สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 362
บทที่362 ชุบชีวิตฟื้นคืนมา!
พอเสียงนี้ปรากฏขึ้น ชั่วขณะนั้นก็ดึงดูดสายตาได้ไม่น้อยเลย
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นยังสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเขานึกไม่ถึงว่าจะมีคนคนหนึ่งกระโดดออกมาโต้แย้งเขาอย่างกะทันหัน
พรึบ!
สายตาแต่ละคนมองไปตามเสียงด้านหลัง ฝูงชนแยกกระจายเป็นทางเดินเส้นหนึ่งโดยอัตโนมัติ ปรากฏเฉินเป่ยที่ยืนสีหน้านิ่งเฉยที่ด้านหลังออกมาแล้ว
เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้น มือทั้งคู่ล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ บุหรี่ในปากค่อยๆ ลุกไหม้ กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ คลุ้งกระจายเต็มในอากาศ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดท่านนั้นปิดจมูกไว้โดยจิตใต้สำนึก
และหลังผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นพบว่าเฉินเป่ยเป็นคนพูด สายตาที่มองทางเฉินเป่ยชั่วขณะนั้นก็ซับซ้อนมีเลศนัยขึ้นมา
ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของหู้ไห่ท่านนั้นสังเกตเฉินเป่ยแวบหนึ่ง ทำเสียงฮึดฮัด พูดว่า “เป็นคนที่ใกล้จะไม่รอดแล้ว ดูจากสภาพร่างกายของผู้ป่วย เดิมทีไม่เหมาะสมทำการผ่าตัด แม้แต่บาดแผลหลายจุดยังกำลังอักเสบเป็นหนอง แล้วจะเอาวิธีมาจากไหน?”
หน้าหมอท่านนั้นเผยสีหน้าที่ไม่พอใจ ทำให้ผู้ทำงานลับเฉพาะด้านข้างรีบฉีกยิ้มพูดขึ้นก่อน “คุณหมอครับ ท่านอย่าไปถือสาเขาเลย ท่านพูดถูกครับ ขอเพียงท่านต้องคิดหาวิธีก็พอแล้ว ส่วนเขาให้ผมจัดการเอง”
สายตาของเฉินเป่ยตกอยู่บนตัวผู้ทำงานลับเฉพาะคนนั้น ผู้ทำงานลับเฉพาะคนนั้นไม่ใช่คนอื่น คือแมงป่องที่ก่อนหน้านี้พูดจาวิตถารครั้งแล้วครั้งเล่า
เฉินเป่ยขี้เกียจสนใจสายตาสงสัยของแมงป่องและผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้น จึงเดินไปด้านหน้าของหมอท่านนั้น เอ่ยปากนิ่งๆ “เขายังมีเวลาทองอีกห้านาที ถ้านายไม่กลับไปทำอะไรหน่อย ไม่นานเขาจะเปลี่ยนเป็นมนุษย์ผัก”
เฉินเป่ยพูดคำนี้ออกมา ชั่วขณะนั้นทำคนทั้งหมดตื่นตกใจ ทำให้ในใจผู้ทำงานลับเฉพาะหลายคนสั่นอย่างแรง สายตาตะลึงไม่สงบขึ้นมา
“หุบปาก ผู้เชี่ยวชาญยังไม่ได้พูดอะไร ใครให้นายพูดมั่วซั่วกัน สาปแช่งหัวหน้าหลี่ของพวกเรารึไง?” แมงป่องจ้องเฉินเป่ยด้วยสายตาหนาวเย็น สีหน้าไม่ดี
“การเปลี่ยนแปลงใหญ่โตอะไรบ้างที่หัวหน้าหลี่ไม่เคยเจอมา? เรื่องแบบนี้เขาจะต้องผ่านไปได้ดีแน่ นายสาปแช่งหัวหน้าหลี่ขนาดนี้ มีเจตนาอะไรกัน?”
“จริงด้วย หัวหน้าหาใครมากัน คาดไม่ถึงอยากให้หัวหน้าตาย…….” และในเวลานี้ ผู้ทำงานลับเฉพาะแต่ละคนเอ่ยปากกันอย่างมั่วไปหมด สายตาแต่ละคนตกอยู่บนตัวเฉินเป่ย สีหน้าไม่ดีขึ้นมา
ส่วนผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดท่านนั้นกวาดตามองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง ค่อยๆ พูดว่า “เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคนพูดแบบนาย คาดไม่ถึงยังตัดสินเวลาได้แม่นยำขนาดนี้ ตอนนั้นที่ฉันเข้าร่วมองค์กรการแพทย์ของหัวเซี่ย เคยเจอรุ่นใหญ่ไม่กี่ท่าน ไม่มีใครที่ปั้นเรื่องมั่วซั่วแบบนายหรอก”
หมอท่านนั้นกวาดสายตาอย่างเหยียดหยาม เหลือไว้คำพูดหนึ่ง “พวกหลอกลวง” จึงค่อยๆ หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องแล้ว
“ผู้เชี่ยวชาญเอ่ยปากมาแล้ว นายยังมีหน้าอยู่ที่นี่อีก?” แมงป่องคนนั้นมองเฉินเป่ยอยู่ พูดอย่างเย็นชา
เฉินเป่ยมองแมงป่องแวบหนึ่ง เอ่ยปากเรียบๆ “เห็นแก่หัวหน้าหลี่ จะไม่ถือสาหาความนาย”
แมงป่องเหมือนโดนเฉินเป่ยกระตุ้นความโกรธขึ้นมาในแวบเดียว ก้าวเท้าออกมา ราวกับอยากเดินไปทางเฉินเป่ย เอ่ยปากอย่างเย้ยหยัน “ดูแล้วนายเข้าใจอะไรมากเลยนะ งั้นทำไมนายไม่ช่วยหัวหน้าหลี่ล่ะ? ถ้าเห็นแก่หน้าของหัวหน้า นายคิดว่าฉันจะให้นายเดินเข้าประตูนี้มารึไง?”
แมงป่องจ้องเฉินเป่ยจากบนตัวเขาอย่างโมโห มีความหมายหนาวเหน็บเต็มเปี่ยมระเบิดออก
แมงป่องพึ่งเตรียมจะคิดบัญชีกับเฉินเป่ย ครู่หนึ่งถูกผู้ทำงานลับเฉพาะหลายคนข้างกายห้ามเอาไว้ ให้แมงป่องใจเย็นลง
แมงป่องสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง สงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง มองทางเฉินเป่ยอย่างเมินเฉย ในแววตาลึกประกายความหมายดูถูก
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ประตูห้องถึงเปิดออกอีกครั้ง หมอที่ใส่เสื้อกาวน์สีขาวท่านนั้นปรากฏตัวอยู่หน้าประตู สีหน้าหนักหน่วง เผยความเสียใจที่น่าประหลาดใจ
“คุณหมอ เป็นยังไงบ้างครับ?” แวบหนึ่งความสนใจของผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นถูกหมอท่านนั้นดึงดูดไปแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นล้วงมือทั้งคู่ไว้ในกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาว ส่ายๆ หน้า “สายไปเสียแล้ว ถ้าช่วยชีวิตเร็วกว่านี้หน่อย บางทียังรักษาต่อได้…ศีรษะของผู้ป่วยยังได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง ถึงแม้รักษาชีวิตไว้ได้ คงกลายเป็นมนุษย์ผักที่ไม่รู้สึกตัวสักนิด” หมอท่านนั้นถอนหายใจ พูดขึ้น
“หมอ ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วเหรอ?” ผู้ทำงานลับเฉพาะหนึ่งในนั้นถามขึ้น
“วิธีใดๆ ฉันก็ลองมาหมดแล้ว การรู้สึกตัวของเขาอ่อนแออย่างมาก……” ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นพูดๆ อยู่ก็ไม่ได้พูดต่อไปอีก…ในอากาศมีกลิ่นอายเศร้าใจตลบอบอวลเต็มไปหมด
และในเวลานี้ เฉินเป่ยก้าวเท้าออกมากะทันหัน เดินไปทางในห้อง
“นายอยากทำอะไรกัน? ทำไม นายยังคิดจริงเหรอว่าฝีมือของนายสูงกว่าผู้เชี่ยวชาญได้?” ในเวลานี้ แมงป่องวาร์ปตัวมาดักหน้าประตูห้องทันที ขวางเฉินเป่ยเอาไว้
เฉินเป่ยเมินเฉยต่อการเยาะเย้ยของแมงป่อง สายตาสาดส่องไปทางผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นโดยตรง ถามขึ้นทันใด “วิธีของแพทย์แผนตะวันตกก็ลองมาแล้ว งั้นแพทย์แผนจีนล่ะ?”
เสียงของเฉินเป่ยดังขึ้นฉับพลัน ดังสะท้อนในอากาศที่เงียบสงบผืนนี้ ลอยเข้าในหูของทุกคนอย่างแจ่มชัด
ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจ้องมองเฉินเป่ยอย่างรอบคอบ มึนงงนิดหน่อย เบิกดวงตาโต หัวเราะแบบหน้าตาประหลาดใจ “นายหมายความว่าให้ใช้สิ่งที่ตกรอบหลอกลวงไปตั้งนานพวกนั้นมารักษาคน? สิ่งนั้นอย่าพูดว่ารักษาคนเลย นายไม่เร่งให้เขาตายไปก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!”
ผู้เชี่ยวชาญสังเกตเฉินเป่ยอยู่ ถามว่า “นายมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมมั้ย?”
เฉินเป่ยส่ายหน้าช้าๆ
ท่าทีของผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นยิ่งเย็นชา มุมปากวาดเส้นรัศมีวงกลมที่เหยียดหยามขึ้น เขานึกไม่ถึงว่าตนเองมีชื่อเสียงที่หู้ไห่ จะมาเจอกับเจ้าหนุ่มที่แม้แต่หมอยังไม่ใช่คนหนึ่งแบบนี้ กลับมาสอนจระเข้ว่ายน้ำต่อหน้าตนเอง
ในเสียงที่หนาวเหน็บของผู้เชี่ยวชาญมีการเสียดสีเพิ่มขึ้นมา “งั้นนายรู้อาการโดยรวมของผู้บาดเจ็บด้านในมั้ย?”
เฉินเป่ยส่ายหน้าอีกครั้ง พูดอธิบาย “ฉันยังไม่ได้ดูละเอียด…….”
เฉินเป่ยยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นขัดจังหวะแบบรำคาญ “พอแล้วๆ แม้แต่อาการโดยรวมของผู้บาดเจ็บนายยังไม่รู้ดี ยังมาใช้ลูกไม้นั้นหลอกลวงฉัน…นายโกหกคนอื่นก็ได้ แต่ยังกล้ามาพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าฉันอีก ความมั่นใจของนายมันช่างขยายตัวเหลือเกินมั้ง”
เฉินเป่ยตะลึง แมงป่องที่อยู่ด้านข้างมองทางเฉินเป่ย สีหน้ามีการดูถูกอย่างรุนแรง พูดขึ้นมา “ฉันบอกแล้วไง ถ้าไม่เชิญคุณหมอมา กลัวว่าเขาต้องหลอกพวกเราทั้งหมดเข้าให้”
“แพทย์แผนจีน? ทำไม? นายอยากจุดไฟต้มยาให้เขาดื่มงั้นเหรอ? กลัวว่าตอนที่รอยาต้มของนาย เขาคงตายไปตั้งนานแล้วน่ะสิ!” ผู้เชี่ยวชาญถูกเฉินเป่ยวิจารณ์จนโมโหไม่น้อย พูดดูถูกเฉินเป่ยไปทีหนึ่ง สายตาที่มองทางเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
หลังจากเฉินเป่ยมึนงงครู่หนึ่ง สีหน้าฟื้นตัวกลับมาเรียบเฉย และจำใจอยู่บ้าง เขามองทางผู้เชี่ยวชาญท่านนั้น พูดว่า “สรุปจะเอายังไงถึงจะยอมให้ฉันเข้าไป?”
ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นมองทางเฉินเป่ย สีหน้าเต็มไปด้วยความชั่วร้ายเย้ยหยัน พูดอย่างเย็นชา “ปล่อยนายไปทำลายชีวิตคนรึไง? อยากเข้าไป ไปสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ได้ก่อน เจ้าคนที่แม้แต่หมอคนหนึ่งยังไม่ใช่ ไม่มีคุณสมบัติมาพูดจาต่อหน้าฉัน”
“คุณสมบัติ?” เฉินเป่ยมึนงงนิดหน่อย จากนั้นเผยรอยยิ้มที่จำใจออกมา
เขาอยู่ที่หัวเซี่ยย่อมไม่มีคุณสมบัติลงทะเบียนเป็นหมอ เพราะด้วยสถานะตอนนี้ของเขา หากลงทะเบียนสมัครใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ จะทิ้งช่องโหว่ไว้ได้ง่ายมาก….เขาอยู่ที่หัวเซี่ยกลายเป็นสิ่งต้องห้ามตั้งแต่นานแล้ว ถ้าหัวเซี่ยพบความผิดปกติของเขา นำมาซึ่งหายนะให้ตระกูลหลีได้ง่ายมาก….แม้กระทั่งการสังหารยกครัว
แต่ที่ต่างประเทศ ในแอฟริกาใต้บางส่วนที่ยากจนเทคนิคการแพทย์ล้าหลัง…เขาช่วยชีวิตคนที่น่าสงสารหมดหวังมากมาย…ทักษะการแพทย์ของเขา แม้แต่องค์กรการแพทย์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในต่างประเทศ ยังแย่งกันเชิญเขาไปเป็นที่ปรึกษา…ความเข้าใจที่เขามีต่อร่างกายมนุษย์ไกลเกินกว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดนับไม่ถ้วนในต่างประเทศ…….
ประสบการณ์ผ่านห่ากระสุนปืนมานับไม่ถ้วน ทักษะการแพทย์ของราชาหลง ถ้าจะเจอข้อสงสัย…ทหารในบังคับบัญชาของเขาไม่รู้จะบาดเจ็บล้มตายมากเท่าไร
ถ้าผู้เชี่ยวชาญท่านนี้พูดคำนี้ที่ต่างประเทศ ไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดไฟโกรธที่มีกำลังมากแค่ไหน
คุณสมบัติ? ถ้าราชาหลงไม่มีคุณสมบัติ ภายใต้โลกใบนี้ยังมีใครครอบครองคุณสมบัตินี้อีก?
ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดชั้นยอดของต่างประเทศเหล่านั้น…เกรงว่าคงเหงื่อตก ไม่กล้ายอมรับทักษะการแพทย์ของตนเอง เทียบราชาหลงไม่ได้
หลังเฉินเป่ยมองผู้เชี่ยวชาญท่านนั้น รอยยิ้มจึงเพิ่มความจำใจ “สรุปนายจะเอายังไงกัน ถึงจะยอมหลบให้?”
ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นมองเฉินเป่ยจากด้านบนลงมา “ฉันไม่อาจให้นายไปทำลายคนมั่วซั่ว…” หลังผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นพูดจบ หันหน้ามองทางผู้ทำงานลับเฉพาะพวกนั้น ขมวดคิ้วแน่น “พวกนายยังไม่ไล่เขาออกไปจากที่นี่อีก รออะไรกันอยู่?”
“ได้ยินชัดมั้ย คนอื่นเขาให้นายไสหัวไป นายแม่งยังไม่ไสหัวไปอีก?” แมงป่องคนนั้นเห็นได้ชัดว่าทนไม่ไหว ก้าวเท้าออกมา มองเฉินเป่ยอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง สอบถามอย่างหนาวเหน็บ
ส่วนเฉินเป่ยเมินเฉยต่อคำพูดของแมงป่องนั้นไป จ้องผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นโดยตรง ค่อยๆ เอ่ยปาก ชัดถ้อยชัดคำ “ฉันขอเตือนนาย ดีที่สุดให้ฉันเข้าไป…ไม่อย่างนั้นผลสุดท้าย เดิมทีนายแบกรับไม่ไหวแน่”
ตอนที่เฉินเป่ยเอ่ยปาก จากบนตัวเขา ระเบิดท่วงท่าที่ไร้รูปร่างออกมาฉับพลัน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นสีหน้าอึ้งทึ่ง ชั่วขณะนั้นความก้าวร้าวหายไปเกือบครึ่ง
ชั่วขณะที่ดวงตาของผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นประสานกับเฉินเป่ย รู้สึกได้ถึงความดุเดือดที่เหมือนช่วงปกติจากบนตัวของเขา…วินาทีนั้นเฉินเป่ยเหมือนกลายเป็นดาบแหลมเล่มหนึ่ง ความหมายที่ดุเดือดรุนแรง เกือบจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้า
และตอนที่ดวงตาของเขาประสานกับเฉินเป่ย ในใจสั่นไม่หยุดขึ้นเอง…เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความหมายโหดร้ายนิดๆ ในแววตาของเฉินเป่ยที่เผยออกมา ทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน
ความหมายโหดร้ายนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ชั่วขณะนั้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้เกิดความกลัวในใจ…วินาทีนั้น ออร่าที่น่าประหลาดใจบนตัวของเฉินเป่ยแฝงไปด้วยความเผด็จการที่แน่วแน่ไว้…แม้แต่ผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นที่อยู่ในเหตุการณ์ ในใจยังเกิดความคิดที่จะต่อต้านไม่ได้
เดิมทีพวกเขาไม่รู้ว่าราชาหลงที่บัญชาการคุกมังกรก่อตัวเป็นลมหอบใหญ่ตั้งแต่นานแล้ว…ชั่วขณะหนึ่งสายตาที่ผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นมองเฉินเป่ยดูแปลกล้ำลึกขึ้นมา…วินาทีนั้น เฉินเป่ยคล้ายกับหัวหน้าหลี่ของพวกเขา เปลี่ยนไปเหมือนกันอย่างยิ่ง…แม้กระทั่งถ้าเฉินเป่ยออกคำสั่ง พวกเขายังไม่สงสัยกันเลย พวกเขาจะปฏิบัติตามอย่างไม่ลังเลสักนิด
ในใจผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเต้นขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่าเฉินเป่ยไม่ได้กำลังปรึกษาอ้อนวอนเขา…นี่คือคำสั่งอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ทั้งหมดเงียบสนิท ไม่มีผู้ทำงานลับเฉพาะสักคนก้าวออกมาพูดประโยคใดๆ สายตาของพวกเขาทุกคนล้วนตกอยู่บนตัวของเฉินเป่ย แม้แต่แมงป่องคนนั้น สายตาประกายความไม่สงบ มองทางเฉินเป่ย สีหน้ามีความประหลาดใจแวบผ่าน
ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นพยายามกดหัวใจที่สั่นไม่หยุด ชายตามองผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นทีหนึ่ง เห็นว่าตอนแรกผู้ทำงานลับเฉพาะที่แข็งแกร่งเหล่านั้นในเวลานี้ไม่มีใครมาสนับสนุนเขา…ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมา ผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านี้ ช่วงเวลาสำคัญยังพึ่งพาไม่ค่อยได้เลย
ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นกลืนน้ำลายลง เขาไม่สงสัยสักนิดกับคำพูดพวกนั้นที่เฉินเป่ยพึ่งพูดออกมาว่าเป็นความจริง
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง ทำเสียงฮึดฮัด “นายมีวิธีงั้นก็ลองดู ฉันจะดูสิว่ากลโกงพวกนั้นของนายจะช่วยชีวิตคนได้ยังไง!”
ถึงแม้ปากผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นจะพูดไม่ยอมคน แต่ร่างกายก็เอียงไปด้านข้างอย่างสมยอมมาก หลบทางเข้าประตูให้แล้ว
หลังเดินเข้ามาในห้อง เฉินเป่ยมองเห็นหัวหน้าหลี่ที่นอนอยู่บนเตียง เขาในเวลานี้ดูขึ้นมาเหมือนอ่อนแรงสุดๆ ถ้าไม่ใช่เฉินเป่ยรู้สึกถึงลมหายใจที่แผ่วเบาของเขาได้อย่างฉับไว ง่ายมากที่เฉินเป่ยจะเข้าใจผิดว่าคิดว่าเขากลายเป็นร่างกายที่เย็นเฉียบไปแล้ว
เมื่อเดินมาถึงข้างเตียง หลังจากเฉินเป่ยขมวดคิ้วพินิจพิเคราะห์สักพักหนึ่ง ทันใดนั้นมองทางกล่องยาที่วางไว้ที่ตู้ข้างหัวเตียง
ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเห็นเฉินเป่ยที่แม้แต่สเต็ทโตสโคปยังไม่ใช้ เพียงแค่มองด้วยตาเปล่าทีหนึ่ง มุมปากฉีกรอยยิ้มที่มีความหมายเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม เยาะเย้ยอย่างยิ่ง
เฉินเป่ยเปิดกล่องยาออก หลังจากค้นหาครู่หนึ่ง หยิบเข็มทองคำเรียวยาวแต่ละเล่มออกมาจากด้านใน
“ทำไม หรือว่านายคิดว่าอันนี้จะสามารถช่วยชีวิตเขาได้…” หลังผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเห็นเฉินเป่ยหยิบเข็มทองคำออกมา สีหน้ายิ่งดูเย้ยหยันเพิ่มขึ้น ไม่ปิดบังความชั่วร้ายใดๆ ไว้สักนิด “การฝังเข็มมักจะใช้มาดูแลรักษาร่างกาย นายเป็นคนแรกที่ฉันเห็นว่าใช้การฝังเข็มมาช่วยชีวิต แม้แต่ความรู้จุดนี้นายยังไม่เข้าใจ คาดไม่ถึงยังอยาก…” ผู้เชี่ยวชาญพูดมาได้ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นมือทั้งคู่ของเฉินเป่ยสั่น เข็มทองคำหลายเล่มกลายเป็นภาพวืดสีทอง กระหน่ำยิงไปยังหัวหน้าหลี่
สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญนั้นแข็งทื่อทันใด เขาจ้องภาพวืดสีทองพวกนั้นตาเขม็ง สีหน้ายากจะซ่อนความตื่นตกใจอย่างแรง