สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 437
บทที่437 การวางแผนของบุคคลยิ่งใหญ่!
“ต้องพูดกับเขาขนาดนี้จริงๆ เหรอคะ” ใบหน้าของสาวใช้คนนั้นตื่นตกใจ เอ่ยปากถามขึ้น
“แน่นอน” โม่ถีซือสีหน้านิ่งเฉย แม้กระทั่งสงบเป็นพิเศษ
“เขาเป็นถึงเทพเจ้าแห่งสงคราม นี่ไม่ค่อยดีมั้งคะ…….” สาวใช้คนนั้นพูดอย่างลังเล หล่อนกังวลมาก หากกลับไปบอกAresแบบนี้ หล่อนจะโดนAresโมโหจนฆ่าตายหรือเปล่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหล่อนเป็นเพียงสาวใช้ที่ต้อยต่ำคนหนึ่ง ถึงแม้เบื้องหลังของหล่อนคือโม่ถีซือ แต่Ares เทพเจ้าแห่งสงคราม ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ฉุนเฉียวโหดร้าย แต่ไหนแต่ไรไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา สาวใช้กังวลมาก ถ้าหล่อนส่งสารไปแทนโม่ถีซือแล้วAresไม่พอใจขึ้นมา จะฆ่าหล่อนเพื่อระบายความแค้นเคืองหรือไม่
“พวกที่กลัวแต่โลกจะไม่วุ่นวายคนหนึ่ง มีอะไรน่ากลัวกัน?” โม่ถีซือเอ่ยปากนิ่งๆ ไม่เห็นAresอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ในใจสาวใช้คนนั้นสั่นเทา แววตาเผยการดิ้นรนลังเลออกมา
โม่ถีซือกวาดสายตามองหล่อนแวบหนึ่ง ราวกับแวบเดียวก็มองความคิดในใจของหล่อนออก พูดอย่างเรียบนิ่ง“วางใจเถอะ ฉันรับประกันกับเธอได้ เขาจะไม่ทำอะไรเธอหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ที่นี่คือตำหนักหลิวหลี คือถิ่นของฉัน เขาไม่กล้าก่อความวุ่นวายไปทั่วแน่นอน”
คำพูดของโม่ถีซือชั่วขณะนั้นทำให้อารมณ์ของสาวใช้คนนั้นสงบลงมาได้ ทำให้หล่อนหมุนตัวออกไปด้วยความวางใจ นำข่าวนี้ออกไปบอกแทนโม่ถีซือ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สาวใช้คนนั้นกลับมาที่ตำหนักอีกครั้ง เอ่ยปากบอกกับโม่ถีซืออย่างเคารพนอบน้อม “Aresให้ฉันมาบอกท่านว่า…ราชาหลงปลดเกษียณแล้ว นี่คือโอกาสดีที่สุดของพวกเราในการล้มล้างยุคสมัยนี้……”
“ล้มล้าง?” โม่ถีซือยกมุมปากที่งดงามขึ้นเล็กน้อย วาดเส้นรัศมีวงกลมขึ้น เหมือนเหยียดหยามอย่างมาก “ตอนนั้นโดนราชาหลงต่อยเอาจนคุกเข่าอ้อนวอน ตอนนี้ยังมาฝันกลางวันอะไรอีก”
น้ำเสียงของโม่ถีซือเผยการเยาะเย้ยที่เข้มข้นและหนาวเย็น ส่วนสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังเธอคนนั้น ในใจสั่นไม่หยุด…นั่นคือAresเลยนะ เทพเจ้าแห่งสงครามที่ทำลายไม่ได้ หรือว่า……เขาเคยแพ้ด้วยเหรอ?
สาวใช้สองคนนั้นมองทางโม่ถีซือ แววตาเผยความหมายตกใจ คนที่กล้าลดคุณค่าของAresอย่างกำเริบไม่เกรงกลัวอะไรขนาดนี้ ทั่วทั้งโลกเกรงว่ามีเพียงไม่กี่คนล่ะมั้ง?
……
หลังจากตระกูลมีชื่อเสียงเก่าแก่ของยุโรปพังทลายลง ชั่วขณะหนึ่ง ข่าวเรื่องนี้ดุจเปลวเพลิงโดนน้ำมัน ชั่วพริบตาเดียวเกิดการสั่นสะเทือนยกใหญ่ที่ยุโรป
อิทธิพลเหนือชั้นนับไม่ถ้วน ขุนศึกนานาประเทศต่างสั่นสะเทือน เผ่าเลือด ชื่อเสียงเหม็นฉาวโฉ่เป็นที่รู้จักดีที่ต่างประเทศ แต่เพราะความพิเศษของพวกเขา เกือบจะครอบครองร่างกายที่ไม่ตาย จึงไม่มีใครมีวิธีฆ่าเขาตาย แต่ตอนนี้ใครจะไปคิดว่ามีสักวันหนึ่ง เผ่าเลือดโดนสังหารยกตระกูลแบบคาดไม่ถึง
นี่เหมือนเป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นไปได้มาก ไม่มีใครเชื่อว่าเผ่าเลือดจะโดนสังหารชนิดที่ไม่เหลือสักคนเดียว
เผ่าเลือดครอบครองวิชาป้องกันตัวที่ไม่เหมือนกับมนุษย์ธรรมดา นี่แทบจะสามารถยืนอยู่ในจุดที่โดนทำลายลงได้ตั้งแต่กำเนิด ชื่อเสียงกว้างขวางมากที่ต่างประเทศ ยิ่งมีครั้งหนึ่งที่ผ่านมา เผ่าเลือดหาเรื่องราชาหลง กระทั่งราชาหลงนำทหารมาถึงที่ ล้อมรอบปราสาทเต๋อกุลาของเผ่าเลือดไว้ ท้ายที่สุดยังถอยไปอย่างไม่ได้ทำอะไรสักนิด ยิ่งทำให้เผ่าเลือดมีชื่อเสียงเพิ่มสูงอีกจากครั้งนั้น เป็นที่รู้จักไปทั่ว
และตอนนี้ ข่าวอะไรทำนองนี้แพร่มาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าที่ไม่เหมือนเดิมคือเผ่าเลือดตระกูลนี้ ที่อยู่บนโลกใบนี้ โดนกำจัดไปจนสิ้นซาก
ต่างประเทศไม่สงบ โดยเฉพาะที่ยุโรป เกือบจะเป็นการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ ตระกูลมีชื่อเสียงนับไม่ถ้วนทั้งตกใจทั้งโกรธเคือง ต่างขุ่นเคืองตำหนิเรื่องนี้กันหมด
“มีอย่างที่ไหน! มันเกินไปแล้ว!” ภายในคฤหาสน์หรูที่เหลืองทองอร่ามงดงาม และพื้นที่เกือบสามร้อยตารางเมตรแห่งหนึ่งของยุโรป ผู้อาวุโสท่านหนึ่งจับไม้เท้าอยู่ โกรธเคืองอย่างยิ่ง
“ความสัมพันธ์ของพวกเรากับเผ่าเลือดลึกซึ้ง เผ่าเลือดกลับโดนฆ่า นี่ช่างไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเอาเสียเลย! ค้นหาให้ถึงที่สุด หาออกมาให้ได้ สรุปเป็นใครที่ทำเรื่องที่น่าโมโห และไร้ความยุติธรรมสุดจะทนนี้กัน!” ผู้อาวุโสตะโกนเสียงแค้นเคือง คนรับใช้นับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านข้างสั่นเทาไม่หยุด ทั้งในคฤหาสน์มีเสียงของผู้อาวุโสที่โกรธเคืองอย่างยิ่งดังก้อง ความหนาวที่เย็นยะเยือกปกคลุมทั้งคฤหาสน์หรูแห่งนี้
“ไม่ต้องคำนึงถึงอะไรสักอย่าง ต้องหาออกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นลูกหลานราชวงศ์อังกฤษยิ่งใหญ่ของฉัน ดูจากสถานการณ์แล้วคงต้องได้รับความอัปยศอดสูแน่!” เสียงคำรามของผู้อาวุโสดังก้องไม่หยุด ภาพเงาแต่ละคนต่างออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากออกคำสั่ง
ใครจะไปนึกว่าผู้อาวุโสท่านนี้ คาดไม่ถึงเป็นญาติพี่น้องที่แยกออกมาของราชสำนักอังกฤษในปัจจุบันนี้……ถึงแม้จะเป็นเพียงญาติพี่น้อง แต่อยู่ที่อังกฤษ ตำแหน่งก็อยู่เหนือสังคมอย่างยิ่ง ได้รับความเคารพศรัทธาจากผู้คน
แต่คาดไม่ถึงว่าเผ่าเลือดจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับญาติของราชสำนักอังกฤษในปัจจุบันด้วย พอจะมองออกว่าเผ่าเลือดอยู่ในตำแหน่งวงสังคมชั้นสูง
“เผ่าเลือดโดนฆ่า เรื่องนี้มีเลศนัย ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นพังทลายไปหมดอย่างคาดไม่ถึง ความจริงน่าแปลกประหลาดเหลือเกิน!” เวลานี้ อีกด้านหนึ่งของยุโรป ผู้ชายผมทองคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ดวงตาของเขาดุจสายฟ้าแลบสองสาย ราวกับสามารถทะลุในใจของคนได้
โดยรอบสี่ด้าน อัศวินที่ใส่เสื้อเกาะสวมหมวกแต่ละคนต่างคุกเข่าลง “เพื่อเผ่าเลือดแล้ว ต้องแก้แค้น!”
ทันทีที่พูดจบ อัศวินแต่ละคนนั้นลุกขึ้น ภาพเงาหายไป ด้านนอกมีเสียงคำรามของม้าศึกดังขึ้น ผู้ชายผมทองคนนั้น ดวงตาดุจสายฟ้ามองทางระยะไกล ดุจสายฟ้าสีทองสองสายสาดส่องไปที่ระยะไกล
บนตัวของเขาสวมเสื้อคลุมยาวหรูหรา ทั้งเหมือนกันกับเสื้อคลุมยาวที่โป๊ปใส่ และดูไม่เหมือนอยู่บ้าง มีเพียงคนจำนวนน้อยในสังคมชั้นสูงของยุโรปที่รู้ว่าผู้ชายผมทองท่านนี้ คือทายาทของโป๊ปคนปัจจุบัน
ไม่เพียงแค่นี้ ข่าวที่เผ่าเลือดโดนสังหารแพร่ออกไปที่ยุโรปอย่างรวดเร็ว ทำให้อิทธิพลแต่ละด้านต่างสั่นสะเทือนอย่างยิ่ง
นี่คือหลังจากที่ราชาหลงปลดเกษียณ ต่างประเทศสั่นสะเทือนไม่สงบครั้งที่สอง ไม่ด้อยกว่าตอนที่ราชาหลงปลดเกษียณ
เผ่าเลือดอยู่ที่ยุโรป ได้สร้างรากฐานที่แข็งแรงมากไว้ในสังคมชั้นสูง ความสัมพันธ์กับอิทธิพลหลายด้านมากมายก็ดีอย่างมากด้วย และครั้งนี้ ยุโรปกลายเป็นจุดโฟกัสของต่างประเทศอีกครั้ง อิทธิพลนับไม่ถ้วนค่อยๆ เริ่มลงมือค้นหา
ไม่นาน ข่าวที่เผ่าเลือดโดนสังหาร แม้แต่บุคคลยิ่งใหญ่ชั้นบนมากมายของหัวเซี่ยยังได้รับข่าวมาเช่นกัน
……
หัวเซี่ย เยี่ยนจิง
ที่เขตใจกลางเจริญรุ่งเรืองที่สุดของเยี่ยนจิง กลางในอาคารสูงแถบหนึ่ง ร้านชาที่ภายนอกดูขึ้นมาธรรมดามาก ซ่อนตัวอยู่ในเมือง ในป่าไม้ที่แตกต่างไปจากความวุ่นวายของป่าคอนกรีตที่เจริญรุ่งเรืองผืนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นสะดุดตาอย่างมาก
แต่หน้าประตูร้านชาแห่งนี้กลับมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ พอจะพูดได้ว่าเป็นพาหนะทำให้ทั้งเยี่ยนจิงยอมศิโรราบ รถแข่งสีเงินคันหนึ่ง
รถแข่งคันนี้ ถึงแม้เปิดตามองดูอย่างกว้างไกลจะเป็นเพียงหนึ่งเดียวไม่มีคนเหมือน และเพราะการมีตัวตนของรถแข่งคันนี้ ทำให้ร้านชาแห่งนี้ ถึงอยู่ในเมืองใหญ่แบบเยี่ยนจิงนี้ กลับกลายเป็นการมีตัวตนที่สะดุดตาอย่างยิ่ง
ภายในร้านชา คาดไม่ถึงมีภาพเงาแต่ละคนยืนอยู่สองข้างของร้านชา ชายชุดดำที่สวมสูทกันแต่ละคน สีหน้าเย็นชา ราวกับเป็นอาวุธรูปคนแต่ละชิ้น ไม่มีความรู้สึกสีสันสักนิดเดียว
ห้องชาของร้านชาถูกปล่อยวาง มีเพียงในห้องหรูแห่งหนึ่ง กลิ่นหอมที่สดชื่นทำให้คนผ่อนคลายคละคลุ้งไปทั่วห้องชาแห่งนี้
“ไม้กฤษณาพันปี ของดีหายาก” ภาพคนหนึ่งในนั้นสูดดมเบาๆ จากนั้นยิ่งอ่อนๆ
“เทียบกับชาต้าหงเผาของนาย ยังห่างกันอยู่บ้าง” ภาพอีกคนหนึ่งยกกาน้ำชาทรายสีม่วงไว้ รินน้ำชาสีแดงใสเข้าในแก้วชา กลิ่นหอมของชาที่ละมุนสดชื่นลอยเข้าจมูก ผสมกันกับกลิ่นหอมของไม้กฤษณา กลายเป็นกลิ่นหอมแปลกที่มีความพิเศษกลิ่นหนึ่ง
ภาพของสองคนนี้นั่งอยู่บนเบาะกลมแบบสบายๆ ราวกับคนธรรมดาที่มาพูดคุยผ่อนคลายกัน แต่ออร่าที่ไม่ธรรมดาบนตัวของพวกเขานั้น เห็นได้ชัดว่าเปิดโปงพวกเขาออกมาแล้ว
“จิง ฉันมาจากหู้ไห่ คิดไม่ถึงว่านายปกครองได้ไม่เลวมาก” ภาพอีกคนหนึ่งในนั้นเอ่ยปากพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือผู้ควบคุมของเมืองนี้ จิง
เขาไม่มีชื่อสกุล ดังนั้นคนอื่นจึงเรียกเขาว่า จิง
“จะไปเด่นเท่านายได้ที่ไหน หู้ไห่ เป็นเมืองอันดับหนึ่งของหัวเซี่ยในปัจจุบันนี้ กิจการชั้นนำของหัวเซี่ยเกินสามสิบเปอร์เซ็นต์รวมตัวอยู่ที่หู้ไห่หมด ตอนนี้แม้แต่อิทธิพลต่างประเทศมากมายยังสนใจเนื้อติดมันก้อนนี้ของพวกนายกัน” จิงเอ่ยปากนิ่งๆ ด้วยสีหน้าสงบ เหมือนไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้นอย่างมาก
“ช่วงนี้ฉันที่นั่นก็ไม่ค่อยสงบ เกิดคดีใหญ่มาหลายเรื่อง ถึงตอนนี้ยังไม่ได้สรุปเลย”
“นายคิดว่าฉันที่นี่ก็สงบนักเหรอ แม้แต่เผ่าเลือดยังมาตายที่นี่ นายจะให้ฉันไปบอกกับเผ่าเลือดยังไง?” จิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มเพิ่มความลึกล้ำที่ยากจะดูออก
“เผ่าเลือดตายแล้ว?” หู้สีหน้าสงบนิ่ง ในน้ำเสียงกลับเผยความตกใจที่ยากปกปิดออกมาแล้ว
“ที่เกิดเหตุมีร่องรอยการต่อสู้ดุเดือดมาก” จิงพยักๆ หน้า แววตามีความหมายที่ซับซ้อนลุ่มลึกเปล่งประกายไม่ขาดสาย
“นึกไม่ถึงว่าหัวเซี่ยยังมีคนมีความสามารถประหลาด แม้แต่เผ่าเลือดยังฆ่าตายได้” ไม่นานหู้กลับคืนสู่ความสงบ พูดอย่างเรียบนิ่ง
“แต่พวกเรารู้จักคนมีความสามารถประหลาดนี้” ทันใดนั้น จิงพูดขึ้น
สายตาของหู้สั่นเล็กน้อย ความหมายดุเดือดรุนแรง แวบผ่านอย่างฉับไว
“นายกำลังหมายถึงใคร?” น้ำเสียงหู้ไม่ได้เปลี่ยน กลับค่อนข้างเพิ่มความหนาวเหน็บเย็นชาขึ้น
ทันใดนั้น ในเวลานี้เอง ชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความเคารพ เดินมาที่ด้านข้างของจิง หลังกระซิบที่ข้างหูไม่กี่ประโยค ทำให้จิงสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่
“แน่ใจเหรอ?” จิงที่แต่ไหนแต่ไรสีหน้าสงบไม่หวั่นไหวเปลี่ยนไปถึงที่สุด เขามองทางชายชุดดำคนนั้นด้วยสีหน้าหนักหน่วงอย่างยิ่ง
ชายชุดดำคนนั้นพยักหน้าแล้ว “ข่าวนี้ มีหลายคนที่หัวเซี่ยควบคุมไว้แล้วครับ”
“ฉันรู้แล้ว ออกไปเถอะ” จิงถอนหายใจทีหนึ่ง กลับสู่สภาพสงบนิ่งดังเดิม โบกๆ มือ
หลังชายชุดดำถอยออกไป จิงมองทางหู้ รอยยิ้มมีความลึกลับเลศนัยเพิ่มมา “ตอนนี้ พวกเรารู้แล้วว่าสรุปเป็นใครที่ทำทุกอย่างนี้แล้ว”
“ใคร?” ข่าวของจิงเห็นได้ชัดว่าไม่ฉับไวอย่างของจิง เวลานี้เขายังไม่รู้สถานะของผู้ที่ก่อเหตุร้ายนี้ขึ้น
จิงหัวเราะผิดปกติ พ่นออกมาสามคำ “ราชาหลง”
ครืน!
สีหน้าของหู้ยังคงสงบ แต่เวลานี้ ท่าทีของเขาปรากฏการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ออกมา
ตอนที่หู้ได้ยิน“ราชาหลง”สามคำนี้ ในแววตาพ่นแสงเย็นที่หนาวเหน็บออกมาฉับพลัน ราวกับดาบคมที่ใกล้ดึงออกจากฝัก
บนโต๊ะน้ำชา แก้วชาถาดชาสั่นสะเทือนนิดหน่อย ที่ว่างกลางอากาศบิดเบี้ยวสั่นไหว หู้ปล่อยความสามารถที่สยองขวัญออกมา ท่วงท่าโหดร้าย ราวกับเขาเกิดมาเพื่อเป็นราชา