สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 577
บทที่ 577 เหมือนเคยรู้จักกัน
พอได้ยินเฉินเป่ยพูดแบบนี้ หลีชิงเยียนหยุดดิ้นรนทันที เธอสงบลงมา…ยอมให้เฉินเป่ยกอดอยู่อย่างนั้น
วินาทีนี้ร่างทั้งคู่กอดกันติดแน่น…เฉินเป่ยสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นของหลีชิงเยียน..จังหวะวุ่นวายเล็กน้อย..เหมือนมีกวางน้อยวิ่งวุ่นอยู่ในนั้น
หัวเธอเอนพิงไหล่เฉินเป่ยแผ่วเบา คล้ายกับจะเบี่ยงหนี เฉินเป่ยก้มหน้าลงเล็กน้อย ดมกลิ่นชวนฝันของเธอ วินาทีนี้…เหมือนเวลาได้หยุดลง
หลีชิงเยียนในตอนนี้ว้าวุ่นใจมาก เธอใจเต้นแรง…เธอบอกตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว…แค่ครั้งนี้เท่านั้น…ครั้งนี้เห็นแก่ที่เขาได้รับบาดเจ็บ ฉันจะไม่ถือสาเขา..ไม่มีครั้งต่อไปแน่ๆ!
เฉินเป่ยกอดหลีชิงเยียนอยู่นานมาก…จนเหมือนไม่อยากปล่อยแล้ว ร่างอรชรของเธอนุ่มหอม ทั้งอ่อนโยน มันรู้สึกสบายมากจริงๆที่มีเธออยู่ในอ้อมแขน
ผ่านไปอยู่นาน หลีชิงเยียนดิ้นรนเบาๆ อยากจะลุกขึ้น เฉินเป่ยกลับยังโอบเธอไม่เลิก เหมือนไม่อยากแยกจากเธอ
“นายบอกว่า…แป๊บเดียวไม่ใช่หรอ?” หลีชิงเยียนเอ่ยปากแล้ว น้ำเสียงมีโทน ไพเราะมาก
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว…ให้ผมกอดต่ออีกหน่อยนะ…” เฉินเป่ยพูดเสียงเบา มือที่โอบเอวเทพธิดาสาวแน่นขึ้น
สีหน้าหลีชิงเยียนเริ่มขมวดคิ้ว เธอพยายามดิ้นรนหนีจากอ้อมกอดเขา สีหน้าเธอในตอนนี้เริ่มแดง สีหน้าดูสับสนพิกล…
“เอ่อคือ..นายพักผ่อนก่อนละกัน ฉันไปทำงานละ…” เธอพูดจบก็จัดการเซ็ตทรงผมที่ยุ่งเหยิง และจ้ำรองเท้าส้นสูงหนีออกไป…
มองตามแผ่นหลังเทพธิดาสาวที่จ้ำอ้าวหนีไป…เฉินเป่ยยิ้มมุมปาก…แม่เสือที่ทั้งอบอุ่นและน่าสนใจ…
พอรอหลีชิงเยียนออกไปแล้ว ซูเหลยถึงเดินมาข้างเฉินเป่ย เห็นเขากุมหน้าอกเลยพูดว่า “โชคดีที่พ่อของประธานหลีเตรียมเครื่องบินส่วนตัวไว้ให้เธอที่เยี่ยนจิงตลอด ไม่งั้นนายไม่ได้สบายขนาดนี้หรอก…”
“นายเป็นอะไรกันแน่? เขาทำร้ายนายได้ยังไง?” ซูเหลยมองเฉินเป่ยอย่างสงสัย
เท่าที่เธอวิเคราะห์ความสามารถของหยูนหลิงเซียวแล้ว ขนาดเธอยังรับการโจมตีของหยูนหลิงเซียวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชาหลงเลย
ทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาอย่างสงสัยว่า เฉินเป่ยแกล้งทำหรือเปล่า คิดอาศัยโอกาสนี้เข้าใกล้หลีชิงเยียน
“ผมไม่เป็นไร แค่ตกหลุมพรางเท่านั้นเอง” เฉินเป่ยส่ายหัว สายตานิ่งเฉยแปรเปลี่ยนเป็นครุ่นคิดขึ้นมา
เขาไม่มีทางบอกซูเหลยอยู่แล้วว่า หยูนหลิงเซียวทิ้งไม้ตายไว้ ทำให้เขาคาดไม่ถึงเลย สุดท้ายเลยได้รับบาดเจ็บ
ซูเหลยเห็นเฉินเป่ยไม่เป็นอะไรมาก เลยพยักหน้าวางใจได้หน่อย
จากนั้นสายตาครุ่นคิดของเฉินเป่ยมีแววอาฆาตวาบขึ้นมา..
กลางดึก ที่ห้องวีไอพีโรงแรมแห่งหนึ่ง
หยูนหลิงเซียวพิงร่างกับอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ก่อนกระอักเลือดออกมาคำโตอีกครั้ง!
เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง…หมัดนั้นของเฉินเป่ยอานุภาพรุนแรงนักจนอวัยวะภายในเขาสั่นสะท้านไปหมด! ทำเขาบาดเจ็บสาหัส! ในหลายเดือนนี้เขาไม่น่าจะพักฟื้นกลับมาได้!
สีหน้าหยูนหลิงเซียวขาวซีด ในปากเต็มไปด้วยเลือด เขาสั่นเทาไปทั้งร่าง ค่อยๆพิงกำแพงอยากกลับไปที่เตียง..แต่ยังไม่ทันเดินได้ไกล..ร่างกายเขาก็รับไม่ไหว…และล้มลงกับพื้น…
ทันใดนั้น ด้านหลังหยูนหลิงเซียวก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “บอสไม่พอใจมาก เรื่องนี้ทำพังไม่พอ ยังเผยไม้ตายที่บอสให้แกไว้ป้องกันตัวออกมาอีก”
หยูนหลิงเซียวหันกลับไปมอง เห็นผู้ชายในชุดสูทใส่แว่นดำกรอบทองยืนอยู่ข้างเตียง มองดูเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ฉันจงรักภักดีกับเขา ไม่ได้แปลว่าฉันเป็นหมอของเขา” ในใจหยูนหลิงเซียวสะท้อนคำพูดของเฉินเป่ยไปมา ทำให้มีความโกรธขึ้นที่ใบหน้าเขา
“ราชาหลงชื่อเสียงกระฉ่อน ขนาดฝั่งตะวันตกเจอเขายังทำอะไรไม่ได้ การที่แกแพ้เป็นเรื่องที่บอสคาดเดาไว้ก่อนแล้ว” ผู้ชายชุดสูทพูดต่อ
“แล้วเขายังให้ฉันไป? ให้ฉันไปตายหรือไง?” น้ำเสียงหยูนหลิงเซียวเย็นขึ้นเรื่อยๆ
“ขนาดความสามารถระดับบอสยังสู้เขาไม่ได้ เมื่อก่อนแกอยากประมือกับเขานักไม่ใช่หรือไง?” ผู้ชายชุดสูทพูดเสียงราบเรียบ
หยูนหลิงเซียวพูดไม่ออก ผู้ชายคนนั้นหยิบสมุดเล่มเล็กออกมาบนหัวเตียงพลางว่า “ราชาหลงกำลังไปหู้ไห่ ทำภารกิจของแกต่อซะ ราชาหลงต้องตาย”
หยูนหลิงเซียวหยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมา และพบว่ามันเป็นบัตรผ่านแดน
“ฉันห่างชั้นกับราชาหลงมากเกินไป นี่เป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้” สีหน้าหยูนหลิงเซียวคล้ำลงไปหน่อย
“วางใจได้ พอถึงหู้ไห่ จะมีคนช่วยแกเอง และบอสก็มีหนทางทำให้ฝีมือแกขึ้นมาทัดเทียมกับราชาหลงจนได้ด้วย” ผู้ชายคนนั้นยิ้มน้อยๆ หยูนหลิงเซียวเงยหน้าขึ้นฉับพลันด้วยสีหน้าตะลึง!
“เป็นไปไม่ได้!” หยูนหลิงเซียวพูดอย่างตะลึง “มันไม่ใช่เรื่องจริง โลกนี้จะมีเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!”
ผู้ชายคนนั้นสั่นหัวพลางว่า “แกเป็นแค่หมากตัวหนึ่งในมือบอสเท่านั้นแหละ แกจะรู้ได้ยังไงว่า การต่อสู้ครั้งนี้จะมีผู้เล่นคนใหม่แล้ว”
“ผู้เล่นคนใหม่? ใคร?” หยูนหลิงเซียวสงบลงไปไม่น้อย
ผู้ชายคนนั้นชี้ไปทางหน้าต่างอย่างมีเลศนัย
หยูนหลิงเซียวมองตามไป และพบว่าทิศทางนั้นคือทิศตะวันตก
….
เช้ามืด เครื่องบินลำแรกของสนามบินนานาชาติหงเฉียวของหู้ไห่ค่อยๆลงจอด เป็นเครื่องบินรอบเข้าที่กลับจากยุโรปมาหัวเซี่ย
ประตูเครื่องบินเปิดออก ผู้ชายต่างชาติในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มค่อยๆลงเครื่องบินจากฝั่งเฟิร์สคลาส เขาถือไม้เท้าไว้ ใส่หมวก ทั่วร่างแผ่ซ่านออร่าคนชั้นสูงออกมา
หลังจากผู้ชายคนนั้น ยังมีลูกน้องที่ใส่ชุดสูทอยู่หลายคน บรรดาการ์ดเดินตามหลังผู้ชายคนนั้นด้วยท่าทีเคารพมาก แสดงให้เห็นถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของผู้ชายคนนี้
“หัวเซี่ย…ไม่ได้มานานแล้วนะ” ผู้ชายคนนั้นบ่นพึมพำภาษาอังกฤษออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดินไปทางนอกสนามบิน…
ด้านนอกสนามบินนานาชาติ รถแลนโรเวอร์สีดำห้าคันหยุดรออยู่หน้าประตู
ผู้ชายคนนั้นเดินออกจากสนามบินด้วยท่าทีสบายๆ มีการ์ดหลายคนตามหลัง และเปิดประตูรถแลนโรเวอร์ให้อย่างเคารพ
สายตาเขาปรายมองรถแลนโรเวอร์ บ่นอย่างเอาแต่ใจนิดหน่อยว่า “รถแลนโรเวอร์นี่พอส่งออกมาหัวเซี่ย…เปลี่ยนไปเลยนะเนี่ย ไม่มีความเป็นชนชั้นสูงเหมือนรุ่นที่อยู่ประเทศเราเลยนะ…”
พูดจบ เขามุดเข้ารถแลนโรเวอร์อย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
บรรดาการ์ดในชุดสูทต่างพากันขึ้นรถ รถแลนโรเวอร์สีดำห้าคันค่อยๆขับเคลื่อนแล่นออกจากสนามบินนานาชาติ…
รถแลนโรเวอร์ห้าคันขับเคลื่อนไปตามถนน สิบกว่านาทีผ่านไปก็ขับไปถึงบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป
ยามหน้าประตูใหญ่เห็นรถแลนโรเวอร์ห้าคัน ก็ทำการทักทายอย่างเคารพ เข้ามาถามว่า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามาหาใครครับ? รถที่จอดอยู่ด้านนอก…ต้องทำการลงทะเบียน”
กระจกรถลดลง ผู้ชายต่างชาติคนหนึ่งโผล่หน้าออกมา ใช้ภาษาจีนแปร่งๆพูดว่า “ฉันมาหาหลีชิงเยียน”
ยามอึ้ง ก่อนพูดต่อว่า “ได้ครับ รบกวนลงทะเบียนข้อมูลส่วนตัวด้วยครับ”
สายตาผู้ชายต่างชาติเย็นลงทันที “พวกเรายังต้องลงทะเบียน?”
“ใช่ครับ..นี่เป็นกฎระเบียบบริษัท…จะเข้าบริษัทต้องลงทะเบียนก่อน” ยามพูดอย่างเกรงใจ
“ไร้มารยาท! พวกเราจะเข้าบริษัทต้องลงทะเบียนก่อนหรือไง?” การ์ดชุดสูทคนหนึ่งคว้าหมับคอเสื้อยามขึ้นมา และเริ่มสตาร์ทรถแลนโรเวอร์!
รถแล่นเข้าพุ่งชนรั้วกั้นประตูใหญ่เอาดื้อๆ และชนยามคนนั้นกระเด็นไปไกลสิบกว่าเมตร และเบรคเอี๊ยดลงที่ด้านล่างของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป!
ยามคนนั้นโดนรถลากกระเด็นไปไกลสิบกว่าเมตร…รองเท้าเสียดสีจนเป็นรูหมดแล้ว..เท้าเองก็เสียดสีจนแตก กางเกงก็ขาดจนได้เลือด…สภาพน่าอนาถสุดๆ
การ์ดชุดสูทสะบัดมือ ทิ้งยามไปไกลหลายสิบเมตร
ประตูรถแลนโรเวอร์ทั้งห้าคันเปิดออก การ์ดชุดดำหลายคนลงมาช่วยบอสเปิดประตูรถอย่างเคารพนบนอบ
ผู้ชายคนนั้นที่ใส่ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเดินจับไม้เท้า ค่อยๆก้าวลงจากรถแลนโรเวอร์
พอเห็นฉากนี้…ยามมากมายที่เฝ้าหน้าประตูโกรธเดือด! ยามมากมายสิ่งเข้ามาจัดการ “เฮ้ยพวกแกทำร้ายคนทำไมน่ะ? คนต่างชาติอย่างพวกแกนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย!”
ผู้ชายคนนั้นไม่สนใจยามพวกนี้เลยสักนิด เดินเข้าไปในตึกเอาดื้อๆ การ์ดด้านหลังเดินตามติดเข้าตึก
มียามหลายคนในนั้นอยากจะทักท้วง..แต่กลับโดนการ์ดต่างชาติอีกคนหนึ่งสะบัดหลังมือตบกระเด็น…เลือดสาดกระจาย!
บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ห้องประธานกรรมการผู้จัดการ หลีชิงเยียนกำลังจัดการเอกสารของบริษัทอยู่
ทันใดนั้นจู่ๆประตูห้องก็เปิดออก โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น
หลีชิงเยียนรับโทรศัพท์ คิ้วงามขมวดมุ่น เป็นสายจากห้องยามรักษาความปลอดภัย เสียงยามคนหนึ่งดังเข้าหูหลีชิงเยียน “ประธานหลี…ด้านนอก…ด้านนอกมีคนต่างชาติจำนวนหนึ่งต้องการพบคุณครับ…”
หลีชิงเยียนสีหน้าชะงัก “คนต่างชาติ?” หลีชิงเยียนยังไม่ได้สติฉุกคิดจากภวังค์…ประตูห้องทำงานก็เปิดออกผ่างเลย
ผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยออร่าที่ไม่ธรรมดาเลย ภายนอกห้องทำงาน การ์ดมากมายในชุดสูทสีดำต่างยืนเฝ้าอยู่นอกห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
หลีชิงเยียนสีหน้าชะงักกึก ดวงตางามจ้องมองเขม็งไปที่ผู้ชายในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่เดินเข้ามา
ผู้ชายคนนั้นกวาดตามองไปทั่วห้องอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็นั่งลงที่โซฟา เขานั่งตรงนั้นแล้วมีท่าทีเหมือนเป็นเจ้าของห้องเองเลยซะงั้น
“เธอคือหลีชิงเยียนละสิ?” ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนโซฟา มือถือไม้เท้า ใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงดีถามขึ้น
หลีชิงเยียนสีหน้าสงสัย จ้องมองเขาเขม็ง ใช้ภาษาอังกฤษตอบกลับว่า “ฉันคือหลีชิงเยียน ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?”
ดวงตาสีน้ำเงินของผู้ชายคนนั้นขมวดเล็กน้อย “มิสหลีสมกับที่เคยไปเรียนต่อเมืองนอก สำเนียงชัดมาก”
หลีชิงเยียนงงเล็กน้อย มองผู้ชายคนนั้นที่ท่าทางแปลกๆอย่างสงสัย
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครกันแน่?” หลีชิงเยียนถามอย่างจริงจัง
ผู้ชายคนนั้นค่อยถอดหมวกสีน้ำเงินลงจากหัว เผยให้เห็นผมสีทองอ่อน เส้นผมถูกหวีจัดทรงไว้เรียบร้อยมาก ไม่มีกระดิกเลยสักกระผีก
“ฉันคือริชาร์ดแห่งประเทศอังกฤษ” น้ำเสียงผู้ชายคนนั้นราบเรียบสนิท แต่กลับมีแววภาคภูมิใจที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด!
ริชาร์ด ประเทศอังกฤษ?
เธอ…รู้จักหรอ?
หลีชิงเยียนประมวลผลในหัวอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีภาพความทรงจำเกี่ยวกับคนๆนี้เลย
หรือว่าเป็นเพื่อนคุณพ่อ?
พอได้ยินคำแนะนำตัวของผู้ชายคนนั้น ดวงตางามของหลีชิงเยียนฉายแววสงสัยขึ้นมา!
แต่ถึงหลีชิงเยียนจะสงสัย แต่ก็แสดงท่าทีมีมารยาท เธอเรียกเลขาเข้ามาสั่งงาน “ไปเตรียมชาให้คุณริชาร์ดด้วยนะ”
เลขาพยักหน้าเบาๆ รีบออกไปชงชาให้คุณริชาร์ด ใบชาเข้มๆมีกลิ่นหอมชนจมูก
พอเลขายกชามาเสิร์ฟให้ริชาร์ดอย่างเคารพ ริชาร์ดกลับขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่มั้ง พวกหัวเซี่ยอย่างพวกคุณดื่มชาเกรดแย่ขนาดนี้?” ริชาร์ดไม่พูดอะไรเลย เล่นสะบัดปัดแก้วชาตกพื้นเลย น้ำชากระฉอกสาดเต็มพื้น แก้วแตกกระจาย
“ไม่ใช่ชาดำซีลอนของIslamicka…กล้ายกมาเสิร์ฟฉันงั้นเรอะ?” ริชาร์ดมองด้วยสายตาอย่างผู้อยู่เหนือกว่า ด้วยสีหน้าเย็นชามาก!
พอเห็นอย่างนี้ ดวงตางามของประธานสาวชะงักกึก เหมือนไม่คิดมาก่อนว่า นายริชาร์ดคนนี้จะแปลกขนาดนี้ ไม่มีมารยาทขนาดนี้!
หลีชิงเยียนข่มกลั้นความโกรธเอาไว้ ถามเนิบๆว่า “คุณริชาร์ด ขอโทษนะคะ… ฉันไม่รู้จักคุณ ถ้าคุณเป็นเพื่อนคุณพ่อฉัน ก็ควรจะไปห้องประธานกรรมการมากกว่า?”
ริชาร์ดแสยะยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยาม “คนอย่างพวกเธอ…ไม่รู้จักตระกูลริชาร์ดของพวกเราอยู่แล้ว…แต่เธอต้องรู้นะว่า ริชาร์ดเป็นตระกูลที่พวกเธอแตะต้องไม่ได้หรอก และเป็นอำนาจที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของพวกเธอไม่มีทางเทียบติดหรอก ทางที่ดีบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของพวกเธออย่าหาเรื่องตายดีกว่า” น้ำเสียงเขาประชดประชันและข่มขู่เพียวๆ
พอได้ยินริชาร์ดพูดแบบนี้ คิ้วหลีชิงเยียนขมวดแน่นขึ้น “คุณริชาร์ด ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร”
“ฉันมาครั้งนี้ มาตามคำสั่งตระกูล มาคุยเรื่องซื้อบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป” ริชาร์ดพูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง
“ซื้อบริษัท?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว “บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของเรายังไม่มีความคิดจะขายบริษัท คุณริชาร์ด กลับไปเถอะค่ะ”
ริชาร์ดถอดหมวกออก ลุกขึ้นเดินมาทางหลีชิงเยียน พูดเน้นทีละคำว่า “หลีชิงเยียน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะปฏิเสธได้ ตระกูลริชาร์ดของเราต้องการจะทำอะไร ไม่เคยมีใครหรือองค์กรอะไรห้ามพวกเราได้…พวกเธอจะโดนซื้อ ต้องถือว่าโชคดีแล้ว”
สีหน้าหลีชิงเยียนเย็นชาฉับพลัน มีแววเย็นชาขึ้นมาที่ใบหน้างาม “ริชาร์ด ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลคุณเลยสักนิด ที่นี่คือหัวเซี่ย กรุณาจำไว้ด้วย!”
หลีชิงเยียนดวงตาเย็นชา “คุณริชาร์ด เรื่องวันนี้ฉันไม่อยากคุยอีก เชิญคุณกลับไปได้เลยค่ะ”
พอได้ยินคำพูดนี้ของหลีชิงเยียน ริชาร์ดอึ้งไปเลย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเพ่งเล็งไปที่หลีชิงเยียน แววเย็นชาพาดผ่านเข้ามา!
“หลีชิงเยียน..เธอนี่คือ…ปฏิเสธการเจรจากับตระกูลริชาร์ดของเรา?” ริชาร์ดพูดเสียงเย็นมาก มีแววข่มขู่เต็มเปี่ยม
“ปฏิเสธ? เหอะ ถ้าคุณคิดว่างั้น ก็อย่างงั้นละกัน” หลีชิงเยียนกอดอก ออร่าของประธานสาวกำจายออกมา วินาทีนี้เธอพูดตามแบบฉบับของเฉินเป่ยออกมาโดยไม่รู้ตัว ขนาดตัวเธอเองยังรู้สึกแปลกเลย…ทำไมถึงไปเรียนวิธีพูดของหมอนั่นมานะ?
เห็นได้ชัดว่า ตระกูลริชาร์ดที่ว่านี่…เธอไม่กลัวเลยสักนิด! เธอไม่รู้จักตระกูลริชาร์ดนี่เลย ต่อให้รู้จัก เธอก็ไม่กลัว!
สายตาริชาร์ดเย็นชามาก สีหน้าเริ่มขมวดคิ้ว เหมือนกำลังกรุ่นความโกรธ! ไม้เท้าในมือเขาเริ่มใช้แรง!
“แกร๊ก!” เสียงไม้เท้ากระแทกพื้นจนจนพื้นแตก! เห็นได้ถึงความน่ากลัว! นี่มันต้องใช้แรงมากขนาดไหน..ถึงจะทำแบบนี้ได้! !
“หลีชิงเยียน เธอแน่ใจว่าจะปฏิเสธการเจรจางั้นหรอ? !” น้ำเสียงริชาร์ดดูเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง “ผลลัพธ์ของการต่อต้านตระกูลริชาร์ดของเรามีเพียงอย่างเดียว!”
หลีชิงเยียนสีหน้าเย็นชาราวน้ำค้าง ไม่มีแววหวาดกลัวการข่มขู่ของริชาร์ดคนนี้เลยสักนิด!
“คุณริชาร์ด ฉันยังมีงานต้องทำ เชิญคุณเถอะค่ะ” หลีชิงเยียนผายมือไปทางประตูเป็นการบอกใบ้ ให้เขาจากไปได้แล้ว
สายตาริชาร์ดกระพริบปริบๆ ก่อนกลายเป็นเย็นชาขั้นสุด! ความสุภาพในท่าทีของเขาโดนความโกรธกลบหมดแล้ว!
หลีชิงเยียนนั่งลงเอง และเริ่มทำงานหน้าคอมต่อ เมินเฉยต่อริชาร์ดโดยสิ้นเชิง
เลขาค่อยๆโน้มตัวอย่างมีมารยาทว่า “ขอโทษด้วยค่ะคุณริชาร์ด ประธานหลีมีงานต้องทำต่อ เชิญเถอะค่ะ”
พอเห็นตัวเองโดนเมินเฉยแบบนี้! แถมยังโดนกระทำอย่างไร้มารยาทแบบ “เชิญออกนอกห้องทำงาน”แบบนี้อีก ความโกรธของริชาร์ดพุ่งปะทุทันที!
“ทำอย่างนี้ได้ไง! พวกเธอกล้าทำแบบนี้กับตระกูลริชาร์ดของเรา? ! หาเรื่องตายชัดๆ!” ริชาร์ดผุดลุกขึ้น ใช้ไม้เท้าชี้ไปที่หลีชิงเยียนกับเลขาคนนั้น สายตาเย็นชาเย่อหยิ่งสุดๆ พกการข่มขู่มาเต็มที่!
สีหน้าหลีชิงเยียนชะงัก พูดเสียงเย็นว่า “คุณริชาร์ด! ระวังคำพูดด้วย! ที่นี่คือหัวเซี่ย! เป็นสถานที่ที่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายหัวเซี่ย!” คำพูดนี้ของหลีชิงเยียนเพื่อเตือน และห้ามปราม! ประเทศหัวเซี่ย มีหรือจะยอมให้คนตะวันตกมาทำอะไรตามใจชอบได้? !
ริชาร์ดหัวเราะขึ้นมาดื้อๆ หัวเราะอย่างเย็นชา!เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้คนสงสัย!
“ประเทศหัวเซี่ย? เหอะเหอะเหอะ ตระกูลริชาร์ดของฉันเป็นใหญ่ในโลกมาโดยตลอด ในโลกนี้ยังไม่มีกฎหมายประเทศไหนสามารถลงโทษพวกเราได้! วันนี้…หลีชิงเยียนเธอต้องให้คำตอบที่ชัดเจนกับฉัน!” ไม้เท้าในมือริชาร์ดกระแทกลงพื้นอย่างแรง! จนพื้นแตกเกิดเสียงดังขึ้น! !
และตามเสียงพื้นแตกนี่ ประตูห้องกรรมการผู้จัดการปิดดังแกร๊ก โดนล็อคจากด้านนอกเอาดื้อๆเลย! การ์ดชุดดำด้านนอกพร้อมใจกันล็อคประตูจากด้านนอกเลย!
…..
วินาทีนี้ภายในห้องทำงานข้างๆ เฉินเป่ยนั่งบนเก้าอี้ประธานอย่างสบายอกสบายใจ ในมือถือแก้วชา พลางจิบชา เขาพาดขาหรี่ตาพริ้ม ไม่ต้องบอกเลยว่าสบายแค่ไหน
เมื่อวานหลังกลับมาถึงหู้ไห่ นั่งเครื่องบินมาทั้งคืน ฟ้าพึ่งจะสว่างถึงได้ลงเครื่อง หลีชิงเยียนก็รีบมาทำงานที่บริษัทเลย
หลีชิงเยียนไม่แม้แต่จะแวะไปเยี่ยมพ่อแม่ บอกว่าไปจากสำนักงานใหญ่หู้ไห่ซะนาน เธอมีงานอีกมากที่ต้องทำ
“ที่นี่ดีกว่านะเนี่ย” เฉินเป่ยนั่งอยู่ในห้องทำงานที่เป็นของตน วางสายลง เขาพึ่งคุยสายกับซูเสี่ยวหยุน ทำให้เขาอารมณ์ดี
เพียงแต่ว่า…หน้าอกเริ่มเจ็บมากขึ้น ทำให้เขาก้มหัวลงครุ่นคิด แววตาลุ่มลึก
การโจมตีครั้งสุดท้ายของหยูนหลิงเซียวทำร้ายเขาได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะเขาเผอเรอ แต่เป็นเพราะวิธีแทงครั้งสุดท้ายของหยูนหลิงเซียวแปลกมาก ทำให้เขาไม่ทันระวังตัวเหมือนกับมีอะไรบางอย่างมากั้นลมปราณไว้ ทำให้เขาโดนไปหนึ่งมีด
และพอเฉินเป่ยหันกลับมา หยูนหลิงเซียวก็หายตัวไปแล้ว
วิธีนี้คุ้นมาก สำหรับเฉินเป่ยแล้วมันคุ้นตามาก
ตอนนั้นมันเรียกความทรงจำเขากลับมา ทำให้เขาเริ่มหวาดระแวง
ดูแล้ว…เหมือนคนนั้นมาก
ทันใดนั้น เฉินเป่ยใจกระตุก เหมือนได้ยินเสียงจากห้องกรรมการผู้จัดการข้างๆ ดูมีการเคลื่อนไหว
เฉินเป่ยดึงบุหรี่ออก พอจุดติดก็หายใจเข้าไปหนึ่งเฮือก และวางแก้วชาลง ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงาน ไปยังห้องทำงานกรรมการผู้จัดการ
ตอนเขาเห็นการ์ดชุดดำหลายคนล็อคประตูห้องทำงานจากด้านนอก เขาเลิกคิ้วช้าๆ ยิ้มมุมปาก