สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 52
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 52 การปรากฏตัวของสำนักเสี่ยวเชียนเย่
หลีชิงเยียนเป็นคนเอ่ยปากพูดขึ้นจากความเงียบ แต่ซูเสี่ยวหยุนกลับนั่งกอดอก มองเฉินเป่ยจากกระจกหลังอย่างใจจดใจจ่อ ราวกับ…กำลังเฝ้ารอคำตอบจากเฉินเป่ย
เฉินเป่ยตกใจตะลึง จากนั้นยิ้มและย้อนถาม “ชิงเยียน ถ้าคุณไม่รังเกียจอะไร ลองทายดูสิครับ?”
สีหน้าของหลีชิงเยียนเรียบนิ่ง เริ่มวิเคราะห์ “เงินเดือนของนายได้เพียง สองหมื่นสามพัน แม้ว่าฉันจะให้ค่าแรงทุกวัน แต่นั่นก็น้อยมาก นี่เงินสองร้อยล้าน แม้ว่าฉันจะหาเงินไม่ได้มากขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้น ถ้านายปล้นธนาคาร ก็คงไม่ต่ำกว่าหนึ่งแห่ง… ”
สายตาของเฉินเป่ยมองไปที่ใบหน้าอันสงสัยของหล่อนอย่างนิ่งขรึม เขาฉีกยิ้มขึ้น “ชิงเยียน คุณวิเคราะห์ได้ดีมาก”
“ดังนั้น นายสารภาพมาซะดีๆ เงินสองล้านนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร?” สีหน้าของหลีชิงเยียนเย็นชาเล็กน้อย ถ้าเงินสองล้านของเขา มาจากการทุจริต ผิดกฎหมาย หล่อนไม่มีทางสวมสร้อยอัญมณีสีครามไว้อย่างแน่นอน!
“ถ้าไม่ได้มาด้วยวิธีที่ถูกกฎหมาย คุณทำใจถอดได้เหรอ?” เฉินเป่ยพูดสองแง่สองง่าม
“แน่นอนสิ!” หลีชิงเยียนตอบอย่างไม่ลังเล ถ้านายใช้เงินสกปรกพวกนั้นซื้อมา ฉันไม่เอาดีกว่า ฉันไม่อยากถูกเงินสกปรกแปดเปิ้อน
“คุณวางใจได้ เงินพวกนี้มาด้วยวิธีขาวสะอาด ผมรับประกัน” เฉินเป่ยตบหน้าอกของตัวเอง
“งั้นนายเอาเงินมาจากไหนกันแน่?” หลีชิงเยียนเลิกคิ้วขึ้น หล่อนเพิ่งจะวิเคราะห์ไปมากมาย แต่ยังไม่เข้าใจว่าเงินพวกนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่
ด้วยความสามารถของเฉินเป่ย เขาจะมีเงินสองร้อยล้านได้ยังไง!
“ถามคนที่นั่งข้างคุณดูสิ?” เฉินเป่ยหัวเราะ
“คนข้างฉันคนไหน?” หลีชิงเยียนหันมองซูเสี่ยวหยุนที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยความสงสัย จนคิดอะไรไม่ออก
ซูเสี่ยวหยุนหัวเราะ “ตอนที่เพิ่งเข้ามาในงาน เขาบอกว่าไม่มีเงิน ไปร่วมงานประมูลด้วยความไม่มั่นใจ ฉันก็เลยให้เขายืมเงินนิดหน่อย”
“ให้เขายืมเงินนิดหน่อย?” หลีชิงเยียนเบิกตากว้าง สีหน้าตกใจตะลึงอย่างมาก หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่า เงินสองร้อยล้านของเฉินเป่ยจะมาจากการยืมเงินของซูเสี่ยวหยุน!
สองร้อยล้าน! ขอยืมก็ให้ยืม! คำพูดนี้ออกมาจากปากของซูเสี่ยวหยุน กลับบอกว่านิดหน่อย!
“เธอรวยมีเงินมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หลีชิงเยียนหันไปมองซูเสี่ยวหยุนด้วยความตกตะลึง หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่า เพื่อนสนิทของตัวเอง จะเป็นคนปกปิดความลับได้มิดชิดขนาดนี้!
“ก่อนที่ฉันจะกลับเมืองหู้ไห่ ฉันซื้อหุ้นของบริษัทต่างชาติไว้ เงินสองร้อยล้าน เรื่องเล็กน้อย ” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มและพูดขึ้น “ขอเพียงเธอชอบ ต่อให้แพงกว่านี้ก็ต้องซื้อ!”
“ใช่ ถึงแม้จะมีราคาพันล้าน หมื่นล้าน ขอเพียงแค่ประธานหลีมีความสุข ทุกอย่างถึงว่าคุ้มค่า” เฉินเป่ยฉวยโอกาสพูดเสริม
“หุบปาก” หลีชิงเยียนหันหลังกลับมามองเฉินเป่ยด้วยสายตาน่ากลัว ท่าทีอันสับสนและซาบซึ้งก่อนหน้ากลับหายไปหมด หลงเหลือเพียงความเย็นชา
กว่าเฉินเป่ยจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้หล่อนได้ แต่กลับต้องพังลงอีกครั้ง…
“เชอะ พอแล้ว” เฉินเป่ยเบะปากน้อยใจ ให้ตายเถอะ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเงินของฉัน แต่ฉันยังช่วยเธอตบหน้าคุณชายหลีอย่างไร้เยื่อใย….ไม่ขอบคุณฉันก็ช่าง แต่ยังมาเย็นชาใส่ฉันอีก
เฉินเป่ยนั่งดูทีวีด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หลีชิงเยียนเหลือบมองดูเฉินเป่ย ในใจครุ่นคิด ไอ้หมอนี่ไม่เอาไหนเลยจริงๆ
“เสี่ยวหยุน ทำให้เธอต้องเสียเงินเยอะเลย” หลีชิงเยียนกอดแขนของซูเสี่ยวหยุนด้วยความสนิทสนม กลิ่นน้ำหอมของสองสาวปนเปเข้าด้วยกัน ทำให้มีกลิ่นหอมที่แปลกประหลาด คละคลุ้งไปทั่ว
เฉินเป่ยแอบมองพวกหล่อนจากกระจกมองหลัง ทั้งสองสาวถือได้ว่าเป็นผู้ดีชั้นสูง!
และแน่นอน หัวใจของเฉินเป่ยเป็นของหลีชิงเยียน ขาอันเรียวยาวน่ายั่วยวนของหลีชิงเยียน ยังสวมถุงน่องสีดำ สำหรับเฉินเป่ยแล้ว ช่างยั่วกระชากหัวใจเหลือเกิน!
……
หลังจากที่พวกเฉินเป่ยกลับบ้าน งานประมูลก็เสร็จสิ้นลงพอดี
ผู้คนมากมายเดินหลั่งไหลออกจากงาน แต่รอบกายของคุณชายหลีถูกล้อมรอบไปด้วยบอดี้การ์ด ค่อยๆเดินออกมาด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
รถเฟอร์รารี่สีดำจอดอยู่ริมถนน คุณชายหลีเข้าไปในรถ ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างนอบน้อม “คุณชายหลี เรื่องที่คุณให้ผมไปจัดการครั้งที่แล้ว ผมสืบมาแล้ว…”
“ผลเป็นอย่างไร?” คุณชายหลีถามด้วยเสียงนิ่งขรึม
“เอ๋อตงเฉินผู้นี้ เขาไม่ใช่คนเมืองหู้ไห่ เขาเป็นคนเยี่ยนจิง” ลูกน้องกล่าว
“อ๋อ?” คุณชายหลีเอ่ยปากพูดขึ้น สีหน้าเริ่มเย็นชามากขึ้น ท่าทางของเขาราวกับเป็นภูตปีศาจที่ขึ้นมาจากนรก!
“สืบมาได้แค่นี้ครับ” ลูกน้องพูดขึ้น
“ไม่มีแล้ว?” คุณชายหลีขมวดคิ้ว กระชากคอเสื้อลูกน้องคนนั้น น้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งขึ้น “ฉันให้แกไปตามคนของรัฐไม่ใช่เหรอ? นี่เท่ากับว่าสืบหาอะไรไม่ได้เลย!”
“คุณชายหลี ผมไปตามช่องทางการติดต่อของคนของรัฐที่คุณให้มาครับ…พวกเขาบอกว่า ไม่สามารถบอกได้” ท่าทีของคุณชายหลีกดดันจนทำให้ลูกน้องตื่นตระหนกทันที
“ไม่สามารถบอกได้…” สีหน้าของคุณชายหลีหยุดชะงัก ค่อยๆปล่อยลูกน้องผู้นั้นออก ย้ำพูดคำที่ลูกน้องกล่าว ขมวดคิ้วมากขึ้น..
ไม่สามารถบอกได้ คำพูดนี้ ทำให้แผนของคุณชายหลีวุ่นวายขึ้นมาทันที เขาหรี่ตาลง หันออกไปมองนอกหน้าต่าง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ทันใดนั้นเขาก็พบว่าหลังจากการเผชิญหน้าหลายครั้ง ทำให้เขาพ่ายแพ้โดยไม่รู้ตัว!
เขารู้เรื่องของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนค่อนข้างมากแล้ว… แต่เขา ไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับเอ๋อตงเฉินเลยแม้แต่น้อย
“เอ๋อตงเฉิน……” คุณชายหลีกำหมัดทั้งสองมือ สายตาเย็นชา เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เขาเพิ่งมาอยู่ที่เมืองหู้ไห่ ก็เจอคนที่ทำให้เขาต้องลำบากเสียแล้ว…
“ไปติดต่อสำนักเสี่ยวเชียนเย่ที่ประเทศหมู่เกาะให้มาที่นี่ ฉันจะสืบเรื่องเขาให้ถึงที่สุด”
…
วันนี้ ประตูของตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเปิดทำการเหมือนวันปกติ
ภายในห้องทำงานของประธาน หลีชิงเยียนกำลังถือโทรศัพท์ ว่ากล่าวพนักงานผู้โชคร้ายด้วยความโมโห เขาพูดด่าอยู่นานสักพัก จึงจะวางสายลงด้วยความโกรธเคือง
ทันใดนั้น หลินเฉว่ผู้เป็นเลขา ผลักประตูเข้ามาภายในห้องด้วยความตื่นตระหนก พูดด้วยความกลัว “ประธานหลี คุณรีบลงไปดูด้านล่างเถอะค่ะ มีคนกำลังก่อเรื่องวุ่นวายอยู่”
“ก่อเรื่อง ให้ยามไล่เขาไปก็จบแล้ว” หลีชิงเยียนเลิกคิ้วขึ้น
“ไม่ใช่ค่ะ คนที่ก่อเรื่องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปหวูยู่กับสามีของหล่อนก็มาด้วย” ”หลินเฉว่พูดด้วยความตื่นตระหนก
สีหน้าของหลีชิงเยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไปด้านล่าง
เห็นเพียงแค่หวูยู่และชายวัยกลางคนสวมชุดสูทยืนอยู่หน้าประตูบริษัทตระกูลหลี ยามยืนเรียงกันเป็นระเบียบ ขวางหน้าประตูไว้ มองดูพวกเขาทั้งสองราวกับศัตรูใหญ่
“เรียกหลีชิงเยียนคนชั้นต่ำออกมา วันนี้ฉันจะตบปากหล่อนให้ฉีก!” ”ใบหน้าครึ่งหนึ่งของหวูยู่ถูกพันผ้าตาข่ายไว้ ตะโกนออกมาเสียงดัง ไม่นานนักผู้คนมากมายต่างพากันมามุงดู
“หลีชิงเยียน ออกมาให้พวกเราจัดการเดี๋ยวนี้” ชายสวมสูทวัยกลางคนยืนอยู่ด้านข้าง สายตาเยือกเย็นและกดดัน!
หลีชิงเยียนรู้สึกตื่นตกใจจนหน้าซีดขาว หวูยู่มาที่นี่เพื่อแก้แค้นหล่อนแน่นอน!
“ประธานหลี ให้รายงานท่านประธานไหมคะ?” หลินเฉว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างถามขึ้น
“ไม่ต้อง ฉันเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันต้องเป็นคนจัดการเอง” หลีชิงเยียนส่ายหน้า ท่าทางนิ่งขรึม
หลีชิงเยียนเข้าใจดีว่าหวูยู่และชายสวมชุดสูทผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขามาหาหล่อนถึงที่นี่ แสดงว่า เรื่องวันนี้ต้องวุ่นวายมากแน่ๆ
ทันใดนั้น รถสีดำจำนวนมากแล่นด้วยความเร็วมาจากระยะไกล จอดหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบริษัทตระกูลหลี จนเต็มลานกว้าง!
ชายชุดดำมากมาย เดินลงมาจากรถ จากนั้นเดินบุกตรงไปที่ตึกตระกูลหลีด้วยความรวดเร็ว!
“หลีชิงเยียน ถ้าเธอยังไม่ลงมา ฉันจะพังบ้านเธอ!” หวูยู่ตะโกนพูดขึ้นด้วยความลำพองใจ
ยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ชายชุดดำพวกนี้ ทั้งสูงทั้งบึกบึน มองดูแล้วฝีมือคงไม่ธรรมดา ต้องเป็นคนที่หวูยู่จ้างมาจัดการแน่นอน!
คนเฝ้าประตูอย่างพวกเขา จะไปเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ยังไง!
“ว้าว ครึกครื้นจังเลย คนเยอะอะไรขนาดนี้” จู่ๆมีเสียงคนไม่หวังดีดังขึ้น สายตาของผู้คนมากมายต่างหันไปมองด้วยความสงสัย เห็นวัยรุ่นสวมเสื้อเชิ้ตลายดอก กางเกงขาสั้น ถือกล่องข้าว เดินตรงมาหาหวูยู่
“เขา! ไอ้หมอนี่แหละ!” หวูยู่ที่พันหน้าเหลือเพียงครึ่งหนึ่งตะโกนพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนกเสียงดัง พลางชี้หน้าเฉินเป่ย
“นายเองเหรอ ที่ทำร้ายภรรยาของฉัน?” ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทเดินก้าวเข้ามา ท่าทางหยิ่งผยอง กดดัน เดินตรงปรี่เข้ามาหาเฉินเป่ย!