สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 505
“พอได้แล้ว” ขณะนี้ หลีเช่าเทียนพูดขึ้นด้วยความเย็นชา ทันใดนั้นออร่าความมาฆาตที่พร้อมสังหารก็ได้ปะทุออกมาจากตัวเขา ทำให้ป้าๆเหล่านี้ที่อยู่ข้างเขา ถึงกับสั่นทื่อ และจึงสงบเงียบลง
ป้าใหญ่ที่อยู่ข้างหลีเช่าเทียนมองไปที่เขา ภายในใจหวั่นกลัวเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า หลีเช่าเทียนที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน มือที่เปี่อมไปด้วยเลือดของเขาและไม่ใช่คนรวยธรรมดาทั่วไป
เขาเป็นคนที่ถูกเลือกให้สืบทอดจากหลีหง จะช้าจะเร็วเขาก็ต้องได้รับทุกอย่างที่เป็นของหลีหงอยู่ดี
ป้าใหญ่ที่ตื่นจากฝัน เห็นหลีเช่าเทียนที่ไม่มีความสุข เธอจึงรีบถอยหลังไปเพื่อนเว้นระยะห่างจากหลีเช่าเทียน
หลีเช่าเทียนค่อยก้มลงไปมองแขนที่ป้าใหญ่ได้จับก่อนหน้านี้ จากนั้นค่อยๆจัดระเบียบแขนเสื้อพลางมองไปที่ป้าใหญ่ด้วยสายตาอันลึกลับที่สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บอย่างบอกไม่ถูก
ท่าทีของป้า้ใหญ่เปลี่ยนไปในทันที เธอจึงรีบร้อนก้มหัวลงและไม่กล้าที่จะมองไปที่ตาคู่นั้นของหลีเช่าเทียน
ป้าๆคนอื่นๆเห็นป้าใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าหลีเช่าเทียนถึงขั้นเงียบกริบ พวกเธอจึงหุบปากลงแต่โดยดี
หลีเช่าทียนหันหน้าไปมองเฉินเป่ยสักพัก จากนั้นตาคู่นั้นก็จ้องไปร่างของหลีชิงเยียน และพูดอย่างแผ่วเบา “ชิงเยียน ทุกคนก็เคยเป็นครอบครัวเดียวกันมาก่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้ก็ได้”
หลีชิงเยียนกอดอก แม้ว่าหลีเช่าเทียนจะดีกับเธอ แต่มันยากสำหรับเธอที่จะเปลี่ยนความคิด
หลีชิงเยียนมองไปที่หลีเช่าเทียนและพูดด้วยความเย็นชา “ใครไม่ทำอะไรให้ฉันก่อน ฉันก็ไม่ทำอะไรให้คนนั้น ญาติๆเหล่านี้ของคุณทำอะไร คุณเองก็รู้อยู่แกใจ”
หลีเช่าเทียนพยักหน้า “พวกเรามีเรื่องบางเรื่องที่ทำให้เข้าใจผิดกันมาหลายสิบปีแล้ว งานเลี้ยงที่จัดขึ้นนี้ เพียงเพื่อทำแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ก็เท่านั้น”
“ความเข้าใจผิดงั้นเหรอ?” หลีชิงเยียนหันไปมองหลีเช่าเทียน และกลั้นขำไม่อยู่ “ฉันคิดว่าไม่มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรระหว่างเรานะ”
หลังจากที่หลีชิงเยียนพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นสับขาอันยาวของเธอไปที่ทางออก เพื่อจะไปจากที่นี่!
“ว้าย!”
ทันทีที่หลีชิงเยียนลุกขึ้นบอดี้การ์ดชุดดำที่เฝ้าอยู่ทั่วทุกมุมของห้องโถง ก็รีบวิ่งมาจากทุกทิศทาง รุมและล้อมหลีชิงเยียนไว้!
บรรยากาศในของเย็นลง ราวกับจุดเยือกแข็ง
“ฉันไม่ทำอะไร ชิงเยียน โปรดนั่งเถอะ” พนักงานเสิร์ฟที่ยืนข้างหลีเช่าเทียนเปิดขวดไวน์ราคาแพง แล้วรินลงในแก้วแชมเปญ
หลีเช่าเทียนถือแก้วแชมเปญด้วยใบหน้าที่นิ่งผิดปกติ มองไปที่หลีชิงเยียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นและลึกซึ้ง
หลีชิงเยียนเหลือบไปเห็น อาวุธที่ซ่อนอยู่ในสูทของบอดี้การ์ดชุดดำเหล่านั้น และเห็นได้ชัดว่าอาวุธนั้นคือปืน!
นี่มันเป็นงานเลี้ยงสังหารจริงๆ นับตั้งแต่หลีชิงเยียนก้าวเข้าสู่ประตูบ้านตระกูลหลี มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกไปแล้ว
มาแต่ไม่ได้กลับออกไป นี่เป็นกับดักของหลี่เช่าเทียน อย่างไรก็ตาม หลีชิงเยียนก็ได้ติดกับนั้นไปแล้ว
“ชิงเยียน นั่งเถอะ เขาเชิญเรากินข้าว ถ้าเราไม่กินสักหน่อย จะคู่ควรกับการเตรียมตัวอย่างรอบคอบเขาได้อย่างไร…” ในสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต และบรรยากาศก็ค่อยๆตึงเครียด เช่นเดียวกับที่ซูเหลยที่กำลังจะหยุดและหมดทางตันกับการดูหมิ่นนี้
หลีชิงเยียนเอี่ยวหัวขึ้น เห็นเฉินเป่ยที่นั่งอยู่ข้างเธอดูเหมือนว่าเขาจะไม่ตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เลย แถมยังคงกินถั่วลิสงด้วยท่าทางสงบผิดปกติ
ใบหน้าที่งดงามของหลีชิงเยียนได้สัมผัสได้ถึงความงุนงง เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ชายคนนี้ยังจะกินอีก! ยังนิ่งได้ขนาดนี้!
เมื่อหลีชิงเยียนหันไปมองโดยรอบ เธอเห็นบอดี้การ์ดร่างสูงเหล่านั้น และรู้ว่าอยู่แก่ใจว่าเธอไม่สามารถที่จะหนีออกไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นเธอจึงเลือกนั่งลงอย่างช้าๆ
“ทำไมตาแกนั้นยังไม่มาอีกนะ?” หลังจากที่หลีชิงเยียนนั่งลง หลีเช่าเทียนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย แต่พวกป้าๆปากพล่อยยังพูดไปหยุด เวลานี้ ยังมีความเงียบที่หาได้ยากราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างอยู่เงียบๆ
เฉินเป่ยทำปากบึนแล้วพูดขึ้น “ เรียกเขาตาแกแล้วยังไง? เรียกแกตาแกเนี่ยมันคู่ควรกับเขาแล้ว”
น้ำเสียงของเฉินเป่ยสัมผัสได้ถึงความไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทำให้ป้าๆเหล่านั้นถึงกับตกใจ เหล่าญาติๆของตระกูลหลีมองไปที่เฉินเป่ย ด้วยสายตาที่ไม่แยแสและน่าขัน
“ตัวเองเป็นแค่อะไรก็ไม่รู้ แม้แต่ท่านผู้นำยังกล้าดูถูก แกนี่ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซะจริงๆ”
คำพูดเหล่านั้นดังเข้ามาในหูของเฉินเป่ย เฉินเป่ยที่นิ่งเงียบกลับหยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งม้วนและจุดไฟแช็คต่อหน้าต่อตาทุกคน จากนั้นก็สูบบุหรี่อย่างสบายใจ
ทันใดนั้น กลิ่นควันก็ได้คละคลุ้งไปในอากาศ หลีเช่าเทียนจ้องไปที่บุหรี่ในมือของเฉินเป่ย และพูดขึ้น “ ที่นี่ ห้ามสูบบุหรี่”
หลีเช่าเทียนชี้ไปที่ผนังที่บอกว่าห้ามสูบบุหรี่
“ฉันรู้” เฉินเป่ยพยักหน้า และจ้องไปที่หลีเช่าเทียนอย่างมีนัยยะ
หลีเช่าเทียนหยุดนิ่งและมองไปที่เฉินเป่ย บนหน้าแสดงให้อะไรบางอย่าง เขาพอจะเข้าใจแล้วว่า เฉินเป่ยจงใจจะแหกกฎบ้านตระกูลหลีต่อหน้าต่อตาเขา
การกระทำนี้ของเฉินเป่ย เขากำลังสื่อว่ากฎพวกนี้ของบ้านตระกูลหลีไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย
หลีเช่าเทียนเหล่ตามองเหยียดและตบไปที่หน้าของฉินเป่ยที่ดูถูกกฎ ในเมื่อเหยียบเข้ามาในบ้านตระกูลหลีแล้ว คิดว่าคุณจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?
“ท่านผู้นำมาแล้ว”
ในตอนนี้เอง ทุกคนในตระกูลหลีต่างได้ยินเสียงหนึ่งที่ดังมาจากประตู
“หลี่หง…” เมื่อหลีชิงเยียนได้ยินสองคำนั้น หัวใจของเธอก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อนได้แผ่ขยายออกมาอย่างต่อเนื่อง
หลีชิงเยียนหันหน้าไปมองที่ประตูพร้อมๆกับที่คนในตระกูลหลีนับไม่ถ้วนต่างลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความเคารพต่อหลีหง
หลีหงสวมสีฟ้าหรูหราในราชวงศ์ถัง ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ในขณะนั้นคนในตระกูลหลีต่างมองเขาด้วยความเคารพและโค้งคำนับ จากนั้นกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน “สวัสดีท่านผู้นำ!”
หลีหงหยักหน้าและโบกมือ พูดขึ้น “นั่งลงเถอะ”
หลีหงอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขาแล้ว แต่เขาใบหน้ายังเปี่ยมไปด้วยความอ่อนเยาว์ พลังที่แกร่งกล้าและเดินดุจวิ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ก้าวขึ้นไปบนเวที
“วิ้ง” แสงสปอตไลท์ทั้งหมดสาดส่องมาที่ตัวของหลีหง แขงทุกคนในตระกูลหลีอยู่บนโต๊ะอาหารในห้องจักเลี้ยง ต่างวางอาหารในมืออย่างมได้นัดหมาย และมองไปที่กำลังกล่าวอยู่บนเวทีอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ทุกท่านต่างเป็นคนในบ้านตระกูลหลีของฉัน ฉันหลีหงก็เห็นหลายคนกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ก็ไม่พูดอะไรมากแล้ว บ้านตระกูลหลีน้อยมากมากที่จัดงานขึ้น โดยเฉพาะงานเลี้ยงส่วนตัวแบบนี้ ครั้งนี้ต้องขอบคุณพ่องาน หลีเช่าเทียนหลานชายของฉัน ที่ทำออกมาได้สวยงามอลังการมาก เป็นเกียรติของฉันมากที่ได้เชิญทุกคนมางานเลี้ยงส่วนตัวในครั้งนี้ เมื่อกี้ในตอนที่ฉันเข้ามา ได้ยินคำพูดบางพูด ทุกคนอย่าถือสาเลยนะ งานเลี้ยงส่วนตัวในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อความปรองดองสามัคคีและความมั่นคงของทุกสายเลือดในตระกูลหลีให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก…”
หลีหงพูดเร็ว ไม่นานก็ลงจากเวที จากนั้นมุ่งเดินมากที่โต๊ะของเฉินเป่ย
หลีเช่าเทียนเมื่อเห็นหลีหงเดินมา เขาที่ผยองก็ต้องลุกขึ้น ลากเก้าอี้ออกด้วยความเคารพ เมื่อหลีหงมาถึงก็พูดอย่างนอบน้อม “ ท่านผู้นำ เชิญนั่ง”
หลีหงพยักหน้า หลังจากนั่งลงก็ไปได้กวาดสายตาไปรอบๆ พร้อมกับหัวเราะและพูดขึ้น “คิดไม่ถึงเลยว่าทุกคนจะอยู่ที่นี่”
ในไม่ช้า หลีหงก็สังเกตเห็นหลีชิงเยียน ท่านผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้หลังจากเห็นหลีชิงเยียน ถึงกับกะพริบตาสองสามครั้งและน้ำเสียงของเขาก็ได้ดูซอฟต์ลงเป็นอย่างมาก
“ชิงเยียน เธอก็มาด้วย” หลีหงถามหลีชิงเยียนพร้อมกับยิ้ม
หลีชิงเยียนพยักหน้าให้หลีหง ไม่เหลือความเย็นชาก่อนหน้านี้ให้เห็น แต่ดวงตาเค้ากลับเต็มด้วยความซับซ้อน จากนั้นพยักหน้าและเรียก “คุณปู่”
หลีหงพยักหน้ารับ มองไปที่ชิงเยียนและพูดขึ้นอย่างนิ่มนวล “ตอนที่เช่าเทียนบอกว่าจะเชิญหนู ปู่คิดว่าหนูจะไม่มาซะอีก”
หลีชิงเยียนมองไปที่หลีเช่าเทียนด้วยแววตาที่สวยงามของเธอ เกรงว่าหลีหงจะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของหลีเช่าเทียน ที่ให้เฉินเป่ยและหลีชิงเยียนมางานเลี้ยงสังหารนี่
ในตอนที่หลีหงและหลีชิงเยียนกำลังพูดคุยกันอยู่ มีพนักงานเสิร์ฟต่างถืออาหารออกมาจากห้องครัว เดินมาทางพวกเขา
“ยังไงล่ะ นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบยี่สิบปีที่เธอเหยียบเข้ามาในบ้านตระกูลหลีใช่มั้ยล่ะ” หลีหงมองไปที่หลีชิงเยียนแล้วพูดด้วยอารมณ์
หลีชิงเยียนพยักหน้า หันหน้าไปหาหลีหง เธอนิ่งไปสักพักไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“พ่อของหนูน่ะ ยังสบายดีอยู่ใช่ไหม?” หลีหงมองหลีชิงเยียน ท่านผู้นำที่แกร่งกล้าและยิ่งใหญ่พูดด้วยสีหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งยังพูดอย่างระวังคำพูดเป็นอย่างมาก
ตัวของหลีชิงเยียนสั่นไปหมด สีหน้าของเธอสัมผัสได้ถึงความซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ เธอไม่รู้ว่าจะตอบหลีหงอย่างไรดี ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่า เจตนาร้ายที่หลีเช่าเทียนจัดงานเลี้ยงสังหารนี้ขึ้นและเชิญหลีหงมานั้นเพื่อนฆ่าคนทั้งเป็นชัดๆ