สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 53
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 53 งานหมั้นของคุณชายหลี
ปั้ง!
ทันใดนั้น บรรดาบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่เต็มลานกว้าง เดินเข้ามาล้อมเฉินเป่ย!
บรรยากาศช่างน่าสะพรึงกลัว มีกลิ่นเขม่าควันคละคลุ้งไปทั่ว!
เฉินเป่ยที่ถือกล่องข้าวอยู่ในมือ ยังคงมีสายตานิ่งเรียบ เหลือบมองไปที่หวูยู่และสามีของหล่อน ถามขึ้น “ทำร้าย? ทำร้ายอะไรกัน?”
“ไอ้ยาจก อย่ามาแกล้งโง่หน่อยเลย ที่งานประมูล มีแค่นายกับคนชั้นต่ำนั่น รวมหัวกันทำร้ายฉัน!” สีหน้าของหวูยู่บูดเบี้ยว โมโหมาก
“หมูอ้วนอย่างคุณเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน ผมแค่ตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น” เฉินเป่ยมองหวูยู่จากทางด้านข้าง พูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งขรึม
“กล้าทำร้ายภรรยาของฉัน นายรู้จักตระกูลหวูแห่งเมืองหู้ไห่รึเปล่า!” ชายสวมชุดสูทวัยกลางคนหรี่ตาลง ระเบิดความโมโหออกมา!
“ตระกูลหวูแห่งเมืองหู้ไห่? ไม่เคยได้ยินมาก่อน” เฉินเป่ยครุ่นคิดอยู่สักพัก พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ปั้ง!”
ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ พนักงานหลายคนทำสีหน้าตกตะลึง มองเฉินเป่ยด้วยความเหลือเชื่อ!
ตระกูลหวูแห่งเมืองหู้ไห่เป็นตระกูลเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองหู้ไห่! บริษัทอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของหวูยู่มีมากมายนับไม่ถ้วน!
หากเป็นคนเมืองหู้ไห่ ต้องเกรงใจและเคารพตระกูลหวูเป็นอย่างมาก!
แต่สุดท้าย เฉินเป่ยกลับบอกว่าไม่รู้จัก!
เขากำลังดูถูกเหยียดหยามกันชัดๆ
“แย่แล้วประธานหลี เฉินเป่ยมาแล้วค่ะ” สีหน้าของหลินเฉว่เปลี่ยนไปทันที พูดขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจ
“ไอ้หมอนี่ ก่อเรื่องไม่หยุด สร้างแต่เรื่องปวดหัวให้ฉัน!” หลีชิงเยียนยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง เมื่อเห็นเฉินเป่ยผู้เอาแต่ใจ สีหน้าของหล่อนกลับเยือกเย็นขึ้นมาทันที!
หลีชิงเยียนหันหลังกลับอย่างไม่ลังเล รีบก้าวเดินด้วยรองเท้าส้นสูงขึ้นลิฟต์ลงไป!
และในขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนกำลังจ้องหน้าเฉินเป่ยด้วยความเคืองแค้น บรรยากาศในตอนนั้นราวกับถูกกดดันจนทุกอย่างดูอึดอัดไปหมด!
“แล้วนายรู้รึเปล่า ว่าฉันเป็นใคร?” ชายสวมชุดสูทวัยกลางคนเดินก้าวเข้ามา ด้วยท่าทีอันเหี้ยมโหด!
“คุณ?” เฉินเป่ยกวาดสายตามองชายวัยกลางคน ท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก จู่ๆเขาหัวเราะเยาะขึ้น พูดขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง “คุณเป็นใครล่ะ ทำไมผมต้องรู้ด้วย?”
“ดี! ดี! ดี!” ชายวัยกลางคนหัวเราะด้วยความโกรธขั้นสุด ทันใดนั้น เขายกมือตบไปที่หน้าของเฉินเป่ยอย่างรวดเร็ว!
สีหน้าของเฉินเป่ยนิ่งไปทันที ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทลงมือกับเขาก่อน เขายังไม่ทันตั้งตัวหลบ กลับถูกมองอย่างไม่สบอารมณ์
“เพี้ยะ”
เสียงดังกังวาน กึกก้องไปทั่วลานจตุรัสหน้าประตูบริษัทตระกูลหลี!
สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในที่สุดตระกูลหวูก็สำแดงฤทธิ์อำนาจ! ตบหน้าคนขับรถของประธานหลีตรงหน้าอาคารตระกูลหลีอย่างเปิดเผย การตบครั้งนี้ไม่ได้ถือเป็นการตบเฉินเป่ย แต่ทว่าตบหลีชิงเยียน!
เสียงดังกังวานราวกับฟ้าผ่า กึกก้องไปทั้งหูของทุกคนในที่นั้น!
ทันใดนั้น!
รอยยิ้มของชายวัยกลางคนในชุดสูทหุบลงทันที! การตบของเขา ราวกับกำลังตีเหล็กลงบนใบหน้าของเฉินเป่ย เขาตบอย่างเต็มแรง แต่กลับไม่มีรอยบนใบหน้าของเขาแม้แต่น้อย!
ชายวัยกลางคนในชุดสูทค่อยๆเดินถอยหลังกลับ มองไปที่เฉินเป่ยที่สีหน้าเยือกเย็นเหมือนน้ำ ช่างน่าสมเพช!
จิตใจของเขาสั่นสะท้าน เขาไม่อยากเชื่อเลยว่า นักเลงข้างถนนผู้นี้ โดนตบอย่างแรงจนทำให้เขาแขนชา! นี่เขายังเป็นคนอีกรึเปล่า!
แต่เฉินเป่ยกลับเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไร เขาจับคลำบนใบหน้า มองตรงไปที่ชายวัยกลางคน ยิ้มอ่อน ท่าทีสบายใจราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น “ตบนี้ ตบอย่างสุขสบายใจรึเปล่า?”
หวูยู่ประคองชายวัยกลางคนไว้ มองเฉินเป่ยด้วยสีหน้าเคืองแค้น พูดเตือน “ไอ้ยาจก ยังกล้าต่อปากต่อคำกับฉันอีก จัดการมันซะ!”
ทันใดนั้น เหล่าบอดี้การ์ดชุดดำนับจำนวนไม่ถ้วย วิ่งตรงเข้ามารุมเฉินเป่ยอย่างรวดเร็วราวสายน้ำ!
“ใครจับตายได้ ฉันให้รางวัลหนึ่งแสน ใครจับเป็นได้ ฉันให้รางวัลห้าแสน” ชายวัยกลางคนในชุดสูทพูดปลุกใจให้พวกบอดี้การด์คลั่งมากขึ้น ให้พวกเขาอาฆาตจนถึงที่สุด!
“หยุด!”
ทันใดนั้น เสียงอันเยือกเย็นดังมาจากทางด้านข้าง ทำให้พวกชายชุดดำหยุดชะงักทันที
เมื่อพวกเขาหลีกทางออก หญิงสาวแสนสวยก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูอาคารตระกูลหลี กำลังขยับถุงน่องสีดำที่ปกคลุมขาของหล่อนไว้ ค่อยๆเดินสวมรองเท้าส้นสูงมาอย่างสง่างาม
“หลีชิงเยียน” ชายวัยกลางคนในชุดสูทมองไปที่หญิงสาวคนนั้นอย่างตกตะลึง
“คุณหลี คนขับรถของฉันไม่ค่อยมีความรู้ ขอให้คุณได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะค่ะ” หลีชิงเยียนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคุณหลีเอ่ยปากขอร้องไว้ชีวิตเฉินเป่ย
“ประธานหลี คนขับรถของคุณเป็นคนทำร้ายภรรยาของผมก่อน ตอนนี้มาดูถูกผมอีก ชื่อเสียงของผมในเมืองหู้ไห่ ถูกเขาย่ำยีจนป่นปี้หมดแล้ว” คุณหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“เป็นเพราะฉันดูแลเขาไม่ดี คุณหลี งั้นคืนนี้ฉันขอจัดงานเลี้ยง เพื่อเป็นการขอโทษแทนคนขับรถของฉัน” หลีชิงเยียนยิ้มเจื่อน ค่อยๆก้มลงโค้งคำนับ แววตาของคุณหลีโกรธเคืองขึ้นทันที เขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
ประธานบริษัทผู้โด่งดังแสนสวยเอ่ยปากเลี้ยงข้าวเขา ทำไมเขาจะไม่ตอบตกลงล่ะ?
สีหน้าของหวูยู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเย็นชามากขึ้น สองมือท้าวสะเอว มองหลีชิงเยียนด้วยความรู้สึกที่ทั้งโกรธทั้งเกลียด คุณหลีคอยจ้องมองความสวยงามของสาวชั้นต่ำผู้นี้ จนติดกับดักหล่อนแล้ว
“โอเค เรื่องนี้เราค่อยคุยกันคืนนี้ ประธานหลี คือนี้…ใส่ชุดเซ็กซี่หน่อยนะครับ” แววตาของคุณหลีกวาดมองรูปร่างอันเซ็กซี่ของหล่อนอย่างมีเลศนัย จากนั้นหันหลังเดินกลับออกไปทันที…
“หญิงโฉดชายชั่ว ฝากไว้ก่อนเถอะ!” หวูยู่ยืนจ้องหลีชิงเยียนและเฉินเป่ยด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นเดินหันหลังตามเขาไป
ไม่นานนัก บรรดาบอดี้การ์ดชุดดำต่างทยอยเดินกลับไปที่รถสีดำ จากนั้นรีบขับออกไปทันที…
“นายมาทำอะไร? ฉันบอกว่าไม่ให้มาที่บริษัทไม่ใช่เหรอ? ทำเป็นหูทวนลม?” หลีชิงเยียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันไปมองเฉินเป่ย
เฉินเป่ยหัวเราะ ถือกล่องข้าวขึ้นมา “ประธานหลี นี่ก็ใกล้เวลาทานข้าวแล้ว ผมคิดว่าคุณคงหิวแล้วล่ะ ก็เลยเอาข้าวมาส่งให้คุณ”
“ใครอยากกินข้าวของนาย!” หลีชิงเยียนพูดด้วยความโมโห จากนั้นเดินหันหลังขึ้นลิฟต์ไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังระบายอารมณ์
เฉินเป่ยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่มองมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม กลับเดินตามหญิงสาวเซ็กซี่เข้าไป
กระทั่งหลีชิงเยียนผลักประตูเข้าไปในห้องทำงาน เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว เพิ่งจะนั่งบนโซฟาได้ครู่หนึ่ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ? ประธานหลีของฉัน” ทันใดนั้นเสียงแหบอย่างมีเสน่ห์ดังขึ้นมาจากนอกห้องทำงาน ซูเสี่ยวหยุนใส่ชุดเครื่องแบบสวยสะดุดตา เดินเข้ามา
“ไปถามเฉินเป่ยเอง! มาที่บริษัทอีกแล้ว! ยังทำเรื่องขายหน้าไม่จบไม่สิ้น!” หลีชิงเยียนกัดฟันแน่น พูดด้วยน้ำเสียงโมโห
“เขาเหรอ? ฉันเป็นคนให้เขามาส่งข้าว” ซูเสี่ยวหยุนทำสีหน้าตะลึง จากนั้นหัวเราะ
“เธอ?” หลีชิงเยียนเบิกตาโตกว้าง สีหน้าไม่สบอารมณ์
“ใช่สิ ฉันรู้สึกว่าเขาทำกับข้าวอร่อยมาก จึงให้เขามาส่งข้าวให้พวกเราสองคน” ซูเสี่ยวหยุนพูดพลางหัวเราะ “ฉันรู้สึกว่าเขาทำอาหารได้ถึงรสถึงชาติ ทั้งยังอร่อยและมีความเป็นเอกลักษณ์กว่าร้านที่ฉันกินที่ต่างประเทศอีก”
เฉินเป่ยผลักประตูเข้ามา วางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ พูดอย่างเอาอกเอาใจ “ประธานหลี อย่าโกรธผมเลยนะ”
หลีชิงเยียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าไม่ได้เป็นเพราะนายก่อเรื่องไว้เยอะแยะขนาดนี้ คืนนี้ฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปทานข้าวกับเฒ่าหัวงูนั่นเลย”
“ประธานหลีงั้นคุณไม่ต้องไปดีกว่า เรื่องนี้ผมจัดการเอง”
“นายเนี่ยนะ?” หลีชิงเยียนกวาดสายตามองเขา หัวเราะเยาะอย่างไม่สบอารมณ์ “นายรู้รึเปล่าว่าหุ้นส่วนของตระกูลหวูในเมืองเมืองหู้ไห่มีมากเท่าไหร่?”
“ไม่รู้ครับ”
“งั้นนายรู้รึเปล่า ถ้าบริษัทตระกูลหลีทำให้ตระกูลหวูต้องเดือดร้อน ต่อไปจะเกิดปัญหาอุปสรรคมากมายเท่าไหร่?”
“ไม่รู้ครับ”
“งั้นนายรู้รึเปล่า ถ้าคนที่นามสกุลหลีคนนั้น อยากฆ่านายขึ้นมา มันจะเป็นแค่ความคิดงั้นเหรอ?”
“ไม่รู้ครับ”
หลีชิงเยียนหัวเราะเย้ย “พอถามก็ตอบแต่ไม่รู้ ยังจะมาอวดดีว่าจัดการได้ นายคิดจะจัดการยังไงล่ะ?”
เฉินเป่ยหัวเราะไม่พูดอะไร ตระกูลหวูสำคัญต่อเมืองเมืองหู้ไห่มากมายเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ แต่แค่ไม่อยากรู้… ทว่าตระกูลหวูเป็นถึงผู้นำอันดับหนึ่งของหัวเซี่ย เขาแค่ยกหูโทรศัพท์ ก็สามารถทำให้ทั้งตระกูลหวูมลายหายไปทันที…
ตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลหวูในเมืองหู้ไห่ ยังไม่มีสิทธิ์พอที่จะให้เขายกโทรศัพท์จัดการได้เลย…
“เสี่ยวเยียน ฉันว่าตาเฒ่าหัวงูนั่น ไม่น่าจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปนะ เธอรับมือเขาไหวเหรอ?” ซูเสี่ยวหยุนนั่งไขว่ห้างอยู่ด้านข้างหลีชิงเยียน ถามขึ้นด้วยท่าทีสงสัย
“มีสติเข้าไว้ คงไม่มีปัญหาอะไร” หลีชิงเยียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง พูดตอบ
คุณหลีเป็นผู้ชายหลงสีสัน เลี้ยงดูผู้หญิงเป็นเมียน้อยนอกบ้านนับไม่ถ้วน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทำคนท้องมากเท่าไหร่
แม้แต่พวกกลุ่มสาวสวยวัยรุ่น เขาก็จัดการมาแล้วไม่น้อย เขาทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ไม่มีใครกล้าหืออือกับเขา
“งั้น ฉันไปเพื่อนเธอดีกว่า” ทันใดนั้นซูเสี่ยวหยุนพูดขึ้น
“เธอ ไม่ต้องไปหรอก” หลีชิงเยียนเหลือบตามองซูเสี่ยวหยุน “ถ้าเธอไป คงอันตรายมากกว่าเดิม”
ในขณะเดียวกัน หลินเฉว่เลขาของหล่อนผลักประตูเข้ามา พูดขึ้น “ประธานหลี คุณชายหลีบอกว่าคืนนี้เขาอยากเลี้ยงข้าวคุณค่ะ”
“บอกเขาไปว่าคืนนี้ฉันมีนัดแล้ว ไม่ว่าง” หลีชิงเยียนตอบกลับอย่างเย็นชา
“แต่เขา…แต่เขาบอกว่า…” จู่ๆหลินเฉว่หยุดชะงัก ใบหน้าอันแสนบริสุทธิ์ดุงนางฟ้า เศร้าลงทันที
“เป็นอะไรเหรอ?” หลีชิงเยียนวางเอกสารในมือลง เงยหน้าถามขึ้น
“แต่เขาบอกว่า…นี่เป็นงานเลี้ยงตระกูลหลี คุณและประธานต้องเข้าร่วม เกี่ยวกับเรื่องงานหมั้น…”
ผ่าง!
สีหน้าของเฉินเป่ยแย่ลงทันที… ตะลึง! งานหมั้น! นี่มันอะไรกันเนี่ย! ทำไมเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย!