สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 511
บทที่ 511 สังหาร
รถเคลื่อนตัวไปช้าๆ ตอนนี้เฉินเป่ยไม่มีกะจิตกะใจมองไปข้างหน้า เพราะว่าเรียวขาของหลีชิงเยียนดึงดูดสายตาของเขาจนไม่สามารถละสายตาออกได้
เฉินเป่ยหันไปมองอย่างอดใจไม่อยู่ เขาจ้องเรียวขางามของเธอ ให้ตายเหอะนี่มันสิ่งล้ำค่าเลยนะ พระเจ้าสร้างมาชัดๆ
หลีชิงเยียนหลับตาราวกับหลับไปแล้ว จึงไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของเฉินเป่ยที่เอาแต่จ้องเธอ ตัวเธอเองคงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำให้ความคิดของเฉินเป่ยสับสนวุ่นวายแค่ไหน
รถเคลื่อนตัวมาได้ชั่วโมงกว่า และแล้วก็มาถึงคฤหาสน์บ้านหลี เฉินเป่ยได้มองอย่างเต็มอิ่มตั้งชั่วโมงกว่า น้ำลายแทบจะไหลออกมา เรียวขานี้ช่างล้ำค่าจริงๆ!
ส่วนคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับอย่างซูเหลย ที่เห็นท่าทางของเฉินเป่ย เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนและอดสงสัยไม่ได้ว่าท่าทางแบบนี้คือราชาหลงจริงๆ เหรอ…
เมื่อรถหยุดลง เฉินเป่ยส่งเสียงออกมาเบาๆ “ถึงบ้านแล้วชิงเยียน”
ชิงเยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ร่างงามเอนตัวนอนอยู่ที่เบาะรถ ลมหายใจสม่ำเสมอ เธอคงจะเหนื่อยจริงๆ
เมื่อเฉินเป่ยเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก จึงไม่อยากรบกวนเธอ
เฉินเป่ยลงจากรถและเปิดที่นั่งหลังคนขับเพื่อที่จะอุ้มเธอเข้าไป อีกอย่างดึกขนาดนี้ถ้าจะให้นอนในรถคงจะไม่ค่อยดีนัก อาจจะเป็นหวัดได้
เฉินเป่ยหิ้วรองเท้าส้นสูงคู่งามขึ้นมา มันงดงามจนไม่มีอะไรมาเปรียบได้ แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผู้หญิง นอกจากนี้ยังมีเพชรติดอยู่ข้างบนอีกด้วย ดูก็รู้ว่าเป็นของแบรนด์หรู
ขณะนั้นเองก็มียุงตัวหนึ่งบินเข้ามา มันเกาะตัวของหลีชิงเยียนเตรียมที่จะดูดเลือด
เฉินเป่ยโมโห ไอ้ยุงเวร ดูดเลือดใครไม่ดูด มาดูดเลือดภรรยาของฉัน! เฉินเป่ยไม่อยากรบกวนการนอนของหลีชิงเยียน เขาจึงโน้มหน้าลงไปเป่าตรงเท้างามเบาๆ เพื่อที่จะไล่ยุงออกไป
เฉินเป่ยระมัดระวังการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าจะทำให้ประธานคนสวยตื่น
จู่ๆ เท้าคู่สวยก็ขยับเบาๆ จากนั้นสายตาสังหารก็มองมาที่เฉินเป่ย
เฉินเป่ยรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงค่อยๆ หันหน้าไป เห็นหลีชิงเยียนที่ไม่รู้ตื่นมาตอนไหนกำลังจ้องเขาด้วยแววตาคู่สวย ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ เฉินเป่ยคงจะตัวพรุนไปตั้งนานแล้ว!
“นายทำอะไรน่ะ” หลีชิงเยียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก และกดตามองเฉินเป่ย
“ก็ที่เท้าของคุณมียุงมาเกาะอยู่ ผะ..ผมเลยจะเป่ามันออกไป” เฉินเป่ยยิ้มแหยๆ แล้วพูดอธิบาย
หลีชิงเยียนก้มมองเท้าของตัวเอง ไม่รู้ยุงตัวนั้นบินไปตั้งแต่เมื่อไร ตอนนี้จึงไม่มีอะไรอยู่บนเท้าของเธอ
“นายคิดว่าฉันจะเชื่อไหม” หลีชิงเยียนเงยหน้าขึ้น แววตาคู่สวยฉายแววคาดโทษ เธอมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“มะ..มันมียุงจริงๆ นะ” เฉินเป่ยรีบพูดอธิบายอย่างเก้ๆ กังๆ แต่ว่าตอนนี้พูดไปก็เหมือนแก้ตัว เพราะยุงตัวนั้นบินหนีไปแล้ว ตอนนี้จมูกโด่งของเฉินเป่ยอยู่ใกล้เท้าคู่งามของหลีชิงเยียน จนกลายเป็นภาพที่ค่อนข้างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก…
ตอนนี้เฉินเป่ยเซ็งมาก เพราะตัวเองเหมือนกับคนใบ้ที่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
หลีชิงเยียนดึงเท้าคู่สวยของตัวเองกลับไป ร่างงามนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แววตาที่มองเฉินเป่ยราวกับจะฆ่าคนอย่างไรอย่างนั้น
เฉินเป่ยลุกขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน ตอนนี้เขาอับอายเป็นอย่างมาก
“หยุด ใครให้นายไป” หลีชิงเยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เฉินเป่ยชะงักตัวทันที ใจของเขาเต้นตึกตัก รู้สึกเหมือนลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
“หันมา!” หลีชิงเยียนพูดเสียงดังเหมือนตำรวจอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้เฉินเป่ยทำตามอย่างว่าง่าย เหมือนกับคนทำผิดที่โดนจับได้
ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนจ้องมาที่เขา ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “นายชอบเท้าเหรอ”
หา! เฉินเป่ยอึ้งไป…
“เอ่อ…ไม่ใช่ ผมจะชอบเท้าได้ยังไง” เฉินเป่ยเอามือกุมขมับ แล้วพูดอธิบายอย่างจริงจัง
หลีชิงเยียนเอาแต่จ้องเขาจนตัวจะทะลุ “งั้นทำไมนายเอาแต่จ้องขาของฉันล่ะ ครั้งก่อนเป็นรองเท้าส้นสูง ครั้งนี้…” หลีชิงเยียนพูดต่อไปไม่ได้อีก เธอมองเฉินเป่ยด้วยแววตาดุ ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เพราะในความเป็นจริงเรื่องนี้มันน่าอายจนยากที่จะพูดออกมา
ตอนนี้ถึงเฉินเป่ยจะพูดไปก็เหมือนแก้ตัว “ชิงเยียน มันแค่ความบังเอิญจริงๆ”
“บังเอิญ?” หลีชิงเยียนจ้องเฉินเป่ยอยู่นาน จากนั้นจึงสวมรองเท้าส้นสูงและก้าวลงจากรถ เธอจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวเธอก็หันมามองเฉินเป่ยด้วยแววตาดุ “ถ้ายังมีครั้งหน้าอีก นายตายแน่!”
หลีชิงเยียนพูดอย่างหงุดหงิด ส่วนเฉินเป่ยก็มองเธออย่างมึนงง เขาไม่เข้าใจ “นะ..นี่ถือว่าเป็นคำขู่หรือเปล่า”
หลีชิงเยียนจ้องเขาเขม็ง เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาว่า “ถ้านายคิดว่าใช่ก็ใช่” พูดจบเธอก็ย้ำรองเท้าส้นสูงเดินออกไปโดยไม่หันมามองอีก
เฉินเป่ยมองแผ่นหลังของหลีชิงเยียน แล้วเอาฝ่ามือมาดม รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ยังมีกลิ่นกายของสาวงามหลงเหลืออยู่ ช่างงดงามจริงๆ
ช่วงดึกที่เยี่ยนจิง
ลูกน้องของหลีเช่าเทียนแบกเปลกลับตระกูลหลี บนตัวของเขาเต็มไปด้วยแผลพุพอง เขาอยู่ใกล้รถสปอร์ตมาก ทำให้ให้ถูกแรงระเบิดกระแทกจนกระเด็น อีกทั้งยังถูกไฟลวกอีกด้วย ตอนนี้สภาพของเขาดูไม่ได้เลย
ภายในห้องนอนที่ตระกูลหลี ชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเตียง และมองไปยังนอกหน้าต่าง ดวงตาลึกยังคงมองทอดยาวออกไป ชายชราคนนั้นก็คือหลีหงเจ้าบ้านของตระกูลหลี
“โอ๊ย…” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลีเช่าเทียนส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดออกมา จากนั้นจึงฟื้นขึ้นมา
“ฟื้นแล้วเหรอ” หลีหงถามอย่างเนิบๆ
“ผมเป็นอะไรไป” เสียงของหลีเช่าเทียนน่ากลัวและสั่นเล็กน้อย
“รถของนายระเบิด ฉันกำลังให้คนตรวจสอบอยู่ นายจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้ ผมไปยืนอยู่ข้างรถ จู่ๆ มันก็ระเบิด อาจจะมีคนติดตั้งระเบิดที่ควบคุมด้วยรีโมทไว้ที่ตัวรถ” หลีเช่าเทียนพูดตัวสั่นเทิ้ม
“ระเบิดที่ควบคุมด้วยรีโมท” หลีหงหันมามองหลีเช่าเทียนด้วยความตกใจ
“ผมรู้แล้ว…” หลีเช่าเทียนกำหมัดแน่น สีหน้าของเขาดุร้าย “มันน่าจะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ผมอยากกำจัดหลีชิงเยียนกับเฉินเป่ย แต่สุดท้ายมันก็ไม่สำเร็จ พวกมันก็เลยเอาระเบิดมาติดที่รถของผม มันจะระเบิดให้ผมตายพอผมเข้าไปใกล้ตัวรถ!”
หลีหงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปจนไม่สามารถคาดเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ฉันเห็นแกเยื่อใยเก่าๆ เห็นแก่หน้าของพ่อมัน จึงไม่ลงมือทำร้ายมัน แต่มันกลับลงมือทำร้ายกันโดยไม่รู้ที่มาที่ไป”
“ผมจะรีบให้นักฆ่าของบ้านหลีไปตอบโต้พวกมันกลับ คนของตระกูลหลีจะต้องไม่เสียเปรียบขนาดนี้ พวกมันกล้าใช้ระเบิดกับผม ผมก็จะระเบิดโรงแรมของพวกมัน!” สีหน้าของหลีเช่าเทียนโหดร้ายเป็นอย่างมาก
“อย่า! ถ้ามันตาย ความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลจางจะไม่มีทางปรองดองกันได้ รอโอกาสที่เหมาะสมจะดีกว่า”
หลีหงพูดจบก็หันมามองหลีเช่าเทียน เขาพูดก่อนที่จะออกไปว่า “พักผ่อนแล้วรักษาตัวเถอะ”
เมื่อหลีหงพูดจบก็รีบเดินออกจากห้องนอน เมื่อหลีหงออกไป หลีเช่าเทียนจึงเรียกลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาในห้อง
“คุณชายหลีมีอะไรให้รับใช้ครับ” ลูกน้องคนนั้นพูดอย่างนอบน้อม
“รีบส่งคนไปเฝ้าโรงแรมที่หลีชิงเยียนพัก จับตาดูไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ดักฟังความเคลื่อนไหวในห้องของพวกมันด้วย ไปเปิดห้องข้างๆ ห้องของพวกมัน ต้องรู้เบาะแสของพวกมันทั้งหมด ไม่ว่าจะเสียเท่าไรก็ตาม!” หลีเช่าเทียนพูดอย่างน่ากลัว
เช้าวันต่อมา เฉินเป่ยวิ่งกลับเข้ามาในโรงแรมหลังจากที่เขาออกกำลังกายช่วงเช้าเสร็จ เขาเพิ่งจะกลับเข้ามาในห้อง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เฉินเป่ยเปิดประตู เห็นหลีชิงเยียนยืนอยู่หน้าประตู
วันนี้หลีชิงเยียนสวมชุดรัดกุมมากๆ เธอแต่งตัวแบบมาตรฐานสาวออฟฟิศ เสื้อเชิ้ตสีขาวคลุมทับด้วยสูทสีดำ ท่อนล่างเป็นกระโปรงสีดำที่ดูธรรมดาทั่วไป เธอสวมรองเท้ากีฬาสีดำธรรมดาๆ มันแปลกไปจากปกติเป็นอย่างมาก
เฉินเป่ยเกิดความสงสัยขึ้นในใจ หลีชิงเยียนเป็นอะไรไป
“สายแล้ว ฉันไปบริษัทก่อน” หลีชิงเยียนพูดขึ้น และยื่นถุงซาลาเปากับน้ำเต้าหู้ไปตรงหน้าเฉินเป่ย “เมื่อกี้ลงไปข้างล่างเลยซื้ออาหารเช้าติดมือมาให้นายด้วย”
เฉินเป่ยมองถุงอาหารเช้าก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ เขาพูดอย่างซาบซึ้งว่า “คุณดีกับผมจริงๆ เลยชิงเยียน”
คิดไม่ถึงว่าหลีชิงเยียนจะส่งเสียงหงุดหงิดออกมา “ฉันจะบอกนายไว้นะ ต่อจากนี้ถ้านายยังกล้าสายตาต่ำๆ แบบนั้นมองขาของฉันอีก ฉันจะควักลูกตาของนายออกมาแน่ จะไม่ปล่อยนายไว้เด็ดขาด!”
หลังจากที่หลีชิงเยียนขู่เสร็จ เธอก็หันหลังเดินออกไป
เฉินเป่ยสีหน้ามึนงง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงสบถออกมาในใจ ให้ตายเถอะ เขาเพิ่งเข้าใจว่าทำไมวันนี้หลีชิงเยียนถึงสวมชุดรัดกุมขนาดนั้น ที่แท้เพราะไม่อยากให้เขามองนี่เอง ให้ตายเถอะ…
……
บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสาขาย่อยเยี่ยนจิง
พนักงานส่งของนำพัสดุมาส่งที่แผนกต้อนรับและพูดกับพนักงานต้อนรับว่า “ผู้รับคือหลีชิงเยียน ช่วยเซ็นรับด้วยครับ”
พนักงานต้อนรับคนสวยอึ้งไปเล็กน้อย “พัสดุของประธานหลีงั้นเหรอ เขาไม่ได้บอกว่าจะมีพัสดุมาส่งนี่นา”
พนักงานส่งของส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
พนักงานต้อนรับดูที่อยู่ของผู้ส่ง มันว่างเปล่า…
“ทำไมตรงนี้ถึงว่างเปล่า ไม่เขียนอะไรไว้เลยล่ะ” สีหน้าของพนักงานต้อนรับดูแปลกใจ
พนักงานส่งของส่ายหน้าอย่างสงสัย “ก่อนที่ผมจะส่งก็มีพัสดุชิ้นนี้อยู่แล้ว”
พนักงานต้อนรับสงสัยจึงโทรไปหาหลีชิงเยียน
ภายในห้องประธาน หลีชิงเยียนกำลังนั่งจ้องสัญญาความร่วมมืออยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย
ตอนที่เธอกำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่ ก็ได้รับสายของพนักงานต้อนรับ “ประธานหลี มีพัสดุของคุณ”
หลีชิงเยียนชะงักไป “ใครส่งมา” เธอจำได้ว่าไม่น่าจะมีใครส่งพัสดุมาให้เธอ
“ไม่ทราบค่ะ มันไม่ได้แจ้งชื่อผู้ส่ง” พนักงานต้อนรับตอบกลับ
สีหน้าของหลีชิงเยียนเต็มไปด้วยความแปลกใจ “เธอเซ็นรับก่อน แล้วเอาของมาที่ห้องทำงานของฉัน”
พนักงานต้อนรับเซ็นรับพัสดุ เดิมทีเธอจะเอาพัสดุไปที่ห้องประธานด้วยตัวเอง แต่ทว่าพัสดุชิ้นนี้หนักมาก เธอถือไม่ไหว จึงวานให้เพื่อนร่วมงานผู้ชายสองคนเอาพัสดุไปที่ห้องของประธาน
หลีชิงเยียนลุกขึ้นและมองกล่องพัสดุอย่างตกตะลึง ดวงตาคู่สวยยิ่งสงสัยขึ้นไปเรื่อยๆ สองสามวันนี้ไม่น่าจะมีพัสดุมาส่งนะ พัสดุชิ้นนี้ยังไม่มีที่อยู่ผู้ส่งอีกด้วย ใครเป็นคนส่งมากันแน่นะ
“ประธานหลี ให้ผมช่วยเปิดไหมครับ” พนักงานชายเอ่ยขึ้น
หลีชิงเยียนพยักหน้าเบาๆ “เปิดเถอะ”
เธอสงสัยมากว่าในกล่องคืออะไรกันแน่
พนักงานชายค่อยๆ เปิดกล่องออกอย่างระมัดระวัง ข้างในยังมีกล่องสีดำที่ห่ออย่างแน่นหนาอยู่หนึ่งกล่อง
หลีชิงเยียนยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าสงสัย
ต้องใช้แรงเยอะมาก กว่าจะเปิดกล่องสีดำใบนั้นออกมาได้ ข้างในเป็นกล่องเหล็กใบหนึ่ง
“เปิดต่อเลย” หลีชิงเยียนเอ่ยสั่ง
พนักงานชายใช้แรงทั้งหมดแต่ก็ไม่สามารถเปิดกล่องออกมาได้
สีหน้าของหลีชิงเยียนยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก นี่มันคืออะไรกันแน่ ขนาดแรงของผู้ชายยังเปิดไม่ออก
“นี่อะไร” ที่โซฟาอีกด้านหนึ่ง เฉินเป่ยยื่นหน้าเข้ามาดูอย่างประหลาดใจ เขายื่นมือมางัดกล่องก็ทำให้กล่องเหล็กเปิดออก!
อากาศเย็นยะเยือก!
พนักงานชายตัวสั่นเทิ้ม ตาของเขาจ้องเขม็งแล้วทรุดลงนั่งกับพื้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
เมื่อพนักงานต้อนรับสาวสวยเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องก็ร้องกรี๊ดเสียงแหลม
หลีชิงเยียนหน้าซีดเผือด ดวงตาคู่สวยจ้องไปที่กล่องใบนั้น
มีนิ้วมือที่เต็มไปด้วยเลือดวางอยู่ในกล่องใบนั้น เหมือนนิ้วที่เพิ่งถูกตัดมาไม่นาน กลิ่นคาวลอยคลุ้งไปทั่ว กลิ่นคาวเลือดมันน่ากลัวมาก
เมื่อนิ้วนั้นถูกเปิดออก กลิ่นคาวเลือดก็ลอยคลุ้งจนทำให้อยากจะอาเจียนออกมา
พนักงานคนนั้นใจเต้นแรงจนไม่สามารถสงบลงได้!
ส่วนพนักงานต้อนรับสาวสวยหวาดกลัวจนเอามือปิดปากตัวเอง เธอเกือบจะกรี๊ดออกมา
หลีชิงเยียนใจแข็งกว่าสองคนนั้นมาก ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอตั้งสติได้และมองนิ้วมือนั้นอยู่นาน เธอยื่นมืออันสวยงามเข้าไปที่นิ้วนั้น
หลีชิงเยียนยื่นมือไปหยิบจดหมายตรงนิ้วที่เต็มไปด้วยเลือด
บนจดหมายเต็มไปด้วยเลือด คราบเลือดติดอยู่ที่นิ้วอันเรียวงามของหลีชิงเยียน เธอหยิบมีดคัตเตอร์บนโต๊ะมาเปิดผนึกจดหมายฉบับนี้
ข้างในเป็นจดหมายพร้อมเลือดสดๆ : “ชิงเยียน นี่คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่มอบให้เธอ ฉันว่าเธอต้องชอบแน่นอน! เพราะว่ามันเป็นนิ้วของหลีเสียนซู เมื่อวานตอนค่ำฉันได้ลงโทษหลีเสียนซูกับลูกชายแล้ว นี่คือสิ่งที่หลีเสียนซูอยากแสดงความขอโทษต่อเธอ หวังว่าเธอจะรับมันไว้ ถึงแม้เมื่อวานจะวุ่นวายจนไร้ความสุข แต่ฉันกับเจ้าบ้านปรึกษากันแล้ว การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ หวังว่าเธอจะคิดดูอีกครั้ง ใช่แล้ว ตอนนี้เยี่ยนจิงวุ่นวาย เธอต้องดูแลตัวเองให้ดี ทางที่ดีให้เขาอ่อนข้อกับเรื่องต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฆ่า”
ลงชื่อด้วยชื่อที่งดงามดั่งหงส์ร่อนมังกรรำ ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชื่อของหลีเช่าเทียน
เธอเอาแต่จ้องจดหมายเลือดในมือด้วยใบหน้าซีดเผือด
นี่หลีเช่าเทียนขู่ฆ่ากันอย่างชัดเจน!