สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 512
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 512 อาวุธชีวภาพ
“ชิงเยียน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เฉินเป่ยประคองคนที่ทรงตัวไม่ค่อยอยู่อย่างชิงเยียนและถามอย่างเป็นกังวล
“ฉันไม่เป็นไร” หลีชิงเยียนส่ายหน้า
“พวกนายออกไปก่อน” เฉินเป่ยหันหน้าไปสั่งพนักงานชายและพนักงานต้อนรับ
ทั้งสองคนมองเฉินเป่ย พวกเขาไม่รู้จักเฉินเป่ย เมื่อเฉินเป่ยพูดสั่งเช่นนั้นจึงดูเหมือนจะไม่ยอมทำตาม แต่น้ำเสียงของเฉินเป่ยแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามและยากที่จะปฏิเสธ สุดท้ายพวกเขาก็เดินออกไปจากห้องทำงาน
“อย่าไปใส่ใจเลยชิงเยียน การที่คนยโสอย่างหลีเช่าเทียนทำแบบนี้ แสดงว่ามันไม่รู้จะทำยังไงกับพวกเราแล้ว” เฉินเป่ยประคองหลีชิงเยียนให้นั่งลง จากนั้นจึงพูดปลอบเธอ
อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายทุกคนที่เปิดกล่องแล้วเจอนิ้วมืออย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็รับไม่ได้ทั้งนั้น
หลังจากเฉินเป่ยเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ไม่นานกลิ่นคาวเลือดก็จางหายไป ทำให้หลีชิงเยียนดีขึ้นเยอะ
“นิ้วมือนี่เป็นนิ้วมือของผู้หญิง หลีเช่าเทียนเอาตัวเองเป็นใหญ่ น่าจะเป็นนิ้วของหลีเสียนซูจริงๆ ถือว่าสมควรแล้วที่เธอโดนแบบนี้” เฉินเป่ยวิเคราะห์ออกมา
“หลีเช่าเทียนจะทำอะไร” หลีชิงเยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ยังไม่ล้มเลิกความคิดชั่วๆ เขากับหลีหงยังไม่ยอมแพ้” เฉินเป่ยพูดเนิบๆ
“ยังไม่ล้มเลิกความคิดชั่วๆ งั้นเหรอ” หลีชิงเยียนหันไปมองเฉินเป่ยและเอาแต่จ้องเขาอยู่พักใหญ่ จากนั้นเธอจึงบ่นพึมพำออกมา “หลีเช่าเทียน…”
เสียงของหลีชิงเยียนเบาและเย็นยะเยือก พัสดุในวันนี้ถือเป็นการขู่ฆ่าจากหลีเช่าเทียนอย่างชัดเจน! หลีเช่าเทียนจะบังคับให้เธอทำตาม บีบบังคับให้เธอกลับบ้านหลีและเสียสละแต่งงาน!
ใบหน้าของหลีชิงเยียนเย็นชาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน เธอเดินวนอยู่ในห้องทำงาน จู่ๆ ก็มาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานและกดโทรศัพท์ “รีบส่งข่าวไปที่สำนักข่าวทุกสำนัก บอกว่าฉันมีข่าวร้อนแรงจะเปิดเผยกับพวกเขา”
หลังจากที่เธอคุยเสร็จ เธอก็กดโทรออกอีกครั้ง “ติดต่อนิตยสารด้านการเงินทั้งหมด ฉันพร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ทุกที่!”
เฉินเป่ยมองท่าทางวุ่นวายของหลีชิงเยียน เขายิ้มมุมปากเบาๆ หลีชิงเยียนกำลังตอบโต้กลับ!
เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวขนาดนี้ หลีชิงเยียนไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย แถมยังตอบโต้กลับอย่างชาญฉลาด!
ข่าวแพร่กระจายไปบนหน้าสื่อของเมืองเยี่ยนจิงอย่างรวดเร็ว
โทรศัพท์ในห้องของหลีชิงเยียนสายแทบไหม้ หนังสือพิมพ์และสื่อนับไม่ถ้วนกำลังแย่งชิงติดต่อหลีชิงเยียนผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อต้องการทราบข่าวเกี่ยวกับตระกูลหลีจากหลีชิงเยียน
เรื่องราวสกปรกต่างๆ ของหลีเช่าเทียนถูกเปิดโปงบนอินเทอร์เน็ตจนกลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างของผู้คน
ไม่เพียงแค่หลีชิงเยียนจะไม่ตกใจจากนิ้วมือเปื้อนเลือดนั่น อีกทั้งเธอยังตอบกลับอย่างเหี้ยมโหด เธอจะแตกหักกับตระกูลหลีให้ถึงที่สุด!
ภายในห้องนอนของหลีเช่าเทียนที่ตระกูลหลี
“ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ”
เสียงดังออกมาจากห้องของหลีเช่าเทียน
คนใช้สาวยืนอยู่หน้าประตูอย่างหวาดกลัว เธอเห็นสิ่งของแต่ละอย่างถูกทุบ
กระถางดอกไม้ ไม้กอล์ฟ ของที่ถูกแกะสลักขอบทอง หยกอันล้ำค่า ของแต่ละชิ้นกระจายเต็มไปหมดจนทำให้ห้องนอนสุดหรูเละเทะไปหมด!
“เพล้ง” โคมไฟทองคำ 24 กะรัตถูกทุบเข้ากับหน้าต่างจนทำให้หน้าต่างทะลุเป็นรู
“คุณชายหลี คุณใจเย็นก่อนนะคะ” สาวใช้คนสวยพูดเกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ
ใบหน้าของหลีเช่าเทียนเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาจับคอเสื้อของสาวใช้คนนั้นเอาไว้ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ
“หลีชิงเยียน ไอ้ผู้หญิงต่ำตม แกต้องไม่ตายดี ฉันจะไม่ปล่อยแกเอาไว้เด็ดขาด!” หลีเช่าเทียนตาแดงก่ำและเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง ตอนแรกเขาคิดว่าจะใช้นิ้วมือของหลีเสียนซูทำให้หลีชิงเยียนหวาดกลัวได้ แต่คิดไม่ถึงว่าผลมันจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิดไว้ แถมยังทำให้อีกฝ่ายตอบโต้กลับมาอย่างรุนแรง เมื่อเห็นข่าวสกปรกๆ บนอินเทอร์เน็ต หลีเช่าเทียนตัวสั่นเทิ้ม ราวกับว่าเขาถูกตบต่อหน้าคนหลายหมื่นคน นี่คือสิ่งที่เขาอับอายมากที่สุด!
“หลีชิงเยียน แกมันสมควรตาย!” หลีเช่าเทียนจับสาวใช้คนสวยเอาไว้แน่น จากนั้นจึงฉีกเสื้อของเธอออก!
เขาจับผมของสาวใช้อย่างรุนแรง เหมือนสัตว์ป่าดุร้ายอย่างไรอย่างนั้น ไฟอันเร่าร้อนปะทุอยู่ในใจของเขา ในตอนนี้เขาคิดว่าสาวใช้เป็นหลีชิงเยียนไปแล้ว หลีเช่าเทียนแก้แค้นอย่างโหดเหี้ยม เขาระบายอารมณ์และข่มเหงโดยไม่สนใจใคร…
สิบนาทีต่อมาสาวใช้วิ่งออกมาจากห้องทำงานของหลีเช่าเทียนด้วยสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย บนร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยฝ่ามือและรอยฟกช้ำ
ขณะนั้นเองลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วพูดว่า “คุณชายหลี เราสั่งให้ทุกสำนักข่าวลบข่าวสกปรกนั่นแล้ว”
“คนต่ำตม!” หลีเช่าเทียนถีบโต๊ะจนหงาย เขาโกรธจนตัวสั่นไปหมด
“รีบจัดนักฆ่ามาให้ฉัน ฉันจะทำให้คนต่ำตมอย่างหลีชิงเยียนตาย ฉันจะทำให้มันตาย!” หลีเช่าเทียนตวาดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
……
ความโกลาหลในเยี่ยนจิงโดนตระกูลหลีกดเอาไว้ภายในเวลาอันสั้น แต่ทว่าภายในเวลาสองสามชั่วโมงก็เพียงพอที่จะทำให้คนในเยี่ยนจิงพูดกันปากต่อปาก
พลบค่ำที่ Phoneme bar ในเยี่ยนจิง
ภายในบาร์มีชายวัยรุ่นสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง เมื่อเหล้าเข้าปาก เสียงของชายวัยรุ่นทั้งสามคนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
“ให้ตายเถอะ ตามมาทั้งวันไม่เห็นได้อะไรเลย คุณชายหลียังจะให้เราทำเรื่องน่าเบื่อแบบนี้อีก” หนึ่งในชายวัยรุ่นถอนหายใจออกมา
“อะไรกันอีก พวกเราไม่ใช่คนสนิทของคุณชายหลี เขาคงไม่ให้เราทำเรื่องดีๆ หรอก แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรนิ อย่างน้อยก็ได้มีอาหารตา” ชายวัยรุ่นที่ชื่อว่าเสี่ยวเฝิงเอ่ยขึ้นและยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ใช่ ไม่เสียแรงที่หลีเช่าเทียนชอบหลีชิงเยียน รูปร่างนั่น เรียวขานั่น ของล้ำค่าชัดๆ ถ้าได้สัมผัสเล่นสักครั้ง ถึงจะอายุสั้นไปสักสิบปีก็ยอม” ชายวัยรุ่นอีกคนเอ่ยขึ้น
“โธ่ โธ่ แค่คิดก็ฟินแล้ว เฮ้ พวกนายว่าถ้าเราร่วมมือกัน จับร่างงามเอาไว้แล้วมาฟินด้วยกันเป็นไง”
“นั่นมันก็สุดยอดไปเลยสิ”
วัยรุ่นทั้งสามนั่งอยู่ด้วยกันและยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
พวกเขาไม่เห็นว่าขณะที่ตัวเองกำลังคิดชั่วๆ โต๊ะรอบๆ ของพวกเขามีคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ขนาดที่ว่าพนักงานในผับก็ไม่รู้หายไปไหน ประตูผับค่อยๆ ปิดลง
“พวกแกไม่รู้หรอก ตอนที่ฉันเดินตามหลังนังนั่น ท่าทางการเดินของมันเย้ายวนแค่ไหน แกว่าถ้าฉันกดมันลงบนเตียง ให้มันมองหน้าฉัน แววตาของมันจะเป็นยังไง” เสี่ยวเฝิงหรี่ตาลง ในหัวของเขามีแต่ความคิดสกปรก
“กลัวว่าแกจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วล่ะสิ” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างๆ
ทั้งสามได้ยินเสียงนั้นก็รู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เสียงนี้เหมือนดังมาจากนรกจนทำให้คนขนลุกในช่วงหน้าร้อนแบบนี้
ทั้งสามคนมองไปข้างๆ พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่รู้โผล่มายืนข้างพวกเขาตั้งแต่ตอนไหน
ทั้งสามกวาดตามอง ชายคนนั้นดูธรรมดาทั่วไป เว้นแต่ดวงตาคู่นั้น มันลึกราวกับซ่อนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอยู่ในนั้น
“ไอ้น้อง แกเป็นใคร” เสี่ยวเฝิงดื่มเหล้าเกินขนาด จนทำให้เขาพูดอวดดี
เฉินเป่ยไม่พูดอะไร แววตาของเขาหยุดลงที่เสี่ยวเฝิง มันเย็นชามาก แววตาของเขาเหมือนกำลังมองคนตายอย่างไรอย่างนั้น
“โอ้ นังนั่นให้แกมาสินะ ทำไม อย่าบอกนะว่าแกอยากตาย” เสี่ยวเฝิงพูดอวดดี เขาหันไปมองคนรอบๆ แต่พบว่าบรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
บนโต๊ะของคนที่นั่งอยู่รอบๆ ไม่มีเหล้าสักขวด เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาดื่มเหล้า
ไม่รู้เพลงในผับหยุดเล่นไปตั้งแต่ตอนไหน พนักงานก็หายไปหมด ไม่รู้ว่าบรรยากาศในผับน่าอึดอัดตั้งแต่เมื่อไร
เสี่ยวเฝิงกับเพื่อนรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติ
“พูดมา แกทำอะไรกับเธอ” เฉินเป่ยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
จู่ๆ เสี่ยวเฝิงก็อ่อนลง แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
“มันไม่พูด งั้นพวกแกพูดมา” เฉินเป่ยมองวัยรุ่นอีกสองคนที่นั่งดื่มเหล้ากับเสี่ยวเฝิง
“พี่ชาย นี่ไม่ใช่เรื่องของผม ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น…” วัยรุ่นที่เพิ่งจะพูดคำต่ำตมออกมารีบโบกมือไปมา สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ส่วนวัยรุ่นอีกคนก็เช่นกัน เขารีบสำนึกผิด “พี่ชาย ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเราดื่มมากไปหน่อยเลยพูดจามั่วซั่ว”
“พูดจามั่วซั่วงั้นเหรอ” เฉินเป่ยกวาดตามองวัยรุ่นสามคนแล้วแสยะยิ้มออกมา จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกมาอย่างน่าตกใจ เขาจับคนที่ชื่อเสี่ยวเฝิงเอาไว้
จากนั้นภาพตรงหน้าของเสี่ยวเฝิงหมุนเคว้ง แขนของเขาถูกเฉินเป่ยบิดจนงออย่างช้าๆ
ความเจ็บปวดที่ยากจะจินตนาการแล่นเข้ามาจนทำให้เสี่ยวเฝิงสีหน้าบิดเบี้ยว เขาร้องโอดครวญออกมาอย่างน่าเวทนา
“ปล่อยพวกแกไปงั้นเหรอ” เฉินเป่ยยิ้ม รอยยิ้มของเขาเย็นยะเยือกเป็นอย่างมาก
วัยรุ่นอีกสองคนที่เหลือ สีหน้าซีดเผือดและสั่นไปทั้งตัว
“ไม่เป็นไรเหรอ” เฉินเป่ยยิ้มมุมปาก สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่สองวัยรุ่นที่เหลือ “เมื่อกี้พวกแกยังพูดกันอย่างสนุกปาก”
“หา!”
เฉินเป่ยไม่ใช่คนที่มีความเมตตามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่นานทั้งสามคนก็โดนจัดการ
เสี่ยวเฝิงคุกเข่าอยู่บนพื้น ความเจ็บทำให้เหงื่อไหลออกมา เฉินเป่ยยืนอยู่หน้าพวกเขาจนทำให้ทั้งสามคนไม่กล้าส่งเสียงออกมา
“พูดออกมา”
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ใครเป็นคนสั่งให้แกสะกดรอยตาม” เสียงของเฉินเป่ยดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
หนึ่งในนั้นรีบตบหน้าตัวเองไม่หยุด “ผมผิดไปแล้วพี่ชาย ปากผมไม่ดีเอง คุณชายหลีสั่งให้พวกเราสะกดรอยตาม”
หนึ่งในวัยรุ่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นระรัว แววตาของเฉินเป่ยนิ่งไป “หลีเช่าเทียน มันยังให้พวกแกทำอะไรอีก”
ทั้งสามคนมองหน้ากัน จู่ๆ ก็เกิดความลังเลขึ้นมา
เฉินเป่ยส่งเสียงไม่พอใจ เขาจับแขนของวัยรุ่นอีกคนแล้วบิดมันอยากไม่ลังเล
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นมาอีกครั้ง วัยรุ่นคนนั้นรีบพูดขึ้นมา “คุณชายหลีไม่ได้ให้พวกเราทำอะไร แค่ให้พวกเราตามหลีชิงเยียน และต้องรายงานเขาทุกคืนตอนกลับถึงโรงแรม”
“พวกแกพักที่โรงแรมไหน บอกเลขห้องมา” เฉินเป่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“พวกเราพักอยู่ข้างห้องหลีชิงเยียน คุณชายหลียังให้คนดักฟังอยู่ข้างห้องตลอด 24 ชั่วโมง”
“ดักฟัง หลีเช่าเทียนมันรนหาที่ตาย!” เฉินเป่ยหรี่ตาลง แววตาของเขาฉายแววเย็นยะเยือก
เฉินเป่ยอดทนจนไม่สามารถอดทนได้อีก หลีเช่าเทียนมันช่างกล้าเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าจะแอบฟังผู้หญิงของเขาทุกฝีก้าว!
……
ภายในห้องพักโรงแรมที่เยี่ยนจิง ลูกน้องของบ้านหลีกำลังใส่หูฟังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เขากำลังแอบฟังเสียงในห้องของหลีชิงเยียน
ไม่นาน พวกเขาได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำ ทำให้พวกมันยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
แต่ทว่าพวกมันไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนปีนเข้ามาจากทางหน้าต่างของโรงแรม และค่อยๆ เข้ามาหาพวกมัน
คนๆ นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเฉินเป่ยนั่นเอง
จนเฉินเป่ยเดินมาข้างหลังของพวกมัน พวกมันยังคงฟังเสียงในหูฟัง และไม่ได้สังเกตว่ามีคนอยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย
เฉินเป่ยกวาดตามอง หลังจากที่เขาซัดฝ่ามือออกไปจนทำให้คนพวกนั้นสลบ ก็เข้าไปในห้องของหลีชิงเยียน เจอเครื่องดักฟังทั่วห้อง พบเครื่องดักฟังถูกติดตั้งอยู่สามจุด ได้แก่ โต๊ะวางโทรศัพท์ โคมไฟและโต๊ะน้ำชา
เฉินเป่ยแสยะยิ้มออกมา เขากลับไปที่ห้องไอ้พวกนั้นอีกครั้ง และแอบเครื่องดักฟังเอาไว้
เหมือนจัดการเสร็จ เฉินเป่ยจึงกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เมื่อเขาเปิดม่านออก ก็พบว่าข้างนอกโรงแรมมีรถสีดำคันหรูจอดอยู่หน้าประตู
แววตาของเฉินเป่ยลึกลง หลีเช่าเทียนดักฟังและซุ่มดูเขากับหลีชิงเยียนตลอด 24 ชั่วโมง
ถ้าก่อนหน้านี้หลีหงไม่ปราบเอาไว้ หลีเช่าเทียนคงจะลงมือในงานเลี้ยงสังหารคืนนั้น
……
ขณะเดียวกันในห้องนอนของหลีเช่าเทียนที่ตระกูลหลี หลีเช่าเทียนเอนอยู่บนเตียง หลายจุดบนตัวของเขามีผ้าพันแผลพันอยู่อย่างหนา เขากำลังสงบจิตสงบใจรักษาแผล
ข้างหน้าของเขามีคนตัวสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยืนอยู่ ร่างนั้นดูแข็งแกร่งจนไม่มีใครเทียบได้ ทุกส่วนบนร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันน่ากลัว!
หลีเช่าเทียนหรี่ตาลงมองกล้ามเนื้ออันน่ากลัวนั่น ลูกน้องของบ้านหลีที่ยืนอยู่อีกด้านเอ่ยแนะนำขึ้น
“ประธานหลี นี่คือผลการทดลองล่าสุดของกองทหารการป้องกันสงครามเยี่ยนจิง มันได้ถูกฉีดยาที่แข็งแกร่งเข้าไป พละกำลังและความสามารถของเขามีเกือบจะสามเท่า ห่างไกลจากคนทั่วไปมาก กองทหารการป้องกันสงครามเยี่ยนจิงตกลงให้คุณยืมตัวเขามาใช้งาน แต่คุณจำเป็นต้องรับประกันความปลอดภัยของสิ่งทดลองชิ้นนี้ ถ้าเกิดอะไรผิดพลาด คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด”
“ฉันเข้าใจแล้ว ไอ้หมอนี่มันแข็งแกร่งจริงเหรอ”
“ส่วนผสมที่ฉีดให้กับมัน เหมือนกับส่วนผสมที่ราชาหลงใช้” ลูกน้องคนนั้นเอ่ยขึ้น
“รู้แล้ว รีบใช้เถอะ” หลีเช่าเทียนมองร่างนั้น แล้วยิ้มออกมาอย่างอาฆาต
“คนของเรายังอยู่ข้างห้องของหลีชิงเยียน เมื่อครู่ผมไม่ได้ติดต่อพวกเขา คุณว่าต้อง…” ลูกน้องคนนั้นพูดอย่างลังเล
“ไม่ต้อง ฉันต้องการให้คนต่ำตมนั่นตายไวๆ ยิ่งตายเร็วเท่าไรยิ่งดี!” หลีเช่าเทียนขยี้ก้นบุหรี่ในมือ น้ำเสียงของเขาอาฆาตมาก!