สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 401
บทที่401 ไม่ต้องเลียแล้ว!
“หัวหน้าสมาคมจาง……” เถาเหลียงรวบรวมความกล้าขึ้นมา เอ่ยปากอย่างสู้ไม่ได้
ถ้าเป็นช่วงปกติเขาคงไม่ทำเช่นนี้แน่นอน แต่สถานการณ์ในเวลานี้ไม่เหมือนกัน เรื่องที่จิงมอบหมายให้เขามาทำคือ ต้องให้เฉินเป่ยเข้าสู่สุดยอดดาบสามเล่ม
แต่ใครจะไปคิด เดิมทีเฉินเป่ยไม่ตกหลุมพรางนี้ของผู้อำนวยการเถา คาดไม่ถึงไม่ยินยอมเข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่ม ทั้งยังเปลี่ยนเป็นจางเป่าเฉิงแทนอีก
เถาเหลียงลำบากใจมาก จางเป่าเฉิงในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเขา ถ้าเป็นปกติเขาต้องยินยอมทำตามแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนปกติ เขามีภารกิจติดตัว ต้องคิดหาทุกวิถีทาง เพื่อนำโควตาลำดับสุดท้ายนี้ของสุดยอดดาบสามให้เฉินเป่ยไป
แต่เถาเหลียงอ้าปากยังไม่ทันพูดอะไร จางเป่าเฉิงก็กวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชา ถามว่า “ทำไม มีปัญหาเหรอ?”
สายตาหนาวเย็นที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามและการกดขี่ของจางเป่าเฉิงนั้นตกอยู่บนร่างกายของเถาเหลียง ทำให้เถาเหลียงสั่นเทาไปทั้งตัว ได้แต่ส่ายๆ หน้า ตอบกลับอย่างเจ็บปวดรวดร้าว “ย่อมไม่มีอยู่แล้วครับ”
ฝูงชนที่มุงดูอยู่โดยรอบต่างฮือฮากัน ใครๆ ก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปในทิศทางเช่นนี้ได้ โควตาลำดับสุดท้ายของสุดยอดดาบสามเล่มยังคงเป็นของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เพียงแต่คนที่เข้าร่วมการแข่งขันกลับเปลี่ยนเป็นจางเป่าเฉิงแล้ว
จางเป่าเฉิง เดิมคือหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยของหัวเซี่ย ระดับความรู้ของในด้านการพนันเพชรพลอยลึกซึ้งมาก บวกกับเดิมเขาเป็นหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอย สำหรับสุดยอดดาบสามเล่มย่อมรู้อย่างแจ่มแจ้ง ปล่อยเขามาเข้าร่วมแข่งขัน ดีกว่าเฉินเป่ยมากอย่างแน่แท้ สำหรับบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ก็มีเพียงแต่ผลประโยชน์เช่นกัน
ถึงแม้แทบจะทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นมาแล้วว่าในการเดิมพันจางเป่าเฉิงแพ้ให้กับเฉินเป่ยแล้ว ทว่าผู้คนส่วนใหญ่ยังคิดว่าในด้านภาพรวม เฉินเป่ยไม่อาจเป็นคู่แข่งของจางเป่าเฉิงได้
ยิ่งมีสายตาไม่น้อยใช้สายตาที่เวทนาจ้องมองไปทางเฉินเป่ย สำหรับความเขานั้น โอกาสดีที่ยิ่งใหญ่แบบสุดยอดดาบสามเล่มนี้ เสมือนเป็นพายเนื้อที่ตกลงมาจากฟ้า สำหรับนักพนันหลายคนแล้ว ล้วนเป็นสิ่งยั่วยวนซึ่งไม่ง่ายจะปฏิเสธ…แต่เฉินเป่ย ก็สิ้นเปลืองโอกาสดีขนาดนี้ไปแบบนี้เลย
และตอนที่พวกเขากำลังพินิจพิเคราะห์เสื้อผ้าชุดนี้ของเฉินเป่ย สายตายิ่งดูถูกขึ้นอีก
สำหรับพวกเขา มีความเป็นไปได้มากว่าเฉินเป่ยเป็นเพียงพวกบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง ดังนั้นถึงได้ปล่อยโอกาสดีมากๆ ครั้งนี้หลุดไปเปล่าๆ ให้จางเป่าเฉิงได้รับไปแทน
เฉินเป่ยหัวเราะเล็กน้อย เขาเพิกเฉยต่อสายตาถากถางที่โจ่งแจ้งพวกนี้โดยอัตโนมัติ จับมือเนียนนุ่มของหลีชิงเยียนไว้ จ้องมองหลีชิงเยียนด้วยความลึกซึ้งตาหยาดเยิ้ม
ประธานนางฟ้ายืนอยู่ตรงนั้น ย่อมรู้สึกถึงสายตาลึกซึ้งของเฉินเป่ยจนทำให้เธอหนังศีรษะชา แม้กระทั่งสายตาที่รู้สึกสะอิดสะเอียน ตอนแรกเธอคิดอยากสะบัดมือของเฉินเป่ยออก แต่พอนึกถึงเมื่อสักครู่เฉินเป่ยเผยฝีมือที่ล้ำเลิศนั้น และเฉินเป่ยยังสละโอกาสของสุดยอดดาบสามเล่มไปอย่างชัดเจน ทำให้ดวงตาของหลีชิงเยียนเปล่งประกายแสงที่งงงวยซับซ้อนอย่างไม่รู้ตัว
ในใจของหลีชิงเยียนเหมือนกับผมยาวของเธอไม่มีผิด ยุ่งเหยิงอยู่บ้าง เธอยืนอยู่ที่นั่น ปล่อยให้เฉินเป่ยกุมมือนุ่มของเธอไว้อย่างไม่รู้ตัว ยืนอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าใบหน้างดงามดูงุ่มง่ามอยู่บ้าง
“ชิงเยียน พวกเรากลับกันเถอะ” ขณะเดียวกันเสียงที่อ่อนโยนลอยเข้าในหูของหลีชิงเยียน ประธานนางฟ้าได้สติกลับมาทันที มองเห็นเฉินเป่ยกำลังมองเธอแบบลึกซึ้งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ชั่วขณะนั้นหลีชิงเยียนรู้สึกหนังศีรษะชา ขนลุกซู่ขึ้นมาทั่วทั้งตัวแล้ว
ไม่นานประธานนางฟ้าจึงฟื้นกลับไปเป็นท่าทางที่สงบนิ่งดังเดิมเช่นเมื่อก่อนอย่างว่องไว พยักหน้าแบบเย็นชา ดึงมือที่เนียนนุ่มของตนเองออกมาจากในฝ่ามือใหญ่ที่กว้างหนาและหยาบกระด้างของเฉินเป่ยเบาๆ แล้ว
“ไปเถอะ” หลีชิงเยียนใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ เดินออกไปอย่างช้าๆ เฉินเป่ยจ้องภาพด้านหลังที่เซ็กซี่มากนั้นอยู่ มุมปากค่อยๆ วาดรอยยิ้มอันธพาลซึ่งมีความเจ้าเล่ห์ขึ้น
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ว่ากันตามนี้แหละ” หลังจางเป่าเฉิงเห็นเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียนออกไปตามๆ กัน จึงทิ้งประโยคหนึ่งกับเถาเหลียง ก่อนที่ตนเองจะรีบก้าวออกไปเช่นกัน
เถาเหลียงมองจางเป่าเฉิงรีบร้อนตามเข้าไปทางหลีชิงเยียนด้วยหน้าตาตกใจ สามารถพูดได้ว่าตะลึงงันอย่างมาก
หลังจากคนต่างออกไปกัน ซูเหลยที่ดูไม่มีตัวตนสักนิด และดูธรรมดามาก เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ถึงก้าวเท้าออก ตามเข้าไปด้วยความรวดเร็ว
ผู้อำนวยการเถาจ้องมองภาพด้านหลังของหลายๆ คนที่จากไปกัน สีหน้าซีดเซียวดูแย่ หลังร่างกายโงนเงนนิดหน่อย แล้วถอนหายใจยาวๆ พลางโบกมือ เอ่ยปากพูดกับเป้าอวี่ “ให้แขกผู้มีเกียรติเหล่านี้แยกย้ายเถอะ ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว”
เป้าอวี่พยักหน้าแล้ว ทันใดนั้นเธอเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ มองที่เถาเหลียง แล้วเอ่ยปากพูดด้วยความระมัดระวัง “ผู้อำนวยการเถาคะ หรือว่าจะให้จางเป่าเฉิงเข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่มจริงเหรอคะ”
เถาเหลียงกวาดสายตามองเป้าอวี่อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ในแววตาเผยท่าทางที่หนาวเหน็บออกมา ตะคอกใส่ “นี่เป็นเรื่องที่เธอควรถามเหรอ?”
ร่างกายเป้าอวี่สั่นเทานิดหน่อย นี่ถึงตอบสนองเข้ามา รีบก้มหน้าตอบว่า “ค่ะ ฉันรู้แล้วค่ะ”
ผู้อำนวยการเถาหันหน้า จ้องมองภาพด้านหลังของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนที่ออกไป หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ค่อยๆ ถอนหายใจออกยาวๆ “จางเป่าเฉิงเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของฉัน ถ้าเขาต้องการ ฉันไม่ให้ได้ยังไงกัน?”
เถาเหลียงพูดอยู่ อดหัวเราะเยาะตนเองไม่ได้ เพียงรู้สึกว่าตนเองที่เป็นผู้อำนวยการสมาคมการพนันเพชรพลอยที่น่าเกรงขาม เวลานี้ถูกหนีบไว้ระหว่างจิงและจางเป่าเฉิง ทำตัวลำบากมาก ไม่ว่าเขาทำอะไร ล้วนง่ายมากที่ทั้งสองฝ่ายจะไม่พอใจ
เขา เกรงว่าจะเป็นผู้อำนวยการของสมาคมการพนันเพชรพลอยที่อึดอัดใจที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยมั้ง?
เวลานี้ ไม่เพียงเถาเหลียงที่จ้องมองทิศทางที่เฉินเป่ยออกไป ในฝูงชนยังมีภาพเงาของอีกคนหนึ่ง จ้องมองทางที่เฉินเป่ยออกไปอย่างเย็นชาเช่นกัน เดิมทีบนหน้าที่หล่อสง่าเรียบนิ่ง ทันใดนั้นเพิ่มพยับเมฆมาชั้นหนึ่ง
“คุณชายหลี พวกเราต้องกลับไปรึเปล่าครับ?”
ผู้ชายกำยำที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินมาถึงข้างกายของหลีเช่าเทียน เอ่ยปากถามขึ้นอย่างเคารพนอบน้อม
ผ่านไปตั้งนาน สีหน้าของหลีเช่าเทียนถึงสงบลงมา บ่นพึมพำกับตนเอง “แม้แต่สุดยอดดาบสามเล่มยังไม่อยากเข้าร่วม…งั้นทำไมนายถึงมางานพนันเพชรพลอย?”
หลีเช่าเทียนที่เมื่อก่อนคิดว่าตนเองควบคุมทุกอย่าง เวลานี้ภายในใจอดสั่นเทาไม่ได้อยู่บ้างแล้ว เขานึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าเฉินเป่ยจะสละโควตาของสุดยอดดาบสามเล่ม นี่ทำให้สีหน้าของเขาอึมครึมขึ้นนิดๆ
แต่หลังจากผ่านการฝึกฝนของหลีหง อารมณ์ของหลีเช่าเทียนเทียบกับตอนที่อยู่หู้ไห่ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ใจร้อนหุนหันพลันแล่น และโดนเฉินเป่ยยั่วให้โกรธได้ง่ายขนาดนั้น
“ขอแค่นายมาที่เยี่ยนจิงแล้ว เพราะฉะนั้นนายจำเป็นต้องโดนฉันเหยียบไว้ใต้ตีน ชำระแค้นที่ตัดแขนนั้น” หลีเช่าเทียนค่อยๆ พูดกับตนเอง
หลังพูดจบ หลีเช่าเทียนถึงหมุนตัวไปช้าๆ ภายใต้การอารักขาที่แน่นหนาของภาพเงาคนมากมาย ก่อนที่ภาพเงานั้นจะค่อยๆ เลือนหาย…….
………
รถยนต์สีดำแล่นอยู่ตรงกลางถนน เฉินเป่ยจับพวงมาลัยขับรถยนต์ พลางดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับดอกกล้วยไม้ไปด้วย เขาชำเลืองมองหลีชิงเยียนที่นั่งอยู่ที่นั่งแถวหลัง ผ่านกระจกมองหลังภายในรถอยู่ไม่ขาดสาย
หลังจากประธานนางฟ้ามุดเข้ารถยนต์มา จมอยู่ในการครุ่นคิดมาโดยตลอด ดวงตากลมโตที่ใสแจ๋วราวหยดน้ำนั้น เปล่งประกายแสงแปลกประหลาดมาตลอด ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่บ้าง
ทันใดนั้นเฉินเป่ยที่มีน้ำเสียงการลองเชิง เอ่ยปากถามอย่างระมัดระวัง “ชิงเยียน คุณกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?”
หลีชิงเยียนเงยหน้าขึ้น จ้องมองเฉินเป่ยไปโดยตรง เอ่ยปากบอกทันใด “มีดเล่มนั้นของนาย เอาไว้ตรงไหนแล้ว? ฉันดูหน่อยได้มั้ย?”
เฉินเป่ยตะลึงนิดหน่อย “ชิงเยียน คุณต้องการสิ่งนั้นไปทำไมกัน มีดนั้นเร็วมากเลยนะ พอไม่ระวัง อาจจะบาดเอาได้……”
ภายนอกเฉินเป่ยดูนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน แต่ตอนที่หลีชิงเยียนถามถึงมีดหลงหยาขึ้นมา ในใจของเฉินเป่ยยังเกิดอารมณ์ตื่นตัวรุนแรงขึ้นโดยจิตใต้สำนึก
มีดหลงหยา…หลีชิงเยียนย่อมไม่รู้จักดี ที่ต่างประเทศ ทุกครั้งที่มีดหลงหยาปรากฏตัวออกมา จะต้องเกิดเหตุการณ์ฆ่านองเลือดสักฉาก
ในบรรดาบุคคลเหนือชั้นที่ต่างประเทศ ขุนศึกนานาชาติ และผู้มีอิทธิพลชั้นยอด…มีดหลงหยา เป็นตัวแทนของราชาหลง
มีคนมากมายที่ไม่เคยเห็นหน้าเฉินเป่ยมาก่อน ทว่าทั้งหมดยังพึ่งมีดหลงหยามาแยกแยะ
และที่ยิ่งทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนคือผู้คนส่วนมากในนี้ ปกติเจอกับมีดหลงหยา มักจะอยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว
นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ภายในใจเฉินเป่ยเกิดการตื่นตัวขึ้น…ชั่วขณะนั้นในใจของเขาเกิดความสงสัยขึ้นแล้ว หรือว่า มีดหลงหยาเล่มนั้นถูกหลีชิงเยียนมองอะไรออกแล้วเหรอ?
ระหว่างเผชิญหน้ากับการอธิบายของเฉินเป่ย หลีชิงเยียนกอดหน้าอกไว้ ขมวดคิ้วแน่น มองเฉินเป่ยอยู่ เอ่ยปากพูดด้วยเสียงน่าดึงดูด “นายไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ เอาออกมาให้ฉันดูสักหน่อย”
ตอนหลีชิงเยียนเอ่ยปาก ในเสียงที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูด มีความแน่วแน่และแข็งกร้าวเพิ่มเข้ามาด้วย
เฉินเป่ยหรี่ดวงตาเล็กน้อย หลีชิงเยียนเห็นเฉินเป่ยยังลังเลอยู่ ในที่สุดก็หมดความอดทนขึ้นมา ถามอย่างเย็นชา “นายจะให้ฉันดูมั้ย?”
“ให้แน่นอนสิ คำขอของคุณ ผมต้องทำให้พอใจอย่างเต็มที่อยู่แล้ว” ทันใดนั้นเฉินเป่ยพยักหน้า จากนั้นดึงมีดหลงหยาออกมาจากปลอกมีดที่ข้างขา แล้วยื่นให้หลีชิงเยียน
ตอนที่หลีชิงเยียนรับมีดหลงหยาที่เล็กเพียงฝ่ามือเล่มนี้มา ตอนแรกไม่ทันระวัง และขณะที่เฉินเป่ยปล่อยมือซึ่งกุมมีดหลงหยาออก มีดหลงหยาจึงตกลงบนตัวของหลีชิงเยียน ทำให้หลีชิงเยียนรับมือไม่ทัน แวบเดียวไม่ทันได้จับมีดหลงหยาไว้แน่น จึงทำให้มีดตกลงที่พื้น
“อ๊ะ!” หลีชิงเยียนรู้สึกเจ็บโดยจิตใต้สำนึก หดมือกลับไปแล้ว จากนั้นดวงตาของหลีชิงเยียนจ้องมือเรียวนุ่มของคนตนเองเขม็ง ขมวดคิ้วแน่น
นิ้วหนึ่งของหลีชิงเยียนถูกปลายมีดแหลมคมของมีดหลงหยาบาดเข้าให้ ไม่นานเลือดสดอันเร่าร้อนก็ไหลออกมาแล้ว
และปกติประธานนางฟ้าที่เย็นชาหยิ่งยโส ทว่าตอนที่เห็นบาดแผลเล็กน้อยนี้ ทันใดนั้นดวงตามีความหมายตื่นตกใจแวบผ่าน
ต้องรู้ว่าตั้งแต่เล็กหลีชิงเยียนปกป้องตนเองอย่างระวังมาก ตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยมีบาดแผลขึ้นเลย เทียบกับเฉินเป่ยที่มีแผลเป็นทั่วตัว…ยังตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง นี่เป็นเหตุผลที่หลีชิงเยียนมองเห็นบาดแผลบนตัวเฉินเป่ยครั้งแรก ถึงตื่นตกใจมากขนาดนั้น
อย่างไรเสียประธานนางฟ้าก็นึกไม่ถึงว่ามีดของเฉินเป่ยจะไวขนาดนี้ เพียงเฉียดผ่านผิวหนังไปเบาๆ ก็ทิ้งรอยแผลไว้แล้ว
ในเวลานี้ เสียงที่ร้อนรนลอยเข้ามาในหูของหลีชิงเยียน “ทำไมถึงไม่ระวังขนาดนี้ บอกแล้วไงว่ามันไวมาก”
ประธานนางฟ้ายังไม่ได้เงยหน้าขึ้น มือของตนเองที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกฝ่ามือใหญ่อันกว้างหนาจับไปทันที ชั่วขณะนั้นนิ้วของเธอถูกความอบอุ่นห่อหุ้ม
หลีชิงเยียนเงยหน้าทันใด เห็นเพียงเวลานี้มืออีกข้างหนึ่งของตนเองถูกเฉินเป่ยคว้าไป ตรวจดูอย่างละเอียดว่ามีบาดแผลอื่นอีกหรือไม่
“นี่! นายปล่อยนะ…….” ผ่านไปสักพักใหญ่หลีชิงเยียนถึงตอบสนองกลับมา ใบหน้าสวยเพริศพริ้ง มีสีแดงระเรื่อน่าดึงดูดปีนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เฉินเป่ยอมนิ้วของหลีชิงเยียนไว้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ดุจดอกกล้วยไม้ที่เย้ายวน ลอยเข้าจมูกของเฉินเป่ย นั่นคือกลิ่นตัวของประธานนางฟ้า
ในใจเฉินเป่ยยิ่งฮึกเหิมขึ้น…เขาจ้องหลีชิงเยียนที่นั่งอยู่ที่นั่งแถวหลังไปตรงๆ หน้าที่แดงเถือกราวกับแอปเปิลแดงก้มลงต่ำมาก อุณหภูมิในอากาศร้อนแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว……