สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 514
บทที่ 514 การโจมตีทั้งกองทัพ
ยักษ์น้อยมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา แววตาของมันไม่สบอารมณ์ “ฉันพูดไปแล้วว่าแกไม่คู่ควร”
ยักษ์น้อยไม่เห็นเฉินเป่ยอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ไอ้สวะตรงหน้าเนี่ยนะ จะมาสู้กับเขา
น่าตลกสิ้นดี!
เฉินเป่ยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาซัดบุหรี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ยักษ์น้อยสีหน้าไม่สบอารมณ์ มันยกมือขึ้นมาจับบุหรี่มวนนั้นเอาไว้ แต่วินาทีที่จับบุหรี่มวนนั้น แขนของมันสั่นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่ามันจะจับบุหรี่มวนนั้นไม่ได้ เพราะความน่ากลัวที่บุหรี่มวนนั้นทำให้แขนของมันชาไปทั้งแขน!
แววตาของยักษ์น้อยนิ่งไป มันจ้องเฉินเป่ยด้วยแววตาเย็นชา มันไม่ได้มีสีหน้าเยาะเย้ยเหมือนตอนแรกอีกแล้ว
“ตอนนี้เหมาะสมแล้วหรือยัง” เฉินเป่ยมองมันอย่างยั่วยุ
สีหน้าของยักษ์น้อยน่ากลัว มันแผดเสียงออกมาแล้วกระโดดสองขาพุ่งเข้าไปหาเฉินเป่ย “รนหาที่ตาย!”
เกิดความโกลาหลขึ้น บรรยากาศวุ่นวายไปหมด ความอาฆาตแผ่ออกมาจากตัวของยักษ์น้อย
เฉินเป่ยยังยืนอยู่ที่เดิม ซูเหลยหันไปมองเขา เขายิ้มบางๆ แล้วโบกมือไปมา “เธอดูแลชิงเยียนให้ดี ตรงนี้ให้ฉันจัดการเอง”
เฉินเป่ยยังไม่ทันพูดจบ พริบตาเดียวยักษ์น้อยก็มาโผล่อยู่ข้างหลังเขา มันตบเขาอย่างแรง
เฉินเป่ยกระเด็นออกไปไกล
“อย่า!” หลีชิงเยียนตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ยักษ์น้อยถือมีดและพุ่งออกไป
“ประธานหลี อย่าเข้าไปนะคะ มันอันตรายมาก” ซูเหลยรั้งหลีชิงเยียนเอาไว้
มีดอันแหลมคมพุ่งเข้าไปที่คอของเฉินเป่ยเพื่อหวังเอาชีวิต
เฉินเป่ยแสยะยิ้มมุมปากบางๆ เขาไม่แม้แต่จะหลบและง้างมือขึ้นมาปัด
พลังอันน่ากลัวของมีดถูกเขาจัดการจนมลายหายไป มีดถูกปัดจนเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น
ยักษ์น้อยพุ่งไปข้างหน้าอย่างซวนเซ ความโหดเหี้ยมของมันถึงขีดสุดแล้ว มันจะฆ่าเขาให้ตายในดาบเดียว
เฉินเป่ยง้างมือขึ้นมาปัดอีกครั้ง มีดโดนปัดจนกระเด็นออกไป
สีหน้าของยักษ์น้อยแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มันถอยกรูดไปข้างหลังและยกมีดของตัวเองขึ้นมา สีหน้าของมันเย็นชา
เขาคือยักษ์น้อย มีดของเขาไม่เคยแพ้ใครมาก่อน แต่ทว่าวันนี้มีดของเขากลับโดนปัดจนกระเด็น นี่มันน่าอับอายสิ้นดี!
สีหน้าของยักษ์น้อยน่ากลัวเป็นอย่างมาก ความอาฆาตแผ่ออกมา นี่คือความน่ากลัวของยักษ์น้อย
ยักษ์น้อยค่อยๆ ง้างมีดในมือของตัวเอง มันเอาฝ่ามือลูบตรงส่วนคมของมีด แววตาของมันเต็มไปด้วยความอาฆาต “หลายปีมานี้ แกเป็นคนแรกที่บังคับให้ฉันต้องใช้แรงทั้งหมด การที่แกได้ตายคามือของฉัน นับว่าเป็นเกียรติของแกเลยนะ”
“เลิกพูดไร้สาระสักที จะสู้ก็สู้ จะโม้อะไรหนักหนา” เฉินเป่ยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“แก ตาย!” ความโกลาหลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอาฆาต
ความน่ากลัวเกิดขึ้นเร็วราวกับสายฟ้า มันพุ่งตรงไปที่ตัวของเฉินเป่ยอย่างรวดเร็ว
เฉินเป่ยแสยะยิ้ม จู่ๆ ร่างกายของเขาเหมือนภาพลวงตา พุ่งเข้าไปหาร่างกายอันน่ากลัวร่างนั้น
ร่างทั้งสองร่างปะทะกัน
เฉินเป่ยยืนอยู่ข้างหลังยักษ์น้อยอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน เย็นชาและเฉยเมย บนตัวของเขาไม่มีแม้แต่บาดแผลอะไรเลย การจู่โจมของยักษ์น้อยล้มเหลว
ยักษ์น้อยหันกลับมาอย่างช้าๆ มันมองเฉินเป่ยด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ “คิดไม่ถึงว่าแกจะหลบมีดของฉันได้ แกมีคุณสมบัติที่จะสู้กับฉัน!”
เฉินเป่ยหัวเราะออกมา เขาส่ายหน้าเบาๆ “น่าเสียดายที่แกไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”
สีหน้าของยักษ์น้อยเปลี่ยนไป “กะ..แกหมายความว่าอะไร”
จู่ๆ ที่ลำคอของยักษ์น้อยก็มีรอยเลือดเล็กๆ เป็นทาง เป็นรอยที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า
จากนั้นสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปจนแทบไม่อยากจะเชื่อ มันรีบเอามือกดบาดแผลเอาไว้
แต่ทว่าเมื่อมันเอามือกดบาดแผล หัวของมันก็ค่อยๆ เคลื่อนออกตามรอยแผล และหัวมันก็หลุดออกมา…
“ตุ้บ” หัวมันหล่นลงมาบนพื้น ตอนนี้ตัวและหัวของมันแยกออกจากกัน ภายในดาบเดียว
บรรยากาศเงียบราวกับหยุดหายใจ
ที่ตระกูลหลี สีหน้าของหลีเช่าเทียนตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาเด้งตัวขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและแทบไม่อยากจะเชื่อ
ยักษ์น้อยจะตายอย่างนี้เหรอ เป็นไปไม่ได้ยังไงกัน
“แกควรภูมิใจนะที่ได้ตายคามือฉัน” เฉินเป่ยกวาดตามองศพของยักษ์น้อย แล้วพูดออกมาเนิบๆ
แน่นอนว่ายักษ์น้อยควรจะภูมิใจที่ได้ตายคามือของราชาหลง มันเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ ราชาหลงหุน ราชาหลง! นั่นคือชื่อที่คนทั่วโลกหวาดกลัว โลกที่คนไม่มีชื่อเสียงอย่างยักษ์น้อยยากที่จะเข้าถึง
เฉินเป่ยโยนมีดในมือทิ้ง แล้วหันหลังเดินกลับไป เขาเฉยชาและเด็ดเดี่ยวราวกับไม่แยแสเรื่องที่เกิดขึ้น
เฉินเป่ยเดินไปหยุดอยู่ข้างหลีชิงเยียน จากนั้นจึงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ขอโทษที่ให้คุณรอนาน”
ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนยังคงตกตะลึง ราวกับยังไม่หลุดออกมาจากเหตุการณ์นองเลือดเมื่อครู่
เมื่อกลับเข้ามาในโรงแรม จิตใจของหลีชิงเยียนก็ยังไม่สงบ สุดท้ายเธอจึงเอ่ยถามซูเหลยอย่างอดไม่ได้ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ซูเหลยชะงักไป จากนั้นจึงส่ายหน้าช้าๆ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นักฆ่าคนนั้นน่าจะไม่ธรรมดา”
“เฉินเป่ยล่ะ” หลีชิงเยียนถามขึ้น
“เขาบอกว่าจะไปตรวจสอบตัวตนของนักฆ่าคนนั้น” ซูเหลยเอ่ยขึ้น
“ตัวตน?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว “เขาจะตรวจสอบอะไร”
ที่ตระกูลหลี หลีเช่าเทียนนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ลูกน้องในบ้านหลีวิ่งลุกลี้ลุกลนเข้ามา จากนั้นจึงพูดว่า “แย่แล้วครับคุณชายหลี มีศพอยู่ที่หน้าบ้านครับ…”
“ศพ?” หลีเช่าเทียนนิ่งไป
ลูกน้องคนนั้นพยักหน้า “ครับ มาจากไหนก็ไม่ทราบ”
ลูกน้องคนนั้นล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วยื่นให้หลีเช่าเทียน “โทรศัพท์นี่เราเจอจากศพนั่น”
หลีเช่าเทียนรับมา จู่ๆ โทรศัพท์ในมือของหลีเช่าเทียนก็ดังขึ้น จากนั้นเขาก็กดรับสาย
“ประธานหลี ผมได้รับของขวัญชิ้นโตนั่นแล้ว หัวเซี่ยมีคำกล่าวที่มีมาแต่โบราณว่ารับน้ำใจของผู้อื่นแต่ไม่ตอบแทนกลับถือว่าเสียมารยาท ในเมื่อคุณส่งของขวัญชิ้นโตให้ผม ผมก็ส่งกลับไปให้คุณเหมือนกัน” คนปลายสายอย่างเฉินเป่ยพูดเนิบๆ พูดจบเขาก็ตัดสายทันที
“เอ๋อตงเฉิน…” สีหน้าของหลีเช่าเทียนเคร่งขรึมขึ้นทันที ความอาฆาตแผ่ออกมาจากตัวของเขา!