สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 457
บทที่457 รอบรองชนะเลิศ!
ดวงตาของอวี้เฉิงวั่งจ้องเฉินเป่ยไม่ขยับ ส่วนพออวี้เฉิงวั่งเอ่ยปากอย่างนั้น แวบหนึ่งผู้คนมากมายโดยรอบก็นำความสนใจรวบรวมไปที่ตัวของเฉินเป่ยอีกครั้งหนึ่ง
ใช่ ถึงแม้อวี้เฉิงวั่งเกือบจะลืมไฟของดวงอาทิตย์ไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินที่ใส่ชุดดำและแสนลึกลับท่านนี้รู้ได้อย่างไรกัน?
ที่สนามไม่มีใครสงสัยความรอบรู้ด้านนี้ของอวี้เฉิงวั่ง ต่อให้เป็นเทพเมถุน ผู้ตัดสินกาน พูดตามจริงก็คงยอมรับว่าพวกเขาค่อนข้างด้อยกว่าตระกูลอวี้
ในเวลายาวนานที่ตระกูลอวี้ตั้งตระหง่าน ยืนหยัดไม่ล้ม ยังสามารถมีรายละเอียดลึกขนาดนั้นได้ คำพูดพวกนี้ของอวี้เฉิงวั่งย่อมทำให้พวกเขาเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย
ตระกูลอวี้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการพนันเพชรพลอย มีหน้าที่นี้จริง คือบันทึกหินหยาบหายากพวกนั้นที่ปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์
แต่ผู้ตัดสินพิเศษท่านนี้ รู้ได้อย่างไรกันแน่?
เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ตอบไปซึ่งหน้า ส่วนอวี้เฉิงวั่งจ้องมองเฉินเป่ยไม่กะพริบตา ค่อยๆ เอ่ยปากว่า “ทั้งหมดนี้เริ่มแรกฉันจำไม่ได้ เป็นเพราะในบันทึกไม่ได้มีรูปถ่ายเกี่ยวกับไฟของดวงอาทิตย์ มีเพียงคำบรรยายที่กระท่อนกระแท่นส่วนหนึ่ง…โดยเฉพาะบรรพบุรุษของฉันตอนที่บันทึกไฟของดวงอาทิตย์ มีเขียนไว้น้อยมาก เล่ากันว่ามันปรากฏตัวในสมัยราชวงศ์หมิง…ไฟของดวงอาทิตย์เป็นของวิเศษที่สร้างอาวุธต่อสู้โดยธรรมชาติ…ขอเพียงในอาวุธใดๆ ที่พึ่งทำเสร็จ หากเพิ่มเข้าไปเม็ดหนึ่ง ล้วนสามารถใช้อาวุธแบบนี้ได้แหลมคมแข็งแรงอย่างผิดปกติ แทบจะไม่มีของทำลายลงได้……”
คำพูดอวี้เฉิงวั่งชะงักนิดหน่อย “นี่คือคำอธิบายเกี่ยวกับไฟของดวงอาทิตย์ในวัตถุวิเศษหายากฉบับหนึ่งที่บรรพบุรุษฉันเหลือไว้เมื่อหลายปีก่อน หยกประเภทใดที่อยู่บนวัตถุวิเศษหายากฉบับนั้น ล้วนเป็นสิ่งหายากมากบนโลก ฉันคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมีไฟของดวงอาทิตย์อยู่จริงๆ”
“ว่าแต่นายรู้จักไฟของดวงอาทิตย์ได้ยังไง แถมยังเข้าใจดีมันขนาดนี้ด้วย” อวี้เฉิงวั่งก้าวเท้าออกมา ดวงตาที่จ้องเฉินเป่ยแนบแน่นโดยไม่รู้ตัว ในน้ำเสียงของเขาเพิ่มความอึมครึมเคร่งขรึมมาแล้ว เขากำลังสอบถามเสียงดุ
ในน้ำเสียงของอวี้เฉิงวั่งมีแรงกดดันที่มหาศาล ทับไปทางเฉินเป่ยอย่างรุนแรงดุจพายุโหมกระพือ อวี้เฉิงวั่งจ้องเฉินเป่ยอยู่ ในใจปรากฏความคิดหนึ่งขึ้น……เฉินเป่ยต้องไม่ธรรมดาเด็ดขาด
“ไฟของดวงอาทิตย์ยังเกือบลืมเลย ที่แท้พวกนายตระกูลอวี้ตกต่ำแล้ว……” ทันใดนั้น เฉินเป่ยถอนหายใจเบาๆ ทำให้สีหน้าอวี้เฉิงวั่งเคร่งขรึม ในใจสั่นขึ้นฉับพลัน
“นายแน่ใจว่าบรรพบุรุษพวกนายเหลือเพียงแค่คำอธิบายฉบับเดียว? ของประจำตระกูลที่ผู้นำตระกูลอวี้แต่ละรุ่นสืบต่อมา คือไฟของดวงอาทิตย์เม็ดหนึ่งผสมอยู่ นายไม่รู้เหรอ?” เฉินเป่ยถอนใจทีหนึ่งด้วยความเสียใจ เขาส่ายหน้า เอ่ยปากนิ่งๆ ทำให้อวี้เฉิงวั่งสีหน้าฝืดค้างทันใด
อวี้เฉิงวั่งก้มหน้า เขายกเสื้อขึ้น ที่เอวของเขาแขวนหยกห้อยที่วัสดุแปลกประหลาดเหมือนเหล็กทองเหมือนหยกชิ้นหนึ่งไว้ ทั้งหมดเป็นสีแดงเลือด ที่ห้อยสีเลือดชิ้นนี้ มีเพียงตอนเป็นผู้นำตระกูล ถึงมีสิทธิ์สืบทอด แต่ต่อให้เป็นอวี้เฉิงวั่ง และผู้นำรุ่นก่อนของเขา ยังไม่มีใครที่รู้ชัดสักคนว่านี่คือวัสดุอะไรกันแน่
อวี้เฉิงวั่งสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ สายตาที่เขามองทางเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากเชื่อ
เฉินเป่ยช่างเข้าใจตระกูลอวี้เหลือเกิน แม้แต่ความลับระดับนี้เฉินเป่ยยังล่วงรู้ได้ ในใจอวี้เฉิงวั่งสั่นสะเทือนอย่างแรง ของประจำตระกูล นี่คือความลับใหญ่สุดสำคัญสุดของตระกูลอวี้ แม้แต่เรื่องนี้เฉินเป่ยยังรู้ได้ เฉินเป่ยมีสถานะอะไรกันแน่ สรุปเขาเป็นใคร?
สีหน้าของอวี้เฉิงวั่งเปลี่ยนไปซีดขาวขึ้นมา ความลับเกี่ยวกับของประจำตระกูลเรื่องนี้ แม้แต่ตนเองยังไม่รู้ เฉินเป่ยกลับรู้แจ่มแจ้ง สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย เหมือนว่าในสายตาของเขาไม่มีอะไรเป็นความลับเลย
ส่วนที่โต๊ะกรรมการ ผู้ตัดสินแต่ละคนสีหน้าดูไม่ดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิกิริยาของเฉินเป่ย การกระทำแต่ละอย่างเผยความรู้สึกผ่านชีวิตมาโชกโชนอย่างน่าประหลาดใจ แม้แต่เรื่องที่ผู้นำตระกูลอวี้ไม่รู้ ผู้ตัดสินลึกลับที่ใส่ชุดดำคนนี้กลับรู้หมด เขาเป็นใครกัน?
“นี่เป็นไปไม่ได้ ฉบับนั้นไม่อาจจะหายสาบสูญได้ นายจะต้องเป็นคนตระกูลอวี้ นายจะต้องเป็นคนทรยศของตระกูลอวี้!” ไม่นานอวี้เฉิงวั่งตอบสนองกลับมา ตะโกนเสียงดุ
“คนทรยศ?” เฉินเป่ยมองอวี้เฉิงวั่งอย่างเย้ยหยันแวบหนึ่ง ตอบกลับแบบเย็นชา “ถ้าตอนนี้เลือกถอนตัวออกไปเอง บางทีฉันอาจจะเล่าข้อมูลของผู้นำรุ่นก่อนให้นายฟัง”
“ท่านพ่อ……” อวี้เฉิงวั่งดวงตาหด แต่พอเขาได้ยินว่าผู้นำรุ่นก่อน ซึ่งก็คือบิดาของตนเอง สีหน้าของอวี้เฉิงวั่งแข็งค้างฉับพลัน รวมตัวมองทางเฉินเป่ย ตอบสนองเข้ามาฉับไว “ฉันรู้แล้ว จะต้องเป็นคุณพ่อของฉันแน่นอน ต้องเป็นเขาที่บอกส่วนนี้กับนายแน่ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่!”
ปกติอวี้เฉิงวั่งดูเป็นผู้ใหญ่มั่นคง ตอนที่ได้ยินบิดาของตนเอง แวบหนึ่งดูฮึกเหิมขึ้นมา เส้นเลือดที่หน้าผากเต้นอย่างคลุ้มคลั่ง ดวงตาแดงก่ำแถบหนึ่ง ราวกับสัตว์ป่าที่สูญเสียสติสัมปชัญญะถึงที่สุด
ผู้ตัดสินเหล่านั้นที่อยู่ด้านข้างอวี้เฉิงวั่งเห็นสถานการณ์ รีบดึงเขาเอาไว้แล้ว ร่างกายของอวี้เฉิงวั่งสั่นเทารุนแรง เขาจ้องเฉินเป่ยตาไม่ขยับ เอ่ยปากสอบถามชัดถ้อยชัดคำ “เขาอยู่ที่ไหนกันแน่?”
เฉินเป่ยมองเขาแบบมีความสนใจ พูดจาเรียบนิ่ง “ถอนตัวออกไปเองสิ ฉันถึงจะบอกนาย”
“นาย!” อวี้เฉิงวั่งจ้องเฉินเป่ยแบบโมโห ความโกรธของเขานั้น ได้แต่กัดฟันไว้แน่น ที่จริงเขาอยากรู้เรื่องผู้นำคนก่อนเหลือเกิน และนั่นคือที่อยู่ของบิดาตนเองด้วย……ถึงแม้อวี้เฉิงวั่งจะเป็นบุคคลชื่อดังของวงการพนันเพชรพลอย เครือข่ายกว้างขวาง แต่ผู้นำรุ่นก่อน บิดาของเขาหายตัวไปหลายปี เขาใช้บุคคลและกำลังนับไม่ถ้วนไปค้นหา ทว่ายังคงไม่มีเบาะแส
ผู้นำรุ่นก่อนของตระกูลอวี้เหมือนหายลับไปไร้มูลเหตุ ไม่เหลือร่องรอยไว้ ไม่ว่าอวี้เฉิงวั่งจะตามหาอย่างลำบากแค่ไหน ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวสักนิด
ส่วนเวลานี้ เฉินเป่ยกลับเผยเบาะแสที่เกี่ยวกับผู้นำตระกูลรุ่นก่อนออกมากะทันหัน นี่จะให้เขาไม่ร้อนใจได้อย่างไร อยากรู้ที่อยู่ของบิดาตนเองใจแทบขาดแล้ว
“ไม่ถอนตัวออก นายก็อย่าคิดจะหาเขาเจอตลอดไป” เฉินเป่ยค่อยๆ พูดขึ้น
และคำพูดประโยคนี้ของเฉินเป่ย ชั่วขณะนั้นถูกกล้องจับภาพเอาไว้ ฉายบนหน้าจอยักษ์ ชั่วขณะนั้นสร้างความครึกโครมในโถงประชุมแถบหนึ่ง
ไม่มีใครนึกถึงว่าเฉินเป่ยในฐานะผู้ตัดสินท่านหนึ่ง จะเพิ่มแรงกดดันกับทางผู้เข้าแข่งขันด้วยตนเอง คุกคามบีบบังคับให้คนอื่นถอนตัวออก
“นายอย่ามาทำเกินเหตุ ในฐานะผู้ตัดสิน นายทำแบบนี้ถือว่าผิดกฎเกณฑ์แล้ว!” ผู้ตัดสินหนึ่งในนั้นตะโกนเสียงดุ
“ผิดกฎเกณฑ์?” สายตาเฉินเป่ยเคร่งขรึม มองทางผู้ตัดสินท่านนั้น กวาดตามองแวบหนึ่ง ถามกลับว่า “ในกฎเกณฑ์มีบอกว่าผู้ตัดสินทำแบบนี้ไม่ได้เหรอ?”
“นี่……” ผู้ตัดสินท่านนั้นคิดให้ถี่ถ้วน ชั่วขณะหนึ่งอึกอัก ไม่มีคำจะพูด
“ถ้านี่ไม่ได้ล่ะก็ อย่างนั้นเมื่อกี้ที่เทพเมถุนกับอวี้เฉิงวั่งร่วมมือกัน ก็สอดคล้องกับกฎเกณฑ์แล้วเหรอ?” เฉินเป่ยกวาดตามองผู้ตัดสินเหล่านั้นแวบหนึ่ง น้ำเสียงมีความหมายที่ถากถางเข้มข้นมาก
“ฉันจะถอนตัวออก” ตอนที่ผู้ตัดสินเหล่านั้นเตรียมโต้เถียงกับเฉินเป่ยสักยก ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้น ขัดจังหวะอารมณ์ของทุกคนลง ทั้งที่นั่งผู้ชมเงียบสงบลงมาทันที เงียบกริบไร้เสียง สายตาแต่ละคู่มีความตื่นตกใจ และยากจะเชื่อถือ ต่างมองทางอวี้เฉิงวั่ง
ปากของคนดูมากมายล้วนอ้าจนกว้างเพราะความตกใจ ใกล้กลายเป็นรูปตัว“O”แล้ว ไม่มีใครที่คาดถึงว่าผู้นำของตระกูลการพนันเพชรพลอยรุ่นหนึ่งเลือกที่จะถอนตัวออกไป
นี่เกรงว่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสุดยอดดาบสามเล่ม มีคนถอนตัวออกไปจากการแข่งขัน สละโอกาสที่จะเข้ารอบสี่คน
บนที่นั่งกรรมการ ผู้ตัดสินเหล่านั้นมองอวี้เฉิงวั่งอยู่ สีหน้าดูไม่ดีเช่นกัน ครั้งนี้เป็นผู้ตัดสินใส่ชุดดำคนนั้นชนะอีกแล้ว นี่จะให้พวกเขายินยอมได้อย่างไรกัน
ในโซนวีไอพี หลีเช่าเทียนนั่งอยู่ที่โซนแขกผู้มีเกียรติ สายตาจ้องมองอวี้เฉิงวั่งและเฉินเป่ย แก้วทรงสูงที่งดงามในมือกวัดแกว่งเบาๆ และมองเห็นอวี้เฉิงวั่งถอนตัวออกไปเองอย่างนี้ สีหน้าของหลีเช่าเทียนเพิ่มความอึมครึมหลายระดับ
รอยยิ้มที่เรียบนิ่งมั่นใจของเขาช่วงปกติค่อยๆ หายไป สายตาของเขาเปล่งประกายไม่หยุด เขาคาดไม่ถึงว่าตัวเองวางแผนพลาด เขาคิดว่าทุกอย่างอยู่ภายในการควบคุม แต่ว่าการวางแผนพลาดในครั้งนี้ เกินกว่าความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง
เขาคิดแผนให้อวี้เฉิงวั่งและเทพเมถุนร่วมมือกันตั้งแต่แรก ทำให้จางเป่าเฉิงตกรอบไปไวๆ แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าความเป็นจริงไม่เหมือนที่เขาหวัง เจ้าหนุ่มชุดดำคนนั้น แม้แต่ข้อมูลที่ปิดซ่อนระดับนี้ยังไปหามาได้ ทำให้หลีเช่าเทียนรู้สึกแปลกใจ
สายตาของหลีเช่าเทียนตกลงบนตัวเฉินเป่ย ทันใดนั้น ดวงตาล้ำลึกของเขาหดจนแทบไม่เห็น
ผู้ตัดสินคลุมหน้าที่ใส่ชุดดำคนนี้ ไม่รู้ทำไมถึงให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยนิดๆ กับหลีเช่าเทียน เหมือนว่ารู้จักกัน
หลีเช่าเทียนขมวดคิ้วขึ้นแบบยากจะเห็น
และเวลานี้ บนที่นั่งกรรมการ ผู้ตัดสินหลายคนกำลังตำหนิเฉินเป่ยเสียงดุ บอกว่านั่นไม่ใช่ไฟของดวงอาทิตย์
“ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ายังมีไฟของดวงอาทิตย์หยกประเภทนี้ด้วย ต่อให้อยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ของสมาคมการพนันเพชรพลอย ก็ไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับไฟของดวงอาทิตย์สักนิดเดียว” ผู้ตัดสินท่านหนึ่งเอ่ยปากเย็นชา ไม่นานก็ได้รับการสนับสนุนของผู้ตัดสินคนอื่น
เสียงแต่ละคนดังขึ้นในเวลานี้ เฉินเป่ยได้ยินมามากมายเหลือเกิน กวาดตามองแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเหยียดหยามกลับแบบอันธพาลมาก “ถ้าไม่ใช่ไฟของดวงอาทิตย์ หรือว่าถูกคนไม่ค่อยมีฝีมืออย่างพวกนายจัดการแบบของเสียระดับต่ำเหรอ? น่าตลกสิ้นดี ฉันช่วยของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้ชิ้นนี้ไว้ พวกนายยังฝืนแก้ตัวเพื่อรักษาศักดิ์ศรีหน้าตาของตัวเองอยู่อีก บอกว่านี่ไม่ใช่ไฟของดวงอาทิตย์ให้ได้ หรือว่าพวกนายอยากบอกว่าตำแหน่งชนะเลิศนี้ ถูกกำหนดภายในเสร็จเรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ?”
ซู่!
บรรยากาศเงียบงัน ผู้ตัดสินเหล่านั้นสีหน้าแข็งค้าง จากนั้นเย็นยะเยือกอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันผู้ตัดสินกานก้าวเท้าออกมา ตวาดใส่ “พอแล้ว ห้ามนายรบกวนขั้นตอนการแข่งขันอีก!”
เฉินเป่ยมองผู้ตัดสินกานแบบหยอกเย้า ไม่ได้พูดอะไรอีก ในใจเขาย่อมชัดเจนมากเป็นธรรมดา หากผู้ตัดสินเหล่านี้ ไม่ได้รับมอบอำนาจจากผู้ตัดสินกาน จะกล้ามาตำหนิอย่างกำเริบเสิบสานขนาดนี้เหรอ การแสดงของผู้ตัดสินกานนี้ แสดงจนเฉินเป่ยใกล้เชื่อแล้ว
ทันใดนั้น ในเวลานี้เอง ใต้โต๊ะผู้ตัดสิน เทพเมถุน ผู้อาวุโสสองท่านนั้นเอ่ยปากบอกเป็นเสียงเดียวกัน “ถ้าอวี้เฉิงวั่งยังมีศักดิ์ศรีของตระกูลอวี้อยู่หน่อย งั้นคงไม่ได้โกหก นั่นคือไฟของดวงอาทิตย์จริง!”
คำพูดของเทพเมถุนอยู่กลางๆ บังเอิญตอนที่ผู้ตัดสินเหล่านั้นถากถางเฉินเป่ยอย่างบ้าคลั่งว่าพูดเหลวไหล จึงตอกหน้าผู้ตัดสินเหล่านี้กลับไปอย่างรุนแรงทีหนึ่ง