สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 469
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 469 มาร้าย!
ใบหน้างดงามของท่านประธานเทพธิดาเย็นชาลง เธอมองไปที่เฉินเป่ยแล้วพูดอย่างเย็นยะเยือกว่า “หุบปาก!”
เธอทนไม่ไหวกับเฉินเป่ยแล้วจริงๆ! ผู้ชายคนนี้นับวันก็ยิ่งทำตัวใจกล้ามากขึ้น! เขาถึงขั้นกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเธอ!
ท่านประธานเทพธิดาตะคอกเสียงดังเพื่อสั่งให้เฉินเป่ยปิดปาก จางเป่าเฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าแดงก่ำเพราะเขาทั้งสองดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้าง
และจางเป่าเฉิงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของทุกคนในแวดวง หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเฉินเป่ยแล้วสายตาของทุกคนที่มองจางเป่าเฉิงก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
หลีชิงเยียนก็ตระหนักถึงจุดนี้ เธอจึงหันมองไปรอบๆ แล้วมองไปที่เฉินเป่ยอย่างเย็นชา จากนั้นหันหลังแล้วพาจางเป่าเฉิงเดินออกจากสถานที่นั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ผู้ชมหุนหันพลันแล่นรายล้อมเข้ามา เธอเกรงว่าถึงเวลาแล้วจะเดินออกจากฝูงชนลำบาก
ทันทีที่หลีชิงเยียนเดินออกจากหอประชุมก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบแล้วพูดกับเธอด้วยความเคารพ “คุณหลีครับ พิธีมอบรางวัลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ ขออนุญาตเรียนเชิญหัวหน้าสมาคมจางขึ้นให้โอวาทด้วยครับ”
หลีชิงเยียนหันหน้ามองไปที่จางเป่าเฉิง จากนั้นพยักหน้าแล้วก้าวขาเดินออกไปทันทีโดยที่ไม่หันกลับมามองเฉินเป่ยเลย
เสียงรองเท้าส้นสูงที่คมชัดกระทบกับกระเบื้องบนพื้น เฉินเป่ยเดินตามหลังเธอมาติดๆ เขามองซ้ายมองขวาและสุดท้ายก็มองหุ่นที่สมบูรณ์แบบของหลีชิงเยียน มุมปากของเขาโค้งขึ้นอย่างลึกซึ้ง
ท่านประธานเทพธิดาที่เดินอยู่ตรงหน้า แม้เธอจะรู้สึกโกรธอยู่ แต่ไม่สามารถปกปิดความงดงามดั่งเทพธิดาของเธอได้
ความงามแบบนี้ ต่อให้เดินอยู่ที่ไหนก็จะดึงดูดความสนใจของผู้ชายทุกคนอย่างแน่นอน ไม่แพ้แค่นั้น แม้แต่ผู้หญิงหลายๆ คนที่เห็นเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
เฉินเป่ยเดินตามหลังมาติดๆ จนในที่สุดหลีชิงเยียนก็สุดจะทน เธอหยุดกะทันหันแล้วหันใบหน้าอันงดงามแต่เย็นชาของเธอไปที่เฉินเป่ย จากนั้นพูดอย่างไม่สนใจไยดี “หยุดตามฉันได้ไหม! คุณจะเอายังไงกันแน่!”
เฉินเป่ยตอบอย่างเฉยเมย “ชิงเยียน ผมทำเพื่อความปลอดภัยของคุณนะ คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่ามีนักฆ่าซ่อนตัวอยู่ที่นี่ด้วย”
เฉินเป่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ซึ่งทำให้หลีชิงเยียนอดไม่ได้ที่จะเชื่อเขา
หลีชิงเยียนรู้สึกตระหนักขึ้นมาทันที น้ำเสียงที่พูดกับเฉินเป่ยก็อ่อนลง แต่น้ำเสียงเย็นชาและประชดประชันยังคงอยู่ “คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก อย่างคุณเหรอจะปกป้องฉันได้?”
เฉินเป่ยถึงกับผงะไปชั่วขณะ จากนั้นสีหน้าของเขาก็ทำอะไรไม่ถูก แม้หลีชิงเยียนจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว แต่เธอก็ไม่เลือกที่จะเชื่อเขา
หลังจากที่หลีชิงเยียนเห็นเฉินเป่ยหลุดลงเธอถึงจะเดินต่อ เสียงรองเท้าส้นสูงที่คมชัดดังขึ้นอีกครั้ง และในขณะนี้เสียงพูดของซูเหลยก็ดังขึ้นข้างๆ เฉินเป่ย “คุณโกหกเธอขนาดนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลก ต่อให้เป็นผู้หญิงคนไหนก็ต้องโกรธเหมือนกัน”
เฉินเป่ยหันหน้าไปหาซูเหลยที่กำลังมองไปที่หลีชิงเยียนจากด้านหลังแล้วพูดอย่างจริงจัง
เฉินเป่ยรู้สึกอึ้ง ทันใดนั้นเองก็รู้สึกละอายใจ เขาเคยอยู่เมืองนอกและเคยเจออะไรมามากมาย แต่ไม่นึกเลยว่าเขาต้องมาฟังคำสอนจากซูเหลย!
เฉินเป่ยเลิกคิ้วแล้วพูดกับซูเหลยว่า “นี่ผมต้องบอกความจริงกับเธอใช่ไหม?”
ซูเหลยส่ายหัว “ถ้าเปลี่ยนคุณที่ถูกหลอกเป็นเวลานานขนาดนี้ แล้วคุณจะรู้สึกยังไง?”
หลังจากพูดจบ ซูเหลยก็รีบไล่ตามหลีชิงเยียนไปและทิ้งให้เฉินเป่ยอยู่กับความคิดของเขาคนเดียว
หลังจากหลีชิงเยียนเดินออกจากที่นั่งผู้ชม เธอต้องเดินเข้าไปในพื้นที่ของการพนันที่มีระดับต่ำกว่า เพราะคนเกือบทั้งหมดได้แห่กันเข้าไปในการแข่งขันสุดยอดดาบสามเล่ม จึงทำให้โซนการพนันที่มีระดับต่ำว่างเปล่า
หลีชิงเยียนเดินออกไปด้วยความโมโห จากนั้นอารมณ์ของเธอค่อยๆ เย็นลง
เมื่อเธอมองไปรอบๆ ก็เห็นซูเหลยที่กำลังเดินเข้ามาหาเธออย่างเร่งรีบ
“ท่านประธานหลีคะ ท่านเดินออกมาอยู่คนเดียวมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะคะ” ซูเหลยเดินเข้ามาพูดกับหลีชิงเยียนเบาๆ
“ฉันรู้แล้ว เรากลับไปเถอะ” หลีชิงเยียนลูบผมของเธอแล้วตอบเบาๆ
“ค่ะ” ทันทีที่ซูเหลยพยักหน้าตอบ ทันใดนั้นก็มีบางอย่างเข้ามาในการมองเห็นของเธอจากระยะไกลและดึงความสนใจของเธอไป
“มีอะไรเหรอ?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วเบาๆ จากความเข้าใจของเธอที่มีต่อซูเหลย ถ้าซูเหลยแสดงปฏิกิริยาแบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
ซูเหลยไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเธอได้แต่มองไปที่ไกล และเมื่อหลีชิงเยียนมองไปในทิศทางเดียวกับซูเหลย ทันใดนั้นเธอก็เห็นรถหรูคันหนึ่งขับมาแต่ไกลแล้วมาจอดอยู่ตรงหน้าเธอกับซูเหลย
หลีชิงเยียนมองไปที่รถหรูคันนั้น ทันใดนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว เพราะเธอคุ้นเคยกับรถหรูคันนี้มาก
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ” ในขณะที่หลีชิงเยียนกำลังงงงวยอยู่ ทันใดนั้นเสียงคนคนหนึ่งก็ดังขึ้นจกด้านหลังของเธอ
หลีชิงเยียนถึงกับอึ้ง เสียงทุ้มต่ำนี้เธอรู้สึกคุ้นเคยมาก
ท่านประธานเทพธิดาค่อยๆ หันหลังกลับและเห็นหลีเช่าเทียนเดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดรอบตัว
หลีเช่าเทียนสีหน้าเฉยเมยซึ่งแตกต่างจากปกติ
เขามองไปที่หลีชิงเยียน จากนั้นยกมือขึ้นและปรบมือแล้วค่อยๆ พูดขึ้นมาว่า “ยินดีด้วยนะ ชิงเยียน คุณได้คนเก่งอย่างจางเป่าเฉิงไป”
น้ำเสียงของหลีเช่าเทียนแน่นิ่งโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ ปะปนอยู่ข้างใน
หลีชิงเยียนไม่ได้ไว้หน้าหลีเช่าเทียนที่ปรากฏอย่างกะทันหัน เธอตอบเขาอย่างเย็นชาว่า “คนของคุณเทพเมถุนก็เก่งเหมือนกันนะ แต่แค่คนกระทำไม่เท่าฟ้าลิขิต”
หืม!
สีหน้าของหลีเช่าเทียนเปลี่ยนไปทันที คำพูดของหลีชิงเยียนเหมือนหนามที่ทิ่มแทงจิตใจของหลีเช่าเทียน คำว่าคนกระทำไม่เท่าฟ้าลิขิตที่เธอพูดนั้นเป็นการประชดเขาอยู่ใช่ไหม?
หลีเช่าเทียนไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธแต่อย่างใด เขากลับพูดอย่างใจเย็นว่า “ผม ไม่เคยเชื่อเรื่องฟ้าลิขิตอยู่แล้ว เพราะ……ผมก็คือลิขิตของตระกูลหลี”
“จริงเหรอ? งั้นขอให้คุณโชคดีนะ” หลีชิงเยียนเลิกคิ้วแล้วตอบเขาสั้นๆ คำเดียว จากนั้นเธอจับมือของซูเหลยเพื่อจะหันเดินจากไป
“เจ้าบ้านบอกว่า ถ้ามีเวลาให้ผมพาคุณกลับไปเยี่ยมบ้านตระกูลหลี” หลีเช่าเทียนพิงอยู่ที่รถหรูของเขาแล้วพูดคำนี้กับหลีชิงเยียนอย่างกะทันหัน
แม้จะเป็นคำพูดที่ฟังดูปกติ แต่ทำให้หัวใจของหลีชิงเยียนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง!
ตระกูลหลีก็คือความเจ็บปวดชั่วนิรันดร์ของหลีชิงเยียน
ต่อให้หลีชิงเยียนจะเก็บอารมณ์ได้ดีขนาดไหน เมื่อได้ยินคำคำนี้ของหลีเช่าเทียนแล้วเธอก็ต้องแสดงอาการออกมาบ้าง
“ไม่เป็นไร ฉันตัดสินใจแล้วว่าชีวิตนี้จะไม่กลับไปเหยียบบ้านตระกูลหลีอีก” น้ำเสียงของหลีชิงเยียนเย็นชาลงอย่างไม่ทันตั้งตัว
“แต่เราได้เลือกคนที่เหมาะสมกับชีวิตคู่ของคุณไว้แล้ว และตระกูลหลีของเราได้เตรียมจ่ายค่าผิดพลาดครั้งล่าสุดของคุณกับคุณพ่อของคุณไว้แล้วด้วย” หลีเช่าเทียนมองไปที่หลีชิงเยียนแล้วพูดชัดๆ ทีละคำ “แม้จะเป็นเหมือนสินค้ามือสอง แต่เลือดตระกูลหลีนั้นดีอยู่แล้ว ต่อให้เป็นคนตกต่ำที่สุดในตระกูลก็จะมีค่ามากกว่าพวกหมูหมากาไก่อย่างแน่นอน”
หา!
ซูเหลยตกตะลึงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลีเช่าเทียน และหลีชิงเยียนก็หันกลับมาจ้องหน้าหลีเช่าเทียนอย่างกะทันหัน!
ดวงตาที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหนึ่ง นั่นก็คือความโกรธ คำพูดของหลีเช่าเทียนเมื่อครู่นี้ทำให้เธอโกรธอย่างสุดขีด!
หลีเช่าเทียนนั้นจงใจดูถูกเธอกับพ่อของเธอ! เขาเปรียบเธอเป็นดั่งสินค้ามือสองและดูถูกศักดิ์ศรีของเธออย่างที่สุด!
หลีชิงเยียนจะทนกับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ทุกคนย่อมมีเส้นตายของตัวเอง และหลีเช่าเทียนในตอนนี้ก็ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเธออย่างไร้อย่างอาย!
หลีเช่าเทียนจ้องไปที่หลีชิงเยียน ขณะที่หลีชิงเยียนหันกลับมา เขาก็แสดงสีหน้าเย้ยหยันทันที เขารู้ดีว่าหลีชิงเยียนกำลังติดกับเขาแล้ว
“หลีเช่าเทียน อย่าทำตัวไร้เดียงสาเกินไปนะ รบกวนอย่าดูถูกคนอื่นและกรุณาให้เกียรติกันด้วย!” หลีชิงเยียนพูดช้าๆ ทีละคำ นี่เป็นคำเตือนของเธอหลังจากความโกรธที่อัดอั้นอยู่เต็มปอดและมันไม่ใช่คำข่มขู่ใดๆ!
ถ้าหากหลีเช่าเทียนกล้าหมิ่นประมาทเธออีกครั้ง เธอจะต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอน!
“ผมดูถูกคุณตรงไหน? ผมแค่พูดความจริงเท่านั้น” หลีเช่าเทียนมองหลีชิงเยียนด้วยท่าทางเยาะเย้ย จากนั้นยิ้มพูดอย่างเย้ยหยันอีกครั้ง “คุณไม่ต้องกังวลหรอก ผมจะหาคนที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณเอง”
ทันใดนั้น!
จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น!
“ระวังครับคุณชายหลี!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งของหลีเช่าเทียนสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เขาจึงตะโกนส่งเสียงดังขึ้น!
แต่กว่าหลีเช่าเทียนจะตอบสนองทุกอย่างมันก็สายเกินไป!