สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 463
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 463 ล้ม!
หือ!
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้ตัดสินกานทุกคนก็ตกตะลึง!
ผู้ตัดสินรอบๆ ต่างก็มองไปที่ผู้ตัดสินกาน ทุกคนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ตัดสินกานถึงตัดสินใจเช่นนี้!
และสีหน้าของจางเป่าเฉิงก็เปลี่ยนไปทันที เขาขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ผู้ตัดสินกานและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กานหนิง มันหมายถึงอะไร? ผมไม่เข้าใจ”
กานหนิงวางตัวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้วมองไปที่จางเป่าเฉิง แววตาของเขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เขาตอบอย่างแผ่วเบาว่า “ไม่ได้หมายถึงอะไร ผมบอกว่ามันไร้ประโยชน์ ก็ตามนั้น”
เมื่อกานหนิงพูดประโยคนี้ ทันใดนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่ผู้ชม เหล่าผู้ชมต่างพากันแสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ากานหนิงคิดอะไรอยู่ ในสายตาของทุกคน กานหนิงนั้นตั้งใจเล่นงานจางเป่าเฉิงอย่างชัดเจน!
“ผู้ตัดสินกานครับ แบบนี้มันไม่น่าจะถูกต้องเลยนะครับ” คณะกรรมการตัดสินคนหนึ่งพูดขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะก้าวออกมาช่วยจางเป่าเฉิงถามคำถามที่คาใจ
ผู้ตัดสินกานหันหน้ามองไปที่ผู้ตัดสินคนนั้นแล้วยิ้มพูดอย่างเย็นชา “ไม่ถูกต้องเหรอ? งั้นคุณลองมาประเมินดูไหม?”
ดวงตาของผู้ตัดสินคนนั้นเล็งไปที่หินหยาบ ดูเหมือนจะมีแสงแห่งการรู้แจ้งเกิดขึ้นนัยน์ตาของเขา เขาทำได้เพียงหยุดคำพูดต่อไปของเขาและนิ่งเงียบไป
“ทำไม? ต้องมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสิครับ ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ยอม” จางเป่าเฉิงก้าวออกมาแล้วขมวดคิ้วพูด
กานหนิงมองลงมาจากเบื้องบนแล้วค่อยๆ พูดขึ้นว่า “ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ผมคือผู้ตัดสิน ผมพูดคำไหนคำนั้น”
จางเป่าเฉิงมองตากานหนิง ดวงตาทั้งคู่สบเข้าหากันและอุณหภูมิของอากาศดูเหมือนจะลดลงอีกหลายองศา
บรรยากาศเงียบลงในทันใด หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงทำลายความสงบดังขึ้น “ง่ายๆ เพราะเขาก็มองหินหยาบก้อนนี้ไม่ออก”
หือ!
ทันใดนั้นทุกสายตาก็จับจ้องไปตามทิศทางของเสียง ผู้ชมนับไม่ถ้วนสังเกตเห็นเพียงร่างคนคนหนึ่งค่อยๆ ยืนขึ้นจากมุมที่นั่งของผู้ตัดสิน
เขาคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเฉินเป่ย ผู้ตัดสินที่ทำตัวกร่างในสายตาผู้ชม!
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า ในเวลาคับขันแบบนี้กลับเป็นผู้ตัดสินในชุดดำคนนี้ที่ก้าวออกมา!
กานหนิงมองไปที่เฉินเป่ย หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างอธิบายไม่ถูก เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่เป็นลางร้ายกำลังค่อยๆ เติบโตขึ้นในใจของเขา
“ที่นี่ไม่มีธุระของคุณ” กานหนิงเหลือบมองไปที่เฉินเป่ยแล้วพูดอย่างเหลือทน
“ผมเป็นคณะกรรมการผู้ตัดสินพิเศษในสมาคมการพนันเพชรพลอย ผมมีอำนาจเทียบเท่ากับคุณ และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสั่งผม” เฉินเป่ยพูดอย่างใจเย็น
จากนั้นภายใต้การจับจ้องของสายตาทุกคน เฉินเป่ยเดินเข้าไปที่หินหยาบแล้วหยิบหินหยาบขึ้นมาและพริกไปมาหลายรอบ เขาทำเหมือนไม่สนใจว่าหินหยาบก้อนนี้มีความล้ำค่าและเป็นหินหยาบที่นำมาจากคลังสมบัติของสมาคมการพนันเพชรพลอยเลย
“คุณคิดจะทำอะไร?” กานหนิงมองไปที่เฉินเป่ย เขารู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี หัวใจของเขาเต้นแรงและรู้สึกไม่สบายใจมาก
เขาไม่รู้ว่าความน่ากลัวของเฉินเป่ยคนนี้อยู่ที่ไหน แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังรู้สึกกลัวเฉินเป่ยอย่างอธิบายไม่ได้
เฉินเป่ยไม่ได้สนใจเขา ได้แต่ก้มหน้าก้มตาดูหินหยาบในมือ
มือของเฉินเป่ยค่อยๆ ลูบเส้นบนหินหยาบ รอยเส้นบนหินหยาบก้อนนี้มีความลึกซึ้งมาก ซึ่งแตกต่างจากหินหยาบอื่นๆ ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความงดงามแปลกตาที่ไม่อาจพรรณนาได้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติราวกับว่าเป็นงานฝีมือที่เหนือธรรมชาติและเป็นงานศิลปะธรรมชาติที่ไม่จำเป็นต้องแต่งเติมอีกเลย
เฉินเป่ยหรี่ตาและมองไปที่หินหยาบในมือ ในที่สุดความสงบที่คงอยู่มาตั้งแต่ต้นก็หมดลง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและเคร่งขรึม
ถ้าจางเป่าเฉิงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ของเฉินเป่ย เขาต้องเกิดความสับสนอย่างแน่นอน แม้จะเป็นหินหยาบชั้นเลิศ แต่เฉินเป่ยไม่จำเป็นต้องจริงจังขนาดนี้ก็ได้ เพราะก่อนหน้าที่เห็นไฟของดวงอาทิตย์เฉินเป่ยยังไม่กระตือรือร้นเท่านี้เลย!
“คุณต้องการอะไรกันแน่!” ในที่สุด กานหนิงที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดังขึ้นมา “ถ้าคุณกล้าผิดระเบียบอีก ผมจะเรียกคนมาเชิญคุณออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
“ด้วยสิทธิ์อะไร? คนที่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นยังนั่งอยู่ในออฟฟิศเลย” เฉินเป่ยเหลือบมองไปที่กานหนิงแล้วพูดอย่างเย็นชา
“คุณ……” กานหนิงรู้สึกอึ้ง เพียงแค่ประโยคเดียวของเฉินเป่ยถึงขั้นทำให้เขาต้องชะงัก เพราะเขาไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้นจริงๆ มีเพียงประธานสมาคมการพนันเพชรพลอยเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนั้นได้ แล้วไอ้หมอนี่มันรู้ได้ไง?
ในขณะที่ฟังการโต้เถียงระหว่างพวกเขาทั้งสอง สีหน้าของจางเป่าเฉิงก็หยุดนิ่งไป เขามองไปที่เฉินเป่ยด้วยความสับสนและเริ่มรู้สึกสงสัยในตัวของเฉินเป่ยมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ผู้ตัดสินในชุดดำคนนี้ลึกลับจริงๆ ในมุมมองของจางเป่าเฉิงเขาดูรู้เรื่องทุกอย่าง เขารู้กฎที่ผู้ตัดสินธรรมดาไม่รู้ด้วยซ้ำ!
เขาเป็นใครกันแน่? จางเป่าเฉิงตัดสินใจแล้วว่าหลังจากเสร็จงานนี้เขาจะกลับไปสืบประวัติของเฉินเป่ยให้ได้!
กานหนิงมองไปที่เฉินเป่ยด้วยความโกรธ จากนั้นพูดกับเฉินเป่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณถือหินหยาบนี้มานานแล้ว แล้วคุณยังสามารถประเมินมูลค่ามันได้อยู่เหรอ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” เฉินเป่ยถามกลับ กานหนิงตอบอย่างเฉยเมย “งั้นคุณลองพูดมาสิว่ามันคืออะไร?”
เฉินเป่ยก้มหน้าก้มตาและมีส่วนโค้งแปลกๆ เกิดขึ้นที่มุมปากของเขา……ทันใดนั้นเขาก็ขยับ!
แสงดำปรากฏขึ้นในมือของเขา ในพริบตาแสงดำก็สับไปที่หินหยาบแข็งก้อนนั้น หินหยาบถูกสับด้วยแสงดำเหมือนกับการปอกลูกแอปเปิลและผิวหินก็หลุดออกไป
วิธีการของเฉินเป่ยทำให้เทพเมถุนเห็นแล้วต้องแปลกใจ
ชายชราทั้งสองไม่ได้แสดงท่าทีตกใจใดๆ เพียงแต่หลังจากพวกเขาเห็นความเชี่ยวชาญของเฉินเป่ยแล้วพวกเขาต่างก็รู้สึกน่าทึ่ง
“พวกคุณดูสิ!”
ในหอประชุม ขณะที่หลีชิงเยียนกำลังเป็นห่วงจางเป่าเฉิง ทันใดนั้นผู้ชมตาคมคนหนึ่งก็ชี้ไปที่หน้าจอขนาดใหญ่นั้น
ในขณะนั้น ความสนใจของผู้คนจำนวนมากก็ย้ายไปที่มือของเฉินเป่ย พวกเขาเห็นเพียงแสงสว่างสีเงินจางๆ รั่วไหลออกมาจากนิ้วมือของเฉินเป่ย และความเร็วแสงดำในมือของเฉินเป่ยก็เริ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันกลายเป็นภาพซ้อน!
“เฮ้ย!”
ในท่ามกลางผู้ชม เมื่อเห็นภาพนี้หลายๆ คนก็ต้องร้องอุทานด้วยความตกใจ หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านและมีลางสังหรณ์ว่าได้เห็นไฟของดวงอาทิตย์เหมือนก่อนหน้านี้อีก!
มือของเฉินเป่ยสับหมุนเร็วขึ้นอย่างไม่หยุด กานหนิงและผู้ตัดสินอื่นๆ ไม่สามารถมองเห็นมีดหลงหยาในมือของเขาอีก พวกเขาเห็นเพียงภาพซ้อนเท่านั้น นี่มันเกินขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว!
“เป็นไปได้ไง!” กานหนิงมองไปที่มือของเฉินเป่ยอย่างไม่คลาดสายตา หัวใจของเขาสั่นสะท้าน เขาไม่สามารถยอมรับมันได้! นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นความเร็วของมือคนที่เร็วขนาดนี้!
“เขาเป็นใครกันแน่” ในที่นั่งวีไอพี หลีเช่าเทียนถึงกับต้องลุกขึ้นยืนทันที เขาได้แต่มองไปที่เฉินเป่ยแล้วพูดกับตัวเอง ไม่มีใครสามารถมองเห็นความคิดภายในใจจากดวงตาอันลึกล้ำของเขาได้
อีกมุมของที่นั่งวีไอพี จึงกำลังเล่นกับนาฬิกาโรเล็กซ์มูลค่าหลายสิบล้านในมือ ทันใดนั้น การเคลื่อนไหวของเขาหยุดลง เขามองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่และมุมปากของเขาก็เกิดส่วนโค้งที่ลึกซึ้งขึ้น……
และในตอนนี้ สิ่งที่เฉินเป่ยทำนั้นเรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาให้กับทุกคนในหอประชุมนี้แล้ว!
ความเร็วมือของเฉินเป่ยนั้นเกินความเข้าใจและคำอธิบายของคนธรรมดาได้!
และประกายเงินที่สว่างขึ้นในมือของเฉินเป่ย แม้แต่แสงที่ส่องผ่านก็ยังพร่างพราวอย่างยิ่ง!
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้น เฉินเป่ยก็วางมีดหลงหยาลง หลังจากนั้นเขาก็มองดูหินหยาบตรงหน้าอย่างละเอียด
หลังจากถูกเฉินเป่ยตัดชิ้นส่วนออกแล้ว หินหยาบนี้ได้เปล่งประกายเจิดจรัสอย่างสมบูรณ์แบบ
นี่คือชิ้นส่วนของโลหะเงิน ซึ่งแตกต่างจากวัสดุหยกอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ในหินหยาบทั่วไป โลหะชิ้นนี้ดูแตกต่างกันมาก
เมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสง โลหะเงินชิ้นนี้ก็จะสะท้อนแสงสีเงินที่สว่างไสวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนดวงดาวสีเงินดวงหนึ่งที่สมบูรณ์แบบและเป็นงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบที่สุด
“พระเจ้า!” ความสนใจของผู้ตัดสินทุกคนถูกดึงดูดเข้าไปหมดแล้ว พวกเขาทำได้เพียงจ้องมองดวงดาวสีเงินนี้อย่างใจจดใจจ่อและต่างก็รู้สึกใจสั่นอย่างไม่รู้จบ!
ไม่เพียงแค่นั้น แสงดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างมากขึ้นก็ทำให้แสงแดดที่สะท้อนจากดวงดาวสีเงินนี้ประกายแสงระยิบระยับมากขึ้นเช่นกัน แม้แต่ผู้ชมหลายคนในห้องประชุมจำเป็นต้องหรี่ตาและอดไม่ได้ที่จะเอามือบังแสง
“นี่มันอะไรกัน?” ผู้ตัดสินหลายๆ คนต่างก็แปลกใจและกานหนิงที่เห็นดาวสีเงินในมือของเฉินเป่ยก็ต้องตกตะลึงด้วยเช่นกัน!
จางเป่าเฉิงเองก็ต้องรู้สึกอึ้งไปสักพัก สุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้ทำให้เขาตกใจอย่างที่สุด เขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเปิดโลหะเงินลึกลับนี้ได้ แม้แต่เขาก็ไม่รู้ที่มาของมันเลย
และที่ไม่ไกลจากจางเป่าเฉิง ตาสีทองกับเทพเมถุนได้แต่จ้องอยู่ที่โลหะสีเงินชิ้นนั้น นัยน์ตาของพวกเขาแผดเผาจนลุกเป็นไฟ
โดยเฉพาะเทพเมถุน เมื่อชายชราทั้งสองเห็นโลหะสีเงินชิ้นนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก พวกเขารู้สึกช็อกอย่างอธิบายไม่ได้!
“ผู้ตัดสินกานครับ คุณเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินไม่ใช่เหรอ คุณช่วยบอกผมที ว่านี่มันคืออะไรกันแน่!” เฉินเป่ยเงยหน้ามองไปที่กานหนิงด้วยสายตาเย้ยหยัน ทันใดนั้นเขาก็โยนชิ้นส่วนโลหะสีเงินให้กับกานหนิง
กานหนิงรีบรับมันเอาไว้ จากนั้นเขาถือโลหะสีเงินชิ้นนี้อย่างระมัดระวังและร่างกายของเขาก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้!
เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก่อนหน้านี้โลหะเงินชิ้นนี้ยังคงถูกห่อหุ้มด้วยหินหนา ซึ่งมีเพียงรอยบากเดียว เขาจึงไม่สามารถตัดสินคุณค่าของหินหยาบนี้ได้!
กานหนิงเงยหน้าขึ้นมองผู้ตัดสินลึกลับพิเศษในชุดดำคนนี้อย่างดุเดือด เขากัดฟันไว้แน่นๆ และรู้สึกเกลียดไอ้หมอนี่อย่างที่สุด!
จากนั้นความสนใจของผู้ชมก็เปลี่ยนไปที่เขาอย่างกะทันหัน กานหนิงหน้าแดงก่ำและมองไปที่เฉินเป่ยด้วยความโกรธ เขาอดไม่ได้ที่จะสับไอ้หมอนี่เป็นชิ้นๆ!