สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 571
บทที่ 571 หัวหน้าแก๊ง
“หลีกไป! อย่าขวางทางฉัน” หลีชิงเยียนสีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง
จากนั้นฝ่าเท้าเฉินเป่ยกลับไม่ได้ขยับแม้เพียงนิด ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองดูหลีชิงเยียน เขายิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
ค่ำคืนนี้เขาผ่านการต่อสู้มามากเกินไป เหนื่อยจนหมดแรงนานแล้ว การได้กลับมาเจอหลีชิงเยียนอีกครั้งทำให้เขาพึงพอใจมาก แทบจะฟื้นคืนกำลังกลับมาได้เลยทีเดียว
พอเห็นเฉินเป่ยไม่มีทีท่าจะหลีกถอยเลย หลีชิงเยียนยิ่งโมโหหนักขึ้น
ก่อนนี้เธอกับซูเหลยยังเป็นห่วงกลัวเขาได้รับอันตราย แต่พอเธอเห็นเขามายืนเต็มตัวต่อหน้าแล้ว หลีชิงเยียนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาดื้อๆซะงั้น
ประธานสาวเงยหน้าขึ้นอย่างแรง ดวงตาสวยงามวาวโรจน์ด้วยความโกรธจ้องไปที่เฉินเป่ย ดวงหน้างามเขียนคำว่าไม่พอใจไว้เต็มหน้า
“ชิงเยียน ขอให้เชื่อผมนะ คุณไม่อยากเจอเรื่องพวกนี้หรอก ไปเถอะ” เฉินเป่ยพูดอย่างจริงจังอย่างที่นานครั้งจะทำ เขาไม่ได้ล้อเล่นกับหลีชิงเยียน ก่อนหน้าที่พวกนักฆ่าจะโดนซูเหลยปราบไป นักฆ่าที่ล้มลงที่พื้นเมื่อกี้ก็โดนเฉินเป่ยเสียบมีดเข้าให้หมดอีกรอบ จะบอกว่าเลือดนองพื้นก็ไม่โอเวอร์ไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่หลีชิงเยียนอยากเห็นแน่
“ไปก็ไป” หลีชิงเยียนกระชากกุญแจจากมือเฉินเป่ยมาอย่างโกรธๆ เธอเดินไปเปิดประตูรถ นั่งขึ้นไป และดึงหน้าต่างลง ถามหยั่งเชิงว่า “ซูเหลยล่ะ?”
“เธอกำลังเคลียร์พื้นที่ เธอให้พวกเราไปจากเยี่ยนจิงก่อน ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว ไม่ใช่ที่ที่คุณกับผมควรอยู่ พวกเราต้องรีบกลับหู้ไห่ทันที” หลังเฉินเป่ยขึ้นนั่งที่นั่งคนขับ ก็พูดระหว่างที่คาดเข็มขัดนิรภัย
หลีชิงเยี่ยนอึ้ง จู่ๆเฉินเป่ยก็พูดเรื่องจะไปจากเยี่ยนจิง ทำให้เธอแปลกใจเอามากๆ
“ไม่ได้ ฉันยังมีงานหลายอย่างยังไม่ได้โอนเลย” หลีชิงเยียนพูดไปก็ปลดเข็มขัดนิรภัยไป ทำท่าจะลงรถ
“ชิงเยียน ตอนนี้สถานการณ์คับขันมาก มีคนคอยจ้องเล็งพวกเราอยู่ ถ้าเราไม่ไปตอนนี้ กลัวว่าจะมีนักฆ่ามาอีก!” ทันใดนั้นเสียงเฉินเป่ยเปลี่ยนเป็นเข้มงวดขึ้นมา เต็มไปด้วยพาวเวอร์และคำสั่ง
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วมุ่น “คนพวกนี้ไม่สนใจกฎหมายกันเลยหรือไง? ทำตัวโจ่งครึ่มแบบนี้ ไม่กลัวโดนจับหรือไงกัน?”
เฉินเป่ยมองไปข้างหน้า สายตาเปลี่ยนเป็นล้ำลึก “กฎหมาย? แบ็คของพวกเขาเหยียบกฎหมายไว้ใต้เท้าด้วยซ้ำ ก็ต้องไม่แคร์อยู่แล้ว”
“เหยียบย่ำ…” หลีชิงเยียนตกใจ แววตาฉายแววตะลึงและยากที่จะเชื่อ
“มีคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!” หลีชิงเยียนไม่เชื่อ
“คุณไม่เชื่อคำพูดผมได้ แต่คำพูดซูเหลยคุณก็ไม่เชื่อหรอ?” เฉินเป่ยเงยหน้าขึ้น มองไปที่หลีชิงเยียนผ่านทางกระจกหลัง
ประธานสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า รับปากออกมา “ก็ได้ เด๋วระหว่างทางฉันจะโทรหาเลขา”
เฉินเป่ยยิ้มมุมปาก มองหลีชิงเยียนทางกระจกหลัง พลางยิ้มว่า “ชิงเยียน นั่งดีๆนะ”
พูดจบปุ๊บ ไม่รอหลีชิงเยียนเงยหน้า เฉินเป่ยเหยียบคันเร่งพุ่งออกไปทันที!
“บรื้น!”
เครื่องยนต์รถสปอร์ตสีแดงดังสนั่น จากนั้นก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง!
ส่วนหลีชิงเยียนนั่งอยู่เบาะหลัง ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าทำไมจู่ๆเฉินเป่ยก็เหยียบคันเร่งพุ่งไปแบบนี้ เธอทำอะไรไม่ถูกครู่หนึ่ง ผ่านไปสักพัก เธอถึงได้สติ รีบคาดเข็มขัดนิรภัย
“ซูเหลยล่ะ?” หลีชิงเยียนถามขึ้น
“พวกเราไปสนามบินกันก่อน อีกสักพักเธอจะตามมา” เฉินเป่ยบอก
“สนามบิน คืนนี้ไปเลยหรอ?” หลีชิงเยียนอึ้ง เธอไม่คิดเลยว่าเฉินเป่ยจะรีบร้อนขนาดนี้
“ใช่ ยิ่งเร็วยิ่งดี” เฉินเป่ยพยักหน้า เขารู้ดีว่าจิงไม่มีทางยอมปล่อยเขาไปแน่ ส่วนหลีชิงเยียนอยู่ที่เยี่ยนจิง ยิ่งทำให้เขาขยับแข้งขยับขาลำบาก มีเพียงหลีชิงเยียนกลับหู้ไห่อย่างปลอดภัยแล้วเท่านั้น เขาถึงจะหมดห่วง
ตอนนี้ที่รีบที่สุดคือ ก่อนจิงจะลงมือครั้งหน้า ต้องให้หลีชิงเยียนกลับหู้ไห่อย่างปลอดภัยก่อน
“เอาล่ะ ฉันจะรีบให้เครื่องบินส่วนตัวมารอรับ” หลีชิงเยียนครุ่นคิดสักครู่ ได้แต่ยอมรับปาก
ยี่สิบนาทีผ่านไป รถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งจอดลงที่หน้าสนามบิน
แสงไฟส่วนใหญ่ในสนามบินปิดหมดแล้ว มีเพียงอาคารใหญ่และเคาน์เตอร์ของพนักงานกะดึกที่นั่งสัปหงกเท่านั้นที่เปิดอยู่
เฉินเป่ยลงจากรถ เปิดประตูรถ หลีชิงเยียนลงมาจากรถ ทั้งคู่รีบเดินเข้าไปในสนามบิน
พอเข้าไปในสนามบิน โชคดีที่หลีชิงเยียนมีแบ็คใหญ่เป็นบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป แทบจะผ่านไปได้ตลอด การทำงานของบริษัทสายการบินนานาชาติยิ่งไวมากขึ้น ตอนเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียนมาถึงสนามบิน คนขับและเครื่องบินส่วนตัวของเธอก็มารอแสตนบายพร้อมอยู่แล้ว
“มีเงินนี่ดีเนอะ” เฉินเป่ยเดินพึมพำพลางถอนหายใจระหว่างเดินตามหลังหลีชิงเยียนผ่านช่องทางเดิน
“สัมภาระของฉันก็ไม่เอาหรอ? ในนั้นเป็นเอกสารสำคัญทั้งนั้นเลยนะ” หลีชิงเยียนนึกถึงสัมภาระที่วางไว้ในห้องพักที่โรงแรมขึ้นมา
“ซูเหลยจะจัดการเอง ความปลอดภัยของชีวิตสำคัญที่สุดนะ” เฉินเป่ยบอก
หลีชิงเยียนพยักหน้า ทันใดนั้นเธอเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ชะงักเท้าลงมองเฉินเป่ยอย่างสงสัย “พวกนายสองคนเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
เฉินเป่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง ในความคิดของหลีชิงเยียน ซูเหลยดูจะไม่ประทับใจอะไรกับเฉินเป่ยเลย แต่ครั้งนี้กลับเข้าขากันได้เป็นอย่างดีกับเฉินเป่ยซะงั้น
ผ่านไปสักพัก เฉินเป่ยหัวเราะออกมาอย่างกระดากอาย อธิบายว่า “นี่เป็นเพราะเธอบอกผมน่ะ เธอให้คุณวางใจได้เลย เธอจัดการทุกอย่างเอง”
หลีชิงเยียนพยักหน้า ย่าวก้าวที่ช้าลงก็เริ่มกลับมารัวเร็วเหมือนเดิม เธอเชื่อใจซูเหลยมาก มีซูเหลยอยู่ สามารถทำให้เธอวางใจได้ไม่น้อยเลย
……
เยี่ยนจิง ไนต์คลับซิงอวี๋
กลางดึก สถานที่ที่เต็มไปด้วยแสงไฟแดงเขียว พร้อมสังสรรค์กินเหล้ากัน เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดให้คนมาปลดปล่อยตัวเอง
ไนต์คลับซิงอวี๋ชื่อเสียงไม่แย่เลยในวงการเที่ยวกลางคืนของเยี่ยนจิง
พอถึงกลางคืน ไนต์คลับซิงอวี๋จะเหมือนรวบรวมคนไม่หลับไม่นอนทั้งหมดของเยี่ยนจิง
และวันนี้ไนต์คลับซิงอวี๋กลับดูผิดปกติ
ไม่ครึกครื้นแบบเมื่อก่อน ไนต์คลับซิงอวี๋ในคืนนี้คนมาน้อยมาก ทั่วทั้งไนต์คลับตกอยู่ในบรรยากาศเย็นยะเยือกเอามากๆ
ยามสองคนหน้าประตูไนต์คลับซิงอวี๋ก็โดนเปลี่ยนเป็นนักฆ่าชุดดำปิดหน้าสองคน ยืนอยู่หน้าประตู สายตาของทุกคนต่างสอประกายเย็นชาบ้าคลั่ง เหมือนทุกคนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น ห่างไกลจากไนต์คลับออกไป ในความมืดทะมึนนั่น มีร่างหนึ่งวิ่งเข้ามา ร่างนั้นวิ่งมาอย่างยากลำบาก ล้มลุกคลุกคลานหนักมาก
และส่วนล่างของเขาเรียกได้ว่าเละมาก เปียกเต็มไปด้วยคราบโคลน
นักฆ่าสองคนที่เฝ้าประตูเห็นมีคนมา สองตาจ้องเขม็ง จากนั้นก็ยกปืนขึ้นมาเล็ง ตะคอกเสียงดังว่า “ใคร?”
“อย่ายิง คนกันเอง คนกันเอง!”
ร่างนั้นยกมีดสั้นและMP5โยนลงพื้นทันที และยกมือทั้งคู่ขึ้น ดึงผ้าปิดปากลง สีหน้าซีดเผือดลนลาน
“แกหรอ?” นักฆ่าสองนั้นมองออกทันที นึกว่าใคร ที่แท้คือหนึ่งในทีมเล็กที่ออกไปทำภารกิจคืนนี้นั้นเอง
“ฉันจะต้องรีบรายงานหัวหน้าแก๊ง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!” ร่างนั่นพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ร้องตะโกนออกมา สายตาฉายแววหวาดกลัวไม่หยุด!
“หัวหน้าทีมพวกแกล่ะ มีแต่หัวหน้าทีมเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าพบหันหน้าแก๊ง” ยามสองคนพูด
“หัวหน้าทีม หัวหน้าทีมตายแล้ว!” สีหน้าร่างนั้นยิ่งแย่หนัก เหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
“ตายแล้ว?” ยามสองคนตกใจมาก หัวหน้าทีมของทีมเล็กในแก๊งเทพมารต่างเป็นบุคคลระดับผู้อาวุโสทั้งนั้น แต่นี่กลับตายแล้ว
“เข้าไปเถอะ หัวหน้ากีงรอพวกนายอยู่ตลอด”
“ฉัน…ฉันขยับไม่ไหวแล้ว” ร่างนั้นสั่นเทาไปหมด เขาทุลักทุเลอยู่หน่อย ก้มหน้ามองสองขาที่สั่นเทาเพราะความหวาดกลัวของตน
ยามสองคนมองหน้ากันไปมา พวกเขารู้สึกแปลกมากว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำให้นักฆ่าคนนี้ตกใจจนขาไม่ฟังคำสั่งขนาดนี้?
แต่พวกเขารู้ดีว่า มันต้องเป็นความลับที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์รู้แน่ ทั้งคู่ไม่กล้าชักช้า รีบเข้าไปพยุงนักฆ่าคนนั้นขึ้นมา และพยุงเข้าไปในไนท์คลับ
ใต้ดินของไนต์คลับซิงอวี๋เป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง ชั้นธรรมดาของไนท์คลับซิงอวี๋เป็นสถานบันเทิงทั้งหมด ส่วนชั้นใต้ดินคนที่เดินไปมากลับไม่ใช่พนักงาน แต่เป็นนักฆ่า
ยามสองคนพยุงนักฆ่าคนนั้นทุลักทุเลไปยืนหน้ากำแพงหนึ่ง กดภาพสีน้ำมันตรงนั้น ทันใดนั้น ภาพเปิดออก เผยให้เห็นทางเดินยาวด้านใน
ปลายทางของทางเดินไปสุดที่ห้องลับหนึ่ง พอทั้งสามคนเข้าไป ก็เห็นโซฟาหนังวัวตัวหนึ่งในห้องลับ มีคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น
พอเห็นด้านหลังของคนนั้น ยามสองคนก็ยกขึ้นมาถึงคอหอยทันที คนนั้นไม่ใช่คนอื่น ออร่าและแรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขามันน่ากลัวมาก พวกยามจำได้ในทันที นั่นก็คือหัวหน้าแก๊งนั่นเอง
“คารวะหัวหน้าแก๊ง หัวหน้าแก๊งครับ นักฆ่าทีมเล็กที่ส่งออกไปเมื่อกี้ตายหมด เหลือแต่เขา” ยามสองคนรายงานอย่างเคารพ ไม่กล้าใช้น้ำเสียงไม่เคารพแม้เพียงนิดต่อหน้าหัวหน้าแก๊ง
พวกเขาไม่เคยเจอหัวหน้าแก๊งมาก่อน การเข้าใกล้หัวหน้าแก๊งที่สุดของพวกเขาก็คือครั้งนี้
ออร่ากดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวหัวหน้าแก๊ง ทำให้พวกเขาหายใจลำบากมาก ออร่าที่มองไม่เห็นนั่นน่ากลัวมากจริงๆ
ผ่านไปอยู่นาน มีเสียงออกมาจากด้านหลังนั่นว่า “รู้แล้ว เหลือเขาไว้ พวกนายไปได้ละ”
“ครับ” ยามสองคนรีบถอยออกมา ตลอดเวลาที่อยู่ในนั้นพวกเขายังไม่กล้าหายใจเต็มคอเลย
และนักฆ่าที่ขาอ่อนไปนานแล้วก็หันมองด้านหลังนั่น ไม่เพียงเสียงสั่น ยังหายใจกระชั้นขึ้นมาอีก
ทันใดนั้น หัวหน้าแก๊งค่อยๆลุกขึ้นมาจากโซฟา นักฆ่าคนนั้นกลั้นหายใจทันที ไม่กล้าหายใจดังด้วยซ้ำ!
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หัวหน้าแก๊งถามเสียงเรียบ “หัวหน้าทีมนำทีมพวกเรา มุ่งไปลอบฆ่าราขาหลงและผู้หญิงของเขายังจุดหมาย แต่กลับไม่เจอตัวราชาหลง..เขามาทีหลัง พอมาถึง พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย หัวหน้าทีมตายแล้ว…ผมดวงแข็ง เห็น…เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ไกลๆ” นักฆ่าคนนั้นพูดออกมาทีละคำ เขาพยายามข่มกลั้นความหวาดกลัวในใจของเขา!
พอได้ยินคำพูดนักฆ่าคนนั้น ภายในห้องลับก็กลับสู่ความเงียบและมืดมิดอีกครั้ง หัวหน้าแก๊งเทพมารเข้าสู่ภาวะครุ่นคิด เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบไปอยู่นานว่า “ฉันรู้ละ นี่ไม่ใช่ความผิดของแก”
นักฆ่าคนนั้นได้ยินหัวหน้าแก๊งพูดแบบนี้ ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกและดีใจ รีบขอตัวออกมา “หัวหน้าแก๊ง งั้นผมกลับไปรักษาบาดแผลก่อนนะครับ”
พอนักฆ่าพูดจบ ก็หมุนตัวเดินไปทางประตูห้องลับ
แต่เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้น แววตาหัวหน้าแก๊งฉายแววกระหายเลือดออกมา!
จากนั้นร่างหัวหน้าแก๊งแวบ วินาทีต่อมาก็ไปโผล่ด้านหลังนักฆ่าคนนั้นอย่างเงียบเชียบราวกับผี!
“ชิ้ง!”
เสียงกระบี่หลุดออกจากฝักดังขึ้น นักฆ่าคนนั้นชะงักฝ่าเท้า เขาเบิกตากว้าง!
นักฆ่าคนนั้นก้มหน้าลงช้าๆ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่า หน้าอกของตัวเองโดนกระบี่แทงทะลุ หน้าอกเกิดแผลใหญ่เต็มไปด้วยเลือด เขายังเห็นปลายคมแหลมเต็มไปด้วยเลือดของกระบี่ด้วย
“หัวหน้าแก๊ง…” นักฆ่าเอ่ยปากอย่างยากลำบาก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะเป็นหัวหน้าแก๊งลงมือ!
ด้านหลังนักฆ่า หัวหน้าแก๊งมือถือกระบี่สีหน้าเย็นชา เขาพูดเสียงเรียบว่า “ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของแก แต่แกหนีกลางครัน ถือว่าผิดกฎของแก๊งเทพมาร สมควรตาย”
“พรืด!”
ตอนหัวหน้าแก๊งดึงกระบี่ออจากตัวนักฆ่า ร่างที่ยังหลงเหลือความอบอุ่นของนักฆ่าค่อยๆล้มลงพื้น เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากบาดแผล และเริ่มไหลนองลงพื้น
หัวหน้าแก๊งก้มหัวลงมองนักฆ่าคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา พูดเสียงเรียบว่า “มาเก็บกวาดที่นี่ให้สะอาดซะ”
“ครับ ลูกน้องคนสนิทหัวหน้าแก๊งรับคำอย่างเคารพ หัวหน้าแก๊งเดินออกจากห้องลับ ออร่าสบายๆหายเกลี้ยง แปรเปลี่ยนเป็นออร่าน่ากลัวมาแทนที่!
“เอ๋อตงเฉิน ตอนแกชื่อเสียงกระฉ่อนเยี่ยนจิงฉันก็อยากประมือกับแกแล้ว ตอนนี้มีโอกาสนั่นในที่สุด ได้โอกาสให้ฉันได้รู้จักซักหน่อยว่าแกร้ายกาจจริงตามข่าวลือนั้นจริงไหม” หัวหน้าแก๊งสายตาเป็นประกาย มุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
……