สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 47
บทที่ 47 ผมเป็นคนขุดเอง
คุณชายหลีจ้องหลีชิงเยียนด้วยใบหน้าเย็นชาและไม่แยแส เขาหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดมือที่เลอะไปด้วยคราบไวน์
ห้องจัดเลี้ยงเงียบสงบ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที!
หลีชิงเยียนกวาดตามองพวกบอดี้การ์ดชุดสูทสีดำที่รายล้อมรอบตัวเธอ ใบหน้าของเธอเย็นชาขึ้นมาทันใด
“คุณชายหลี นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” หลีชิงเยียนถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แขกจำนวนมากต่างมองดูเหตุการณ์ด้วยความประหลาดใจ อีกทั้งยังส่งสายตามองหลีชิงเยียนด้วยแววตาที่ซับซ้อน
คุณชายหลีอุตส่าห์โยนกิ่งต้นมะกอกให้เธอต่อหน้าคนมากมาย แต่เธอกลับตอบปฏิเสธออกไปโดยไม่รักษาน้ำใจ…และไม่เห็นแก่หน้าคุณชายหลีเลยสักนิด
“ชิงเยียนผมก็ไม่อยากทำกับคุณแบบนี้ ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย…คุณจะยอมร่วมมือกับผมไหม?” คุณชายหลีพูดเสียงเรียบ สายตาจับจ้องหลีชิงเยียน เธอไม่ยอม หากต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา อย่างไรเธอก็จะต้องพึ่งพาตัวเอง
“คุณชายหลี บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจัดการปัญหาเองได้…คุณไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด!” ใบหน้าหลีชิงเยียนราวกับปกคลุมไปด้วยน้ำเเข็ง น้ำเสียงไม่ทนอีกต่อไป!
“ชิงเยียนแต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครเคยปฏิเสธผมมาก่อน คุณคือคนแรก” ในขณะที่คุณชายหลีกำลังพูด เขาก็แสดงอาการเย็นชาออกมา! เขาเป็นคนหยิ่งผยอง ทว่าตอนนี้เขาไม่สามารถจัดการกับผู้หญิงคนหนึ่งได้ ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการดูถูกเขา!
เฉินเป่ยจับมือเรียวยาวของหลีชิงเยียนเอาไว้ เขาพูดอย่างช้าๆว่า “คุณชายหลี นี่คุณต้องการลงมือใช่ไหม?”
คุณชายหลีเหลือบตามองเฉินเป่ยด้วยความเย็นชา ดวงตาของเขาเฉียบคม! เขามีท่าทีไม่แยแส ร่างกายของเขาถอยกลับในฉับพลัน ทันใดนั้นดวงตากลับเปลี่ยนเป็นดุร้าย!
“แกมันตัวอะไร ไสหัวไปข้างๆ แกไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับฉัน!” คุณชายหลีตำหนิด้วยน้ำเสียงดูถูก
ดวงตาเฉินเป่ยหรี่ลงเล็กน้อย มีความนิ่งนัยน์ตาคู่นั้น …
“คนแซ่เฉิน แกยังคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดก้าวออกจากประตูโรงแรมนี้ไปได้งั้นหรือ?” ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงเคียดแค้นดังมาจากข้างๆ ร่างนั้นค่อยๆเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ใบหน้าเยือกเย็นมองไปทางเฉินเป่ยเหมือนอยากจะฆ่า!
เฉินเป่ยหันไปมองก็พบว่าเป็นประธานจางคนนั้นมาปรากฏตัวอยู่ที่ตรงนี้! แก้มบวมแดงของเขาถูกพันด้วยผ้าก๊อชหนา ทั้งหัวถูกพันเหมือนมัมมี่
ประธานจางยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขาหยุดฝีเท้าและมองไปทางเฉินเป่ย รอยยิ้มที่เยือกเย็นแฝงไปด้วยการเยาะเย้ย
การปรากฏตัวของประธานจางตามมาด้วยกลุ่มมือปืนบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดทุกคนเตรียมพร้อมไปด้วยปืนผาหน้าไม้ ทุกคนเล็งไปที่หัวเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียน!
บรรยากาศเหมือนถูกแช่เเข็ง มีกลิ่นอายของการสังหารร้อนระอุไปทั่วทั้งห้อง!
ภายในห้องจัดเลี้ยงเงียบกริบไร้สุ้มเสียง ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มร่วงพื้น คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม พวกเขากำลังถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ใบหน้าเปลี่ยนสี นี่เหมือนกับฉากหนึ่งในเกมสังหาร!
ประธานจางมองไปทางเฉินเป่ยด้วยเเววตาอาฆาตแค้น! เฉินเป่ยและหลีชิงเยียนได้มอบความอัปยศอดสูให้แก่เขา เขาจะต้องแก้แค้น!
แขกที่เข้าร่วมงานต่างมองไปทางประธานจางด้วยสายตางงงวย ประธานจางคนนี้มีที่มาอย่างไร ทำไมเขาถึงทำตัวไม่เกรงใจใครในงานเลี้ยงต้อนรับคุณชายหลี
คุณชายหลียังคงมีสีหน้าไม่แยแสราวกับว่าเขารู้ทุกอย่างดี ทุกอย่างอยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขา
ดวงตาที่สวยงามของหลีชิงเยียนมองประธานจาง “ตอนนั้นคุณมาจากเยี่ยนจิง ทั้งน่าอับอายและน่าสมเพช ฉันอุตส่าห์ให้งานดีดีกับคุณ แต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นพวกเดียวกับเขา…”
ประธานจางหัวเราะเสียงดัง เขาพูดด้วยความคับข้องใจ “หลีชิงเยียน เธอทำให้ฉันเสียหน้าต่อหน้าคนมากมาย…ฉันก็ต้องล้างแค้น…บวกกับคุณชายหลีอุตส่าห์เดินทางมาไกล เดิมทีฉันเองก็เป็นคนของตระกูลหลี แล้วทำไมฉันจะไม่ออกตัวช่วยคุณชายหลีล่ะ?”
เฉินเป่ยหรี่ตามองประธานจาง หลีชิงเยียนมีสีหน้าขาวซีด “ฉันไม่น่าไล่แกออกตั้งแต่ทีแรกเลย ฉันน่าจะตัดไอ้นั่นที่ไร้ประโยชน์ของแกทิ้งซะ!”
ในขณะนี้บนตัวของหลีชิงเยียนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของท่านประธานหญิง แม้แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังแฝงไปด้วยความโกรธ!
เธอไม่คิดเลยว่าประธานจางจะหักหลังเธอ เธอเพิ่งเข้าใจว่าเดิมทีประธานจางก็เป็นคนของตระกูลหลีแห่งเยี่ยนจิง อย่างไรเสียก็ย่อมเห็นเธอเป็นศัตรู!
“ชิงเยียนคุณคิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหลีของผมจริงๆน่ะหรือ? คุณรู้ผลลัพธ์ของมันไหม?!” คุณชายหลีก้าวออกมา ใบหน้าของเขาเย็นชามาก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นสังหาร
เสียงคุณชายหลีไม่ได้ดังมาก แต่กลับเยือกเย็นไปทั่วทั้งห้องจนทำให้แขกทุกคนที่มาร่วมงานถึงกับสั่นสะท้าน
บอดี้การ์ดที่ล้อมรอบเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียนนั้นเต็มไปด้วยกระสุนโดยไม่ต้องสงสัย บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างฉับพลัน!
“คุณชายหลี นี่คุณกำลังขู่ฉันงั้นหรือ? บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของฉันก็มีอิทธิพลในเมืองเมืองหู้ไห่เหมือนกัน! คุณชายหลี…หวังว่าคุณจะเข้าใจ!” หลีชิงเยียนหันกลับไปพูด เธอทนไม่ได้ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นถึงลูกสาวของหลีหยางแห่งเมืองเมืองหู้ไห่เธอจะไม่ยอมให้คุณชายหลีมาทำตัวกำเริบเสิบสานในพื้นที่ของเธอได้ง่ายๆ
คุณชายหลีพุ่งสายตาเยือกเย็นมองไปทางหลีชิงเยียน บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด
ประธานจางยิ้มมุมปาก หลีชิงเยียนกล้าทำตัวขัดแย้งกับคุณชายหลี เธอต้องตายแน่ๆ!
ใบหน้าคุณชายหลีนั้นล้ำลึกและเย็นชา เขาเป็นคนทะนงตัวเสียขนาดนี้ ด้วยคำป่าวประกาศที่หลีชิงเยียนเพิ่งพูดออกไปก็เหมือนเป็นการตบหน้า เขาจะยอมได้อย่างไร!
แขกที่มองไปที่หลีชิงเยียนต่างประหลาดใจ ไม่มีใครคิดว่าหลีชิงเยียนจะมีด้านที่แข็งแกร่งและไม่ยอมใคร!
“ดี ดี ดี!” คุณชายหลีจ้องหลีชิงเยียนอย่างเอาเป็นเอาตายโดยพูดออกมาเพียงสามคำ จากนั้นเขาก็พูดอย่างดุดันว่า “หลีชิงเยียน ฉันจะจำเอาไว้ แล้วเธอจะต้องเสียใจ”
ตอนนี้ภายในห้องจัดเลี้ยงเงียบกริบ แขกผู้มาเข้าร่วมงานมองหลีชิงเยียนด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าหลีชิงเยียนสาวงามอันดับหนึ่งในวงการธุรกิจจะกล้าทำแบบนี้กับบุคคลผู้ยอดเยี่ยมที่มาจากเยี่ยนจิง
นี่ไม่เหมือนหลีชิงเยียนที่เคยเป็นเลยสักนิด บางคนที่รู้จักหลีชิงเยียนต่างมองด้วยความตกตะลึง!
“ไปเถอะ” เฉินเป่ยจับมือหลีชิงเยียนเอาไว้ มือหยกนั้นเนียนละเอียดราวกับไข่ขาว มันทำให้คนไม่อยากปล่อยมือ
“อืม” หลีชิงเยียนพยักหน้า
“นึกจะไปก็ไปงั้นหรือ?” ประธานจางเรียก เขาเดินเข้ามาพุ่งตัวไปยังหลีชิงเยียน!
ในขณะนี้มีเงาดำที่เร็วกว่าประธานจาง ไม่มีใครในห้องที่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของเงาดำได้อย่างชัดเจน ประธานจางตัวคว่ำและกระแทกกับพื้น ร่างกายที่สั่นเทาคิดอยากจะหยัดตัวยืนขึ้นแต่ก็ทำไม่ได้!
เฉินเป่ยเหลือบมองและพูดเสียงเรียบ “เสียงดังน่ารำคาญ”
จากนั้นเฉินเป่ยก็หันกลับมาจับมือหยกของหลีชิงเยียน แล้วค่อยๆเดินออกจากประตูโรงแรม
“ตามไป!” ประธานจางตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด
“ไม่ต้อง”
ทันใดนั้นคุณชายหลีก็ออกปากให้บอดี้การ์ดหยุดตาม
“คุณชายหลี…พวกมันสองคนหยาบคายกับคุณขนาดนั้น…ทำไมไม่ไล่ตามล่ะ?” ประธานจางนิ่งไปสักพักและพูดอย่างไม่พอใจ
คุณชายหลีมองตามแผ่นหลังเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนที่เดินออกไปด้วยแววตาเฉียบคม เขาจิบไวน์แก้วใหม่ที่อยู่ในมือและแสร้งทำเป็นสงบ “ฉันจะค่อยๆทำลายพวกมันทีละนิดละหน่อย ทำให้พวกมันย่อยยับ แล้วพวกมันจะต้องเสียใจภายหลัง…”
หลังจากนั้นไม่นานประธานจางก็เริ่มตอบสนอง เขายิ้มเยาะ “คุณชายหลีเป็นคนมองการณ์ไกลจริงๆ เดาแทบไม่ออกเลยทีเดียว”
“พาคนถอยออกไป” คุณชายหลีเหลือบมองและพูดอย่างเย็นชา
หลังจากที่ประธานจางพาบอดี้การ์ดพวกนั้นออกไป คุณชายหลีเงยหน้าขึ้นและทอดสายตามองไปยังที่ไกลๆ
คุณชายหลีเดินกลับเข้าห้องส่วนตัว
รถไมบัคที่จอดอยู่หน้าโรงแรมสตาร์ทรถและขับออกไปไกลจากแสงไฟของโรงแรม
เมื่อรถไมบัคขับขึ้นบนทางด่วน เฉินเป่ยก็ขับรถด้วยความระมัดระวัง ในขณะที่หลีชิงเยียนกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เบาะหลัง ยากที่จะผ่อนคลาย
หลังจากผ่านไปนาน หลีชิงเยียนก็ค่อยๆสูดกลิ่นคล้ายดอกกล้วยไม้ เธอดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
เฉินเป่ยเหลือบมองหลีชิงเยียนผ่านกระจกมองหลังด้วยความสงบ เขาเอ่ยถาม“คุณชายหลีคนนั้นมีที่มาอย่างไรกันแน่?”
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยอย่างลึกซึ้งและพูดว่า “เขาคือคุณชายตระกูลหลีแห่งเยี่ยนจิง ฉันเคยรู้จักกับเขา”
“คงไม่ได้รู้จักกันธรรมดาสินะ?” ดวงตาเฉินเป่ยนั้นดูลึกล้ำและสงบ “ประธานจางนั่นก็เป็นคนของตระกูลหลี คุณเกรงกลัวคุณชายหลีมากเลยหรือ?”
หลีชิงเยียนเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ประธานจางเคยเป็นลูกเขยของตระกูลหลี ส่วนคุณชายหลีก็มีอำนาจมากในเมืองเยี่ยนจิง เขาเป็นคนฉลาดหลักแหลมจึงรับมือได้ยาก”
“ดูก็รู้ว่าถ้าเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไป วันนี้เขาคงไม่ปล่อยเราไป”
“คุณชายหลี เกี่ยวข้องอะไรกับคุณกันเเน่?” เฉินเป่ยยังคงถามอย่างมีนัยยะ
“นี่นายยังไม่ยอมจบอีกหรือ? นายจะรู้ไปทำไมว่าฉันเป็นอะไรกับเขา? หุบปาก!” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วและพูดด้วยความเย็นชา
“ก็ใช่” เฉินเป่ยหัวเราะแหะแหะ เขาโดนหลีชิงเยียนด่าไปไม่รู้กี่รอบและชินไปตั้งนานแล้ว
เขาบอกตัวเองมาโดยตลอดว่า ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก เขารู้ดีว่าหลีชิงเยียนเป็นคนปากร้ายใจดี
“ใช่แล้ว เพชรโลหิตเม็ดนั้น สรุปว่าเป็นของจริงหรือของปลอม?” หลีชิงเยียนถามเสียงแหบ
เฉินเป่ยนิ่งไปสักพัก “ประธานหลีก็สนใจเรื่องนี้ด้วยหรือ?”
“ฉันถามหน่อยไม่ได้หรือไง?” ใบหน้าที่สวยงามของหลีชิงเยียนเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
“เพชรโลหิตเม็ดนั้นเป็นของปลอม” เฉินเป่ยพูดอย่างแผ่วเบาพร้อมกับดวงตาที่ลึกล้ำ “ตอนที่ผมเห็นมันครั้งแรกผมก็รู้แล้ว แต่คุณชายหลีก็ยังอ้างถึงสถาบันอะไรนั่นอยู่ได้ สถาบันที่มีสิทธิ์ตรวจสอบเพชรโลหิตได้มีอยู่แค่ไม่กี่แห่งในต่างประเทศ ในประเทศเรายังไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงถึงขนาดนั้น”
“คุณชายหลีก็มาจากตระกูลดัง เขาจะเอาเพชรปลอมมาหลอกฉันได้อย่างไร?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วถาม เธอจะเชื่อลมปากของเฉินเป่ยได้อย่างไรกันนะ
“เขาไม่ได้หลอกคุณ แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคือของปลอม” เฉินเป่ยยิ้มมุมปาก
ดวงตาที่สวยงามของหลีชิงเยียนแสดงถึงความอยากรู้อยากเห็น เธอยิ่งไม่เข้าใจสิ่งที่เฉินเป่ยกำลังพูดถึง
“หลังจากที่เขาเข้าร่วมงานประมูลที่แอฟริกาใต้ ของก็ถูกเปลี่ยนมือ เขาจึงคิดว่ามันเป็นของจริง เขาจึงนำมันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ นี่เป็นเพชรแม่ลูก มูลค่าของเพชรลูกมีมูลค่าเพียงแค่หนึ่งในสิบของเพชรแม่
หลีชิงเยียนมองไปที่การวิเคราะห์อย่างจริงจังของเฉินเป่ย เธอถามอย่างห้วนๆ “ทำไมนายถึงรู้ดีขนาดนี้ล่ะ?”
เฉินเป่ยนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีความหมาย “ชิงเยียนถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนขุดออกมา คุณจะเชื่อไหม?”