สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 369
บทที่ 369 การจลาจลของหู้ไห่!
คำพูดของเย่ชวงที่พูดตรงๆออกไปนั้น พลันทำให้บรรยากาศนิ่งเงียบทันที
จนทำให้คนในตระกูลจางที่รายล้อมอยู่รอบตัวเย่ชวง ท่าทางนิ่งทันที พร้อมมองเย่ชวงด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกออกมาซะส่วนใหญ่ … พวกเขาไม่คิดเลยว่า เย่ชวงจะพูดตรงได้ขนาดนี้ นี่ในช่างไม่มีเหตุผลอะไรเสียจริง!
ดวงตาเย่ชวงจ้องเขม็งไปที่จางข่ายลอน จางข่ายลอนยืนอยู่ที่เดิม หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ชวง มุมปากก็กระตุกน้อยๆ เขาคิดไม่ถึง การพูดของเย่ชวง จะเปิดเผยมากขนาดนี้
จางข่ายลอนยิ้มอ่อนๆ มองไปที่เย่ชวงแล้วพูดว่า “คุณเย่ เรื่องนี้อาจจะมีการเข้าใจผิด ไม่อย่างนั้นคุณกับผมเข้าไปด้านใน เพื่อพูดคุยเรื่องนี้อย่างละเอียดดีมั้ย”
จางข่ายลอนพูดอย่างเหมาะสมดูดี ความเป็นสุภาพบุรุษแผ่ออกมาทั่วทั้งตัว…ข้อเสนอของเขา ยากมากที่จะทำให้คนปฏิเสธได้เสียจริง
อีกทั้งเย่ชวงก็เป็นคนที่แปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัดคนหนึ่ง เธอมองจางข่ายลอน พร้อมทั้งพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ฉันก็แค่อยากจะเห็นศพของคนในตระกูลจางเหล่านั้นสักหน่อย รวมทั้งคุณจะช่วยให้ความร่วมมือในการบันทึกการให้ปากคำได้หรือไม่”
จางข่ายลอนสีหน้าเกร็งเล็กน้อย…สมาชิกในตระกูลจางที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งขมวดคิ้ว พูดเสียงเย็นชาใส่ “ให้ปากคำเหรอ คุณรู้มั้ยว่าคุณกำลังพูดอยู่กับใครต่อให้อธิบดีของพวกคุณมา ก็ไม่กล้าพูดออกมาแบบนี้กับคนในตระกูลของพวกเรา!”
เย่ชวงเหลือบมองสมาชิกในตระกูลจางคนนั้น ไม่มีท่าทีล่าถอยแม้แต่น้อย “ครั้งนี้คืออธิบดีได้รับคำสั่งมา…คำพูดของฉัน ก็คือคำพูดของอธิบดี…ครั้งนี้ผลกระทบร้ายแรง หากพวกเราไม่จัดการให้ถูกต้องเหมาะสม…อย่างไรข่าวก็ต้องแพร่ไปถึงทางเยี่ยนจิงนั้น……”
“เอาละ” เวลานี้เอง จู่ๆ จางข่ายลอนก็พูดขึ้นมา ตัดบทของเย่ชวง สายตาจ้องมองเย่ชวงอย่างเรียบเฉย พูดว่า “คุณเย่ ที่นี่พูดคุยไม่สะดวก คนพลุกพล่านวุ่นวาย เรียนขเชิญเข้าบ้านผม ผมจะให้ความร่วมมือกับคุณอย่างเต็มที่”
ไม่รอให้เย่ชวงพูดจบ หลังจากจางข่ายลอนพูดเสร็จ ก็ค่อยหมุนตัวเดินจากไป…พร้อมทั้งบรรดาคนในตระกูลจากที่รุมล้อมเย่ชวงอยู่ ก็แยกย้ายกันไป ปล่อยให้เย่ชวง จ้องมองด้านหลังยืดยาวของจางข่ายลอน ด้วยดวงตาริบหรี่
ผ่านไปพักใหญ่ เย่ชวงกัดฟัน ได้ทำการตัดสินใจ ก้าวขาออกไป ตามหลังจางข่ายลอนไป
ภายในคฤหาสน์ตระกูลจาง บนโซฟาที่กว้างใหญ่ ข้างๆ เป็นโต๊ะน้ำชา กระถางธูปกำยานสีม่วงทองมีควันลอยตลบอบอวล กลิ่นหอมกรุ่นอย่างประหลาดของกำยานหอมปกคลุมภายในห้อง ทำให้ผู้คนรู้สึกอารมณ์ดีมีความสุข
“ไม้จันทน์เหล่าซาน มีราคาสูงมากในบรรดาไม้จันทน์ นี่คือผมให้ลูกน้องของผมไปที่อินเดียโดยเฉพาะ เพื่อไปเยี่ยมคารวะปรมาจารย์การทำธูปกำยานที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง จ่ายเงินไปไม่น้อยถึงได้มา…การดมกลิ่นไปนานๆ จะสามารถปรับสภาพร่างกายจิตใจได้ มีข้อดีมากมาย”
ตอนที่สายตาของเย่ชวงมองไปที่กระถางธูปกำยานสีม่วงทองนั้นเอง ก็มีเสียงเรียบเฉยเสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้าง เย่ชวงลุกขึ้นยืนตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกจางข่ายลอนโบกมือปัด พูดกับเย่ชวงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณเย่ไม่ต้องพิธีรีตองมากนักหรอกครับ คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเอง ตามสบายก็ได้”
หลังจากเย่ชวงนั่งลง จางข่ายลอนก็โบกมือ สาวใช้ปราดเปรียวอยู่ด้านข้างก็ก้าวมาข้างหน้า รินน้ำชาให้เย่ชวงหนึ่งถ้วย
“ซ่างผิงหลงจิ่ง เล่าลือกันว่าหลงจิ่งของแท้ดั้งเดิมที่สุดมีเพียงต้นแม่ต้นเดียวที่โตอยู่ในบ่อน้ำ … และถ้วยที่คุณเย่ดื่มตอนนี้ ก็คือชาชุดที่สองที่ผ่านการเพาะปลูก … แม้จะเทียบไม่ได้กับต้นที่โตในบ่อน้ำต้นนั้น … แต่ก็เป็นหลงจิ่งที่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ในตลาดไม่อาจเทียบได้…” จางข่ายลอนยิ้มอ่อนๆ อธิบายให้ฟัง
เย่ชวงตะลึง สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากที่เธอจิบชาหลงจิ่งไปจิบหนึ่ง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของชา อบอวลไปทั่วปากและจมูก ทำให้ตาของเธอเป็นประกาย น่าประหลาดใจมาก
หลังจากเย่ชวงวางถ้วยชา มองไปยังจางข่ายลอน น้ำเสียงดีกว่าก่อนหน้านี้มาก พูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณมีสถานะสูงส่ง…แต่กระบวนการต้องเป็นตามขั้นตอน เวลายามนี้ฉันก็อับจนหนทาง รบกวนคุณให้ความร่วมมือกับฉันด้วยนะคะ”
จางข่ายลอนพยักหน้า ยิ้มอ่อนๆ เดิมจางข่ายลอนก็มีหน้าตาหล่อเหลาอยู่แล้ว พอเขายิ้มขึ้นมาก็ยิ่งเห็นความหล่อเหลาแบบยากจะหาใครเทียบได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เย่ชวงควักเครื่องบันทึกเสียงแบบพกพาเล็กๆ ออกมา วางบนโต๊ะน้ำชา เริ่มการสอบปากคำ
ถามคำถามต่อเนื่องกันไม่น้อย จางข่ายลอนตอบอย่างฉับพลันโดยไม่ต้องหยุดคิด ทำให้เย่ชวงยังหาช่องโหว่ไม่ได้ ขมวดคิ้วแน่น
สายตาเย่ชวงจับจ้องไปที่สีหน้าเรียบเฉยของจางข่ายล่อนนิ่ง น้ำเสียงค่อยๆ เย็นเยือกอย่างไม่พอใจ “เจ้าของบ้านตระกูลจาง ฉันอยากจะเห็นศพของคนในตระกูลที่ตายไปพวกนั้น คงจะไม่ได้ทำเกินไปนะคะ”
“คุณเย่ ผมแนะนำว่าทางที่ดีที่สุดคุณอย่าดูเลยจะดีกว่า เพราะเป็นห่วงว่าหลังจากดูแล้ว คุณอาจจะไม่เชื่อว่าศพพวกนั้นเป็นของจริง” จางข่ายลอนยิ้มบางๆ พอเขาโบกมือ คนสองคนร่างกำยำของตระกูลจางก็ยกศพเย็นเยือกที่ถูกห่อด้วยผ้าสีขาวเดินเข้ามา วางไว้บนพื้น
เย่ชวงเปิดผ้าออก กวาดสายตามอง ดวงตาคู่นั้นหรี่เล็กทันที นัยน์ตาฉายความสยดสยอง
เย่ชวงชะงัก แววตาเธอเผยให้เห็นความเหลือเชื่อออกมา ดวงตาจ้องเขม็งไปที่หน้าอกของศพนั้น
ศพที่เย็นเยือกก็นอนอยู่บนพื้นเช่นนี้ ดวงตาคู่นั้นเบิกตาโพลงอย่างไม่น่าเชื่อ! ในแววตา เต็มไปด้วยความตื่นกลัว! เขาตายตาไม่หลับ!
หน้าอกของเขายุบ เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมา…อีกสิ่งหนึ่งที่เย่ชวงมองเห็น ก็คือรอยเท้าที่เห็นได้ชัดเจนบนร่างของศพนั้น!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เย่ชวงมองออก ก็คือศพที่เย็นเยือกอยู่นั้น ถูกแรงเท้าถีบของฆาตกร เตะเพียงครั้งเดียวจนเสียชีวิตจนอย่างชัดเจน
“กระดูกซี่โครงที่หน้าอกทั้งหมดหัก หน้าอกยุบ…นี่คือความแข็งแกร่งของฆาตกร…” เสียงของจางข่ายลอนดังขึ้นมาจากด้านข้าง “ทั้งหมดนี้ ใช้เพียงลูกเตะเดียว”
เย่ชวงสูดหายใจเข้า เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองไปยังจางข่ายลอน ถามเสียงขรึมว่า “คุณยังรู้อะไรอีกมั้ยคะ”
“สิ่งที่ผมรู้ ก็บอกคุณหมดแล้ว” จางข่ายลอนตอบเรียบๆ
“คุณเคยต่อสู้กับฆาตกรมั้ยคะ” เย่ชวงถามต่ออย่างไม่เต็มใจ
จางข่ายลอนค่อยๆ ส่ายหน้า “ลูกถีบเดียวก็สามารถปลิดชีวิตคน…กระสุนในร่างของผม เพิ่งจะได้รับการผ่าตัดเอากระสุนออกเมื่อครู่”
“ฉันขอดูกระสุนหน่อยได้มั้ยคะ” เย่ชวงถาม
จางข่ายลอนส่ายหน้า…แน่นอนว่าเขาไม่มีทางมอบปลอกกระสุนให้…นี่คือกระสุนที่จางข่ายลอนยิงออกมาจากปากกระบอกปืนตัวเอง…แต่ถูกกริชในมือของเฉินเป่ยปัดกลับมา…เรื่องนี้ หากให้เย่ชวงรู้เข้า เย่ชวงก็คงจะไม่ยอมเชื่อ!
“คุณเย่ สุดวิสัยที่จะช่วยได้ …ปลอกกระสุนถูกผมจัดการไปนานแล้ว” จางข่ายลอนพูด
“นายใหญ่ตระกูลจาง คุณคิดว่าฆาตกรตามหาตระกูลตู้จนพบ สาเหตุเป็นเพราะอะไรคะ” เย่ชวงถามอีก
จางข่ายลอนสีหน้าสงสัย “ทำไมหรือ คุณคิดว่าเป็นเพราะตระกูลจางอย่างนั้นเหรอครับ”
เย่ชวงส่ายหน้า อธิบายว่า “ฆาตกรลงมือแค่กับพวกคุณและตระกูลตู้…อีกสองตระกูลที่ร่ำรวยกลับอยู่รอดปลอดภัย … นี่ทำให้ฉันนึกถึงรายงานข่าวที่สถานีตำรวจได้รับก่อนหน้านี้…ที่บอกว่าตระกูลตู้กับพันธมิตรต่างชาติที่มีอำนาจ ทำการค้ายาเสพติดผิดกฎหมายที่หู้ไห่…”
สีหน้าจางข่ายลอนเย็นเยือกลงทันที บนใบหน้าตอนนี้มีความไม่พอใจเล็กน้อย “ความหมายของคุณก็คือ ตระกูลจางก็ร่วมกันค้ายาเสพติดกับตระกูลตู้เหรอครับ”
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะ” เย่ชวงตอบกลับอย่างสงบนิ่ง แต่ความกลัวบนสีหน้าไม่น้อยลงเลย
ดวงตาของจางข่ายลอนยังคงลึกล้ำเช่นเดิม สายตาจ้องมองเย่ชวง “คุณเย่ ผมให้ความร่วมมือคุณตรวจสอบ แต่ไม่ใช่ให้คุณมากล่าวหาผมลอยๆ …ถ้าคุณเย่คิดว่าตระกูลจางของพวกเราส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด…อย่างนั้นก็นำหมายค้นมาตรวจบ้านตระกูลจางให้ทั่ว ก็รู้แล้ว”
เย่ชวงสีหน้าตกตะลึง…คำพูดนี้ของจางข่ายลอนบ้าเกินไปแล้ว!
หลังจากจางข่ายลอนพูดจบก็ไม่ได้สนใจเย่ชวงอีก ลุกขึ้นยืน หันหลัง เอ่ยเรียบๆ ว่า “ส่งแขก”
“จางข่ายลอน!” เย่ชวงขมวดคิ้ว พร้อมทั้งเขย่งเท้าเล็กน้อยแล้วก็ลุกขึ้นมา กล่าวตำหนิอย่างร้ายแรงว่า “นี่คุณกำลังข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่!”
แต่ไม่ว่าเย่ชวงจะพูดอะไรก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย คนของตระกูลจางสองคนเดินมา มองไปยังเย่ชวง พูดอย่างเย็นชาว่า “นายท่านได้สั่งเอาไว้แล้ว ไปเถอะ”
เย่ชวงจ้องมองคนตระกูลจางสองคนนั้นอย่างเยือกเย็น…คนของตระกูลจางสองคนนั้นเห็นเย่ชวงไม่ยอมจากไป พลันหัวเราะแล้วพูดว่า “นายท่านบอกแล้ว นอกเสียจากว่าคุณมีหมายค้น…ไม่อย่างนั้นคุณอย่าคิดว่าจะได้ก้าวเข้ามาบ้านตระกูลจางเป็นครั้งที่สอง!”
“อย่างนั้นพวกคุณก็รอให้ฉันได้หมายค้นมาก่อนนะ!” ทันใดนั้นภายในใจของเย่ชวงก็โกรธขึ้นมา ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งอย่างเย็นเยือกว่า กระแทกรองเท้าหนังตึกตึกออกไป รองเท้าหนังกระแทกอย่างแรงบนพื้น ราวกับราชินีผู้เยือกเย็นและหยิ่งทะนงกำลังระบายความไม่พอใจและความโกรธไม่รู้จบในใจของเธอ!
และก็ตอนที่เย่ชวงยังเดินไปได้ไม่ไกลนัก จู่ๆ ก็ได้ยินคนตระกูลจางสองคนข้างหลังนินทาเยาะเย้ยถากถางว่า “อยู่มานานอะไรก็เจอมาหมดแล้วจริงๆ …คิดจะสืบหาฆาตกรคนนั้น…แม้แต่นายท่านยังแพ้ไม่เป็นท่าเลย ยังกล้ารนหาที่ตายอีก”
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นเปาบุ้นจิ้นจริงๆ คิดจะผดุงความยุติธรรม…แม้แต่อธิบดียังต้องมาเยี่ยมคารวะตระกูลจางทุกปี เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
“ไม่ต้องไปสนใจเธอ…คนในตระกูลถูกฆ่านองเลือดอย่างบ้าคลั่งนับร้อยคน…นายท่านถูกปิดปากไม่ให้พูดอะไร…การมีตัวตนของคนแบบนี้ คนอย่างพวกเราแทบจะไม่อาจทำอะไรผิดใจเขาได้เลย…”
ตอนที่คนตระกูลจางสองคนนั้นพูดคุยหยอกล้อกันอยู่นั้นเอง ฝีเท้าของเย่ชวงก็ชะงักทันที ดวงตาแพรวพราว ภายในใจสั่นไหวอย่างแรง
เย่ชวงได้ยินที่คนตระกูลจางทั้งสองคนคุยกันอย่างชัดเจนทุกประโยคทุกถ้อยคำ คนในตระกูลนับร้อยถูกฆ่าตาย จางข่ายลอนถูกปิดปากไม่ให้พูด……คิ้วของเย่ชวงขมวดเข้าหาหันแน่นทันที สามารถทำให้จางข่ายลอนที่เป็นนายใหญ่ของตระกูลทองถึงขั้นไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลแม้แต่น้อย…ฆาตกรคนนั้น ทำให้คนกลัวได้มากขนาดไหนกัน
……
บ้านตระกูลตู้แห่งหู้ไห่ รอบๆ บ้านตระกูลตู้ถูกเชือกเส้นหนึ่งล้อมรอบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ภายในบ้านตระกูลตู้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งกำลังทำความสะอาดที่เกิดเหตุที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
ตอนที่เย่ชวงเดินพรวดพราดกลับมาจากด้านนอกบ้านตระกูลกู้นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเดินมาตรงหน้าเย่ชวง พูดเบาๆ ว่า “หัวหน้าเย่ พวกเราเจอเบาะแสใหม่”
“พาฉันไปดู” เย่ชวงเอ่ยปากอย่างไม่ลังเล
“เอ่อคือ…” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นเผยให้เห็นสีหน้าลำบากใจ
“ทำไมเหรอ” เย่ชวงชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าประหลาดใจ
“มันช่างเลวทรามต่ำช้ามากเกิน ผมแนะนำว่าคุณอย่าดูดีที่สุด” ตำรวจนายนั้นเอ่ยปากอย่างลัง