยสงบ ถึงแม้น้ำเสียงจางข่ายลอนจะเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ไม่สงสัยสักนิดเดียวว่าตัวเขาเองจะพ่ายแพ้
จางข่ายลอนพึ่งพูดจบ คนในตระกูลจางเกือบพันคนก็รวมตัวกันเป็นคลื่นมหาชนแน่นขนัด ค่อยๆ บีบเข้ามาใกล้ โจมตีมาอย่างบ้าคลั่งทันที
เสียงร้องตะโกนสนั่นฟ้า ที่ว่างในอากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แรงอาฆาตแค้นที่เย็นเฉียบโหมพัดปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่
นั่นคือแรงอาฆาตที่เกิดจากคนเป็นพันรวมตัวกัน นี่คือจิตใจต้องฆ่าของพวกเขา
พวกเขาจะไม่ใช่ผลลัพธ์แบบเดียวกันกับตระกูลตู้ พวกเขาต้องการทวงคืนศักดิ์ศรีนายใหญ่ของพวกเขากลับมา ภาพเขาคนที่ใส่เสื้อคลุมสีแดงนี้ เหยียดหยามตระกูลจางแล้ว ย่อมไม่ให้เขามีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้อย่างเด็ดขาด
เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิม ส่วนคลื่นมหาชนที่แน่นขนัดนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้แค่เพียงเอื้อมมือเดียว
“ฆ่า!”
คลื่นมหาชนหนาแน่นส่งเสียงคำรามสยดสยองที่ดังก้องจนหูแทบหนวกออกมา คลื่นมหาชนล้นหลามราวกับคลื่นทะเลยักษ์ที่น่าสยองขวัญ เหมือนจะท่วมนอง กลืนกินภาพเงาที่โดดเดี่ยวของเฉินเป่ยเข้าไป
นี่เป็นฝีมือการสังหารนองเลือดของตระกูลจาง นี่เป็นเพียงกลุ่มญาติสายตรงของตระกูลจาง…เติบโตมากถึงพันคน…ถ้าบวกกับคนในตระกูลที่เป็นญาติห่างๆ ของตระกูลจางอีก…ทั้งตระกูลจางก็คือกองทัพขนาดใหญ่ที่มีแสนยานุภาพ
ภายใต้หน้ากาก สีหน้าของเฉินเป่ยหนาวเหน็บเย็นยะเยือก จนถึงเวลานี้ ตระกูลจางถึงเผยโฉมหน้าดุร้ายนิดๆ ออกมา จนถึงเวลานี้ เฉินเป่ยพึ่งเข้าใจว่าระหว่างหลายสิบปีนี้ ตระกูลจางทำเรื่องธรรมดามาตลอด นั่นคือเก็บซ่อนความสามารถไว้
ท้องฟ้าของหู้ไห่เปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว…แอบสะสมพลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หรือว่าตระกูลจางอยากวางแผนทรยศเหรอ?
สรุปตระกูลจางอยากทำอะไร เฉินเป่ยไม่แน่ใจ แต่คลื่นมหาชนแน่นมากเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นทำให้เฉินเป่ยสำนึกได้ ที่แท้ตระกูลจางไม่ได้สะอาดขนาดนั้น สามารถรักษาความสามารถมากขนาดนี้ไว้ได้อย่างไม่มีใครระแคะระคาย เรื่องที่ไม่อาจเปิดเผยได้พวกนั้น กลัวว่าคงมีไม่น้อยเช่นกัน
เฉินเป่ยยืนตรงอยู่ที่เดิม แสงแดดสาดส่อง ภาพเงาของเขาโดดเดี่ยวและแน่วแน่ เขาคงไม่ถอยสักนิด
ตอนที่คลื่นมหาชนที่แน่นขนัดนั้นเข้ามาใกล้ เฉินเป่ยหดดวงตาลง แรงอาฆาตแค้นที่เย็นเฉียบปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
“นี่คือสิ่งที่พวกแกเลือกกันเอง…ในเมื่อไม่เชื่อฟัง อย่างนั้นก็มีแค่จุดจบอันนี้!” เฉินเป่ยขยับทันที เขาก้าวเท้าออกมา ฝีเท้าเชื่องช้า…แต่พื้นดินกลับแตกร้าวไม่หยุด รอยร้าวรูปใยแมงมุมแต่ละรอยเป็นที่น่าสยดสยอง…….
ที่ที่ไม่ไกลนักของคฤหาสน์ตระกูลจาง ผู้คนที่เดินผ่านไปบางส่วนได้ยินเสียงคำรามร้องตะโกนที่ดังเสียดแก้วหูนั้น ในใจของพวกเขาสั่นสะเทือนกันไม่หยุด ทำให้พวกเขาสีหน้าซีดเผือด หลบหนีทั่วทิศทั่วแดน เพราะพวกเขารู้ว่าพื้นที่ทั้งหมดของบริเวณนี้ อสังหาริมทรัพย์โดยส่วนใหญ่เกือบจะเป็นของตระกูลจางทั้งหมด
คนที่ใจกล้าบางส่วนเพียงแค่กวาดสายตามองด้านในแวบหนึ่ง ขาสองข้างอ่อนยวบ สั่นระริกทั้งตัวไม่ขาดสาย
เห็นเพียงเฉินเป่ยคนเดียว พุ่งไปยังคลื่นมหาชนนับพันนั้น
ที่ระยะไกล จางข่ายลอนมองฉากนี้อยู่ ยกมุมปากเล็กน้อย มองทางเฉินเป่ย รอยยิ้มเพิ่มการเหยียดหยามเย็นยะเยือกนิดๆ
คนคนเดียวจะต้านทานกับคลื่นมหาชนพันคน นี่เดิมทีกำลังวอนหาที่ตายชัดๆ แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ไม่มีทางรอดพ้น
ตอนที่มองเห็นฉากนี้ จางข่ายลอนราวกับมองเห็นผลสรุป จุดสิ้นสุดของเฉินเป่ยแล้ว
“ปัง!”
เฉินเป่ยก้าวขาทั้งคู่ออก กล้ามเนื้อที่ส่วนขาขยายขึ้น เส้นเลือดนูนขึ้นฉับพลัน
แวบเดียว เฉินเป่ยก็กระโดดขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ขึ้นสู่ที่ว่างกลางอากาศอย่างฉับไว ไวราวสายฟ้าแลบ
พื้นดินปรากฏหลุมลึกขนาดใหญ่มาหลุมหนึ่ง แตกร้าวพังพินาศแถบหนึ่ง
“ตาย!”
สีหน้าเฉินเป่ยประกายความอาฆาตแค้นที่เย็นเฉียบ ร้องคำรามดึงมีดหลงหยาออกมา
คนในตระกูลจางนับไม่ถ้วนเงยหน้า มองเห็นในอากาศสูง มีภาพเงาคนหนึ่ง เหมือนบดบังพระอาทิตย์ที่ร้อนแผดเผาเอาไว้
ภาพเงาคนที่ดำมืดนั้นราวกับเป็นตัวแทนพระอาทิตย์เลย
ตามมาด้วยเฉินเป่ยกุมแสงดำอยู่ในมือจากกลางอากาศ หล่นลงมาอย่างว่องไว จากนั้นพุ่งโจมตีลงมา
นับวันความเร็วของเฉินเป่ยยิ่งไว กล้ามเนื้อผิวหนังของเขาเสียดสีกับอากาศ เกิดความร้อนผะผ่าวแผดเผา ทำให้เขากลายเป็นดาวตกรูปคนดวงหนึ่งเลย ชนไปทางคลื่นมหาชนที่นับไม่ถ้วนนั้นอย่างรุนแรง
ปัง……ตูม!”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว พื้นสั่นภูเขาสะเทือน ร่างกายของเฉินเป่ยที่ค่อนข้างผอมแห้ง ชั่วพริบตาเดียวถูกคลื่นมหาชนที่แน่นขนัดท่วมทับกลืนกิน
แต่เพียงแวบเดียว……ก็โหมขึ้นมาผิดปกติ
เสียงคำรามที่สะเทือนแสบแก้วหูดังก้องขึ้นฉับพลัน สั่นสะเทือนที่ว่างในอากาศ
ตามมาด้วยพื้นสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง พื้นดินแตกร้าว รอยร้าวเคลื่อนปกคลุมไปทางที่ไกลอย่างรวดเร็ว ราวกับภายใต้พื้นดิน มีอสูรร้ายที่น่าสยองขวัญตัวหนึ่งกำลังฉีกแหวกพื้นดิน
ทันใดนั้นแสงดำที่ซ่อนสีทองไว้สายหนึ่งก็ประกายที่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว
ทุกที่ที่แสงดำผ่าน มีเลือดไหลทะลักกระจายเต็มไปหมด
“ปัง!”
ภาพเงาแต่ละคนกระเด็นออก ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ระเบิดยิงอย่างรวดเร็ว หมายจะกวาดล้างทั่วด้าน
ชั่วพริบตาเดียวคลื่นที่น่าสยองสีดำก็หยุดนิ่งฉับพลัน โดยรอบของเฉินเป่ย ชั่วครู่เดียวถูกเก็บกวาดเรียบ
และเสียงมังกรคำรามที่กังวาน ดังก้องอยู่ในอากาศ ราวกับมีมังกรมาเยือนโลกจริง มังกรลึกลับคำราม
“พึ่บๆ!”
คนตระกูลจางคนหนึ่งชะงักฝีเท้า ชั่วพริบตาเดียวหน้าอกของเขาแหวกเป็นรูใหญ่ออกมา สีแดงฉานไหลทะลัก แสงดำที่ซ่อนสีทองไว้เส้นหนึ่ง ยิงทะลุจากด้านหลังของเขาผ่านไป
ที่ไกลออกไป จางข่ายลอนเห็นฉากนี้เข้า ดวงตาแข็งทื่อเล็กน้อย ในแววตาลึก ล้ำลึกอย่างไร้ขอบเขต
การปรากฏตัวของเสียงมังกรคำรามนั้น ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย ไม่นานก็ฟื้นตัวกลับคืนสู่ความสงบนิ่ง
แสงดำที่มีแรงอาฆาตเย็นชานั้น หลังโหมพัดมารอบหนึ่ง ก็วนเบาๆ แล้วบินกลับไปในมือเฉินเป่ย
เฉินเป่ยรับแสงดำไว้ เห็นคนในตระกูลจางแต่ละคนที่พุ่งโจมตีมาทางเฉินเป่ยสีหน้าหนาวเย็นอัปลักษณ์ และคลุ้มคลั่ง ชั่วขณะหนึ่งร่างกายวาร์ปอย่างฉับไว เกิดภาพวืดแต่ละอันออกมา
“ซู่ๆๆ!”
“เฮือกๆๆ!”
ในมือเฉินเป่ยกุมมีดไว้ คนในตระกูลจางทั้งหมดที่มีเจตนาฆ่าอย่างเต็มเปี่ยมกำลังเข้ามาใกล้เฉินเป่ย ค่อยๆ โดนมีดฆ่าทิ้ง ร่างกายล้มลงจมกองเลือดอย่างไม่ขาดสาย
นี่เป็นการบดขยี้ฉากหนึ่งจริงๆ การบดขยี้ที่ไม่อาจโต้เถียงได้ในสายตาของจางข่ายลอนและทุกคน กลับโดนพลิกกลับในชั่วขณะหนึ่ง
การบดขยี้ฉากนี้ กลายเป็นการสังหารหมู่ที่บ้าระห่ำและโหดร้ายฉากหนึ่ง
เฉินเป่ยกำลังสังหารโหดที่สยองขวัญ เสียงโหยหวนและเสียงตะโกนฆ่าหมุนเวียนดังขึ้น ที่เกิดเหตุโกลาหล
“ปรากฏขึ้น…จริงๆ แล้ว!”
จางหงเหลียงมองฉากนี้อยู่ สีหน้าซีดเซียว ร่างกายสั่นเทาอย่างแรง ขาทั้งคู่ของเขาสั่นไม่หยุด มองเฉินเป่ยแบบอึ้งทึ่ง ในใจเต้นแรง
ตระกูลจางเจอกับการสังหารหมู่ของผู้ชายคนนี้แล้ว
ผู้ชายคนนี้แสดงโศกนาฏกรรมที่โหดร้ายของตระกูลตู้ ที่ตระกูลจางอีกครั้งหนึ่ง เขากำลังสังหารหมู่อย่างบ้าคลั่ง
และทุกอย่างนี้เป็นเพราะเขา จางหงเหลียงสันหลังหนาวเย็น หน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดออก ภายในใจเขาชัดเจนแจ่มแจ้งดี รอทุกอย่างนี้สิ้นสุดลง เฉินเป่ยจะต้องเอาชีวิตของเขาเป็นแน่
พอจางหงเหลียงคิดแบบนี้ เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างกายที่สั่นเทาค่อยๆ หมุนตัว เขากะว่าจะรีบหนีไป ออกไปจากที่ทะเลาะวิวาทกันแห่งนี้ยิ่งไกลยิ่งดี หนีออกจากหัวเซี่ย ไปยังต่างประเทศ
“เพราะแก ตระกูลจางถึงเกิดฉากนี้ขึ้น อยากหนีก็หนีพ้นเหรอ?” ในเวลานี้ มีเสียงที่ลุ่มลึกเรียบนิ่งดังขึ้นด้านหลังของจางหงเหลียง
จางหงเหลียงหมุนตัว มองทางจางข่ายลอน ร่างกายสั่นไม่เลิก พูดอธิบายเสียงสั่น “นายใหญ่…ผมนึกไม่ถึงว่าผลจะร้ายแรงขนาดนั้น……”
“ตอนแรกแกพูดจาดูดี น่าฟังเอามากๆ ฉันถึงยอมให้แกไปปลุกปั่นตระกูลตู้ทำเรื่องพวกนี้ ตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว ยังอยากให้เอาปัญหานี้มาทิ้งให้ฉันจัดการ?” จางข่ายลอนหัวเราะเสียงเบา มองทางจางหงเหลียง รอยยิ้มมีการเยาะเย้ยอ่อนๆ
“นายใหญ่ไว้ชีวิตด้วยครับ หงเหลียงสำนึกผิดแล้ว เพียงแค่ขอให้นายใหญ่ไว้ชีวิตน้อยๆ ของผมด้วย!” สายตาจางหงเหลียงเผยความหมดหวัง…นิสัยของจางข่ายลอน เขาชัดเจนดีเสียยิ่งกว่าอะไร เห็นได้ชัดว่านายใหญ่ไม่อยากปล่อยเขาไป
“เห็นแก่ที่แกทำธุระมาให้ฉันนานหลายปี จะไว้ชีวิตแก แต่วันนี้ฉันโดนมันเหยียดหยามเพราะแก มันจำเป็นต้องตาย…แกตายก็เว้นโทษไป รอดก็ยากจะพ้นโทษได้” เสียงของจางข่ายลอนค่อยๆ เปลี่ยนไปหนาวเย็น เสียงราวมาจากนรก
“ขอบคุณนายใหญ่ที่เมตตาครับ” จางหงเหลียงร่างกายสั่นเทา “ตึง”เสียงคุกเข่าลงมา “ปึกๆๆ”คำนับศีรษะไปหลายรอบ
และตอนที่จางหงเหลียงเงยหน้าขึ้น กลับเห็นคนในตระกูลจางที่ท่าทางตื่นตระหนกและสีหน้าซีดเซียว หมุนตัวเข้ามา วิ่งสุดชีวิตมาทางจางหงเหลียง
ทันใดนั้น…จางข่ายลอนก้าวเท้าออกมา ร่างกายเขาประกายอย่างรวดเร็ว ปรากฏอยู่ตรงหน้าคนในตระกูลจางคนนั้นทันที
ฝีเท้าคนในตระกูลจางนั้นชะงัก ส่วนจางข่ายลอนปล่อยหมัดหนึ่งไปบนหน้าอกคนในตระกูลจางคนนั้นอย่างคาดไม่ถึง
“ปึง!”
คนในตระกูลจางคนนั้นพุ่งอย่างแรงราวลูกกระสุน กระเด็นลอยออกนอนที่พื้น ตายตาไม่หลับ
บรรยากาศเงียบงันทันที ลูกตาของจางหงเหลียงหดอย่างแรง เห็นเพียงจางข่ายลอนค่อยๆ เก็บหมัดกลับ กวาดตามองคนในตระกูลจางคนอื่นที่สีหน้าตกใจ และอยากจะหลบหนี ค่อยๆ พูดว่า “คนที่หลบหนี ฆ่าไม่ยั้ง!”
บรรยากาศเงียบสงบ นายใหญ่ตระกูลจางปลิดชีพคนในตระกูลจางด้วยตนเอง
จางข่ายลอนเงยหน้า มองทางเฉินเป่ยที่สังหารหมู่อยู่ แววตาที่ล้ำลึกดุจดวงดาว เปล่งประกายไม่ขาดสาย ทันใดนั้น เขาก้าวเท้าออก พุ่งจู่โจมไปทางเฉินเป่ย ตะโกนบอก “ไอ้พวกต่ำต้อย! ฉันจะฆ่าแก ตายซะ!”
จางหงเหลียงหัวใจสั่น เขาไม่เข้าใจอยู่บ้าง ไม่เข้าใจนายใหญ่ตระกูลจางที่เมื่อสักครู่ไม่ลงมือ ทำไมถึงลงมืออย่างกะทันหัน
หลังจางหงเหลียงกวาดตามองไป สีหน้าค้างคา ดวงตาหดอย่างแรง
ศพเต็มพื้น คนในตระกูลจางที่ตายไปเหล่านี้ ล้วนใกล้กองรวมเป็นภูเขาศพแล้ว
ส่วนเฉินเป่ยยืนอยู่บนภูเขาศพนั้น ใต้หน้ากากที่เย็นยะเยือกดุร้าย แรงอาฆาตแค้นสั่นสะเทือน แววตาเหน็บหนาว
ที่เกิดเหตุแดงฉานแถบหนึ่ง…เฉินเป่ยราวกับกลายเป็นเทพเจ้าสังหาร เจตนาอยากฆ่าท่วมท้น สยองขวัญอย่างยิ่ง
นี่พึ่งผ่านไปนานแค่ไหน อยู่ต่อหน้าเฉินเป่ย เดิมทีคนในตระกูลจางยังไม่คณามือ
จางข่ายลอนหยิบมีดเล่มหนึ่งจากพื้นขึ้นทันที วิ่งจู่โจมไปทางเฉินเป่ยอย่างว่องไว
สีหน้าเขาเย็นชา ในแววตาประกายความโกรธหนาวเหน็บอย่างโจ่งแจ้ง…ในที่สุดเขาก็โมโหแล้ว ชั่วพริบตาเดียว ศพของคนในตระกูลจางเพิ่มเช่นนี้ นี่เป็นการเย้ยหยันแบบไม่ไว้หน้าที่สุดต่อเขาอย่างยิ่ง