สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 442
บทที่442 ตำนานที่ไม่แพ้คือนาย!
ชั่วขณะนั้นที่เฉินเป่ยเอ่ยปาก จากบนตัวของเฉินเป่ยมีท่วงทีที่ไร้รูปร่างพุ่งทะยานขึ้นมา ทั้งตัวเขาเปลี่ยนไป ราวกับเป็นคนละคน
จางเป่าเฉิงสั่นเทิ้มไปทั่วตัว ความรู้สึกที่เฉินเป่ยมอบให้เขา ทำให้เขาขนลุกตั้งขึ้นอย่างฉับพลัน ในใจของเขา สั่นสะเทือนอย่างยิ่ง
วินาทีนั้น เขามีภาพหลอนหนึ่งผุดขึ้นมา เหมือนว่าที่ยืนตรงหน้าของเขาไม่ใช่เฉินเป่ย แต่เป็นสัตว์ป่าดุร้ายที่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนตัวหนึ่ง
ขณะเดียวกันกับตอนที่จางเป่าเฉิงสั่นเทาไปทั้งตัว ในสมองปรากฏภาพเงาอีกคนหนึ่งขึ้นมาทันใด
ภาพเงาคนคนนั้นที่โผล่ขึ้นอย่างกะทันหัน มีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันมากกับเทพเมถุน โดยเฉพาะเทียบกับเทพเมถุนสองท่านนั้นยังลึกลับกว่า……ผ่านไปไวในชั่วพริบตาเดียวดุจดาวตก ทำให้จางเป่าเฉิงเกือบลืมเขาไปเลย
“นายอยากจะทำอะไร!” ทันใดนั้น หลีชิงเยียนสังเกตถึงความผิดปกติ ตะโกนดุเสียงเย็นชา
เฉินเป่ยจ้องจางเป่าเฉิงอยู่ พอหลีชิงเยียนตะโกน ถึงทำให้ท่วงทียิ่งใหญ่บนตัวของเฉินเป่ยนั้นหายไปทันที
จางเป่าเฉิงรู้สึกถึงแรงอาฆาตที่หนาวเย็นนั้นถอยไปอย่างว่องไว แรงกดดันมหึมาบนตัวของตนเองนั้น หายไปฉับพลัน
เขาถึงถอนหายใจยาวสักทีหนึ่ง ปาดเหงื่อบนหน้าผาก ถึงแม้เขาเองจะไม่ได้พบอะไรเลย เมื่อสักครู่ทั่วทั้งตัวตนเองเต็มไปด้วยเหงื่อเหนียวเหนอะหนะไม่รู้ตัว เปียกชื้นตนเองไปหมด
ความรู้สึกที่เฉินเป่ยมอบให้เขาตอนนั้นช่างสยองขวัญเหลือเกิน ทำให้หลังจากโดนโจมตีเขาตกใจค้าง จนกระทั่งตอนนี้ในใจของเขายังคงเต้นแรงอยู่
เฉินเป่ยสีหน้าเรียบนิ่ง เพียงแต่สายตายังคงจ้องจางเป่าเฉิงอยู่ เอ่ยปากนิ่งๆ “ไม่มีอะไร เพียงแค่ช่วยหัวหน้าสมาคมจางนึกเรื่องบางอย่าง”
“ฉันนึกขึ้นได้แล้ว ที่จริงเทพเมถุนไม่ใช่เพียงหนึ่งเดียว ยังมีคนหนึ่งทำสำเร็จอย่างเทพเมถุนได้” หลังจางเป่าเฉิงพูดจบ ทำเสียงฮึดฮัด “นี่แล้วยังไงกันล่ะ ไม่มีใครรู้สถานะของคนคนนั้น โดยเฉพาะเทพเมถุนก็ยากจะรับมือด้วยแล้ว คนคนนั้นไม่อาจปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างเด็ดขาด”
“สรุปนายอยากทำอะไร ไม่จบไม่สิ้นใช่มั้ย!” ในที่สุดหลีชิงเยียนก็ทนไม่ไหว เธอถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างแรงแวบหนึ่ง ในน้ำเสียงเผยความเย็นชาและโกรธเคือง
“หัวหน้าสมาคมจางช่วยเหลือบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้ ดึงดูดการตำหนิมากมาย นายกลับไม่เคารพขนาดนี้ ยังไม่รีบขอโทษอีก!” หลีชิงเยียนพูดสั่งด้วยเสียงดุหนาวเย็น
ขอโทษ?
เฉินเป่ยกวาดตามองจางเป่าเฉิงแวบหนึ่ง จางเป่าเฉิงคาดไม่ถึงว่าหลีชิงเยียนจะปกป้องตนเองขนาดนี้ ชั่วขณะนั้นสีหน้ากำเริบเสิบสานขึ้นมา
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ย ในใจของเธอกระสับกระส่ายมาก เธอโดนเฉินเป่ยทำให้โมโหไม่น้อย เธอกังวลมากว่าเฉินเป่ยจะพูดจาอะไรออกมาทำให้จางเป่าเฉิงไม่พอใจ อย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างจางเป่าเฉิงและบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปที่เดิมทีล่อแหลมมาก จะยิ่งเพิ่มความย่ำแย่ขึ้นไปอีก
แต่ที่ทำให้เธอแปลกใจคือเฉินเป่ยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย มองจางเป่าเฉิงแบบมีความหมายลึกซึ้งแวบเดียว ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น หมุนตัวออกไปทันใดนั้น
หลีชิงเยียนใบหน้าฝืดค้าง เธอนึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ เธอขมวดคิ้วแน่น ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมาก่อน “ประธานหลีคะ ต้องการให้เรียกเขากลับมารึเปล่าคะ?”
“ไม่ต้อง เขาอยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องสนใจเขา!” หลีชิงเยียนเอ่ยปากอย่างเย็นชา ความโกรธที่มีต่อเฉินเป่ยยังไม่สลายหายไป
“พวกเรานั่งลงดูเถอะ การแข่งขันใกล้เริ่มแล้ว” หลีชิงเยียนหันหน้ากลับ ไม่ไปมองทางที่เฉินเป่ยออกไปอีก พูดขึ้นทันที
“คนที่ร่วมแข่งใกล้มาถึงครบแล้ว ผมควรไปแข่งขันแล้วเหมือนกัน” เสียงมือถือของจางเป่าเฉิงดังขึ้น จางเป่าเฉิงกวาดสายตาผ่าน ลุกขึ้นบอกไป
“หัวหน้าสมาคมจางคะ มีความมั่นใจแค่ไหนกัน?” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงละมุน
จางเป่าเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม “ต่ำมากครับ ถึงแม้ผมจะเป็นหัวหน้าสมาคม แต่ผู้คนฝีมือเยี่ยมก็ไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่เทพเมถุนยังมาปรากฏตัวด้วย นี่เป็นครั้งหนึ่งของสุดยอดดาบสามเล่มที่ระดับความยากสูงสุดในประวัติศาสตร์เลย”
“พยายามแสดงออกมาให้เต็มที่ก็พอค่ะ หัวหน้าสมาคมจาง สู้ๆ ค่ะ คุณจะต้องทำได้แน่” หลีชิงเยียนพยักหน้าแล้ว เพิ่มกำลังใจให้จางเป่าเฉิง
ตอนที่หลีชิงเยียนมองส่งจางเป่าเฉิงเดินไปยังสนามแข่งขัน ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามขึ้นก่อนด้วยความระมัดระวัง “ประธานหลีคะ ไม่ต้องไปตามหาเฉินเป่ยจริงๆ เหรอคะ?”
“ไม่ต้อง ไม่ต้องสนใจเขาหรอก มีเขาอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” หลีชิงเยียนเอ่ยปากอย่างหงุดหงิด บนหน้ายังมีความโกรธเคืองที่ไม่หายไป
…………
ไม่นานเท่าไร ภาพเงาแต่ละคนลุกขึ้นยืนจากกลางห้องโถงประชุม แต่ละคนเดินเข้าสนามแข่ง ส่วนเทพเมถุนที่เต็มไปด้วยความลึกลับสองท่านนั้น มองหลีเช่าเทียนที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง บนหน้ามีรอยยิ้มที่นิ่งสงบ
“ทุกอย่างนี้คงต้องพึ่งท่านทั้งสองแล้วนะครับ” หลีเช่าเทียนที่แต่ไหนแต่ไรเห็นว่าตนเองสูงส่ง หลังรู้สถานะแท้จริงของผู้อาวุโสสองท่านนี้ เห็นได้ชัดว่ายิ่งนอบน้อมถ่อมตัวขึ้นมา
เทพเมถุน หลีเช่าเทียนพึ่งเข้าใจว่าทำไมหลีหงที่ครอบครองตำแหน่งสูงสุดยอดของหัวเซี่ย กลับต้องไปเยือนด้วยตนเอง เชิญสองท่านนี้ออกมาจากภูเขาในป่าลึก
ที่แท้เป็นตำนานผู้ไม่พ่ายที่ทำให้เกิดการนองเลือดอันโหดเหี้ยมของวงการพนันเพชรพลอยในอดีต
หลีเช่าเทียนในเวลานี้ ถึงแม้สีหน้าสงบ ไม่ได้เผยความตื่นเต้นสักนิดออกมาก แต่ในความเป็นจริง เขามีแผนอยู่ในใจ สำหรับเรื่องนี้มีชัยชนะกำไว้ในมือตั้งนานแล้ว
มีตำนานผู้ไม่พ่ายสองท่านคอยช่วยเหลือ รางวัลชนะเลิศของสุดยอดดาบสามเล่มจำเป็นต้องเป็นของเขาแน่
แม้แต่เขายังชัดเจนกว่าจางเป่าเฉิงว่าทำไมสุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้ ถึงมีบุคคลยิ่งใหญ่มากขนาดนั้นมาติดต่อกันไม่ขาดสาย
สมาคมการพนันเพชรพลอยใช้พลังไปมากมายจริงๆ ทั้งสร้างและขยายอิทธิพล สำหรับสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีหลีหงที่แอบช่วยเหลือ บุคคลชั้นยอดเหล่านั้นจะมาจากที่ห่างไกล แล้วเข้าร่วมกิจกรรมบันเทิงเล็กๆ งานหนึ่งได้อย่างไรกัน
พวกนี้ล้วนเป็นคุณงามความดีของหลีหง เจ้านายมากมาย มีไม่น้อยที่เห็นแก่หน้าของหลีหง โอกาสครั้งนี้หายาก เพื่อให้เขาได้กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง ไม่รู้ว่าหลีหงใช้ความคิดไปมากเท่าไร
หลีเช่าเทียนค่อยๆ กำหมัดทั้งคู่ สายตาของเขาเปล่งประกายความหมายแน่วแน่ เขาจะไม่ทำให้หลีหงผิดหวัง เขาต้องใช้โอกาสในครั้งนี้ ทำให้คนทั้งโลกรับรู้ถึงหลีเช่าเทียนดาวดวงใหม่ของตระกูลหลี
หลีเช่าเทียนจ้องมองเทพเมถุนอยู่ ผ่านไปสักพัก เขาหันหน้าทันใด มองทางที่เฉินเป่ยอยู่
ไม่นานสายตาของหลีเช่าเทียนค้างอยู่กลางอากาศ เขากวาดตาผ่านไป แวบหนึ่งคาดไม่ถึงว่าจะไม่เจอเฉินเป่ย
เจ้าหมอนี่ไปที่ไหนแล้ว?
หลีเช่าเทียนมองเห็นเพียงหลีชิงเยียน หลีชิงเยียนก็มองเห็นเขาเช่นกัน เพียงแต่สีหน้าเย็นชาเป็นพิเศษ เพิกเฉยต่อการมีตัวตนของเขาไปโดยตรง
แต่นี่คงไม่ทำให้หลีเช่าเทียนใส่ใจเท่าไร หลีชิงเยียน ในสายตาของเขาไม่มีอะไรแตกต่างกับของเล่นชิ้นหนึ่ง รอเขามีชื่อในเยี่ยนจิง ได้รับความไว้ใจของหลีหง ถึงตอนนั้น จะบีบเฉินเป่ยให้ตายง่ายๆ แบบปอกกล้วยเข้าปาก ส่วนหลีชิงเยียน ถึงตอนนั้นก็จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ตนเองเหยียดหยาม……
ผู้หญิงที่ไม่ได้มาครอง เขาเองคงไม่ไปเคารพให้เกียรติ สิ่งที่หลีชิงเยียนไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นมากที่สุดคือลักษณะท่าทางเด็ดเดี่ยวของเธอ หยอกเล่น…ไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
นึกถึงตรงนี้ หลีเช่าเทียนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พอเขาไม่เห็นการมีตัวตนของเฉินเป่ย ทำให้อารมณ์เขายิ่งสบายอกสบายใจขึ้น
เดาว่าเจ้าหมอนี้คงเห็นความสัมพันธ์ของเทพเมถุนกับตนเองเข้า เลยหนีไปไกลได้เท่าไรก็ไปไกลเท่านั้น
ตอนอยู่ที่หู้ไห่ พลังชั่วร้ายของหลีเช่าเทียนนั้นยังไม่ปล่อยออกมา แต่ที่นี่คือเยี่ยนจิง ขอเพียงตนเองคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ย่อมสามารถกำเริบเสิบสานเหยียบย่ำเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนคนชั้นต่ำคู่นี้ได้พอดี
ผ่านไปได้ไม่นานมากนัก ห้องโถงประชุมที่เอะอะเสียงดัง ทันใดนั้นสงบลงมาแล้ว พิธีกรชื่อดังผู้หล่อเหลาสง่างามท่านหนึ่งเดินขึ้นเวทีที่สร้างขึ้นชั่วคราว พูดว่า “นักพนันทุกท่าน ผู้เล่น สวัสดีทุกท่านครับ เทศกาลวัฒนธรรมการพนันเพชรพลอยจัดขึ้นตั้งแต่วันแรกจนมาถึงตอนนี้ก็เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว ต่อนี้ไปคือช่วงเวลาตื่นเต้นที่สุดในเทศกาลวัฒนธรรมการพนันเพชรพลอยของพวกเรา พวกเรากำลังจะเข้าสู่การแข่งขันในวงการพนันเพชรพลอยที่มีทางการสมาคมการพนันเพชรพลอยของเยี่ยนจิงเป็นผู้นำจัดขึ้น มูลค่าสูงที่สุด และข้อกำหนดสูงที่สุดด้วย—สุดยอดดาบสามเล่ม”
“สุดยอดดาบสามเล่ม พอเห็นชื่อก็โยงไปถึงความหมายของมันแล้ว ผู้เข้าแข่งขันทำได้เพียงเลือกหินหยาบห้าก้อนตามชอบใจจากหินหยาบในปริมาณกำหนดที่ทางการจัดหามาให้ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดมีจำนวนมีดตัดออกเพียงสามรอบในการสำรวจมูลค่าหินหยาบ เมื่อเวลาสิ้นสุดปล่อยให้ทางผู้จัดตัดออก ผ่านการประเมินมูลค่ารวมของหินหยาบแล้วจัดลำดับออกมา สิบหกคนแรกจะเข้าสู่รอบต่อไป ข้อกำหนดเรียบง่ายมาก พวกเราผู้เข้าแข่งขันแต่ละท่านล้วนเป็นสิบหกท่านที่ติดอันดับการแข่งขันครั้งก่อนบวกกับผ่านทางการของเทศกาลวัฒนธรรมการพนันเพชรพลอยครั้งนี้คัดเลือกออกมา ผลลัพธ์ย่อมเป็นธรรม…….”
คำพูดของพิธีกรสั้นกระชับมีพลัง แม้กระทั่งไม่มีการเชิญบุคคลยิ่งใหญ่ใดๆ ขึ้นไปกล่าวเปิด นี่ทำให้หลีชิงเยียนยิ่งอึดอัดขึ้นมา
หลังจากที่หลีชิงเยียนพูดคุยกับซูเหลย คำตอบของซูเหลยกลับเหมือนจี้โดนใจดำ “ง่ายมาก พวกเขาสามารถหาใครมาพูดก็ได้ แม้แต่จางเป่าเฉิงเองยังลงสนามเข้าร่วมแข่งขันไปแล้ว”
ตอนที่พิธีกรหยิบไมโครโฟนขึ้นกำลังจะแนะนำข้อกำหนด เวลานี้ ในโซนพนันระดับสูง เนื่องจากสาเหตุของสุดยอดดาบสามเล่ม จึงเกือบจะทำให้ผู้คนทั้งหมดไปที่สุดยอดดาบสามเล่ม ทำให้โซนพนันระดับสูงเงียบเหงาไม่น้อย โถงใหญ่สีทองที่กว้างขวาง เฉินเป่ยเดินอยู่ตรงกลาง รองเท้าหนังกระทบบนพื้นกระเบื้องดุจหยกขาว เสียงดังกังวาน แม้กระทั่งยังสะท้อนภาพเงาของเฉินเป่ยออกมาได้
เฉินเป่ยเดินเข้าในโถงใหญ่ ไม่นานเท่าไรเขาก็เดินไปถึงหน้าโถงทางเดินที่รู้ทางหนีที่ไล่ดี ก่อนจะเดินเข้าไปในโถงทางเดินที่แคบยาวนั้น
ตอนเขาเดินมาถึงที่หน้าห้องหนึ่ง เฉินเป่ยก้มหน้า มองเสื้อคลุมดำตัวนี้ที่ตนเองสวมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้แล้ว หัวเราะอย่างจำใจ สุดท้ายหยิบผ้าคลุมหน้าสีดำผืนหนึ่งออกมา นำผ้าคลุมหน้าของตนเองไว้
“ก๊อกๆๆ……”
ประตูห้องดังขึ้น ในห้องทำงาน หัวหน้าสมาคมของสมาคมการพนันเพชรพลอยเยี่ยนจิงที่ดูวงจรปิดสถานการณ์จริงของสุดยอดดาบสามเล่มอยู่ ในเวลานี้มือทั้งคู่ประคองกาน้ำชาทรายสีม่วงไว้ ชงชาหลงจิ่งชั้นหนึ่งอย่างพอใจ มองพิธีกรในวงจรปิดแวบหนึ่ง พยักหน้าด้วยความชอบใจ นั่งไขว่ห้าง สบายอกสบายใจอย่างมาก
“ตำแหน่งของหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอย ดูแล้วได้กำไรมาพอตัวเลยนะ”
ในเวลานี้ เสียงหนึ่งที่สงบล้ำลึกดังขึ้นฉับพลัน ทำให้หัวหน้าสมาคมคนนี้ตะลึงทันที
ตอนเขาเงยหน้า มองเห็นชายชุดดำคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของตนเอง ชั่วขณะนั้นในใจสั่นเทา กาน้ำชาทรายสีม่วงที่งดงามและแพงในมือนั้น เกือบหล่นลงพื้นไป
“นายเป็นใคร ใครให้นายเข้ามา รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
หัวหน้าสมาคมพอวางกาน้ำชาทรายสีม่วงลงบนโต๊ะทำงาน และเก็บขาสองข้างกลับ มองเฉินเป่ยอยู่ สีหน้าดูแย่ ตะโกนหน้าตาอึมครึมชี้ไปทางหน้าประตู
เฉินเป่ยนั่งบนเก้าอี้ทำงาน เผชิญหน้ากับการสอบถามของหัวหน้าสมาคมที่สับสนแค้นเคืองคนนี้ แม้แต่หน้าเขายังไม่เงยขึ้นมา เพียงแค่ลูบมือผ่าน คว้ากาน้ำชาทรายสีม่วงที่วางบนโต๊ะทำงานใบนั้นเข้ามา เอามาเล่นอยู่ในมือแล้ว
“ไม่เลว ไม่เจอกันไม่กี่ปี แม้แต่กาน้ำชายังเปลี่ยนเป็นกาน้ำชาของอี๋ซิง ดูแล้วรับของกำนัลมาไม่น้อยเลยล่ะสิ” เฉินเป่ยนำกาน้ำชาใบนี้มาพลิกดู แวบเดียวตาของหัวหน้าสมาคมคนนี้ถลนแล้ว
กาน้ำชาใบนี้กำลังถูกเฉินเป่ยพลิกเบาๆ พลิกวนสามร้อยหกสิบองศากลางอากาศ ที่น่าตะลึงคือน้ำชาสักหยดไม่มีหกกระเด็นออกมา
นี่เกือบจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจทำได้เลย ทว่าพออยู่ในมือของชายชุดดำคนนี้ กลับทำได้อย่างผ่อนคลาย