สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 359
บทที่359 ราชาหลงอ่อนแอ!
จางข่ายลอนชักปืนทันใด เอาmp5ดำขลับเย็นเฉียบกระบอกหนึ่งในมือเขาจ่อเล็งเฉินเป่ยแล้ว ปากกระบอกปืนล็อกแน่น พ่นเปลวไฟออกมา
“ปังๆๆ…” เสียงลั่นไกแหวกฉีกที่ว่างกลางอากาศ เปลวไฟไร้ขีดจำกัดผสมผสานกัน ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาดเล็กแต่ละลูก ยิงมาอย่างดุเดือด กรีดตรงที่ว่างกลางอากาศ สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
เฉินเป่ยกวาดสายตามองจางข่ายลอนอย่างหนาวเหน็บ แสงดำในมือประกายทันที มือถือแสงดำไว้ ขวางกั้นด้านหน้า
ในใจจางข่ายลอนหนักหน่วง เปลวไฟที่สยองขวัญไร้จุดสิ้นสุดกระจายไปทางเฉินเป่ยอย่างมืดฟ้ามัวดิน ราวกับพายุฝนที่กระหน่ำลงมาแทบจะไม่สามารถหลบหนีได้ จางข่ายลอนปิดล็อกทางหนีทั้งหมดเอาไว้ ทำให้เฉินเป่ยถอยไม่ได้
“แกไม่มีที่จะหลบได้แล้ว!” จางข่ายลอนส่งเสียงตะโกน
ส่วนเฉินเป่ยเพียงแค่ชำเลืองมองอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง มือกุมมีดหลงหยาไว้ ผ่าฟันขวางกั้นอย่างฉับไว
เปลวไฟที่น่ากลัวทะลุผ่านที่ว่างกลางอากาศ ระเบิดยิงออกมา ผลปรากฏว่าที่ว่างกลางอากาศเกิดประกายแสงดำที่ซ่อนสีทองไว้อย่างรวดเร็ว ดักทางต้านทานเปลวไฟทั้งหมด ก่อนที่เปลวไฟจะค่อยๆ ถูกมีดหลงหยายิงกลับ
“ชึ่บๆๆ!”
เสียงที่ดังกังวานแต่ละครั้ง เปลวไฟที่ล้นหลามจู่โจมบนมีดหลงหยาราวกับพายุฝนถล่ม มีดหลงหยาซึ่งบางราวกับปีกจักจั่นถูกเปลวไฟที่พัวพันพลังสยองขวัญโจมตีสั่นสะเทือน เสียงดังกระหึ่มกลางอากาศ
ตามมาด้วยเปลวไฟที่ไม่สิ้นสุดถูกมีดหลงหยาสกัดไว้ พลิกกลับลูกกระสุน ยิงกลับไปทันที
เปลวไฟไร้ขอบเขตผสานกันจนกลายเป็นห่ากระสุนปืน ยิงเปลวไฟออกอย่างดุเดือด กวาดล้างไปรอบด้าน
“ปังๆๆ!”
ชั่วขณะนั้นเลือดเหม็นคาวไหลทะลัก ที่เกิดเหตุเกิดการสังหารหมู่ที่คลุ้มคลั่งไปด้วยห่ากระสุนปืน คนในตระกูลจางเหล่านั้นที่รวมตัวกันเป็นคลื่นมหาชนแน่นขนัดค่อยๆ ล้มลงกันไป เปลวไฟไร้ที่สิ้นสุดกำลังเก็บเกี่ยวชีวิตอย่างบ้าคลั่ง สังหารอย่างสยดสยอง
สีหน้าจางข่ายลอนแข็งทื่อทันใด สีหน้าเขียวปัดโกรธแค้น เขามองเห็นสายตาที่หยอกเย้าของเฉินเป่ย สายตามีการถากถางอย่างเย็นยะเยือก เขากำลังเลียนแบบวิธีคนอื่นมาเอาคืนคนนั้น
แก้มที่บวมแดงของจางข่ายลอนยิ่งดูแย่ขึ้น แทบจะเป็นบ้า
คลื่นมหาชนที่น่ากลัวอย่างไม่มีสิ้นสุดสั่นเทากันหมด แต่ละสายตาที่มองทางเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความตกใจ
นี่แม่งเป็นคนอยู่เหรอ นี่ไม่ใช่คนแน่ๆ เผชิญหน้ากับเปลวไฟสยองขวัญไร้ขอบเขต คาดไม่ถึงจะใช้มีดเล่มเดียวตีกลับลูกกระสุนได้ทั้งหมด ส่วนตัวเขาเองปลอดภัยสบายดี ทว่าคนในตระกูลจางกลับเจอการโจมตีที่พังพินาศย่อยยับ
ในใจคนตระกูลจางที่นับไม่ถ้วนต่างตื่นตระหนก มองทางเฉินเป่ย ร่างกายสั่นไม่หยุด หากใช้คำหนึ่งมานิยามเขา…คนในตระกูลจางที่ประสบกับการฆ่านองเลือดที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านี้…เกรงว่าคงนึกได้เพียงคำเดียว—เทพ
นอกจากเทพเจ้า คนตระกูลจางในเหตุการณ์ยังนึกไม่ออกว่ายังมีคำไหนมานิยามเฉินเป่ยได้อีก
เทพเจ้า…ยอดมนุษย์ เกรงว่ามีเพียงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในตำนาน ถึงมีความสามารถแบบคนคนนี้
สายตาที่ตื่นตะลึงแต่ละคนค่อยๆ ส่องไปทางเฉินเป่ย
มีคนมากมายเหลือเกินที่สงสัยว่าภายใต้หน้ากากนี้ของเฉินเป่ยเป็นใบหน้าของปีศาจร้ายหรือไม่
“ปังๆๆ!”
ลูกกระสุนเปลวไฟที่จางข่ายลอนกราดยิงอย่างบ้าคลั่งโดนมีดหลงหยาที่อยู่ในมือเฉินเป่ยยิงกลับทั้งหมด…ทันใดนั้นลูกตาเขาแข็งตัวฉับพลัน เขามองไปทางที่แห่งหนึ่ง
เห็นเพียงทางที่แห่งนั้นมีเปลวไฟที่น่าหวาดกลัวยิงกระหน่ำมาทันที
จางข่ายลอนกำลังอยากจะหยิบมีดยาวด้านข้างมาสกัด แต่เปลวไฟกระหน่ำยิงมาถึงเรียบร้อย เขาช้าไปเสียแล้ว
“ปังๆๆ!”
ร่างกายจางข่ายลอนสั่นเทาอย่างแรง เปลวไฟพวกนี้ยิงออกมาจากปากกระบอกปืนของเขา ท้ายที่สุดลูกกระสุนตีกลับ ยิงเข้าในร่างกายของเขา เลือดเหม็นคาวสาดกระเซ็น
“ปัง!”
ทันใดนั้นสีหน้าจางข่ายลอนซีดเซียวสุดๆ ร่างกายสั่นเทาอย่างแรง ความเจ็บปวดปะทุขึ้นราวกระแสน้ำเชี่ยว ทำให้ดวงตาของเขาพร่ามัว
“นายใหญ่!”
คลื่นมหาชนที่แน่นขนัดอึ้งทึ่งทันที คนในตระกูลจางนับไม่ถ้วนที่เตรียมจะบุกโจมตีไปทางเฉินเป่ยมองมาที่จางข่ายลอนโดยฉับพลัน
“เฮือก…” จางข่ายลอนสีหน้าแข็ง เขาค่อยๆ ยกมือปิดบนบาดแผลไว้…กลางฝ่ามือเลือดสดแดงเข้ม…บนตัวของเขามีแผลกระสุนอยู่ห้าหกจุด
พวกนี้ล้วนเป็นพระเดชพระคุณของเฉินเป่ยทั้งหมด
“ฆ่ามัน!”
คนในตระกูลจางนับไม่ถ้วนเจ็บใจและโมโหระคนกันไป ยกอาวุธนับไม่ถ้วนที่อยู่ในมือโบกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง บุกไปทางเฉินเป่ย พวกเขาอยากล้างแค้นเพื่อนายใหญ่ แก้แค้นที่เฉินเป่ยก่อการสังหารโหด
เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาภายใต้หน้ากาก แรงอาฆาตแค้นที่หนาวเหน็บก่อตัวไม่หยุด เขาชายตามองคนในตระกูลจางพวกนั้นราวกับเป็นตัวตุ่นและมด
คนในตระกูลจางพวกนี้กับจางข่ายลอนอยู่ในแนวรบเดียวกัน…นี่หมายความอย่างชัดเจน พวกเขาผิดเหมือนกัน
“ตึง!” เฉินเป่ยก้าวเท้าออกมา รอยเท้าระเบิดบนพื้นดิน ร่างกายวาร์ปหายไป
“หยุดนะ!”
ในเวลานี้ เสียงตะโกนสนั่นหวั่นไหว ดังก้องอยู่ในที่ว่างกลางอากาศ
ฝีเท้าคนในตระกูลจางทั้งหมดที่ถืออาวุธไว้ในมือหยุดชะงัก ส่วนเฉินเป่ยมองทางจางข่ายลอนทันใด
จางข่ายลอนที่โดนยิงไปหลายนัด ภายใต้การประคองของคนในตระกูลจางทั้งสอง ลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เดินไปทางเฉินเป่ยทีละก้าว
บรรยากาศเงียบสงบแบบกะทันหัน คลื่นมหาชนที่แน่นขนัด หลบเส้นทางหนึ่งให้โดยอัตโนมัติ เปิดทางให้จางข่ายลอนผ่าน
จางข่ายลอนค่อยๆ เดินไปตรงหน้าเฉินเป่ย สีหน้าซีดเซียวซ่อนความอ่อนแอไว้ เขาจ้องมองเฉินเป่ยครู่หนึ่ง ค่อยๆ ถามขึ้น “ทำไม?”
สีหน้าของจางข่ายลอนเผยความไม่พอใจอย่างแรง…เขาในฐานะนายใหญ่ตระกูลจาง…คาดไม่ถึงโดนยิงเข้าแล้ว
สายตาของเขากวาดผ่านภูเขาศพทะเลเลือดอย่างไม่มีสิ้นสุดใต้เท้าของเฉินเป่ย ได้สติขึ้นมาโดยฉับพลัน…เพราะการชี้ขาดของเขา ทำให้คนในตระกูลจางมากขนาดนั้นต้องมาตายกับเขา
และทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะเฉินเป่ย ถ้าไม่ใช่เฉินเป่ย เดิมทีคงไม่มีคนตระกูลจางมากขนาดนั้นมาพลีชีพอย่างไร้ความผิด
เฉินเป่ยจ้องมองจางข่ายลอนอย่างเมินเฉย บรรยากาศเงียบงัน ทันใดนั้นเฉินเป่ยค่อยๆ เอ่ยปาก “ลูกน้องของแกไปที่ตระกูลตู้ นี่คือมูลเหตุของตระกูลจาง การตายของคนพวกนี้คือผลลัพธ์ที่แกต้องยอมรับ…”
จางข่ายลอนสีหน้าแข็งทื่อ ผ่านไปพักหนึ่ง เขาแสยะปากทันที หัวเราะฮาๆ
ในเวลานี้ คนในตระกูลจางนับไม่ถ้วนมองเห็นเลือดสดเต็มปากเขาแล้ว…ทำให้พอดูขึ้นมา เขาเหมือนปีศาจที่มีชีวิต
จางข่ายลอนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สายตาของเขากวาดผ่านภูเขาศพที่มาจากคนในตระกูลจางกองรวมกัน ชั่วขณะหนึ่งมีสำนึกนิดๆ
“บอกฉันมา แกเป็นใคร ตระกูลจาง ให้แกจัดการตามสบาย…” จางข่ายเหลือบมองทางเฉินเป่ยกัดฟันพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉันอยากรู้ หัวเซี่ยมีคนแบบแกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร”
เฉินเป่ยไม่พูด แต่ว่ากุมมีดหลงหยาเอาไว้ แกะสลักสัญลักษณ์ที่มีพลังชีวิตบนพื้นแล้ว
จางข่ายลอนมองไปอย่างตั้งใจ ตอนที่เห็นชัดว่านั่นคือมังกรดุร้ายตัวหนึ่ง ลูกตาหดลงทันใด ราวกับรู้ความลับที่ยิ่งใหญ่อะไรเข้า ร่างกายสั่นเทาอย่างแรง มองทางเฉินเป่ย เต็มไปด้วยความตื่นตกใจแบบยากจะเชื่อได้
ไม่มีใครมองเห็นว่าจางข่ายลอนเห็นอะไรเข้าแล้ว ทุกคนเพียงเห็นจางข่ายลอนค่อยๆ ก้มศีรษะที่สูงส่งลง หัวเข่าโค้งงอ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน จางข่ายลอน…คุกเข่าลงเสียงดัง“ปึก”
วินาทีนั้น เฉินเป่ยอยู่ตรงนั้น สายตาที่ยากจะเชื่อของแต่ละคนตกอยู่บนตัวเฉินเป่ย มีความไม่เข้าใจและสงสัยอย่างแรง
จางข่ายลอนยอมศิโรราบแล้ว นายใหญ่ตระกูลจางที่น่าเกรงขาม ในที่สุดก็ยอมก้มหัวตรงหน้าของเฉินเป่ยแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าจางข่ายลอนมองเห็นอะไร ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป…ท่าทีหมุนกลับร้อยแปดสิบองศา
เขาที่ก่อนหน้านี้ยังหยิ่งยโสโอหัง เวลานี้อารมณ์ท่าทีของตนเองกลับลดลงอย่างกับฝุ่นผง
เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้น มองจางข่ายลอนที่เปลี่ยนมานอบน้อมถ่อมตน ถามขึ้นนิ่งๆ “ตอนนี้ทำแบบนี้ มีประโยชน์เหรอ?”
“เป็นผมผิดเอง ผมแค่หวังว่าท่านจะปล่อยคนในตระกูลของผมไป…….” จางข่ายลอนมองเห็นมังกรที่ดุร้ายตัวนั้น ในใจเต้นแรง…สัญลักษณ์นี้ ถึงแม้เขาจะรู้สึกแปลกหน้า แต่เขารู้ดีมากถึงสถานะเจ้าของสัญลักษณ์อันนี้
เขาไม่สงสัยสักนิดว่าสัญลักษณ์อันนี้เป็นของจริงหรือของปลอม…เพราะมีเพียงเจ้าของสัญลักษณ์นี้ ถึงสามารถนำสัญลักษณ์มาแกะสลักวาดมังกรดุร้ายที่สมจริงตัวหนึ่งออกมาได้อย่างง่ายดาย
แม้กระทั่งตอนที่เขาตั้งใจมองลงไป…ยังรู้สึกถึงความก้าวร้าวหยิ่งยโสที่กระโจนมาตรงหน้าด้วย
มีเพียงเขา มีเพียงท่านผู้นั้นในตำนาน เขาที่ครอบครองพลังมหาศาลน่าสยองขวัญเอาไว้ ถึงสามารถแกะสลักสัญลักษณ์ที่เป็นเพียงของเขาออกมาได้คล่องแคล่ว เป็นตัวแทนสถานะของเขา
และเมื่อเทียบกับเขา…ตนเองจะถือว่าเป็นใครกัน จางข่ายลอนมองทางสัญลักษณ์อันนี้ เขานึกขึ้นมาได้ฉับพลัน หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นไปในวินาทีนั้น
ความรู้สึกหยิ่งยโสน้อยนิดนั้นที่อยู่ในใจจางข่ายลอนหายลับไปถึงที่สุด อยู่ต่อหน้าท่านผู้นี้ เขามีสิทธิ์โอหังอะไรกัน
“ตระกูลตู้ก่อกรรมทำเข็ญมากมาย ไร้มนุษยธรรม ย่อมได้รับผลกรรมที่พวกมันควรโดน…….” เฉินเป่ยจ้องมองจางข่ายลอน “ในฐานะนายใหญ่ตระกูลจาง แกปกป้องคนผิด ในเมื่อพวกแกคิดว่ากฎหมายของหัวเซี่ยลงโทษพวกแกไม่ได้ งั้นก็ปล่อยให้ฉันทำ”
คำพูดของเฉินเป่ยพึ่งจบลง แขนขวาของเขาสั่น แสงดำเส้นหนึ่งยิงออกมา ชั่วพริบตาเดียวตัดนิ้วก้อยของจางข่ายลอนทิ้ง
จางข่ายลอนเจ็บปวดจนร่างกายสั่นอย่างแรง สีหน้าบิดเบี้ยว แต่เขาไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมาสักนิดเดียว ได้แต่ทำเสียงฮึมฮัม
“ส่งคนในตระกูลที่แกปกป้องออกมาทั้งหมด ขอเพียงแค่ร่วมมือกับตระกูลตู้ก็นับทั้งนั้น” เฉินเป่ยเอ่ยปากเรียบนิ่ง
จางข่ายลอนพยักหน้า ไม่กล้าอกตัญญูสักนิด…คนในตระกูลที่กำลังมองฉากนี้อยู่ ในใจสั่นเทา
นายใหญ่ตระกูลจางของพวกเขาที่อยู่ต่อหน้าเฉินเป่ยไม่พูดอะไรสักคำ นี่ไม่เหมือนเขาเลยสักนิด
ภาพเงาคนใส่เสื้อคลุมสีแดงนี้ สรุปว่าเป็นใครกัน…คาดไม่ถึงสามารถฆ่าสองตระกูลใหญ่ของตระกูลทองได้ ทำให้นายใหญ่ทั้งสอง คนหนึ่งตายคนหนึ่งพิการ
ในใจของคนตระกูลจางมากมายหวาดกลัวอย่างรุนแรง พวกเขามองทางเฉินเป่ย เหมือนกำลังมองปีศาจร้ายตนหนึ่ง
จางข่ายลอนที่อยู่ภายใต้การประคองของคนในตระกูลจางสองคน ปีนขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ฝืนกลั้นความเจ็บที่นิ้วขาดไว้ เขาไม่กล้าส่งเสียงเจ็บปวดออกมาสักนิด
เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา มีที่มาใหญ่เหลือเกิน แม้กระทั่งเขายังไม่อยากเชื่อสถานะของท่านผู้นี้
แต่เขาไม่เชื่อไม่ได้…การสังหารโหดคนในตระกูลจางหลายร้อย…แม้แต่ตนเองยังโดนยิง…ส่วนเขากลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ไม่ว่าเป็นอาวุธเย็นหรือร้อน ต่างไม่มีทางสร้างบาดแผลสำคัญต่อเขาได้
ความสามารถสยองขวัญแบบนี้ ทำให้ในที่สุดจางข่ายลอนก็เชื่อแล้ว ตระกูลตู้โดนทำลาย…ไม่ใช่ว่าตระกูลตู้อ่อนเกินไป แต่ว่าท่านผู้นี้แกร่งเกินไปต่างหาก
ส่วนจางหงเหลียง จากวินาทีนั้นที่จางข่ายลอนคุกเข่าลงไป ตามมาด้วยในใจสั่นสะเทือนอย่างแรง
จางข่ายลอนหมุนตัว ตอนที่มองทางจางหงเหลียงด้วยสีหน้าหนาวเหน็บ ทำให้ในใจจางหงเหลียงเกิดความรู้สึกไม่ดีอย่างดุเดือด
“ไปจับมันเอาไว้!” จางข่ายลอนตะโกนสั่ง ในใจจางหงเหลียงสั่น ถือโอกาสหมุนตัวจะหนีไปโดยไม่ลังเลสักนิด
แต่จางหงเหลียงเขาจะหนีรอดเหรอ? คลื่นมหาชนที่มากล้นกลุ่มนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นคนในตระกูลจาง
และตอนที่คนในตระกูลจางเหล่านี้ใช้สายตาสาดส่องมา ภายในใจจางหงเหลียงสั่นอย่างแรง สีหน้าซีดเผือดทันที
ตรงหน้าของจางหงเหลียงมีคนในตระกูลจางห้าหกคนปรากฏตัวขึ้น ปิดล็อกทางหนีของจางหงเหลียงไว้หมด
และตอนที่จางหงเหลียงหมุนตัว เห็นคนในตระกูลจางหลายร้อยนั้นมองตนเองอยู่ ทำให้ขาทั้งคู่ของเขาสั่นไม่หยุด
จางหงเหลียงเงยหน้า มองเห็นเฉินเป่ยที่อยู่ไม่ไกลนัก กำลังจ้องมองตนเองด้วยความเย็นชา ทำให้หัวใจของเขาราวกับจะหยุดเต้นไปในวินาทีนั้นเลย
“จับมันไว้” จางข่ายลอนพูดออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้หัวใจของจางหงเหลียง จมสู่เหวลึกโดยฉับพลัน