สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 383
บทที่383 ขออภัยคุณชายอวี้!
เฉินเป่ยหันหน้าไป มองบาดแผลเหวอะหวะที่น่ากลัวบนแผ่นหลัง สีหน้าดูเรียบเฉยมาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีอารมณ์ใดๆแสดงออกมาเลย
เหมือนว่าเหตุการณ์แบบนี้ เขาผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
บาดแผลที่แผ่นหลังแต่ละที่น่ากลัวทั้งนั้น เหมือนถูกสัตว์ร้ายกัดมาอย่างนั้น ทำให้คนที่เพียงแค่มองแล้ว ก็ต้องหัวชาไปตามๆกัน
และเฉินเป่ย สีหน้าสงบมากจนน่าตกใจ และไม่มีอาการใดๆเลยด้วย
ทันใดนั้น เฉินเป่ยหยิบแอลกอฮอล์จากกล่องยาข้างๆ สายตาลึกยากหยั่งถึง
ต่อมา เฉินเป่ยเปิดฝาแอลกอฮอล์ออก กลิ่นฟุ้งแสบจมูกเต็มอยู่ในห้องอาบน้ำ
เฉินเป่ยจับฝาแอลกอฮอล์ไว้ สูดหายใจเข้าลึกๆ นำหัวขวดไว้ตรงบาดแผลแต่ละที่ สายตาเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
ต่อมา เฉินเป่ยก็ยกขวดแอลกอฮอล์ขึ้น ราดลงจากไหล่ถึงตรงที่มีบาดแผล!
การกระทำแบบนี้ คนทั่วไปไม่กล้าทำเลยด้วยซ้ำ! ไม่ได้ผ่านการฉีดยาชาอะไรเลย เฉินเป่ยก็ใช้แอลกอฮอล์ราดแผลเลยทันที! การกระทำแบบนี้นำมาซึ่งความเจ็บปวดที่คนทั่วไปยากที่จะแบกรับไว้ได้!
และเฉินเป่ย ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน! ท่าทางดูจะชำนาญมาก ไม่มีความลังเลเลยสักนิด เหมือนว่าเรื่องนี้เขาเคยผ่านมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!
“ซั่ว!”
ตรงปากขวด แอลกอฮอล์ไหลลงมาจากไหล่ ลงมาถึงด้านล่างช้าๆ ไหลลงจากบาดแผลอันน่ากลัวลงไป!
คล้ายกับพริบตาเดียว ความเจ็บปวดอันแสนยากที่จะทนพุ่งปรี๊ดขึ้นมา คนปกติแทบจะทนกับความเจ็บปวดแบบนี้ไม่ได้!
ความเจ็บปวดแบบนี้ แทบจะควักเอาสติทั้งหมดของคนคนหนึ่งออกไปได้ เขมือบสติของคนทั่วไปจนหมด!
ยิ่งไปกว่านั้นมีคนไม่น้อย อาจจะเจ็บจนสลบไปเลยก็ได้ ไม่มีทางแบกรับความเจ็บปวดอันแสนทรหดยากที่จะเดาออกได้!
และเฉินเป่ยมองดูบาดแผลที่ถูกแอลกอฮอล์ราด สีหน้าปกติอย่างน่าเหลือเชื่อ สายตาเย็นชา ไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดอันแสนยากที่จะทนรับไว้ได้! เหมือนว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเขา
ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของเขายังไร้อารมณ์ใดๆอีก ร่างกายไม่มีอาการสั่นเทา ความเจ็บปวดยากที่จะทนนี้ ไม่ได้เขมือบสติของเขาไปด้วยซ้ำ เขามีสติอันแข็งกล้า ความเจ็บปวดนี้ไม่มีทางทำอะไรเขาได้เลย!
แอลกอฮอล์ไหลลงผ่านบาดแผลอย่างรวดเร็ว และยังมีไม่น้อยที่ซึมเข้าไปในเลือดเนื้อ ความเจ็บปวดอันแสนจะแสบร้อนแทรกซึมเข้าเนื้อหนัง เหมือนมีไฟแผดเผาปะทุขึ้นที่แผ่นหลังของเฉินเป่ย
และเฉินเป่ยยังคงไม่มีท่าทีขยับเขยื้อนอะไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเลย แม้จะเป็นความเจ็บที่แสบร้อน ก็ไม่สามารถทำให้ใบหน้าเขามีอารมณ์ หรือกระตุกเลย!
สติที่แข็งแกร่งของเฉินเป่ย แกร่งกว่าคนทั่วไปมาก ความอดทนดั่งเหล็กกล้านี้ ไม่มีใครสามารถมาแทนที่ได้!
ไม่นานแอลกอฮอล์ขวดนั้นก็ใกล้หมดแล้ว เฉินเป่ยมองดูบาดแผล ทันใดนั้นก็หยิบแอลกอฮอล์อีกขวดขึ้นมา เปิดออกอย่างรวดเร็ว และราดบาดแผลที่หลังจากบนลงล่างอีกครั้ง ฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว เฉินเป่ยถึงได้หยิบยาแก้อักเสบขึ้นมา สาดผงยาลงไปบนแผล ใช้ผ้าก๊อซผิดแผลไว้ ถึงถอนหายใจยาวออกมา
เฉินเป่ยกลับไปที่ห้อง นอนอยู่บนเตียง นอนอยู่อย่างนั้นสักพัก
ตอนที่เขากลับตา สะลึมสะลือ ห้องก็ถูกเคาะดังขึ้น
เฉินเป่ยที่กำลังจะกลับก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง ไม่มีความง่วงอีกเลย
เฉินเป่ยกระโดดลงจากเตียงอย่างเร็ว รีบพุ่งไปที่ประตู และเปิดออก
ประตูห้องเปิดออก คนที่ปรากฏขึ้นหน้าห้อง ทำเอาเฉินเป่ยต้องแปลกใจ เพราะคนคนนี้ไม่ใช่ใคร นั่นก็คือซูเหลย
“นี่ คุณหนูซู” เฉินเป่ยมองดูซูเหลย อึ้งเล็กน้อย พอได้สติก็กระตุกยิ้มทันที และพูดขึ้น
“คุณหนูซูไปบริษัทกับประธานหลีแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงอยู่ตรงนี้ล่ะ หรือว่าประธานหลีก็กลับมาแล้วเหมือนกัน?” เฉินเป่ยถาม
ซูเหลยส่ายหน้า พูดว่า “ประธานหลีมีเอกสารฉบับหนึ่งลืมไว้ในห้อง เลยให้ฉันกลับมาเอา เมื่อกี้ตอนฉันถึงหน้าประตูโรงแรม เห็นนายลงจากรถเก๋งพอดี ก็เลยมาดูนายน่ะ”
ซูเหลยมองเฉินเป่ยจากบนลงล่าง ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
เพราะเฉินเป่ยเปิดประตู เขาใส่แค่กางเกงบ๊อกเซอร์เท่านั้น ด้านบนเปลือยเปล่า ในสายตาซูเหลยแล้ว แทบจะเห็นทั้งหมดของเขาแล้ว!
เฉินเป่ยทั้งตัวเต็มไปด้วยกล้มเนื้อเป็นมัดๆ…แข็งแกร่งจนทำเอาคนอิจฉา!
ซูเหลยสำรวจดู สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ! สายตาของเธอมองดูตัวของเฉินเป่ย ร่างกายของเขา แทบจะไม่มีผิวหนังสมบูรณ์อยู่เลย ร่างเขาเต็มไปด้วยบาดแผล! และยังมีบาดแผลเก่าใหม่รวมอยู่ด้วยกัน! ร่างของเขาไม่มีส่วนไหนที่ไม่มีบาดแผลเลย!
ซูเหลยเห็นร่างกายของเฉินเป่ย ในใจก็ต้องเย็นหวูบไปเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นบาดแผลเยอะมากมายขนาดนี้! เต็มไปหมด! น่ากลัวมาก!
แม้ซูเหลยจะเคยอยู่ในกองกำลังพิเศษ แต่ก็ไม่เคยเห็นบาดแผลมากมายขนาดนี้ แม้แฟนเก่าของเธอหัวหน้ากองกำลังพิเศษ ตอนที่เธอเห็นบนร่างเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นกัน แต่ตอนนี้ เทียบกับเฉินเป่ยไม่ติดเลยจริงๆ!
ซูเหลยมองไปที่เฉินเป่ย จิตใจเธอเข้มแข็งกว่าคนปกติอยู่มาก ตั้งสติอย่างเร็ว มองตาเฉินเป่ย กำลังคิดไตร่ตรองความรู้สึกที่ซับซ้อนอยู่
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสนใจในตัวชายตรงหน้าคนนี้ขึ้นมา เธออยากจะรู้ว่า เฉินเป่ยผ่านอะไรมาบ้าง ทั้งตัวของเขา ถึงได้มีรอยแผลเยอะขนาดนี้! ให้ตายสิ นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจจริงๆ!
สายตาที่ซับซ้อนของซูเหลย เหมือนเฉินเป่ยก็ไม่สนใจมาก เขาเห็นซูเหลยมองตัวเองอยู่นานมาก ก็อึ้งสักพัก ทันใดนั้น เขาก็ยกแขนตัวเองขึ้นมา บีบกล้ามเนื้อตัวเองออกมา ยิ้มอ่อนๆ ในรอยยิ้มนั้นมีความเป็นนักเลงเล็กน้อย และยังพูดอย่างโอ้อวดว่า “คุณหนูซู หรือว่าหลงใหลในกล้ามเนื้อของผมเหรอครับ?”
“ถ้าคุณหนูซูชอบละก็ เข้าห้องไปกับฉันได้นะ เธออยากจับก็ยังได้เลย” น้ำเสียงของเฉินเป่ยดูเหมือนนักเลงมาก ยิ่งเหมือนกับการหยอกล้อซูเหลย
ซูเหลยมองเฉินเป่ยอย่างลึกซึ้ง ต่อมาก็ส่ายหน้าและปฏิเสธเสียงเรียบ “ช่างเถอะ ฉันกลับบริษัทก่อนแล้วกัน ประธานหลีกำลังรอเอกสารฉบับนี้อยู่”
ซูเหลยพูดจบ ก็กลับหลังหันเดินออกไปทันที
เฉินเป่ยมองซูเหลยจากไป จนกระทั่งเธอเดินหายลับไปสุดทางเดิน รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปด้วยทันที สีหน้าปกติจากนั้นก็ปิดประตูห้องลง
และในตอนที่ซูเหลยออกจากโรงแรมไป ห้องหนึ่งในโรงแรม อวี้หย่งเซวียนยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ภายในห้องชุดหรูหรา ภายในห้องเปิดเพลงโอเปร่าเสียงเบาบาง กลิ่นหอมล้อมรอบ มีควันโขมงขึ้น มุมห้องมีสาวรับใช้ยืนอยู่ อวี้หย่งเซวียนยืนอยู่ด้านบน มองบรรยากาศยามค่ำคืนของเยี่ยนจีน แสยะยิ้มออกมา
“เอ๋อตงเฉิน ครั้งหน้าแม้นายจะมีวิธีที่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำให้เป็นเหมือนเดิมได้แล้วล่ะ” อวี้หย่งเซวียนหัวเราะ พูดในใจว่า เขามีความมั่นใจนี้มาก
อวี้หย่งเซวียนมีความมั่นใจนี้ก็เป็นเรื่องปกติ ท่านอาวุโสไท่ซ่างเพื่อที่จะฆ่าเฉินเป่ย ยังได้พาท่านอาวุโสทั้งสิบสามไปอีก คิดจะฆ่าเฉินเป่ยให้ได้ เฉินเป่ยมีความสามารถล้นหลาม เก่งกว่าท่านอาวุโสไท่ซ่างและยังมีท่านอาวุโสทั้งสิบสามที่มีเจ็ดดาวอาร์เรย์รวมกันอีกเหรอ?
อวี้หย่งเซวียนมีความมั่นใจนี้มาก ครั้งก่อนท่านอาวุโสไท่ซ่างเพราะยังไม่รู้จักเฉินเป่ยดีก็เลยแพ้อย่างราบคาบแบบนี้ เขามีความมั่นใจว่า เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก!
ท่านอาวุโสไท่ซ่างเกิดจากตระกูลการต่อสู้ และเจ็ดดาวอาร์เรย์ยังเป็นค่ายกลกระบี่ที่ตกทอดกันมาตั้งแต่โบราณ มีความลึกลับมาก ทั้งสองรวมกันแล้ว เฉินเป่ยไม่มีทางหนีรอดได้แน่!
อวี้หย่งเซวียนคิดได้แล้วว่า ถึงตอนนั้นท่านอาวุโสไท่ซ่างจับเฉินเป่ยที่ใกล้ตายมา ถึงตอนนั้นเฉินเป่ยร้องไห้คุกเข่าร้องขอชีวิตต่อนห้าตัวเอง ขอร้องให้ปล่อยเขาไป
ก่อนหน้านั้นความหยิ่งผยองและอวดดีของเฉินเป่ย ถึงตอนนั้นก็จะหายไปเอง กลายเป็นสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น!
และในตอนนี้เอง ห้องของอวี้หย่งเซวียนก็ถูกเปิดออกอย่างแรง สีหน้าลูกน้องคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาในห้องซีดขาว
“คุณชายอวี้ ไม่ได้การแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!” ลูกน้องคนนั้นตะโกนเสียงดังอย่างหวาดกลัว
“เป็นอะไร?” อวี้หย่งเซวียนหันหน้าไป ขมวดคิ้วมองดูลูกน้องคนนั้น ในใจรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ลูกน้องคนนี้เข้ามาก็รบกวนอารมณ์เขาแล้ว จะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไง?
“เขา เขา……เขากลับมาแล้ว!” ลูกน้องคนนั้นชี้ไปที่นอกห้อง และรีบพูดอย่างหวาดกลัว
“เขา ใคร?” อวี้หย่งเซวียนขมวดคิ้วหนักขึ้น เขางงกับคำพูดของลูกน้องคนนี้มาก
“เมื่อกี้ผมเห็นเฉินเป่ยเดินเข้าโรงแรมเอง!” ลูกน้องคนนั้นพูดขึ้น ทำเอาสีหน้าของอวี้หย่งเซวียนเปลี่ยนไปทันที
“นายว่าอะไรนะ?” อวี้หย่งเซวียนมองดูลูกน้องคนนั้น น้ำเสียงเปลี่ยนไปเป็นเสียงเข้มทันที “นายเห็นใครนะ?” อวี้หย่งเซวียนถามอีกครั้ง
“เฉินเป่ย ต้องเป็นเขาแน่ ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว!” ลูกน้องคนนั้นพูดขึ้น
ไม่เพียงเท่านี้ และในตอนนี้เอง มีอีกคนวิ่งพุ่งเข้ามาในห้องของอวี้หย่งเซวียนด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวตกใจ แทบจะใช้มือและขาคลานกระเสือกกระสนเข้ามา คลานมาจนถึงเท้าของอวี้หย่งเซวียน
“คุณชายอวี้ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!” คนพวกนั้นสีหน้าดูหวาดกลัวอย่างมาก เหมือนถูกกระตุ้นมาอย่างแรงเลย!
พวกเขากอดขาอวี้หย่งเซวียนแน่นไม่ปล่อย เขาที่พยายามจะเอาออกมา ก็ทำไม่ได้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” อวี้หย่งเซวียนขมวดคิ้วแน่นเป็นผม เขาเริ่มมีความรู้สึกไม่ดีขึ้น ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“ตายหมดแล้ว……พอพวกเราเห็นเฉินเป่ยเดินออกมา ก็ตามเข้าไปดู กลับเห็นท่านอาวุโสไท่ซ่าง กับท่านอาวุโสท่านอื่นๆ ตายหมดแล้วครับ!” คนตระกูลอวี้พวกนั้นพูดขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตกใจกลัว!
อวี้หย่งเซวียนใจกระตุกอย่างแรง เหมือนจะหยุดเต้นไปแล้ว! ม่านตาเขาหดลงคล้ายเข็มเล็ก ดวงตาสองข้างดำมน
“เป็นไปไม่ได้!” อวี้หย่งเซวียนตะโกนออกมาเสียงดัง
“คุณชายอวี้ พวกเราเห็นเองกับตา ท่านอาวุโสตายหมดแล้วครับ……มีเพียงเฉินเป่ยที่เดินออกมาอย่างปลอดภัย ต้องเป็นเขาทำแน่นอนครับ!” คนตระกูลอวี้อีกคนพูดด้วยเสียงสั่นเทา
ตัวอวี้หย่งเซวียนเย็นเฉียบ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว! ขนาดท่านอาวุโสไท่ซ่างและท่านอาวุโสคนอื่นๆก็ต้องตายในน้ำมือของหมอนั่น เขาเป็นใครกันแน่ มาจากไหนกัน
ในตอนที่อวี้หย่งเซวียนกำลังสับสนอยู่นั้น ก็มีลูกน้องคนหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้องอีก!
“คุณชายอวี้ ไม่ได้การแล้ว! เฉินเป่ยเดินออกจากห้องตัวเองไป กำลังเดินมาทางพวกเราครับ”
“คุณชายอวี้ เขามาถึงชั้นพวกเราแล้วครับ!”
อวี้หย่งเซวียนตัวแข็งทื่อ สายตาไม่อยากจะเชื่อและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวกับสิ้นหวัง