สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 573
บทที่ 573 หยูนหลิงเซียว
“พลั่กพลั่กพลั่ก…”
รถค่อยๆแล่นบดร่างหลายร่างบนพื้นไป ยามที่นอนแบบกับพื้นไม่มีโอกาสได้ร้องด้วยซ้ำ ก็โดนฆ่าซะแล้ว
ไม่เพียงแค่นี้ จากนั้นMaybachก็ยังวิ่งพุ่งเข้าไปในช่องทางเครื่องบินส่วนตัวที่อยู่ในสนามบินอย่างบ้าคลั่งอีก!
“โครมโครมโครม!” หน้ารถแข็งแกร่งเป็นพิเศษ วิ่งชนทางกั้นต่างๆรัวๆ ซึ่งกระโปรงรถไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใดๆอีกต่างหาก!
“โครม!” หลังจากชนแผงกั้นสุดท้ายเสร็จ กำแพงช่องทางเกิดเป็นรูใหญ่ สนามบินที่กว้างใหญ่โผล่ให้เห็นในสายตา!
หัวหน้าแก๊งเทพมารตอนนี้นั่งอยู่ที่นั่งด้านหลัง ในมือถือแก้วไวน์เลอค่า ของเหลวในแก้วไหวเอน สายตาเขาดำลึกราวความมืดมิด
ที่ทำให้คนตะลึงมากไปกว่านั้นคือ ตอนที่Maybachพุ่งชนช่องทางเมื่อกี้ แก้วไวน์ในมือหัวหน้าแก๊งเทพมารคนนี้กลับไม่เอนเอียงไหวติงเลยสักนิด ยังคงถูกหัวหน้าแก๊งจับมั่นอยู่ในมือ แถมยังไม่มีเหล้ากระฉอกออกมาเลยสักนิด!
มือของหัวหน้าแก๊งมั่นคงมาก ไม่ว่าMaybachจะวิ่งไหวเอนรุนแรงยังไง เขานั่งอยู่ที่นั่งด้านหลัง กลับไม่ไหวติงสักนิดราวกับรูปปั้น
และเป็นเพราะฝีมือแบบนี้ทำให้เขามั่นใจจนกล้าท้าทายราชาหลง
ทั่วทั้งเยี่ยนจิง ไม่รู้จะมีสักกี่คนมีฝีมือควบคุมได้เท่าเขา
“โครม!” ช่องทางโดนชนจนเป็นรูโหว่ Maybachพุ่งเข้ามาในสนามบิน พุ่งตรงไปที่เครื่องบินส่วนตัวที่พวกหลีชิงเยียนอยู่!
“เกิดอะไรขึ้น?”
ภายในเครื่องบินส่วนตัว หลีชิงเยียนได้ยินเสียงโครมคราม มองผ่านกระจกหน้าต่างออกไปข้างนอกอย่างสงสัย
ซูเหลยแทบกระตุก เธอมองตามไป หลีชิงเยียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซูเหลยเห็นMaybachคันนั้น ในใจพอเดาเรื่องราวได้ละ
น่ากลัวจะเป็นนักฆ่ากลุ่มก่อนนี้
ซูเหลยเครียดขึ้นมาทันที นักฆ่ากลุ่มนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมปล่อยพวกเขา จะตามฆ่าให้ได้!
และในตอนนี้เอง เฉินเป่ยยิ้มขึ้นมาดื้อๆ พลางว่า “ไม่เป็นไรหรอก ชิงเยียน พวกเราไม่เป็นอะไรหรอก”
“พูดโอ้อวดอยู่ได้ นายรู้จักคนในรถหรือไง?” หลีชิงเยียนไม่เชื่อคำพูดของเฉินเป่ยอยู่แล้ว เลยพูดออกมาอย่างเย็นชา
เฉินเป่ยยังคงยิ้มไม่หุบ หันไปมองซูเหลยพลางว่า “พวกเราไปดูหน่อยละกัน”
เฉินเป่ยพูดจบ ก็เดินไปที่ปากทางเข้าเครื่อง
“นี่!” หลีชิงเยียนส่งเสียงรั้งเฉินเป่ยไว้
เฉินเป่ยชะงักหันมามองหลีชิงเยียน เห็นเธอจ้องมองเขานิ่งพลางถามว่า “เธอออกไปก็พอแล้ว นายจะตามออกไปทำไมน่ะ?”
“ปกป้องคุณไง?” เฉินเป่ยอึ้งก่อนยิ้มบอก
“นาย? นายเนี่ยนะ…ช่างมันละกัน” หลีชิงเยียนแค่นเสียงหึ ตอบปัดอย่างไม่ไยดี
เฉินเป่ยอึ้งเล็กน้อย ก่อนยิ้มมุมปากบอก “ก็ยังดีกว่าสาวบอบบางอย่างคุณละกันน่ะ”
พูดจบ ไม่รอหลีชิงเยียนได้สติกลับมา เฉินเป่ยเดินออกไปเลย
“นาย…” หลีชิงเยียนหน้าเจื่อน เหมือนไม่คิดมาก่อน ผ่านไปสองสามวินาที เธอถึงมีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม เธอไม่คิดเลยจริงๆว่า เฉินเป่ยจะกล้าว่าเธอแบบนี้!
หลีชิงเยียนคิดจะออกไปบ้างเหมือนกัน ทันใดนั้นเธอชะงักเท้ายืนอยู่ที่หน้าประตู อึ้งเป็นไก่ตาแตกเลย
ห่างจากเครื่องบินส่วนตัวไปไม่ไกล รถMaybachแล่นเข้ามาอย่างน่ากลัว
“เอี๊ยด!”
ในตอนที่Maybachเข้าใกล้เครื่องบินส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นMaybachคันนั้นก็แล่นเข้ามา ล้อรถบดเบียดกับพื้นอย่างแรงและเร็ว เกิดเป็นเสียงบดล้อที่เสียดหู ผ่านไปสักพัก Maybachถึงหยุดลงที่หน้าเครื่องบินส่วนตัว
ใครมากัน?
เฉินเป่ยหรี่ตามอง ซูเหลยมองไปทางMaybach เธอมองอย่างระแวง กล้ามเนื้อทั่วร่างเธอตึงเครียดแข็งเกร็ง เธอเริ่มกวาดตาพินิจรถหรูคันนี้
คนที่สงสัยยิ่งไปกว่าคือหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนมองรถMaybachคันนั้นไกลๆ เธอสงสัยมาก เวลานี้เครื่องบินก็หยุดหมดแล้ว ไม่มีใครเข้ามาในสนามบินได้ เขาเข้ามาได้ยังไง แถมยังขับMaybachเข้ามาอีกด้วย…
“พลั่ก!”
ทันใดนั้นประตูรถเปิดออก คนขับรถเดินลงมาข้ามไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลัง
ประตูเปิดออก จากนั้น ผู้ชายร่างสูงใหญ่เดินลงมาจากรถ
ในมือผู้ชายคนนั้นยังคงถือแก้วไวน์อยู่ เขามองมาที่พวกเฉินเป่ยสามคนด้วยสีหน้าเย็นชา
ผู้ชายคนนั้นกวาดตามอง และสุดท้ายไปหยุดที่เฉินเป่ย
เขาก้าวเข้ามาหาเฉินเป่ย จนมายืนหน้าเฉินเป่ย ก่อนจะหยุดลงพลางถามว่า “แกคือราชาหลง?”
ตอนผู้ชายคนนั้นเปิดปาก สามารถสัมผัสรังสีน่ากลัวที่ระเบิดจากร่างเขาได้ ซูเหลยที่ยืนข้างเฉินเป่ยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกกดดันมาก
ความกดดันแบบนี้เหมือนออกมาจากส่วนลึกมก ทำให้ซูเหลยขนหัวลุก เธอรู้สึกเหมือนโดนภูเขากดทับ ทำให้เธอแทบหายใจไม่ออกแล้ว
นี่ก็เป็นคนเก่งอีกคน
แววตาซูเหลยฉายแววระแวง แต่พอเธอมองไปที่เฉินเป่ย เธอกลับรู้สึกแปลกใจ
เพราะเฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในปากยังคาบบุหรี่ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ เหมือนไม่รู้สึกถึงแรงกดดันอันน่ากลัวแบบซูเหลยเลย
ตามหลักแล้ว ตอนเขาเผชิญหน้าผู้ชายคนนี้ เขาน่าจะกดดันมากกว่าซูเหลยหลายเท่าสิ
นี่คือฝีมือที่แท้จริงของราชาหลง?
ซูเหลยแอบคิดในใจ ไม่มีใครมองราชาหลงออก บางทีแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็จะเหมือนอยู่เหนือทุกสิ่งเลย…
เฉินเป่ยหรี่ตากวาดสายตาพินิจพิจารณาผู้ชายตรงหน้า ก่อนพ่นควันออกมา มุมปากยกขึ้น ถามกวนๆว่า “นายใครน่ะ?”
“หัวหน้าแก๊งเทพมาร หยูนหลิงเซียว” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยปาก ท่าทีแข็งกร้าวพร้อมสู้ฟ้า ทำให้เขากลายเป็นจุดเด่นของสถานที่นี้ไปเลย
เฉินเป่ยครุ่นคิด ก่อนถามขึ้น “ฉันรู้จักนายหรอ?”
หยูนหลิงเซียวอึ้ง เขาไม่คิดเลยว่า ราชาหลงในตำนานจะไม่มีออร่าของผู้แข็งแกร่งเลยสักนิด
หยูนหลิงเซียวส่ายหัวเล็กน้อย
เฉินเป่ยถามอีก “ฉันควรต้องรู้จักนายไหม?”
หยูนหลิงเซียวสายตาล้ำลึก ก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกก้าว พื้นที่ที่เขาย่างเหยียบแตกร้าวทันที “ทั่วทั้งโลกใต้ดินเยี่ยนจิง มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่รู้จักฉัน”
“อ้อ” เฉินเป่ยดึงบุหรี่มาถือไว้ หมุนตัวช้าๆ เตรียมกลับเข้าเครื่องบินส่วนตัว เสียงที่แว่วมาจากด้านหลังเขา ทำให้หยูนหลิงเซียวทำอะไรไม่ถูก “เกี่ยวกับฉันตรงไหนล่ะ ฉันไม่ใช่คนเยี่ยนจิงซักหน่อย”
หยูนหลิงเซียวสะอึก มองตามแผ่นหลังเฉินเป่ย เขาแค่นยิ้มแสยะด้วยสีหน้าเย็นชาพลางว่า “เจ้าพวกขยะนั่นชิงตัวแกกลับไปไม่ได้ ถือเป็นความอัปยศของแก๊งเทพมาร ฉันมาเพื่อลบล้างความอัปยศของแก๊งเทพมาร..ราชาหลง แกกลัวแล้วล่ะสิ?”
“พลั่ก!”
เฉินเป่ยชะงักเท้า พื้นใต้ฝ่าเท้าเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
วินาทีนี้โลกเหมือนหยุดชะงักลง!
วินาทีนั้นหยูนหลิงเซียวที่ยืนอยู่ที่เดิมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ความเจ็บปวดแทงเข้าที่คิ้วเขาจนทำให้เขาขนหัวลุก
หยูนหลิงเซียวมองไปทางเฉินเป่ย สายตาราบเรียบมีแววหวาดหวั่นเข้ามา ราชาหลงแสดงฝีมือ ทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ถึงความอันตรายสุดขีดอย่างหนึ่ง
เฉินเป่ยค่อยๆหันกลับมา สีหน้ายังคงราบเรียบเหมือนเดิม ไม่ต่างอะไรกับเมื่อกี้ แต่กลับทำให้ซูเหลยที่อยู่ข้างๆกำหมัดแน่นไม่รู้ตัว
ออร่าของเฉินเป่ยน่ากลัวสะท้านฟ้ายิ่งกว่าของหยูนหลิงเซียวซะอีก!
ถ้าเปรียบหยูนหลิงเซียวเป็นภูเขาลูกหนึ่ง งั้นเฉินเป่ยก็คือยอดเขาที่สูงไม่มีที่สิ้นสุด เป็นสัตว์ร้ายที่อันตรายน่ากลัวสุดๆ! ทำให้ซูเหลยหายใจไม่ออก แทบจะยืนไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ
ออร่าอันตรายแบบนี้ไม่ใช่อะไรที่หยูนหลิงเซียวจะทาบติดได้เลย
“นายไม่คู่ควรให้ฉันลงมือหรอก” ออร่าอันตรายในตัวเฉินเป่ยเริ่มเปลี่ยน แค่พริบตาเดียวก็หายวับไปไม่เหลือเลย เขาสูบบุหรี่ในมือหนึ่งคำ มองมาทางหยูนหลิงเซียวพลางพูดเสียงเรียบ
จากนั้นเฉินเป่ยหันมาสั่งการซูเหลยว่า “เขา เป็นหน้าที่เธอนะ”
พอพูดจบ หยูนหลิงเซียวกระตุก จ้องเฉินเป่ยเขม็ง สายตาเย็นเยียบประหนึ่งคมดาบแหลมคม ไวน์ที่อยู่ในแก้วไวน์ในมือพริ้วไหวอย่างรุนแรง
“ยังไม่เคยมีใครกล้าไม่เห็นฉันในสายตา”
นี่มันเพิกเฉย ดูถูกกันชัดๆ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่หยูนหลิงเซียวรู้สึกว่าตัวเองโดนคนเมินเฉยอย่างสุดๆ ราชาหลง..นี่เป็นการประชดเขาเต็มๆ!
ในสายตาราชาหลง เขาคู่ควรสู้กับผู้หญิงเท่านั้น? แถมน้ำเสียงราชาหลงยังวางใจผู้หญิงคนนี้อีก เห็นได้ชัดว่า ราชาหลงคิดว่าเขาสู้ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แน่!
“ราชาหลง…แกดูถูกกันเกินไป แกต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม!” หยูนหลิงเซียวสีหน้าเย็นชา มือที่ถือแก้วไวน์อยู่กำแน่น แก้วไวน์ที่มาสเตอร์ฟิชเชอร์สร้างมากับมือในปี78เกิดรอยแตกขึ้นมากมาย!
วินาทีนั้นออร่าที่แผ่ซ่านออกมาไม่หยุดจากตัวหยูนหลิงเซียวแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากนัก!