สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 410
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่410 การลงโทษของชนเผ่าเลือด
“พาหล่อนออกไปจากที่นี่” ในเวลานี้ เฉินเป่ยเอ่ยปากขึ้นทันใด
ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างสีหน้าหวาดผวา หล่อนมองเฉินเป่ย ทันใดนั้นในใจเกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนขึ้นแล้ว มองเฉินเป่ยไปตรงๆ
เฉินเป่ยเดินทีละก้าวไปทางเต๋อกุลาที่สีหน้าหนาวเย็น สีหน้าวาดการถากถางที่เย็นยะเยือกขึ้น “ชนเผ่าเลือดเล็กๆ กล้าฝ่าฝืนข้อห้ามหัวเซี่ยเข้ามา”
เต๋อกุลาจ้องเฉินเป่ยด้วยแววตาหนาวเย็น “ที่รกร้างของขี้โรคแห่งเอเชียอยู่กัน ทำไมถึงจะมาไม่ได้?”
“หึๆๆ……” เฉินเป่ยจ้องเต๋อกุลาอยู่ ค่อยๆ หัวเราะ แต่สีหน้ากลับยิ่งเย็นยะเยือกดุจน้ำค้างแข็ง แต่ละก้าวมีท่วงท่าไร้จุดสิ้นสุด เกาะตัวขึ้นมาอย่างคลุ้มคลั่ง
ถึงแม้ภายนอกเต๋อกุลาจะเย็นชาสงบนิ่ง แต่ภายในใจกำลังสั่นเทาอย่างอดไม่ไหว ภาพเงาคนตรงหน้านี้ ราวกับมาจากนรก หมุนวนคลื่นยักษ์อยู่ในทะเลเลือด
“ดูแล้วเป็นฉันที่ตัดสินใจผิดในตอนแรกเอง ปราสาทของชนเผ่าเลือดสมควรโดนรื้อทิ้ง เชือดไก่ให้ลิงดู” เฉินเป่ยเอ่ยปากอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทั่วตัวมีแรงอาฆาตแค้นมหาศาลคลุ้งกระจาย ทั้งตัวราวกับคมมีดแหลมกระหายเลือดที่ชักออกจากฝัก
“คุยโวโอ้อวด ปราสาทเป็นที่ที่คนแบบแกจะมาบอกว่ารื้อก็รื้อได้รึไง?” สีหน้าเต๋อกุลาตะลึงนิดหน่อย บนหน้าเผยรอยยิ้มที่ดูถูกออกมา
ในห้องนอน หลีชิงเยียนขดตัวอยู่มุมหนึ่งสั่นเทาไม่หยุด ได้ยินเสียงตะโกนของซูเหลยลอยมาจากด้านนอก ชั่วขณะนั้นคว้าฟางเส้นสุดท้ายไว้ทันใด พุ่งไปทางประตูห้องนอน แล้วกดปลดล็อก
และเวลานี้ สีหน้าของเต๋อกุลาหนาวเย็นถึงที่สุด ในดวงตามีแสงรุ่งโรจน์สีเลือดสั่นไหว โจมตีเข้าไปทางเฉินเป่ยอย่างฉับพลัน
ความเร็วของเต๋อกุลาไวเหลือเกิน เร็วกว่าตอนที่ซัดซูเหลยอย่างโหดเหี้ยมก่อนหน้านี้อยู่ไม่น้อย เกือบจะถึงขั้นสุดที่ร่างกายเขาสามารถรับได้เลย
“เหยียดหยามปราสาทตระกูลฉัน ถึงตอนที่แกตาย จะน่าเวทนายิ่งกว่าพวกหล่อนสองคนนั้น!” ในเสียงของเต๋อกุลามีความหนาวเหน็บและโหดร้าย เล็บแหลมคมบนมือคู่นั้นยังมีรอยเลือดติดอยู่บ้าง นั่นคือเลือดของซูเหลย
“พวกสกปรก ไม่ไสหัวกลับไปปราสาทถ้ำของแก ยังกล้ามาหาที่ตายตรงนี้อีก!” แววตาเฉินเป่ยแข็งทื่อทันที สายตาเย็นชาราวกับสัตว์ที่ดุร้ายสาดส่องออกมาทันใด
ร่างกายเต๋อกุลาหยุดค้าง ในใจของเขาสั่นอย่างแรง สายตาคู่นั้นของเฉินเป่ย คาดไม่ถึงทำให้ในจิตวิญญาณลึกของเขารู้สึกได้ถึงความตื่นตกใจแล้ว ราวกับมาจากความทรงจำที่เก่าแก่ที่สุดภายในยีนของร่างกาย
สายตามองเห็นว่าเล็บของเต๋อกุลาเกือบจะถึงคอของเฉินเป่ย แม้กระทั่งเต๋อกุลายังจินตนาการภาพออกได้ เล็บแหลมคมของเขากรีดผิวหนังที่บอบบางบนคอของเฉินเป่ย…เลือดสดทะลักออกมา
เฉินเป่ยทำเสียงฮึดฮัด วินาทีนั้นเล็บของเต๋อกุลาเกือบจะแตะโดนคอเฉินเป่ยเข้า ทันใดนั้นร่างของเฉินเป่ยถอย
หลังไป ตามมาด้วยมือทั้งคู่ยื่นออกด้วยความว่องไว ต้านไว้ที่ตัวเต๋อกุลา
รอเต๋อกุลาตอบสนองเข้ามา ตอนที่อยากดิ้นหลุด ก็สายไปเสียแล้ว
มือทั้งคู่ของเฉินเป่ย ระเบิดกำลังมหาศาลที่ทำให้เต๋อกุลาเดิมทียากจะต่อต้านได้ออกมา กล้ามเนื้อที่แขนทั้งสองปูดขึ้น กล้ามเนื้อดุจหินแข็งแต่ละก้อนนูนขึ้นบนแขนของเฉินเป่ย เส้นเลือดที่ใหญ่แต่ละเส้นเผยชัดขึ้น และเฉินเป่ยหมุนตัวกะทันหัน ทั้งตัวเต๋อกุลาว่างเปล่า ถูกเฉินเป่ยทุ่มไปทางด้านหลังเขาอย่างจัง
“ปึง!”
ความเร็วของเฉินเป่ยช่างไวมาก รอตอนเต๋อกุลาปีนขึ้นมาจากพื้น เห็นเพียงเฉินเป่ยดึงมีดเล่มนั้นลงมาจากบนผนัง ดวงตาที่หนาวเย็นของเต๋อกุลาเปล่งประกายไม่หยุด ถูกความรวดเร็วของเฉินเป่ยทำเอาตื่นตะลึงเข้าให้
เต๋อกุลาในฐานะชนเผ่าเลือด สิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดคือความได้เปรียบในด้านระดับความเร็ว…ผลสุดท้ายผู้ชายที่หน้าตาธรรมดาตรงหน้าคนนี้กลับแสดงความเร็วที่แม้แต่เต๋อกุลายังต้องกลัวออกมา
เต๋อกุลาหัวใจสั่นสะเทือน ในใจเขาเกิดความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง แต่ไม่นานความเป็นไปได้นี้โดนเต๋อกุลาปฏิเสธลงแล้ว
ถึงแม้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จะมีฝีมือเหนือคนทั่วไป และไม่ใช่คนธรรมดา แต่เทียบกันกับราชาหลงในตำนาน เขายังห่างชั้นกันไกลโข
ครั้งนี้ที่เขามาคือพิสูจน์ยืนยันข่าวที่ได้รับก่อนหน้าว่าเป็นจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ในใจของเขาก็มีคำตอบแล้ว
นึกถึงจุดนี้ มุมปากเต๋อกุลาฉีกรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น เอ่ยปากชัดถ้อยชัดคำด้วยความหนาวเย็น “ในเมื่อแกไม่ใช่เขา งั้นฉันก็วางใจแล้ว”
เต๋อกุลาพูดจบ หลังหมุนตัวกลับ ร่างกายสั่นไหว พุ่งไปที่หน้าต่างบานนั้นของห้องนอนหลีชิงเยียน
เฉินเป่ยมองภาพด้านหลังของเต๋อกุลา มุมปากยกเส้นรัศมีที่เย็นยะเยือกขึ้น แวบเดียวเขาก็ก้าวเท้าออกมา จากนั้นพุ่งออกไปแล้ว
ในห้องนอน หลีชิงเยียนอยู่ขอบหน้าประตูห้อง ถูกภาพเงาที่เหมือนฝนดาวตกรูปคนวาร์ปแฉลบผ่านหน้าหลังสองทีทำเอาตกใจเข้าแล้ว ใบหน้างดงามที่ซีดเซียวไร้สีเลือด ผมยาวยุ่งเหยิง เห็นได้ชัดว่ายังอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย
ในเวลานี้ ซูเหลยพุ่งเข้ามาทันเวลา นำเสื้อตัวใหญ่ตัวหนึ่งคลุมร่างกายของหลีชิงเยียนไว้แล้ว จากนั้นนำชุดนอนที่ขาดวิ่นตัวนั้นปิดซ่อนผิวพรรณขาวดุจหิมะที่ทำให้คนหัวใจเต้นระรัวที่เผยออกมาเยอะมากไว้ขึ้นมาแล้ว
หลีชิงเยียนจ้องมองหน้าต่างที่เปิดออกบานนั้นอยู่ เธอที่ลมหายใจเร่งถี่ไม่เป็นจังหวะ ทันใดนั้นพุ่งไปริมหน้าแล้ว มองไปทางด้านนอกหน้าต่าง
พอหลีชิงเยียนพุ่งไปริมหน้าต่าง ตอนที่ดวงตามองทางข้างนอกหน้าต่าง ลมหายใจแทบหยุดลงฉับพลัน เวลาและอากาศเหมือนแข็งตัวแล้ว
ระดับความสูงถึงพื้นดินเกือบร้อยเมตร ภาพเงาสองคนนั้น คาดไม่ถึงตกลงไปโดยตรงขนาดนี้ เต๋อกุลาและเฉินเป่ย สองคนตามกันไปติดๆ ร่วงลงไปที่พื้นด้วยความรวดเร็วดุจฝนดาวตก
หลีชิงเยียนเพียงมองพื้นดินแวบหนึ่ง ใกล้จะเป็นลมแล้ว……ความสูงเกือบร้อยเมตรเชียวนะ พวกเธอพักอยู่ชั้นสามสิบกว่า และสองคนนี้กระโดดลงไปอย่างไม่ลังเลสักนิดเดียว พวกเขาเป็นคนรึเปล่า?
สมองของประธานนางฟ้าว่างเปล่าแถบหนึ่ง ในใจเต้นแรง…ภายในหัวของเธอเหมือนมีเพียงยอดมนุษย์เท่านั้นที่สามารถทำได้
ความสูงร้อยเมตร ดูเหมือนหวาดเสียวมาก แต่เฉินเป่ยและเต๋อกุลาร่วงลงด้วยความว่องไว เพียงแค่เวลาชั่วพริบตาเดียว สองคนก็ตกลงกระแทกเข้ากับพื้น
ในเวลานี้เอง เต๋อกุลาบิดร่างกายทันใด กางแขนทั้งสองออก ชุดดำตัวนั้น คาดไม่ถึงกลายเป็นชุดร่อนตัวหนึ่ง ปีกค้างคาวระหว่างแขนทั้งคู่กางออก ทั้งตัวเต๋อกุลาท่าทางบิดขยับ ร่อนไถลไปที่ระยะไกล
“นี่เป็นไปไม่ได้!” หลีชิงเยียนยืนอยู่ริมหน้าต่างมองเห็นฉากนี้เข้า ดวงตาเบิกโต ใบหน้ายิ่งมีสีหน้าที่ตกตะลึงแบบยากจะเชื่อ
เต๋อกุลาหันหน้า มองเฉินเป่ยที่ร่วงลงมาด้านหลังเป็นเส้นตรงแวบหนึ่ง มุมปากฉีกรอยยิ้มที่ดูถูกขึ้น…เขามีชุดร่อนพิเศษของชนเผ่าเลือดอยู่ ย่อมสามารถกระโดดลงมาจากที่สูงร้อยเมตรได้อย่างกำเริบเสิบสาน ส่วนผู้ชายหัวเซี่ยคนนั้นที่ด้านหลัง เดิมก็แค่พวกปัญญาอ่อน ถึงได้กระโดดตามเขาลงมาอย่างโง่เง่า
เต๋อกุลาย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดาว่าเฉินเป่ยจะมีชุดร่อนเช่นกัน…ชุดร่อนบนตัวของเขาชุดนี้ เป็นชนเผ่าเลือดสั่งทำ ประสิทธิภาพห่างชั้นไกลกว่าชุดร่อนทั่วไปจะมาเปรียบเทียบได้…รอยยิ้มของเขาเผยการเย้ยหยันที่เข้มข้นออกมา แม้กระทั่งเขายังไม่ต้องเปลืองแรงสักนิด ก็สามารถกำจัดขี้โรคแห่งเอเชียคนนี้ทิ้งได้
ตามองเห็นเฉินเป่ยเกือบจะดิ่งลงมาเป็นเส้นตรง เต๋อกุลาหัวเราะฮาๆ เสียงดัง “ฆ่าฉัน? ไปนรกแล้วค่อยคิดวางแผนเถอะ!”
เต๋อกุลาพึ่งพูดจบ เฉินเป่ยก็ร่วงลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าหนาวเหน็บ ทันใดนั้น เขาหมุนตัวกะทันหัน เสียบมีดหลงหยาเข้าไปในผนังกำแพง
“ครืน!”
เฉินเป่ยตกลงด้วยความเร็วสูงนำมาซึ่งแรงเฉื่อยมหาศาล ทำให้ถึงแม้เขาจะมีมีดหลงหยาค้ำยัน แต่ก็ยังคงตกลงอย่างบ้าคลั่ง
“อาย่าห์——” เฉินเป่ยร้องตะโกน มือทั้งคู่จับหลงหยาไว้แน่น กล้ามเนื้อแขนขาทั้งคู่ปูดขึ้นอย่างบ้าระห่ำ ใช้สุดกำลังควบคุมความเร็วตนเองให้ช้าลง
ในห้องนอน ซูเหลยเดินมาถึงด้านข้างของหลีชิงเยียน เห็นที่ผนังกำแพงมีภาพเงาคนหนึ่งที่เล็กกระจิริดดุจมด กำลังผ่อนความเร็วตกลงอย่างว่องไว อดโล่งอกทีหนึ่งไม่ได้
นี่ซูเหลยถึงได้พบว่าตนเองกังวลมากเกินไปแล้ว
ราชาหลงที่น่าเกรงขามจะร่วงลงไปตายได้อย่างไรกัน?
เนื้อเอ็นที่น่ากลัวของเฉินเป่ยนั้น มอบกำลังที่ยิ่งใหญ่ให้แล้ว ทำให้เขาพึ่งมีดหลงหยาเล่มเดียว กรีดรอยลึกหลายสิบเมตรแถวหนึ่งออกมาบนกำแพงได้
“ตึง!”
เฉินเป่ยตกลงพื้น พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย เฉินเป่ยหมุนตัว มองเห็นเต๋อกุลาที่อาศัยชุดร่อนอยู่อยากจะหนีไป ทำเสียงฮึดฮัด ข้อมือสั่นไหว มีดหลงหยาเล่มนั้นร้องคำราม ระเบิดยิงไปที่ระยะไกลด้วยความรวดเร็ว
ที่ว่างกลางอากาศสั่นสะเทือน ภายใต้แสงไฟล้อมรอบโรงแรมที่สาดส่องมา บนสนามหญ้าที่ขนาดร้อยตารางเมตรของโรงแรม ราวกับเป็นช่วงกลางวัน เต๋อกุลาร่อนไถลไปในระยะไกลอย่างรวดเร็ว…ชุดร่อนคุณภาพพิเศษของชนเผ่าเลือดนี้ ทำให้เต๋อกุลาสามารถอาศัยชุดร่อนตัวนี้ พุ่งออกไปในระยะไกลเกินว่าชุดร่อนธรรมดาจะทำได้
ไม่นานเต๋อกุลากับเฉินเป่ยก็ดึงระยะห่างหลายสิบเมตรเข้าหากันแล้ว
เต๋อกุลาพึ่งโล่งอกไปทีหนึ่ง ในเวลานี้ ทันใดนั้นมีเสียงที่ดังกระหึ่มแสบแก้วหูลอยมาจากด้านหลังของเต๋อกุลา
ในใจเต๋อกุลาสั่น…เสียงดังสนั่น มีเพียงตอนที่ความเร็วการบินถึงขั้นสูงสุดเท่าความเร็วเสียง ถึงจะแหวกฉีกที่ว่างกลางอากาศ มีเสียงดังสนั่นนี้ปรากฏขึ้น
แม้แต่ลูกกระสุนปืนธรรมดายังไม่เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
เต๋อกุลาหันหน้ากวาดสายตามองทีหนึ่ง ทั้งตัวหนาวเหน็บ หนังศีรษะชา
แสงดำเส้นหนึ่งแหวกฉีกที่ว่างกลางอากาศ พุ่งยิงมาทางเต๋อกุลาอย่างรวดเร็ว ราวกับมังกรดำตัวหนึ่ง ทำให้เต๋อกุลาหนังศีรษะชา
ภายในใจของเต๋อกุลาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างหนึ่งขึ้นกะทันหัน เขาพยายามเปลี่ยนทิศทางร่อน แต่ก็ไม่ทัน
“ซู่ซ่า!”
ร่างกายเต๋อกุลาสั่นเทา ชุดร่อนของเขาโดนแสงดำทะลุจนเป็นรูใหญ่ทันใด ชั่วขณะนั้นร่างกายทั้งตัวสูญเสียความมั่นคง ร่อนโซซัดโซเซอยู่กลางอากาศสักระยะ ศีรษะปักลงที่พื้นกะทันหัน
“ปึก!”
เต๋อกุลากลิ้งไปบนสนามหญ้ายี่สิบกว่าเมตรเต็มๆ ถึงหยุดลงมาได้
ตอนที่เต๋อกุลาปีนขึ้นมาอย่างหน้าตามอมแมมเปื้อนฝุ่น เห็นเพียงเฉินเป่ยกำลังก้าวทีละก้าว เดินไปทางเขา
“ตึกๆๆ…”
พื้นผิวสั่นสะเทือนแตกร้าวไม่ขาดสาย ใต้สนามหญ้าที่เขียวขจี ผืนหญ้าที่ติดดินค่อยๆ แยกออก เฉินเป่ยสีหน้าหนาวเย็น จ้องเต๋อกุลาอยู่
วินาทีนั้น ร่างกายของเต๋อกุลาสั่นสะท้าน ผู้ชายหัวเซี่ยตรงหน้าคนนี้ คาดไม่ถึงท่วงท่าไร้เทียมทาน ราวกับว่ามาจากนรก