สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 36
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 36 เตะตอไม้หุ้มเหล็ก
เพราะว่ามีคนจำได้ว่าคนที่ขี่จักรยานคันนั้น จะเป็นใครไปได้ ก็เป็นลูกเขยที่ไม่ได้เรื่องได้ราวของตระกูลหลี
คนนั้นนะสิ สามีของหลีชิงเยียน
ตอนที่คนพวกนั้นเห็นเฉินเป่ย เกลียดจนอยากจะเข้าไปชกเฉินเป่ยสักหมัดสองหมัด
พวกเขายอมรับได้ถ้าหญิงสาวที่พวกเขาคลั่งไคล้แต่งงานอยู่กับสุภาพบุรุษที่แสนหล่อเหลา
แต่ไม่มีทางยอมรับกับคนไร้ค่าอย่างเฉินเป่ยที่กล้ามาแตะต้องสาวสวยของเขาให้แปดเปื้อนไปได้
แต่ในตอนนี้ พวกเขารู้สึกแปลกใจมากกว่า เฉินเป่ยเริ่มหลอกล่อผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งได้
ทั้งอากัปกิริยาท่าทางไม่พ่ายแพ้ท่านประธานสาวสวยของพวกเขาไปได้เลย แถมยังชนะอีกต่างหาก
สายตาคนพวกนั้นทั้งดูถูกเหยียดหยามและโกรธแค้น แถมยังรู้สึกไม่เข้าใจอยู่ในใจ
ว่าตกลงว่าผู้ชายคนนี้ทำยังไง ทั้งๆที่มาเกาะเมียกิน
แต่กลับมีหญิงสาวสวยหลายคนมาปรากฏกายอยู่ข้างเขาในเวลานี้ได้…นี่หมายความว่า….กำลังทำลายสิ่งของ
ที่สวรรค์สร้างขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง!
มีคนหันไปมองด้วยสายตาโกรธเคือง ทั้งๆที่ในบ้านก็มีสาวงามของเมืองเมืองหู้ไห่อยู่แล้ว
แต่กลับมาให้ความหวังลมๆแล้งๆกับคนอื่นอีก!
ดีที่ว่ามันเร็วมาก เฉินเป่ยก็พาซูเสี่ยวหยุนขี่รถจักรยานไปไกลจากอาคารตระกูลหลีแล้ว
ถึงแม้ว่ารถจักรยานของเฉินเป่ยจะดูเชื่องช้า แต่ความเร็วกลับไม่ได้ช้าสักนิด ประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้
ก็ขี่มาถึงร้านหม้อไฟแห่งหนึ่งแล้ว
ความเร็วนี้ มันก็รวดเร็วเท่ากับที่ซูเหลยขับรถโรสลอยด์
“ที่นี่แหละ” เฉินเป่ยพูด
หลังจากที่เฉินเป่ยจอดรถจักรยานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ผลักประตูเข้าไปในร้านหม้อไฟ
แล้วหาที่นั่งที่ค่อนข้างเงียบสงบได้ที่มุมร้าน
“กินเผ็ดได้หรือเปล่า?” เฉินเป่ยถาม
“กินได้สิ ฉันกินเผ็ดเก่ง เก่งกว่าที่คุณคิดไว้อีก” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มให้ รอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ จนทำให้คนใจเต้น
“งั้นดีเลย เราจะสั่งหม้อไฟรสหมาล่าก็แล้วกัน” เฉินเป่ยยิ้มให้ จากนั้นก็หยิบเมนูยื่นให้ซูเสี่ยวหยุน
หลังจากที่ซูเสี่ยวหยุนสั่งพวกผักมาเพิ่มแล้ว เฉินเป่ยก็สั่งเพิ่มอีกไม่กี่อย่าง
“พี่ซูเหมือนว่ากำลังสนใจผมอยู่เหรอ?” เฉินเป่ยที่กำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของซูเสี่ยวหยุน ถามด้วยรอยยิ้ม
“ตอบง่ายๆเลยแล้วกัน เพราะว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยพบไม่เคยเจอคนที่น่าสนใจเท่าคุณขนาดนี้มาก่อน”
ซูเสี่ยวหยุนยิ้มให้อย่างอบอุ่น ดั่งแรงลมในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับรอยยิ้มของหลีชิงเยียน
ที่หนาวเหน็บดั่งน้ำแข็งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า สีหน้าเย็นชามากแต่มันทำให้คนรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ
“ผมน่าสนใจตรงไหนกัน” เฉินเป่ยตะลึงอยู่ชั่วครู่
ซูเสี่ยวหยุนเงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งจ้องมองเฉินเป่ยด้วยสายตาสงสัยหวาดระแวง “ตั้งแต่เด็กจนโต
เทคนิคในการมองคนของฉันมันดีมาก มีบางเรื่อง ที่คุณตั้งใจปกปิดเสี่ยวเยียน ไม่ใช่เหรอ”
เฉินเป่ยใจเต้นโครมคราม คำพูดของ ซูเสี่ยวหยุน มันทำให้หัวใจเฉินเป่ยเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ว่าใบหน้าของเฉินเป่ยยังคงยิ้มเอาไว้อยู่เช่นเดิม แววตาสงบ ไม่มีอาการกระโตกกระตากแต่อย่างใด
“พี่ซูผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่”เฉินเป่ยยิ้มให้เล็กน้อย ท่าทางดูปกติ
ดูไม่ออกเลยด้วยซ้ำกับสิ่งที่เขากำลังปกปิดความตื่นเต้นที่อยู่ในใจ
“ที่ฉันพูดออกมานี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ
ฉันจะพูดตรงๆเลยแล้วกัน”หลังจากที่เสิร์ฟผักและเนื้อสัตว์ขึ้นโต๊ะแล้ว ซูเสี่ยวหยุน
ก็คีบเนื้อวัวหลายชิ้นลงหม้อ “คนธรรมดาคนหนึ่งที่วันๆไม่ทำอะไรสักอย่าง อยู่ดีจะถนัดภาษาฝรั่งเศสแถมยังเก่งกล้าในการใช้มีด ขนาดคนที่เป็นมืออาชีพอย่างซูเหลย ยังเห็นช่องโหว่เรื่องนี้ได้….”
“ตกลงว่าที่คุณมาอยู่ข้างกายเสี่ยวเยียน เพื่ออะไรกันแน่เงินหรือว่าอย่างอื่น”มุมปากของซูเสี่ยวหยุน
ยังคงมีรอยยิ้มอยู่เช่นเดิมไม่ได้หายไปไหน เธอเอาแต่จ้องมองเฉินเป่ย
เหมือนต้องการจ้องมองดวงตาคู่นั้นของเฉินเป่ยเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง
แต่เธอก็ต้องผิดหวัง ดวงตาของเฉินเป่ยปกติมาก ไม่มีการหวั่นไหวเลยสักนิด
ราวกับว่าไม่เข้าใจความหมายในการหลอกถามของซูเสี่ยวหยุนเลยสักนิด หรือจะพูดได้ว่า สิ่งที่ซูเสี่ยวหยุน
พูดออกมานั้นเป็นคนอื่นไปเสียอย่างนั้น….
สิ่งที่ซูเสี่ยวหยุนไม่รู้เลยก็คือ เฉินเป่ยเคยเข้ารับการอบรมการเป็นสายลับขั้นพิเศษ
ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกของตนเองเพื่อให้ตัวเองต้องซวยไปด้วย…ถึงแม้ว่าในใจจะหวาดหวั่นพรั่นพรึงสักเพียงใด แต่สีหน้ายังคงเป็นปกติเช่นเดิม
“พี่ซูผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ตอนนั้นผมกับเพื่อนไปทำงานหาเงินที่ประเทศฝรั่งเศส
เลยต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสในการทำงานตอนอยู่ในห้องครัว เลยใช้ได้คล่อง มันก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง”เฉินเป่ย
ยังคงทำหน้าปกติ แถมยังคีบเนื้อวัวที่ต้มสุกแล้วใส่ชามซูเสี่ยวหยุนด้วย
“การแต่งงานระหว่างผมกับท่านประธานหลี หลีหยางคุณพ่อของเธอเป็นคนจัดการ ถ้าคุณต้องการถามก็ไปถามเขาได้”เฉินเป่ยตอบตามปกติ
“ไม่เป็นไร ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”ซูเสี่ยวหยุนไม่หลอกถามแล้ว
เพราะว่าเธอเองก็ไม่สามารถหลอกถามข้อมูลอะไรออกมาได้จากตัวของเฉินเป่ย
ถึงแม้ว่าในใจยังคงมีความสงสัย แต่ว่าทุกอย่างมันก็คือข้อสงสัยตามสิ่งที่คาดเดาไว้เท่านั้น
เวลาเดียวกัน มีโต๊ะหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของเฉินเป่ยกับซูเสี่ยวหยุน ที่มีผู้ชายกำลังเมาหนัก
แถมยังดื่มเบียร์ไม่ยั้ง เสียงดังลั่นร้าน พร้อมทั้งโหวกเหวกโวยวายอย่างไม่เกรงกลัว
จนเหมือนกำลังทำลายบรรยากาศที่สนุกสนานภายในร้านหม้อไฟ…
ทันใดนั้น ก็มีสายตาของผู้ชายตัวโตมองมาที่ร่างกายซูเสี่ยวหยุน สายตาจับจ้อง
พร้อมทั้งมีรอยยิ้มสนุกสนาน
“พี่ใหญ่ ผู้หญิงคนนั้นสวยชะมัด!” ผู้ชายตัวโตชี้มาทางซูเสี่ยวหยุน แถมเสียงดังฟังชัด
เลยทำให้ผู้ชายตัวโตอีกหลายต่อหลายคนมองตามนิ้วที่ชี้มาจนเห็นซูเสี่ยวหยุนเข้า ทุกสายตาที่มองมา
หื่นกระหายเหลือเกิน
อุณหภูมิในอากาศเริ่มร้อนระอุขึ้น! คนพวกนี้ยิ่งหน้าด้านไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงสวยหยดย้อยขนาดนี้อย่างซูเสี่ยวหยุน จนพวกเขาเกือบจะน้ำลายไหลแล้ว!
“ไอ้เชี้ย ของดีมาก ฉันยังไม่เคยเห็นคนที่น่ากินขนาดนี้มาก่อนเลย…หุ่นก็…”
“พี่ใหญ่ นานแล้วที่พี่น้องเราก็ไม่ได้ออกล่าเหยื่อ!”
กลุ่มคนเมาเหล้ากลุ่มนั้นหัวเราะเสียงดัง พร้อมทั้งส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายอย่างอวดดี
แขกที่ทานอาหารอยู่ในร้านจำนวนมากมายสีหน้าต่างกระวนกระวายใจ พร้อมทั้งพยายามอยู่ให้ห่าง
แทบไม่กล้าเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ!
ผู้ชายตัวใหญ่คนที่เป็นหัวหน้า หรี่ตามอง พร้อมทั้งประเมินร่างกายของซูเสี่ยวหยุนอย่างละเอียด
ใบหน้าสวยสดงดงามมีเสน่ห์ หน้าอกอวบอิ่มเชิดชูรูปทรง
เลื่อนลงมาจนถึงขาเรียวเนียนละเอียดใต้กระโปรง…ไม่มีตรงไหนที่จะขาดไปเลย!
“แม่ง! ถ้าหล่อนมาอยู่กับพวกเรายังดีซะกว่า ไปอยู่กับไอ้คนไร้น้ำยาแบบนี้ไปได้!” เสียงผู้ชายตัวโตหัวเราะลั่น
เมื่อเขาเห็นเฉินเป่ยที่นั่งอยู่ด้านข้าง แสดงอาการดูถูกทางสายตาออกมาทันที
“ก็ใช่ ประมาณว่าเขาคงไม่สามารถให้เธออิ่มเอมเปรมปรีดิ์ได้!”
“ไป เราไปทักทายเธอกันสักหน่อย!” ผู้ชายตัวโตเอ่ยปาก จากนั้นก็ลุกพรวด
พร้อมทั้งยังมีอีกหลายคนที่เดินมาหาซูเสี่ยวหยุนพร้อมกัน!
ซูเสี่ยวหยุนหน้าถอดสี ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ค่อยๆซีดลงเรื่อยๆ เธอไม่คิดเลยว่า ปัญหาจะมาได้เร็วขนาดนี้!
“ไม่เป็นไร มีฉันอยู่ทั้งคน” ทันใดนั้นเฉินเป่ยก็คีบผักใส่ชามซูเสี่ยวหยุน
จนทำให้เธอรู้สึกวางใจอย่างบอกไม่ถูก ความกระวนกระวายใจที่อยู่ในใจนั้นก็ไม่ได้เต้นรัวอีกแล้ว
มันสงบลงแล้ว
ซูเสี่ยวหยุนส่งสายตาสื่อความหมายพร้อมทั้งจ้องมองเฉินเป่ย ดวงตางดงามกะพริบตา
เธอเกิดความรู้สึกแปลกใจมาก ว่าครั้งนี้ ผู้ชายคนนี้ จะสร้างความประหลาดใจอะไรให้เธอกันนะ…
ทว่าการแสดงออกของซูเสี่ยวหยุนนั้น มันกลายเป็นความร้อนแรงมาก!มันทำให้หัวใจของเฉินเป่ยเต้นระรัว!
“น้องสาวคนสวย ไปทานข้าวด้วยกันไหมจ๊ะ?” ผู้ชายตัวใหญ่หลายคนเดินมาถึงที่โต๊ะ พร้อมทั้งจ้องมองซูเสี่ยวหยุนด้วยสายตาเจ้าชู้
“ไม่ดีกว่า ฉันนัดเพื่อนไว้แล้ว…” ซูเสี่ยวหยุนยังฝืนยิ้ม แต่ไม่ต้องการที่จะให้รอยยิ้มนี้สามารถสื่อความหมาย
จนทำให้กลุ่มผู้ชายตัวใหญ่ได้ดีใจและอยากจะทะเลาะวิวาทในตอนนั้น
“ไม่ทำอย่างงั้นนะจ๊ะคนสวย
มีพวกพี่ๆมานั่งกินข้าวกับน้องด้วย…มันมีความหมายมากกว่าคนที่น้องนัดไว้ซะอีก…
พวกพี่จัดท่าพิสดารได้ครบทุกท่า…” กลุ่มผู้ชายตัวโตผิวปากกันเกรียว
แสดงท่าทางอันธพาลหน้าด้านไร้ยางอาย!
“เฮ้ย! มีมารยาทบ้างได้ไหม คนที่เขานัดไว้คือฉันนี่…” เฉินเป่ย
กวาดตามองกลุ่มคนตัวใหญ่แถมยังพูดอย่างเย็นใส่ สีหน้าเริ่มโหด
“แกเหรอ” กลุ่มคนตัวใหญ่มองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะกันเสียงดัง
“ไอ้เชี้ย! แกเป็นใคร ถึงได้มีสิทธิ์มานั่งกินข้าวกับน้องคนสวยคนนี้ได้!”
“แถมยังให้พวกพี่ทำตัวมีมารยาทกับคนอย่างแกด้วย แกมีสิทธิ์อะไร”
“ไสหัวไปซะ เอาที่มาให้พวกฉันนั่ง ไม่งั้นแกเตรียมตัวสั่งลาพ่อแม่แกได้เลย!”
กลุ่มคนตัวใหญ่หัวเราะดังลั่นอย่างหน้าไร้ยางอาย ด้านในร้านหม้อไฟเริ่มชุลมุน
แขกที่มาทานอาหารต่างมองมาทางเฉินเป่ย ในใจพวกเขาต่างคิดว่าต้องมีเรื่องขึ้นแน่
เฉินเป่ยจ้องมองกลุ่มผู้ชายตัวใหญ่อย่างมีความหมาย คนกลุ่มนี้ยิ่งอวดดีหน้าด้านเต็มทน
แถมยังหยิ่งจองหองพูดไม่รู้เรื่อง….
เฉินเป่ยยิ้มเล็กน้อย ทันใดนั้นเอง… หมัดขวาของเขา ก็ต่อยหน้าผู้ชายที่หยิ่งจองหองที่สุดคนนั้นไปหนึ่งหมัด!
“โครม—”เสียงดังกึกก้อง ผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นบินลอยออกไป พร้อมทั้งนอนกองอยู่ที่พื้นเสียงดังลั่น!
“ปึก!”
เฉินเป่ย ทุบโต๊ะ ซุปในชามร้อนจัดที่อยู่ในมือ มันกระเซ็นไปโดนกลุ่มผู้ชายตัวใหญ่หลายคน! วินาทีนั้น
ผู้ชายตัวใหญ่กลุ่มนั้นส่งเสียงโหยหวนดังลั่นอย่างเวทนา!
ความร้อนของซุปในชามถ้วยนั้น น้ำซุปมันร้อนที่ลวกได้ เท่ากับอุณหภูมิของน้ำที่กำลังเดือดอยู่!
“ม่งเอ้ย!แกกล้าสาดน้ำใส่ฉันเหรอ!”
“ครั้งแรกที่เพิ่งเคยเจอคนอย่างแกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
“แกกล้าต่อยฉัน!แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร!”
ตอนที่กลุ่มชายฉกรรจ์นั้นพยายามลุกขึ้นมา แวบเดียวก็ล้อมเอาไว้แล้ว สีหน้าดุร้ายโหดเหี้ยม
บรรยากาศมันคุกรุ่นไปด้วยเชื้อเพลิง ที่พร้อมปะทุ!
“แกเป็นใคร แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง..” มุมปากเฉินเป่ยแสยะยิ้มเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดออกมาอย่างปกติ
“ถนนเส้นนี้พวกฉันดูแลอยู่ ฉันแซ่หวัง คนอื่นเขาเรียกฉันว่าหวางป้ะ!” พี่หวางพูดกร่าง
แถมยังหยิ่งจองหองอย่างมาก!
“อาฉัน เป็นหัวหน้าสถานีตำรวจแถวนี้…ฉันให้แกสองทางเลือก หนึ่งยอมให้ฉันทำร้ายตัดแข้งตัดขาแก
สองเดินเข้าไปแล้วให้กูตัดแข็งตัดขาแก!”พี่หวางค่อยๆเอ่ยปาก
แต่ทำให้สีหน้าของแขกที่กินอยู่ในร้านอาการต่างถอดสีไปตามๆกัน!
ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนี้ต่างรู้จักหวางป้ะเป็นอย่างดี เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่หวาง
ไปทะเลาะกับพวกแก๊งใต้ดินเข้า แต่สู้กับอีกฝ่ายไม่ได้ เลยหนีเอาตัวรอดออกมา วันรุ่งขึ้น
สถานีตำรวจก็ได้ไปจับกลุ่มคนพวกนั้นที่ก่อเรื่องเมื่อวาน!
และยังมีอีกหลายครั้ง ที่พี่หวางใช้กำลังทำร้ายผู้ชายเพื่อเอาตัวผู้หญิงมาเป็นของตน
ไม่รู้ว่าไปทำลายผู้หญิงมาสักกี่คน แต่ไม่มีคนกล้ามีปากมีเสียง เพราะว่าพี่หวางมีคนคอยคุ้มหัวให้อยู่!
เคยมีคนคิดอยากจะเปิดเผยเรื่องนี้ แต่พอเรื่องมันดังขึ้นมาแล้วเขาก็หายตัวไป อย่างไร้ร่องรอย….
ไม่มีใครที่จะไม่ให้ความเคารพยำเกรงกับพี่หวาง ไม่มีใครกล้าไปแหย่เขา… แต่วันนี้ กลับมีคน
ต่อหน้าสาธารณชน ต่อยพี่หวาง!
แขกที่มาทานอาหารจ้องมองเฉินเป่ยอย่างน่าเวทนา ในใจคิดว่า มีผู้หญิงเพิ่มอีกคนที่ถูกพี่หวางทำร้าย แถม
เฉินเป่ยคนนี้ เตะตอไม้หุ้มเหล็กเลยแหละ…9 ใน 10 เสร็จแน่ๆ
“ตำ…รวจ….” เฉินเป่ยได้ยินคำๆนี้ รอยยิ้มมีความหมายแอบแฝง เขาทั้งเยาะเย้ยและดูถูกเป็นอย่างมาก