สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 432
บทที่432 คำสัญญาของราชาหลง!
ฝีเท้าของหลีชิงเยียนหยุดชะงักลงอย่างฉับพลัน เธอหมุนตัวกลับ เห็นเฉินเป่ยมองมาด้วยหน้าตาสบายใจ
หลังมองเห็นความตื่นตะลึงบนหน้าของหลีชิงเยียน เฉินเป่ยหัวเราะนิดหน่อย ยืนเอามือไพล่หลัง
“นายหมายความว่าอะไร?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วถาม
“หมายความตามที่พูดน่ะสิ” เฉินเป่ยหัวเราะอย่างเรียบเฉย
“ห้องพักนั้นโดยทำเสียหายแบบนั้นไป นายยังอยากให้ฉันเข้าไปพัก…แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยเจอคนที่ไร้เหตุผลขนาดนายเลย!” หลีชิงเยียนหัวเราะเยาะทันใด เห็นได้ชัดว่าเธอโดนเฉินเป่ยทำให้โมโหจนหัวเราะแล้ว
“ชิงเยียน คุณไปดูเองสักหน่อยก็รู้แล้วนี่?” ในรอยยิ้มของเฉินเป่ยเพิ่มความหมายลึกซึ้งขึ้นมาทันที
แต่หลีชิงเยียนไม่อยากสนใจเฉินเป่ยชัดเจนมาก เพียงแค่มองค้อนเฉินเป่ยอย่างเมินเฉย ทิ้งไว้คำพูดหนึ่ง “ประสาท” จากนั้นหมุนตัวอยากจะกลับไปที่ห้อง
แต่มือเรียวของเธอพึ่งวางลงบนที่จับประตูห้อง ทันใดนั้นได้ยินเสียงของเฉินเป่ยลอยมาจากด้านหลัง “ห้องพักนั้น ผมซ่อมเรียบร้อยแล้ว”
มือทั้งคู่ของท่านประธานเทพธิดาหยุดค้าง ดวงตาที่ใสแจ๋วคู่นั้นประกายเล็กน้อย แววตาของเธอชั่วขณะนั้นมีความตกใจแวบผ่าน
หลีชิงเยียนหันหน้า มองทางเฉินเป่ยที่หน้าตาได้ใจ เฉินเป่ยในเวลานี้เขย่าขาอยู่ไม่เลิก มองขึ้นมาดูโอ้อวดอย่างมาก แม้กระทั่งอยากโดนต่อยอยู่บ้าง
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยที่ทำหน้าอวดดีอยู่ ขมวดคิ้วแน่น กอดหน้าอก จ้องมองเฉินเป่ยด้วยสายตาหนาวเหน็บอยู่นาน ถึงเอ่ยปากพูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัยและเย็นยะเยือก “นายรู้รึเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดอะไร?”
“แน่นอน” เฉินเป่ยพยักหน้า “ห้องพักนั้นผมซ่อมเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างกับตอนที่คุณพึ่งเข้าพักเลย”
หลีชิงเยียนยังคงขมวดคิ้วแน่น ในสายตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เธอย่อมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ที่เฉินเป่ยพูด
แต่ในใจของเธอกลับสั่นสะเทือนอย่างยิ่งเพราะคำพูดนี้ของเฉินเป่ย แค่เวลาคืนเดียวเอง เขาทำได้จริงเหรอ?
หลีชิงเยียนไม่อยากเชื่อ ก่อนหน้านี้แค่ใช้คำพูดล้อเล่นของตนเองมากระตุ้นเฉินเป่ยเท่านั้นเอง ผลปรากฏว่าเฉินเป่ยทำสำเร็จเข้าแล้วจริงๆ ?
การต่อสู้อันดุเดือดของซูเหลยกับผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในห้องพักนั้น ทำเอาห้องนั้นพังเสียหายย่อยยับเต็มไปหมด ทุกอย่างนี้ประทับตราลงในสมองของหลีชิงเยียนอย่างลึกซึ้ง ปริมาณงานก่อสร้างแบบนั้น อย่าพูดว่าวันเดียวเลย ต่อให้หนึ่งอาทิตย์ ทีมก่อสร้างของโรงแรมจ้างมา ยังไม่แน่ว่าจะทำสำเร็จได้
เฉินเป่ยใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียวเอง
หลีชิงเยียนไม่อยากเชื่อ แต่เห็นเฉินเป่ยมีแผนการในใจขนาดนี้ ภายในใจหลีชิงเยียนยิ่งสั่นไหวไม่หยุด
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หลีชิงเยียนก้าวเท้าออกมา รองเท้าส้นสูงสีเงินงดงามเหยียบลงพรมที่อ่อนนุ่ม ใส่รองเท้าส้นสูงเดินไปทางด้านนอกห้อง
สายตาของเฉินเป่ยตกอยู่บนร่างกายที่งดงามสูงเพรียวของหลีชิงเยียนตั้งแต่ต้นจนจบ ผมยาวที่ดำขลับนุ่มลื่นสยายตรงหลังหัวไหล่ ทั่วทั้งตัวท่านประธานเทพธิดาปล่อยเสน่ห์เซ็กซี่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุดจากภายในออกมาสู่ภายนอก ชวนดึงดูดสายตา
บุคลิกรูปร่างแบบนี้ ถ้าอยู่บนเวที ไม่ต้องการแม้กระทั่งไฟสปอตไลท์ ก็สามารถกลายเป็นจุดศูนย์รวมของทั้งงานได้อย่างง่ายดาย
“ไปสิ”
เฉินเป่ยมองรูปร่างนี้อย่างเคลิบเคลิ้มอยู่นาน หลังหลีชิงเยียนเห็นว่าเฉินเป่ยไม่ขยับ จึงพูดเร่งด้วยความรำคาญ ถึงทำให้เฉินเป่ยตอบสนองเข้ามา เผยรอยยิ้มอันธพาลที่มีเลศนัยออกมา ก่อนจะรีบเดินตามไปอย่างว่องไว
ตอนเดินมาถึงหน้าประตูห้อง เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงหน้าของหลีชิงเยียน บนหน้ามีรอยยิ้มเอาใจและภูมิใจอยู่นิดๆ เขาดึงประตูห้องเปิดออก พูดกับหลีชิงเยียนว่า “ชิงเยียน เชิญเข้ามาครับ”
ดึงประตูห้องเปิด หลีชิงเยียนเดินเข้าไปแล้ว แวบเดียวก็มองเห็นห้องที่เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่หมด ทำให้หลีชิงเยียนที่เคยเจอคฤหาสน์หรูหรามามากมาย ทว่าตอนที่เผชิญหน้ากับห้องพักนี้ ภายในใจอดสั่นขึ้นนิดหน่อยไม่ได้ และมีความรู้สึกประหลาดใจที่พูดไม่ออก
หลีชิงเยียนหมุนวนอยู่ในห้องรอบหนึ่ง ในใจตื่นตะลึงแบบหาที่เปรียบไม่ได้ เพราะเฉินเป่ยพูดไม่ผิดเลยสักนิดเดียว เขาทำได้จริง เมื่อคืน ห้องที่เคยผ่านการสู้ดุเดือดจนพังพินาศแห่งนี้ กลับดูใหม่เหมือนตอนที่หลีชิงเยียนเข้ามาพักก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะด้านสไตล์ยิ่งเป็นความชอบของหลีชิงเยียน
“ฉันดูจากของตั้งโชว์การตกแต่งในห้องแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ทำไมถึงมีความรู้สึกบางอย่างที่ฉันคิดว่าไม่เหมือนเดิม?”
หลีชิงเยียนสังเกตห้องแห่งนี้อยู่ ยิ่งมองคิ้วยิ่งขมวดแน่น
“ชิงเยียน ชอบมั้ย?” เฉินเป่ยถามเสียงละมุน
หลีชิงเยียนพยักหน้าแล้ว เทียบกับการตกแต่งของโรงแรมก่อนหน้านี้และโรงแรมอื่นที่คล้ายๆ กัน การที่เฉินเป่ยซ่อมแซมปรับปรุงในครั้งนี้ ทำให้ห้องแห่งนี้เพิ่มความหอมหวานอบอุ่นนิดๆ เข้ามาด้วย
ห้องพักแห่งนี้ ท่านประธานเทพธิดาพอใจมาก
“สรุปนายทำได้ยังไงกัน?”
เทียบกับความพอใจของห้องนี้แล้ว ท่านประธานเทพธิดายิ่งสงสัย เฉินเป่ยทำได้อย่างไรกันแน่ ซ่อมแซมห้องพักแห่งนี้ภายในช่วงเวลาคืนเดียว และยิ่งเพิ่มความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมอีก
“ความลับ” เฉินเป่ยหัวเราะนิดหน่อย เอ่ยปากตอบ
รอยยิ้มของเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความลึกลับ เขาเองคงไม่บอกหลีชิงเยียน ห้องแห่งนี้เหมือนกับห้องที่คฤหาสน์หรูอสังหาริมทรัพย์ที่เขาครอบครองในต่างประเทศ ผ่านการออกแบบอย่างตั้งใจของเขา ย่อมดีกว่านักออกแบบเถื่อนที่โรงแรมหามาจากที่ไหนก็ไม่รู้เป็นร้อยเท่า
เมื่อคืนวานนี้ เฉินเป่ยคงไม่ได้แค่ซ่อมแซมห้องแห่งนี้แบบธรรมดาขนาดนั้น เขายุ่งอยู่ทั้งคืน เพราะต้องการมอบความประหลาดใจให้กับหลีชิงเยียน
“ทำเป็นลึกลับซับซ้อน” หลีชิงเยียนชายตามองเฉินเป่ยเฉยๆ ก่อนจะพูดคำพูดประโยคหนึ่งออกมา เพียงแต่หลีชิงเยียนในเวลานี้ ขณะที่กำลังพูดออกมานั้น มุมปากวาดเส้นรัศมีวงกลมตื้นๆ ขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เวลาก็พอสมควรแล้ว ซูเหลยคงใกล้ตื่นแล้ว” เฉินเป่ยก้มหน้ามองดูนาฬิกาข้อมือ พูดขึ้นอย่างกะทันหัน
หลีชิงเยียนอึ้งเล็กน้อย ดวงตาเผยความสงสัยไม่เข้าใจนิดๆ เธอไม่เข้าใจว่าเฉินเป่ยเอาความมั่นใจเต็มเปี่ยมขนาดนั้นมาจากไหน ถึงคิดว่าซูเหลยจะต้องตื่นแน่ๆ ?
“ไปกันเถอะ ดูหน่อยว่าหล่อนเป็นยังไงบ้าง” เฉินเป่ยพูดขึ้น
หลีชิงเยียนพยักหน้าแล้ว เวลานี้สายตาที่เธอมองเฉินเป่ยเปลี่ยนไปอ่อนโยนขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว
………….
เวลานี้ ภายในห้องกระท่อมแห่งหนึ่งที่ยุโรป
เสือขาวที่นอนอยู่บนเตียงฟื้นขึ้นมา เขาลืมตาแล้ว ใบหน้าที่คุ้นเคยแต่ละใบสะท้อนเข้าในม่านตาของเขา
“เอ่อ……”
เสือขาวขยับเล็กน้อย ความเจ็บปวดพุ่งมาราวกับกระแสน้ำ
“อย่าขยับ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น นายทหารของกองทหารหลงที่อยู่ข้างกายเสือขาวคนหนึ่งพูดขึ้น “ท่านได้รับบาดเจ็บหนัก ทั่วร่างกายถูกเผาไหม้กัดกร่อนไปหลายจุด พวกเราทำแผลให้ท่านแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือพักนิ่งๆ”
เสือขาวมองทางนายทหารของกองทหารหลงคนนั้น นายทหารของกองทหารหลงคนนั้นย่ำแย่มาก บนหน้าพันผ้าพันแผลไว้หนามาก ทั้งตัวดูขึ้นมาน่าเวทนาสุดๆ
“เสือขาวฟื้นแล้วเหรอ?”
เกิดความวุ่นวายที่ด้านนอกห้อง ภาพเงาแต่ละคนต่างพุ่งเข้ามากัน สายตาของเสือขาวตกอยู่บนตัวของคนเหล่านี้ ในใจผุดความรู้สึกอบอุ่นขึ้น
คนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกพ้องของเขา ล้วนเป็นสมาชิกของกองทหารหลง
พวกเขาแต่ละคนไม่มีสักคนที่ปลอดภัยไม่บาดเจ็บ บนตัวแต่ละคนแต่ละที่ล้วนผ่านการพันแผลมา มีบางคนแม้กระทั่งมีผ้าพันแผลห่อหุ้มไปครึ่งหน้า บาดเจ็บไปทั้งตัว ดูน่าสยองขวัญมาก
“สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น?” ผ่านไปสักพักหนึ่ง เสือขาวครุ่นคิดได้แจ่มแจ้งขึ้นมาบ้าง เอ่ยปากพูดเสียงแหบ
“หลังท่านสลบไป พวกเราหลบอยู่ใต้ซากปรักหักพังของปราสาทกัน หลบฝนเลือดนั้น” นายทหารของกองทหารหลงหนึ่งในนั้นเอ่ยปากตอบ “ต่อมาฝนเลือดกลายเป็นแม่น้ำ พัดมาทางพวกเรา พวกเรารอฝนหยุดแล้วถึงรีบออกมาจากสถานที่ผีนั้น”
เสือขาวพยักๆ หน้า ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นนายทหารของกองทหารหลงอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่พอจะพูดก็หยุดไป ท้ายที่สุดไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ยังมีอะไรอยากพูดอีก พูดมาเถอะ” เสือขาวบอกไป
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับพิษเลือด” นายทหารของกองทหารหลงคนนั้นกัดฟัน เอ่ยปากบอก “พวกเราพบว่าระดับพิษของพิษเลือดนั้นไม่ใช่แค่มีฤทธิ์กัดกร่อน”
เสือขาวยักคิ้ว “หมายความว่าอะไร?”
“ฤทธิ์กัดกร่อนเป็นเพียงฤทธิ์พิเศษของฝนเลือด แต่หลังจากพวกเราโดนฝนเลือดสาดโดน ทั้งหมดโดนพิษเลือดแล้ว พิษเลือดนี้แปลกประหลาดมาก พอพวกเรายิ่งขยับตัวยิ่งรุกรานโจมตีร่างกายขึ้นตามไปด้วย เริ่มแรกพวกเรายังไม่เข้าใจ มีหลายคนที่อุณหภูมิร่างกายลดต่ำ เกิดอาการบาดเจ็บเพราะอากาศหนาวเข้าแล้ว”
“บาดเจ็บเพราะอากาศหนาว?” เสือขาวตกใจฉับพลัน นายทหารของกองทหารหลงคนนั้นพยักหน้าแล้ว สีหน้าซีดเซียว “พวกเราลองแก้พิษมาสารพัดวิธี ไม่เพียงไม่มีประโยชน์อะไร แต่ยังเพิ่มความรุนแรงให้พิษเลือดด้วย พวกเราเลยทำได้เพียงขยับตัวให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้”
นายทหารกองทหารหลงคนนั้นพูดจบ เสือขาวกวาดสายตามอง ความจริงที่นายทหารของกองทหารหลงสีหน้าดูแย่มาก เห็นได้ชัดว่าพิษเลือดกระตุ้นให้ร่างกายอ่อนแอ
ตอนที่เสือขาวกำลังขบคิด พบว่าร่างกายของตนเองรู้สึกถึงความหนาวเหน็บอย่างน่าประหลาด ต่อให้ห่มผ้าหนาหนักไว้ ยังทำให้เขาเหมือนตกอยู่ในหลุมน้ำแข็ง
“คุณไม่ได้ขยับใดๆ พิษเลือดเลยยังไม่ได้กระจายไปทุกส่วนในร่างกาย ดังนั้นพิษเลือดจึงกระทบกับคุณไม่มาก พวกเราบางคน แม้กระทั่งเคลื่อนไหวก็ลำบากกันแล้ว”
คำพูดของนายทหารของกองทหารหลงลอยเข้าในหูเสือขาว แววตาเสือขาวลุ่มลึก ในใจสั่นสะเทือน ในที่สุดเขาถึงเข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ท่านผู้อาวุโสใหญ่กับวินเซนตท์ต้องร่วมมือแสดงคาถาด้วย
คาถาหนึ่งที่ท่านผู้อาวุโสใหญ่เผ่าเลือดสองคนต้องการแสดงออกมา จะด้อยได้เชียวหรือ?
เสือขาวจึงเข้าใจ ดังนั้นนี่ถึงสามารถกลายเป็นคาถาล้ำค่าของเผ่าเลือดได้…คาดไม่ถึงว่าเผ่าเลือดนี้สามารถปล่อยพลังออกมาในขอบเขตใหญ่ นายทหารกองทหารหลงของตนเองเหล่านี้ เดิมทีไม่มีวิธีการรับมือสักนิด
แม้กระทั่งตนเองยังรู้สึกว่าปวดเศียรเวียนเกล้าสุดๆ
เสือขาวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหน้าอกของตนเองกำลังแพร่กระจายความหนาวเหน็บเป็นระลอก ราวกับมีคนนำก้อนน้ำแข็งวางเข้าในหน้าอกของเสือขาว ความรู้สึกหนาวนี้ ทำให้เขาชาหนังศีรษะ เหมือนกับข้างในตัวเองไม่ใช่พิษ แต่เป็นระเบิดลูกหนึ่งที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
“ฉันรู้แล้ว” ผ่านไปตั้งนาน เสือขาวค่อยๆ เอ่ยปาก และตัดสินใจเฉียบขาด
“ขั้นต่อไปพวกเราควรทำยังไงกัน ออกไปจากยุโรปเหรอ?” นายทหารของกองทหารหลงคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
เสือขาวส่ายหน้าแล้ว “พวกเรามาสังหารตระกูลหนึ่งที่ยุโรป ที่ต่างประเทศจะต้องเกิดความวุ่นวาย ตอนนี้ถ้าพวกเราไม่มีกำลังต่อสู้ใดๆ ออกไป นั่นคือไปหาที่ตายให้อิทธิพลขุนศึกที่จ้องตาเป็นมันพวกนั้น”
“ฉันจะโทรศัพท์หาราชาหลง” หลังจากนั้นเสือขาวให้ลูกน้องคนหนึ่งยื่นมือถือเข้ามาให้ พลางพูดขึ้น