สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 580
บทที่ 580 เดลิเวอร์รี่
พอเห็นข้อมูลมากมายที่โผล่มาท่ามกลางหน้าจอคอมพิวเตอร์…สีหน้างามของประธานสาวเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา!
ใช่! พอเปิดมาค้นหาในเว็บต่างประเทศ…ก็เจอข้อมูลมากมายของตระกูลริชาร์ดเข้า!
ตระกูลริชาร์ด…เป็นตระกูลใหญ่ที่สืบเชื้อสายมาตั้งแต่ศตวรรษที่17ของยุโรป…พอเห็นข้อมูลนี้ แววตาหลีชิงเยียนเคร่งเครียดขึ้นมาทันที! สืบเชื้อสายมาตั้งแต่ศตวรรษที่17? งั้นก็แปลว่า!
ถ้าตระกูลริชาร์ดนี้ยังอยู่…งั้น…ก็สืบเชื้อสายมาถึงสี่ร้อยกว่าปี! !
วินาทีนี้ หลีชิงเยียนสงบนิ่งไม่ไหวแล้ว! สี่ร้อยกว่าปี! อำนาจตระกูลใหญ่สี่ร้อยปี! วันเวลาที่เก็บมาเนิ่นนานขนาดนี้ งั้นตระกูลริชาร์ดจะพัฒนาจนมาถึงฐานะน่ากลัวใหญ่โตขนาดไหนเนี่ย?
หลีชิงเยียนค้นหาต่อไป ข้อมูลที่เก็บไว้ในเว็บต่างชาติพรั่งพรูออกมาไม่หยุด แววตาหลีชิงเยียนเริ่มเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ!
ตระกูลริชาร์ด…ตระกูลยุโรปอายุหลายร้อยปี! ธุรกิจของตระกูลมีธนาคารริชาร์ด…ตลาดหลักทรัพย์ริชาร์ด…เหมืองแร่ริชาร์ด…สมาคมริชาร์ด…พอเห็นโครงสร้างธุรกิจตระกูลใหญ่ที่ใหญ่ขนาดนี้ หลีชิงเยียนตะลึงไปเลย!
พอเห็นข้อมูลมหาศาลขนาดนี้ ดวงตางามหลีชิงเยียนเริ่มสับสนขึ้นมาแล้ว…เธอรู้สึกได้ถึงอำนาจมหาศาลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน…กำลังจะปรากฎความจริงออกมา!
บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของเธอเป็นธุรกิจระดับหนึ่งในร้อยของหัวเซี่ย ทรัพย์สินมูลค่ากว่าล้าน! แต่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปก็เป็นแค่เครือบริษัทของหัวเซี่ย… ยังขาดความสามารถในการบาลานซ์กับเมืองนอก..ยิ่งไม่มีทางมาเทียบระดับกับอำนาจตระกูลใหญ่ที่สืบเชื้อสายมายาวนานกว่าสี่ร้อยปีได้แน่!
หลีชิงเยียนจ้องหน้าจอคอมเขม็ง สายตาเริ่มสับสนมากขึ้น…เธอนึกถึงความเป็นไปได้ที่น่าตกใจขึ้นมาได้อีกอย่างหนึ่ง!
เพียงแค่ตระกูลริชาร์ดก็น่ากลัวขนาดนี้แล้ว! เฉินเป่ยกลับไม่แยแสตระกูลนี้เลย…มันแปลว่า…เบื้องหลังเฉินเป่ยคืออำนาจใช่หรือไม่? น่ากลัวกว่าตระกูลริชาร์ดนี่อีก? !
ถ้าเฉินเป่ยมีอีกฐานะหนึ่งจริงๆ…งั้นอำนาจเบื้องหลังเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน? เพียงแต่ว่าหลีชิงเยียนมักรู้สึกว่า ทั้งหมดนี่เป็นแค่เอ๋อตงเฉินกำลังแกล้งทำ…
“เฉินเป่ย…ราชาหลง?” หลีชิงเยียนพึมพำสองชื่อนี้ออกมาเบาๆ…ในสมองผุดภาพใบหน้ากวนอารมณ์ของเฉินเป่ยขึ้นมา..ผู้ชายที่ใบหน้ากวนโมโหนั่น..แต่กลับทำให้เธอหวั่นไหวหัวใจ…เป็นใครกันแน่?
หลีชิงเยียนสูดลมหายใจเข้าลึก ปิดหน้าต่างค้นหาทั้งหมด เธอหลับตาเบาๆ ขนตางามกระตุกเล็กน้อย ส่อให้เห็นแววเหนื่อยล้า เธอไม่อยากคิดต่อไปแล้ว…มันจะทำให้เธอยิ่งร้อนรนมากขึ้น…
และหลังจากหลีชิงเยียนหลับแล้ว จู่ๆประตูห้องก็เปิดออกอย่างเงียบเชียบ เงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาแผ่วเบาราวแมวย่อง พอเขาเห็นร่างที่ฟุบหลับบนโต๊ะทำงาน ก็ยิ้มมุมปาก รีบก้าวเท้าเข้ามาหาร่างนั้น
เฉินเป่ยอุ้มหลีชิงเยียนมาวางบนเตียงนอนอย่างอ่อนโยน ร่างงามหลีชิงเยียนอ่อนนุ่ม…สีหน้าออกขาว ดวงตางามปิดแน่น..หลับลึกมาก
เฉินเป่ยนั่งลงที่ริมเตียง จัดผมยาวของเธออย่างแผ่วเบา…เธอในตอนนี้สวยจนทำให้คนใจสั่น
เฉินเป่ยถอดรองเท้าของเธอแผ่วเบา จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้เธอ เพื่อป้องกันเธอไม่สบาย
ยามมองร่างงามที่หลับสนิทบนเตียง…ความมืดยามค่ำคืนยังอีกยาวไกล แต่เฉินเป่ยกลับรู้สึกสงบในใจ เพราะผู้หญิงที่เขาแคร์นอนหลับบนเตียง ปลอดภัยมาก อบอุ่นมาก
…
ค่ำคืนยาวนาน
เฉินเป่ยบิดขี้เกียจ ลืมตาขึ้น ดวงตางามของหลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างยังหลับสนิท เสมือนแมวน้อยนอนขดตัวอยู่บนเตียงนอน เธอเหมือนยังหลับอยู่
เฉินเป่ยที่บาดแผลยังไม่หายดี บิดขี้เกียจออกมา เมื่อคืนหลังจากเขาอาบน้ำเสร็จ ก็มานอนบนเตียงข้างหลีชิงเยียนทั้งคืน เพียงแต่ว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ทำอะไรเลย ขนาดโอบกอดยังไม่มี แค่มานอนพักบนเตียงเฉยๆเท่านั้นเอง
ร่างหลีชิงเยียนหอมมาก เธอนอนอยู่บนเตียง กลิ่นหอมอ่อนๆลอยมา มันหอมมาก เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉินเป่ยเริ่มทนไม่ไหวแล้ว เขาชอบดมกลิ่นหญิงสาวอยู่แล้ว…งานอดิเรกใหญ่ที่สุดของเขาคือสัมผัสกลิ่นหอมของผู้หญิง และตอนนี้มีสาวสวยอย่างนี้นอนข้างเขา เขาต้องหวั่นไหวอยู่แล้ว…
เฉินเป่ยเขยิบเข้าใกล้ร่างหลีชิงเยียนแผ่วเบา ดมกลิ่นหอมอ่อนๆบนตัวเธอ…มันหอมมากจริงๆ ทำให้คนติดได้… และในตอนนี้ หลีชิงเยียนที่นอนขดเป็นแมวก็ขยับร่างงามเบาๆ…จากนั้นก็ลืมตาตื่นขึ้น…
หลีชิงเยียนลืมตาตื่นมาปุ๊ย ก็เจอเฉินเป่ยที่อยู่ห่างแค่คืบ..เขากำลังเขยิบเข้าใกล้เธอ…ไม่รู้ว่าคิดทำอะไร?
จังหวะ0.01วินาทีนี้ หลีชิงเยียนรู้สึกถึงความปลอดภัย..เพราะมีเฉินเป่ยอยู่ข้างกาย..ความรู้สึกแบบนี้มันปลอดภัยมากจริงๆ
วินาทีต่อมา หัวใจหลีชิงเยียนก็เต้นตุ้มๆต่อมๆ…เธอเริ่มรู้สึกตัว และเบิกตากว้าง!
ไม่สิ! นี่มันห้องเธอเอง หมอนี่มานอนอยู่บนเตียงเดียวกับเธอได้ยังไง!
ใบหน้างามของหลีชิงเยียนเผยแววเย็นเยียบขึ้นมา จ้องมองเฉินเป่ยอย่างเย็นชา สีหน้าเย็นเยือก รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน!
จากนั้น เธอก็ยกขายาวขึ้นถีบเฉินเป่ยอย่างแรงโดยไม่ลังเล!
“ปึ้ก!” เฉินเป่ยยังไม่ทันตื่นดีก็โดนหลีชิงเยียนเตะตกจากเตียง เขามองตามแผ่นหลังหลีชิงเยียนพุ่งออกจากห้องด้วยความโกรธ ทันใดนั้นเขายิ้มมุมปาก
พอทานอาหารเช้าเสร็จ…
ประธานสาวรออยู่หน้าคฤหาสน์อยู่นานแล้ว ถึงเห็นเฉินเป่ยขับรถออกมา สีหน้าเธอเย็นชามาก เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดี
ประธานสาวขึ้นรถอย่างอารมณ์ไม่ดี เฉินเป่ยขับรถไปที่บริษัท
ระหว่างทาง ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกัน
“ทำไมเมื่อคืนอยู่ห้องฉัน?” ประธานสาวทนอยู่นานกว่าจะถามออกมา น้ำเสียงเย็นชามาก
เฉินเป่ยกระดากใจ เขาขับรถไปก็ลังเล ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
พอเห็นเฉินเป่ยลังเล หลีชิงเยียนเริ่มสับสน หมอนี่ต้องจงใจแน่ๆ! ! ยิ่งคิดยิ่งวุ่นใจ…หัวใจเธอเริ่มสับสน
เฉินเป่ยกลับมาห้องทำงานตัวเอง พึ่งจะจุดบุหรี่ ประตูห้องทำงานก็เปิดออก
“พี่เฉิน มีจดหมายมาถึงพี่ รบกวนเซ็นรับด้วยค่ะ” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งยืนพูดอยู่หน้าประตูอย่างมีมารยาท
เฉินเป่ยอึ้ง จดหมายของเขา? ต้องเซ็นรับเองด้วย?
จากนั้น เพื่อนร่วมงานหญิงพาผู้ชายในชุดสูทเข้ามา
ผู้ชายในชุดสูท ท่าทางสุภาพมาก เขาเดินมาโค้งคำนับหน้าเฉินเป่ยอย่างเคารพ พลางแนะนำตัวว่า “คุณเฉินสวัสดีครับ ผมเป็นเดลิเวอร์รี่ทั่วโลก มีจดหมายของคุณ รบกวนเซ็นรับด้วยครับ”
เฉินเป่ยยิ่งสงสัยมากขึ้น…เดลิเวอร์รี่ทั่วโลก? ส่งจดหมายฉบับหนึ่งต้องใช้บริการเดลิเวอร์รี่หรูขนาดนี้? ดูลึงลับจัง?
พนักงานเดลิเวอร์รี่คนนั้นโค้งคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นก็ยื่นจดหมายในซองสีทองมาที่หน้าเฉินเป่ย
“คุณเฉิน กรุณาเซ็นรับด้วยครับ” พนักงานพูดอย่างเคารพ
“คนส่งคือใคร?” เฉินเป่ยถาม
พนักงานพยักหน้าอย่างเคารพ พูดออกมาว่า “ขอโทษครับคุณเฉิน นี่เป็นข้อมูลความลับของลูกค้า..ไม่สามารถเปิดเผยได้”
พอเห็นพนักงานไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนส่ง เฉินเป่ยขี้เกียจสนใจเขาอีก “ไม่เซ็น ไป”
พนักงานอึ้งเล็กน้อย…เหมือนคิดไม่ถึงว่า…อีกฝ่ายไม่ยอมเซ็นรับ?
“คุณเฉิน…คนส่งกำชับมาว่า…นี่…จดหมายฉบับนี้สำคัญกับคุณมาก..ต้องให้คุณเซ็นรับให้ได้…” พนักงานโค้งคำนับ พูดอย่างจริงจัง
เฉินเป่ยเริ่มรำคาญ ตะคอกออกมา “ไป!”
พนักงานตกใจแทบขวัญหนีดีฝ่อ! รีบวิ่งผลุนผลันออกจากห้องทำงาน!
เฉินเป่ยจุดบุหรี่ขึ้น เปิดคอมเล่นเกมส์อย่างสบายอารมณ์
สำหรับจดหมายลึกลับเมือกี้ เขาไม่คิดแคร์ โลกนี้ไม่มีอะไรที่คนอย่างราชาหลงจะกลัว!
…
เมืองหู้ไห่ ภายในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่งยืนหน้าหน้าต่าง จับจ้องมองวิวทิวทัศน์ของหู้ไห่เขม็ง
ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญ” ชายหนุ่มพูดเสียงเบา
จากนั้น พนักงานเดลิเวอร์รี่ในชุดสูทสุภาพเดินเข้ามาอย่างเคารพ
“คุณครับ จดหมายของคุณ…อีกฝ่ายไม่ยอมเซ็นรับ” พนักงานเดลิเวอร์รี่โค้งคำนับพูดอย่างลำบากใจ
“หือ…ไม่ยอมรับ?” ขายหนุ่มไขว้มือไว้ด้านหลัง สายตาส่อแววคมปลาบขึ้น
“ใช่ครับ เขาไม่ยอมรับ?” พนักงานตอบอย่างเคารพ
“รู้แล้ว เก็บจดหมายไปเถอะ” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ
พนักงานเดลิเวอร์รี่เอาจดหมายนั่นไว้บนโต๊ะ และออกไปอย่างระมัดระวัง
ชายหนุ่มหรี่ตาลง ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ในเมื่อแกไม่รับ…งั้นฉันจะส่งไปให้แกด้วยตัวเอง..เพียงแต่ไม่รู้ว่าแกจะรับไหวไหม? !”
“เอ๋อตงเฉิน…นี่เป็นของขวัญที่จิงส่งมาให้แก..ต่อให้แกไม่เอา ก็ต้องรับ..”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มยกมือขึ้นวางฝ่ามือไว้ที่หน้าต่างเบื้องหน้า เหมือนกำลังครุ่นคิด
“ภาพวิวของเมืองหู้ไห่ก็แค่นี้เอง…” เสียงเขาราบเรียบนิ่ง เหมือนมีแววเยาะหยันอยู่ในนั้น พอเขาพูดจบ กระจกหนาเบื้องหน้ากลับเกิดเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมา! รอยนั่นค่อยขยายมากขึ้นตามฝ่ามือของเขา จากนั้น…กระจกหนากันกระแทกนั่นก็แตกร้าวทันที! !
กระจกกันกระแทกมีความหนามากเป็นพิเศษ คนปกติต่อให้ใช้ค้อนทุบก็ยากจะทุบแตกได้! แต่ผู้ชายลึกลับคนนี้…กลับใช้แค่วางฝ่ามือทาบลงไป ก็สามารถสร้างรอยแตกร้าวน่ากลัวขนาดนี้! มันต้องมีพลังน่ากลัวขนาดไหนเนี่ย! ต้องใช้พลังฝ่ามือน่ากลัวขนาดไหน? มากอีกนิ้วหนึ่ง กระจกก็จะระเบิด…น้อยไปนิ้วหนึ่ง พลังก็จะสูญเสียการควบคุม!
ชายหนุ่มดึงมือกลับ จากนั้นหยิบจดหมายซองสีทองบนโต๊ะขึ้นมา และเดินออกจากห้องอย่างเรียบเฉย…พอเขาออกไป…พื้นไม้ที่หนามากในห้องก็ยุบตัวลงทันที…รอยฝ่าเท้าลึกน่ากลัวปรากฏบนพื้นที่ยุบตัวลง..เพียงแค่ไม่กี่รอยฝ่าเท้าที่ย่างก้าวไว้..น่ากลัวขนาดนี้เลย? !
…
ตอนบ่าย เฉินเป่ยกำลังหลับกลางวันอยู่บนโต๊ะ…ทันใดนั้นรู้สึกคันที่จมูก และจามออกมา
เฉินเป่ยนวดจมูก บ่นพึมพำว่า “อ้าวเฮ้ย…นี่ใครมันแช่งฉันอยู่เนี่ย?”
เฉินเป่ยเปลี่ยนท่านอน และฟุบนอนบนโต๊ะต่อ ตั้งแต่มาที่หัวเซี่ย การนอนกลางวันกลายเป็นความเคยชินของเขาไปแล้ว เพราะนอกจากนอนแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี…มันน่าเบื่อมากนี่นา…
ใต้ตึกตระกูลหลี พระอาทิตย์สาดแสง หน้าประตู ยามหลายคนยืนรักษาการณ์หน้าประตู
จากนั้นตอนนี้เอง มีรถเก๋งออดี้ในป้ายทะเบียนปักกิ่งแล่นเข้ามา และเบรคเอี๊ยดหยุดลงที่หน้าตึก!
พวกยามพากันตะลึง จะเข้ามาถาม…จากนั้นก็มีรถอีกหลายสิบคันขับเข้ามา..รถแต่ละคันที่มีป้ายทะเบียนปักกิ่งแล่นปราดมาจอดหน้าตึกตระกูลหลี! พอเห็นฉากนี้ บรรดายามอึ้งเป็นไก่ตาแตก! นี่…รถป้ายทะเบียนปักกิ่งมากขนาดนี้..คงไม่ใช่มาก่อเรื่องหรอกนะ? ! ไม่น่าจะมาหาพี่เฉินหรอกใช่ไหม? !
หน้าตึกใหญ่ เพื่อนร่วมงานที่เข้าๆออกๆต่างตะลึงไปตามๆกัน พากันหยุดชะงักมองฉากนี้อย่างสงสัย! รถป้ายทะเบียนปักกิ่งเยอะขนาดนี้…จะทำอะไรเนี่ย?
หัวหน้ายามนำทีมเดินออกมา ถามอย่างสุภาพว่า “ทุกท่าน พวกคุณเป็นใครครับ? มาบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของเรา มีธุระอะไรหรอครับ?”
เซี่ยหมิงพูดจบปุ๊บ รถทะเบียนปักกิ่งหลายสิบคันก็พากันเปิดประตูรถ สื่อมวลชนจำนวนมหาศาลพร้อมกล้องถ่ายรูปในมือพากันลงมาจากรถ
เซี่ยหมิงตกใจกับฉากนี้มาก! นักข่าวเยอะขนาดนี้? พอเห็นกล้องถ่ายรูปมากมายขนาดนี้ เซี่ยหมิงงงเลย! นี่จะทำอะไรกันเนี่ย? !
“พวกคุณ…พวกคุณจะทำอะไรน่ะ?” เซี่ยหมิงถามอย่างงงงวย
ประตูรถออดี้ทะเบียนปักกิ่งเปิดออก ชายหนุ่มในชุดธรรมดาคนหนึ่งลงมาจากรถ เขาใส่ชุดแน่นเปี๊ยะดูราวกระบี่คม! บรรยากาศดูจะเย็นเยือกขึ้นด้วยการปรากฎตัวของเขา!
“ฉันมาหาเฉินเป่ย” น้ำเสียงชายหนุ่มราบเรียบมาก ออกแนวแหบพร่าเล็กน้อย มันดูแปลกมาก คนหนุ่มอย่างเขา น้ำเสียงที่ออกมากลับดูแหบพร่าเหน็ดเหนื่อย เหมือนผ่านประสบการณ์มาหลายสิบปี
พอได้ยินแบบนี้ บรรดายามหน้าประตูก็พากันบ่นอุบ! ว่าแล้วไง! คนพวกนี้มาหาพี่เฉินจริงด้วย! !
พี่เฉินนี่ชอบหาเรื่องจริงๆเล้ย! ต้องมีคนมาหาเรื่องเขาทุกๆสามวัน!
บรรดาเพื่อนร่วมงานที่ออกันหน้าประตูก็มองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้างุนงง! ทำไมมาหาเฉินเป่ยอีกแล้วล่ะ? ทุกวันต้องมีคนมาหาเฉินเป่ย! บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจะกลายเป็นบริษัทโฆษณาของเฉินเป่ยอยู่แล้ว!
ครั้งนี้มีนักข่าวมากมายขนาดนี้มาหาเฉินเป่ย..ทำให้พวกเซี่ยหมิงและเพื่อนร่วมงานรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี! ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ!
“เร็ว รีบไปบอกพี่เฉิน!” หัวหน้ายามสั่งการกับยามอีกคน ยามคนนั้นรีบพุ่งเข้าไปในตึกหน้าตาตื่น วิ่งตรงไปที่ห้องทำงานเฉินเป่ยเลย!
ห้องทำงานชั้นเก้าสิบเก้า เฉินเป่ยกำลังนอนฟุบโต๊ะหลับกลางวันอยู่เลย ทันใดนั้นประตูห้องเขาโดนเคาะอีกแล้ว!
“ก๊อกก๊อกก๊อก—!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นรัวๆ!
เฉินเป่ยสะดุ้งลุกจากโต๊ะขึ้นมา “แม่งเอ๊ย! จะขอนอนหน่อยไม่ได้หรือไงหา? !” เฉินเป่ยแทบจะระเบิดแล้ว! บ่ายวันนี้มันอะไรเนี่ย? จามติดกันไม่หยุด..ตอนนี้ก็มีคนมาเคาะประตูอีก…เขาจะนอนกลางวันสงบๆยังไม่ได้เลย!
ยามคนนั้นยืนหน้าประตูอย่างหวั่นๆ สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย พูดเสียงสั่นเทาว่า “พี่…พี่เฉิน…ขอโทษที่มารบกวนครับ…”
“มีอะไรรีบพูดมาเลย!” เฉินเป่ยเริ่มรำคาญแล้ว
ยามรายงานตะกุกตะกัก “คือว่า..ด้านล่าง ด้านล่างมีนักข่าวกลุ่มใหญ่…และยังมีผู้ชายแปลกๆคนหนึ่งมาหาพี่ครับ…”
เฉินเป่ยอึ้ง นักข่าว? นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“ให้พวกเขาไปซะ! มายุ่งเวลานอนฉัน!” เฉินเป่ยไล่ไปอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนคิดจะฟุบหลับต่อ
เสียงเคาะประตูของยามหน้าห้องดังมาก แน่นอนว่าดังไปถึงห้องทำงานข้างๆของประธานสาวด้วย หลีชิงเยียนเดินกระแทกรองเท้าส้นสูงออกมา ถามยามอย่างสงสัย พอเข้าใจเรื่องทั้งหมด เธอขมวดคิ้วแน่…นักข่าว? แถมยังมีผู้ชายแปลกๆอีก?? นายเฉินเป่ยไปหาเรื่องมาอีกแล้ว? !
เธอยืนหน้าห้องทำงานเฉินเป่ย พูดเสียงเย็นว่า “เลิกนอนได้ละ รีบลงไปดูเลย นี่เรื่องที่นายก่อ นายลงไปจัดการให้ฉันให้เรียบร้อยซะ!”
เฉินเป่ยไม่สน ยังคงฟุบหบหลับต่อไป..
หลีชิงเยียนสองมือเท้าเอว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
ซี๊ด! พอได้ยินเสียงดุราวแม่เสือของประธานสาว เฉินเป่ยรีบลุกขึ้นยืนตัวตรง ความง่วงหายวับในพริบตา! แม่เสือโกรธแล้ว!
“ยังไม่ลงไปอีก? นายก่อเรื่องเอง ก็จัดการเองซะ!” หลีชิงเยียนถลึงตาใส่ สีหน้าโมโหมาก แต่ดันสวยเช้ง
ประธานสาวสั่งการแล้ว…เฉินเป่ยมีหรือจะกล้านอนต่อ? ดังนั้นเขาเลยโดนแม่เสือบีบให้ลงตึก…ส่วนหลีชิงเยียนก็ลงไปด้วย เธอจะลงไปดูว่าเรื่องอะไรกันแน่? ถึงได้ชักจูงให้นักข่าวจำนวนมากมาแบบนี้?