สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 45
บทที่45 เพชรโลหิต
หลีชิงเยียนหันศีรษะไปตามเสียงที่มาจากกลุ่มคน เธอเห็นเฉินเป่ยเดินเข้ามา และกอดเเขนเธออย่างใกล้ชิดสนิทสนม ใบหน้าสวยงามของหลีชิงเยียนถึงกับผงะ
แขกที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงและจ้องมองไปที่เฉินเป่ยด้วยเเววตาซับซ้อน เฉินเป่ยกล้าทำแบบนี้ภายใต้การจับจ้องของคุณชายหลี!
เขาไม่ควรทำตัวอวดดีตอนที่คุณชายหลีอยู่ตรงหน้า!
คนพวกนี้ล้วนเป็นข้าราชการเมืองระดับสูงและนักธุรกิจใหญ่ในเมืองเมืองหู้ไห่เมื่อเห็นฉากนี้ก็ยิ้มมุมปากไปชั่วขณะ แววตาลึกซึ้ง
การแสดงดีดีแบบนี้เหมือนกับเป็นการจัดฉาก
เฉินเป่ยกอดแขนหลีชิงเยียนอย่างสนิทสนม ทุกอากับกิริยาล้วนเป็นไปอย่างธรรมชาติราวกับว่าเขากอดเธอแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
ทันใดนั้นบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงก็เริ่มสงบลงอีกครั้ง มันมาพร้อมกับความตึงเครียด
หลีชิงเยียนหันหน้าไปมองผู้ชายคนนี้ด้วยดวงตาสวยงามมีเสน่ห์ ก่อนหน้านี้คุณชายหลีสารภาพรักและต้องการเรียกร้องการแต่งงานกับเธอ ต่อมาผู้ชายคนนี้ก็เดินเข้ามา เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
นี่ยังยุ่งยากไม่พออีกหรือ? จะก่อเรื่องอะไรอีก?
ในมือคุณชายหลียังคงถือแก้วไวน์ เขามองภาพใกล้ชิดสนิทสนมที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาซับซ้อน…ลึกซึ้ง
การปรากฏตัวของเฉินเป่ย แน่นอนว่าทำให้เขาอับอาย
เขาต้องการแต่งงานกับหลีชิงเยียน แต่ผู้ชายคนนี้กลับปรากฏตัวขึ้น นี่เป็นการประกาศศักดาใช่หรือไม่?
คุณชายหลีกวาดตามองเฉินเป่ยด้วยสายตาดูถูก เขาคู่ควรกับเธอแล้วหรือ?
“อ้อ…คุณก็คือ…คุณชายหลีผู้โด่งดังใช่ไหม? ในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอตัวจริงเสียที ดูแล้วไม่ธรรมดาจริงๆ” เฉินเป่ยหัวเราะ เขายกแก้วไวน์ขึ้นเตรียมจะชนแก้วกับคุณชายหลี
คุณชายหลีจ้องเฉินเป่ยด้วยแววตาที่ล้ำลึก ไม่มีใครสามารถเดาความคิดเขาผ่านทางสีหน้าได้
แก้วไวน์เฉินเป่ยยกค้างกลางอากาศ แต่คุณชายหลีกลับไม่ได้มีความตั้งใจจะชนแก้วกับเฉินเป่ย
ภาพที่อยู่ตรงหน้าช่างเป็นภาพที่น่าอับอาย เฉินเป่ยหรี่ตาเล็กน้อยพลางจ้องมองคุณชายหลีอย่างมีความหมาย…
“ผมไม่ดื่มกับคนไม่เอาถ่าน” คุณชายหลีพูดเสียงเรียบๆ มือที่กำลังจับแก้วไวน์คลายออกทันที แก้วไวน์ร่วงแตกลงกับพื้นกระจัดกระจาย
หลีชิงเยียนเลิกคิ้วและห้องจัดเลี้ยงทั้งหมดก็เงียบลง คุณชายหลีไม่เห็นแก่หน้าเฉินเป่ยแม้แต่นิดเดียว!
ทุกคนต่างตกตะลึง ในขณะนี้คนฉลาดย่อมมองออกว่าวันนี้เฉินเป่ยคงต้องถึงคราวอวสาน!
เฉินเป่ยจิบไวน์แล้วล้วงมือไว้ในกระเป๋ากางเกง เขามองคุณชายหลีอย่างไม่แยแส
“คุณหลี วันนี้ผมเพิ่งมาถึงเมืองหู้ไห่เป็นครั้งแรก อาจทำอะไรไม่ถูกหรือทำให้คุณขุ่นเคือง…คุณได้โปรดรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ด้วย มันเป็นของขวัญแทนคำขอโทษจากผม” คุณชายหลียกมือเป็นสัญญาณ กลุ่มคนแหวกออกเป็นสองฝั่ง มีพนักงานคนหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามา พร้อมทั้งถือจานเงิน และบนจานเงินมีกล่องไม้จันทร์หอมที่ดูละเอียดอ่อนหรูหราอยู่บนนั้น
แขกหลายคนอยู่ในความโกลาหล แค่กล่องไม้จันทน์หอมเพียงอย่างเดียวก็แพงมากแล้ว ยากที่จะนึกภาพออกว่าของขวัญแบบไหนที่อยู่ในกล่องไม้จันทร์หอมหอม?!
หลีชิงเยียนค่อยๆส่ายหน้าพลางพูดปฏิเสธ “คุณชายหลี แค่ได้มาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับคุณ ฉันก็ดีใจมากแล้ว ของขวัญล้ำค่าแบบนี้ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
คุณชายหลียิ้มเล็กน้อย “ชิงเยียนของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้ไม่ได้มีค่ามากไปกว่าคุณเลย”
ในขณะที่พูด คุณชายหลีก็เปิดกล่องไม้จันทร์หอมออก ในนั้นมีเพชรสีเเดงเลือดส่องเป็นประกายฝังอยู่ในฟองน้ำ ทำให้คนที่อยู่รอบๆเริ่มตกอยู่ในสถานการณ์โกลาหล เมื่อเห็นเพชรที่ส่องประกายแพรวพราว ทุกคนต่างควบคุมตัวเองไม่อยู่!
เพชรโลหิต! นั่นมันเพชรโลหิต!
อยู่ๆหลีชิงเยียนก็ถอดสีหน้า ใบหน้าที่สวยงามของเธอทั้งตกตะลึงและตกใจในเวลาเดียวกัน!
นั่นไม่ใช่เพชรธรรมดาทั่วไป แต่นั่นคือเพชรโลหิตที่มีมูลค่ามหาศาล ไม่สามารถวัดมูลค่าได้ด้วยเงิน!
ทันใดนั้นแววตาร้อนรุ่มหลายคู่จับจ้องมาที่เพชรโลหิต บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบลงทันที ทุกสายตาต่างจ้องมองคุณชายหลีด้วยความชื่นชมและตกตะลึง
คุณชายหลีมอบของขวัญที่มีมูลค่าสูงขนาดนี้ให้กับหลีชิงเยียนเมื่อพบหน้า!
คุณชายหลีออกตัวแรงขนาดนี้ก็ยิ่งทำให้ทั้งโลกตกตะลึง!
สายตาของทุกคนซับซ้อนขึ้นมาในชั่วขณะ…ทุกคนต่างมองออกว่าสิ่งที่คุณชายหลีพูดก่อนหน้านี้ เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!
ท่ามกลางผู้คนก็มีท่านประธานบริษัทอัญมณีท่านหนึ่งจ้องมองเพชรโลหิตเม็ดนั้นด้วยร่างอันสั่นเทา และร้อนรน “สามปีก่อน ฉันไปงานประมูลที่แอฟริกาใต้ มันก็คือเพชรโลหิตเม็ดนี้ มันถูกบุคคลที่มีอำนาจลึกลับท่านหนึ่งพรากไปในราคาหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ต่อมาเพชรโลหิตเม็ดนี้ก็เหมือนจมอยู่ใต้ทะเลลึก…ไม่คิดเลยว่า…มันจะตกอยู่ในมือของคุณชายหลี”
“ในบรรดาเพชรหลากสี นี่ถือว่าเป็นเพชรที่มีมูลค่าสูงที่สุด ซึ่งโดยเฉลี่ยเพชรทุกๆแสนเม็ดจะพบเพชรหลากสีเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้น…และเพชรโลหิตนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาเพชรหลากสีของจักรพรรดิที่อยู่ในตำนานเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าวันนี้คุณชายหลีจะนำมันออกมา นี่ไม่ได้เป็นการมอบเพชร แต่นี่นับว่าเป็นการมอบเกาะเกาะหนึ่งได้เลยทีเดียว
ความวุ่นวายท่ามกลางฝูงชนในห้องจัดเลี้ยงรุนแรงขึ้น ผู้คนนับไม่ถ้วนมองไปที่เพชรโลหิตและทุกคนต่างก็รู้สึกประทับใจกับความใจกว้างของคุณชายหลี
หลีชิงเยียนมองไปที่เพชรโลหิตที่ใสสะท้อนแสงออกมาไม่สิ้นสุด เธอตกตะลึงอยู่ภายในใจ เธอมองคุณชายหลีด้วยความงุนงงและเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เธอไม่แน่ใจว่าคุณชายหลีต้องการจะทำอะไรกันแน่ คุณชายหลีอุตส่าห์เดินทางไกลมาจากเยี่ยนจิงคงไม่ใช่มาเพื่อการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ธรรมดาๆอย่างแน่นอน…ตั้งแต่ต้นจนจบเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดที่ทำให้หลีชิงเยียนระแวง
แม้จะเผชิญกับการล่อลวงครั้งใหญ่ในวันนี้ หลีชิงเยียนก็ยังคงยับยั้งชั่งใจและเม้มริมฝีปากแดง เธอพูดว่า “คุณชายหลี ฉันไม่ต้องการของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้จริงๆ มันมากเกินไปสำหรับฉัน ฉันรับไว้ไม่ได้”
ทุกคนตกตะลึง แม้กระทั่งสีหน้าคุณชายหลีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองหลีชิงเยียนด้วยแววตาลึกซึ้ง…เขาไม่คิดเลยว่าหลีชิงเยียนจะปฏิเสธแบบนี้
เพชรโลหิตเม็ดนี้เพียงพอที่จะทำให้ทั้งเมืองเมืองหู้ไห่เกิดระลอกคลื่นครั้งใหญ่ แต่หลีชิงเยียนกลับสามารถยับยั้งชั่งใจมันได้
“เพชรนี่ก็เม็ดใหญ่พอสมควร แต่น่าเสียดายที่สีมันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่” เฉินเป่ยมองเพชรเม็ดนั้น แล้วทำท่าทางเสียดาย
ห้องจัดเลี้ยงเงียบลง ในขณะนี้คำพูดของเฉินเป่ยแพร่กระจายไปยังหูของผู้คนนับไม่ถ้วน ทำให้พวกเขามองไปที่เฉินเป่ยด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม
“ไม่รู้ก็ไม่ต้องพูดจะดีกว่า สีของเพชรโลหิตมีความบริสุทธิ์สูงที่สุดในบรรดาเพชรทั้งหมด ไอ้บ้านนอกนี่มาจากไหน?”
“ดูจากการแต่งตัวคาดว่าแม้แต่ทองก็คงไม่เคยเห็น แล้วยังกล้าออกปากวิจารณ์เพชรโลหิต? เพชรโลหิตเป็นเพชรที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก เขามีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์? ไอ้บ้านี่?”
“เขาทำงานหาเงินเป็นหมื่นๆปีก็คงเทียบไม่ได้กับมูลค่าของเพชรโลหิต ไม่อายหรือไงที่ยังอยู่ที่นี่”
หลายคนมีสีหน้าบึ้งตึง เฉินเป่ยกำลังทำให้สมบัติของวงการอุตสาหกรรมเครื่องประดับมัวหมอง
คุณชายหลียิ้มอย่างเฉยเมย “อันที่จริงผมคิดว่าเพชรโลหิตก็เป็นของทั่วไป แค่เพียงว่าผมไม่มีของมีค่ามากกว่าเพชรเม็ดนี้ติดตัว หรือว่าคุณเฉินมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพชรด้วย?”
เฉินเป่ยยิ้มจางๆ “ก็ไม่ได้รู้มากหรอก รู้แค่นิดๆหน่อยๆ”
คำพูดของเฉินเป่ยทำใใบหน้าของหลีชิงเยียนดูอึมครึมยิ่งขึ้น เธอหยิกแขนเฉินเป่ยอย่างเต็มแรง จิกไปที่เนื้อของเฉินเป่ย
เธอเคยเตือนผู้ชายคนนี้เเล้วว่าให้เขาช่วยทำตัวสำรวมหน่อย แต่วันนี้เขากลับทำเรื่องให้มันยุ่งยากขึ้น
หลีชิงเยียนกัดฟันแน่น นั่นเรียกได้ว่าโมโหจนกัดฟัน ถ้าไม่เพราะมีคนอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก ตอนนี้เธอคงบิดหูลากเขาออกไปสั่งสอนอย่างเเน่นอน
แรงบีบหลีชิงเยียนนั้นแรงมาก ตาสวยเย้ายวนถลึงตาใส่เฉินเป่ยเพื่อต้องการให้เขาเก็บอาการ แต่เมื่อหลีชิงเยียนปล่อยมือ เธอก็เปลี่ยนมากำมือแน่น เฉินเป่ยยังคงมีท่าทีเฉยเมย
คุณชายหลีมองเฉินเป่ยและยิ้มอย่างเย็นชา “คุณเฉิน คุณเป็นคนแรกที่พอเห็นเพชรโลหิตแล้วดูไม่ได้ตื่นเต้นอะไร”
เมื่อครู่นี้คุณชายหลีสังเกตเฉินเป่ยมาโดยตลอด เขาพบว่าเฉินเป่ยมีความหนักแน่นเมื่อเห็นเพชรโลหิตเม็ดนี้
สภาพจิตใจในลักษณะนี้พบเห็นได้ยาก
“คุณเฉินก็เคยซื้อเพชรให้คุณหลีด้วยหรือ?” คุณชายหลีพูดและมองเฉินเป่ย
“เธออยากซื้อให้ผม แต่ผมไม่ต้องการ” เฉินเป่ยหรี่ตาพลางยิ้มมุมปาก
เกิดความวุ่นวายขึ้นและคนกลุ่มใหญ่ก็หัวเราะด้วยความรังเกียจ น้ำหน้าอย่างเฉินเป่ย อย่าพูดถึงเนื้อสดเลย แม้แต่เบค่อนหลีชิงเยียนจะซื้อให้เขางั้นหรือ? อย่างมากก็อยู่ระดับเดียวกับลูกน้องทั่วไป
ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถกลั้นหัวเราะกับมุกตลกของเฉินเป่ยได้ พวกเขาหัวเราะพลางส่ายหัว ทีแรกยังคิดว่าคนขับรถของหลีชิงเยียนคนนี้คงมีความสัมพันธ์บางอย่างกับหลีชิงเยียน แต่ดูแล้วตอนนี้เขาไม่มีอะไรเทียบได้กับคุณชายหลีเลยสักนิด
คนคนนี้ก็เป็นแค่ผู้ชายขี้โม้โอ้อวด และได้กลายเป็นตัวตลกในงานเลี้ยงคืนนี้ไปเสียแล้ว