สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 587
บทที่587 ต่อยคนของฉัน
หลังจากการปรากฏขึ้นของเสียงนี้ ชั่วขณะนั้นแรงอาฆาตแค้นของทาเคอุจิคุงก็แข็งตัว จากนั้นค่อยๆ เหือดหายไป…อาวุธต่อสู้เล่มนั้นถูกเก็บกลับเข้าในฝักช้าๆ ทุกอย่าง…กลับคืนสู่ความนิ่งสงบดังเดิม
ทาเคอุจิคุงจ้องเฉินเป่ยแวบหนึ่งด้วยแววตาเย็นชา นั่นคือสายตาที่มองคนตายแบบหนึ่ง ไม่ผิด…ในสายตาของทาเคอุจิคุง…เฉินเป่ยจัดว่าเป็นคนตายคนหนึ่งไปแล้ว
หลังจากทาเคอุจิคุงถอยไป ประตูรถของรถเลกซัสคันนั้นจึงค่อยๆ เปิดออก…
ผู้ชายที่แต่งเครื่องแบบญี่ปุ่นคนหนึ่งก้าวออกมาจากรถช้าๆ ผมยาวมัดขึ้นไว้ด้านหลัง บนหน้าไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย ลุ่มลึกดุจบ่อน้ำโบราณ ที่หน้าอกด้านซ้ายของเขายังปักอักษรคำว่า’เคน’ตัวหนึ่ง ราวกับเป็นสัญลักษณ์สถานะของเขา
เหล่านักฆ่ากลุ่มนั้นโค้งคำนับให้ทั้งหมด ใช้มารยาทการเคารพแบบญี่ปุ่น แสดงถึงความเคารพต่อเขา
“เรียกหลีชิงเยียนออกมายอมรับผิดและขอโทษกับฉัน” ยามาโมโตะเคนล้ำลึกอย่างยิ่ง ทั่วทั้งตัวปล่อยออร่าที่ทำให้คนไม่มีทางปฏิเสธได้ออกมา
“คนญี่ปุ่น ฉันขอเตือนพวกแกแก๊งยามาโมโตะว่าดีที่สุดกลับญี่ปุ่นไปแบบเชื่อฟัง…หัวเซี่ยไม่ใช่ที่ที่พวกแกจะมากันได้ตามใจชอบ…” เฉินเป่ยสูบบุหรี่ มองยามาโมโตะเคนอย่างเฉยชา ในน้ำเสียงนั้นดูนิสัยดื้อรั้น ไม่หวาดกลัวคนญี่ปุ่นกลุ่มนี้แม้แต่น้อย
ยามาโมโตะเคนเอามือทั้งสองไพล่หลัง กวาดแววตาที่นิ่งๆ มองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง “แกเป็นใคร?” เสียงของเขาสงบมาก ไม่มีกระเพื่อมสั่นไหวสักนิดเดียว เดิมทีเหมือนไม่ได้เห็นคนหัวเซี่ยตรงหน้าอยู่ในสายตาเลย
เฉินเป่ยหรี่ดวงตาเล็กน้อย “แกไม่รู้จักฉัน?”
ยามาโมโตะเคนได้ยินดังนั้น จึงชายตามองเขาอีกที มุมปากเผยยิ้มเยาะที่เหยียดหยาม “พวกต่ำต้อยของหัวเซี่ย แกยังไม่คู่ควรมาอยู่ในสายตาของฉัน”
ได้ยินคำพูดนี้ เฉินเป่ยหัวเราะแล้ว…หัวเราะแบบมีความหมายแฝง “ดูแล้ว…แกคงไม่รู้จักฉันจริงๆ…”
ที่จริงคนที่สามารถกำเริบเสิบสานแบบนี้ต่อหน้าราชาหลงได้…เห็นได้ถึงความไม่รู้เรื่องของคนญี่ปุ่นตรงหน้าคนนี้…ดูแล้วฝ่ายตรงข้ามคงเป็นเพียงพวกระจอกของแก๊งยามาโมโตะ มิฉะนั้นทำไมถึงไม่รู้จักสถานะของเฉินเป่ย…และทำไมถึงกล้าโอหังต่อราชาหลงเช่นนี้?
“วันนี้ ถ้าหลีชิงเยียนไม่ออกมา งั้นพวกฉันจะปิดตายหน้าประตูของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป จากนั้น…ฆ่านองเลือด…” ทาเคอุจิคุงที่อยู่ด้านหลังสีหน้าหนาวเย็นอย่างมาก ราวกับยมทูตตนหนึ่งมาเยือน
พอคำพูดของเขาออกมา อากาศล้วนเย็นเฉียบทันใด เหล่าพนักงานที่อยู่รอบด้านกลุ่มนั้นต่างตกใจงุนงงกัน ถอยหลังหลบไม่หยุด ทุกคนโดนคนญี่ปุ่นขู่ขวัญแล้ว
ดวงตาเฉินเป่ยนิ่งสงบอย่างยิ่ง เขาค่อยๆ ทิ้งขี้บุหรี่ลง ในแขนเสื้อมือขวา…มีแสงดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นช้าๆ…
“ดูแล้ววันนี้…ต้องฝ่าฝืนข้อห้ามแล้วล่ะ…” เสียงของเฉินเป่ยเรียบนิ่งไร้ที่เปรียบ ไม่มีอารมณ์สั่นไหวแม้แต่น้อย หลังจากเขากลับมาที่หัวเซี่ย เขาสาบานว่าจะไม่ฆ่าคนตามอำเภอใจ…เพราะเขาไม่อยากทำให้ดินแดนหัวเซี่ยถูกความสกปรกของตนเองแปดเปื้อน…แต่เวลานี้คนญี่ปุ่นกลุ่มนี้…กลับกำลังบีบให้เขาฝ่าฝืนข้อห้าม คนญี่ปุ่นคิดจะสังหารนองเลือดบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป? งั้นก่อนที่พวกเขาจะลงมือกัน…ราชาหลงคงได้สังหารนองเลือดคนญี่ปุ่นกลุ่มนี้เสียก่อน
“ฉันคือหลีชิงเยียน!” ในเวลานี้ เสียงที่น่าดึงดูดเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหัน
เห็นเพียงหลีชิงเยียนท่านประธานเทพธิดาก้าวออกมาจากรถ ใส่รองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาอย่างหนาวเหน็บ
เฉินเป่ยตะลึงเล็กน้อย คุ้มกันหลีชิงเยียนไว้ด้านหลังโดยจิตใต้สำนึก “คุณออกมาทำอะไร?”
“จัดการธุระไง” น้ำเสียงหลีชิงเยียนเด็ดเดี่ยวมีพลัง มีความงดงามที่ทรงเสน่ห์
เฉินเป่ยหมดคำจะพูดอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้…ให้ผู้หญิงคนนี้ออกมา นี่ไม่ใช่เพิ่มความวุ่นวายขึ้นเหรอ? ในฐานะเป้าหมายของการคุ้มครอง เขาไม่อยากให้หลีชิงเยียนกับแก๊งยามาโมโตะมีการติดต่อแต่อย่างใด…นี่คือองค์กรอิทธิพลมืดกลุ่มหนึ่ง…ไม่ว่าเรื่องอะไรพวกเขาก็ทำได้ทั้งนั้น…ดังนั้นเฉินเป่ยจึงทุ่มสุดกำลังอยากปกป้องเธอ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับโผล่ออกมาเสียเอง~
ในเวลานี้ ซูเหลยค่อยๆ เดินเข้ามาเช่นกัน ยืนอยู่ข้างกายหลีชิงเยียนแบบเงียบเชียบ…นี่คือตำแหน่งคุ้มครองที่เป็นมืออาชีพมาก สามารถคุ้มครองความปลอดภัยของหลีชิงเยียนได้ทั่วทุกทาง
สายตายามาโมโตะเคนสงบลุ่มลึก จ้องหลีชิงเยียนนิ่งๆ “เธอคือหลีชิงเยียน?”
“ใช่” หลีชิงเยียนพยักหน้า สายตาฉลาดเฉียบแหลม “ขอโทษนะคะคุณคือ?”
“สมาชิกแก๊งยามาโมโตะ เรียกยามาโมโตะเคนก็ได้!” ยามาโมโตะเคนเอามือทั้งสองไพล่หลัง ยืดอกเย็นชาหยิ่งยโสไร้ที่เปรียบ ชื่อของแก๊งยามาโมโตะ เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนหวาดกลัวและยอมอยู่ใต้อำนาจ
หลีชิงเยียนพยักหน้าเบาๆ “คุณยามาโมโตะเคนสวัสดีค่ะ เมื่อคืนนี้ฉันงานยุ่งมาก ถ้าเกิดผิดนัดไป ขอให้คุณอภัยด้วยค่ะ” เสียงเธอน่าดึงดูดและนิ่งสงบ ยามอยู่ต่อหน้ายามาโมโตะเคนยังไม่มีสั่นไหวสักนิดเดียว
ยามาโมโตะเคนก็ตะลึงค้างนิดหน่อย…เขานึกไม่ถึงว่า…ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้…หลังจากได้ยินที่มาของตนเอง…คาดไม่ถึงหน้าตาไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย?
“คุณยามาโมโตะเคน มีเรื่องอะไรไม่สู้เข้าไปคุยกันด้านในดีกว่าค่ะ” หลีชิงเยียนใบหน้ามีบุคลิกภาพดูดี พูดเชื้อเชิญอย่างใจกว้าง
ยามาโมโตะเอามือไพล่หลัง ทำเสียงฮึดฮัด เดินเข้าไปในอาคารโดยตรง นักฆ่ากลุ่มหนึ่งด้านหลังตามเข้าไปติดๆ
เฉินเป่ยมึนงงอยู่บ้าง…นี่…นี่จัดการได้แล้ว? ในขณะนี้เขาต้องนับถือหลีชิงเยียนแล้ว…ผู้หญิงคนนี้ยังมีความสามารถอยู่จริงด้วย~ นี่พูดจามาสองสามประโยคเอง กลับแก้ไขเหตุขัดแย้งได้แล้ว? ถ้าว่าตามวิธีการจัดการของเฉินเป่ย วันนี้การสังหารนองเลือดคงเลี่ยงได้ยาก แต่เวลานี้การสังหารนองเลือดฉากนี้ถูกแก้ไขแบบเงียบเชียบเช่นนี้แล้ว…
ห้องประชุมบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป
ยามาโมโตะเคนนั่งอยู่ทางหัวโต๊ะประชุมแบบอยู่เหนือมวลชน สายตาของเขาสงบอย่างยิ่ง แต่กลับมีความทระนงองอาจอย่างไม่มีทางปฏิเสธได้
ด้านหลัง ทาเคอุจิคุงกอดหน้าอกไว้ อาวุธเล่มนั้นถูกเขาวางไว้ที่หน้าอก ทั่วตัวราวกับธนูและศรอันหนึ่ง
ส่วนด้านนอกห้องประชุม นักฆ่ากลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่หน้าประตูด้วยความเคารพนอบน้อม ทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยแรงอาฆาตและความเคารพอย่างสุดซึ้ง เหมือนว่าทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของแก๊งยามาโมโตะ
แต่เกรงว่าแก๊งยามาโมโตะคงไม่รู้ ขอเพียงในห้องประชุมมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่…การควบคุมทั้งหมดของพวกเขาก็ไร้ประโยชน์ในชั่วขณะนั้น นั่นคือราชาหลง เฉินเป่ยในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ข้างกายหลีชิงเยียน มองยามาโมโตะอย่างสงบเฉยชา โดยเฉพาะ…ยังไม่เพียงอยู่คนเดียว ซูเหลยสาวงามผมทองยังนั่งอยู่อีกข้างของหลีชิงเยียน กำลังดื่มชาดอกกุหลาบแบบมีความหมายแฝง~
บุคคลยิ่งใหญ่ตั้งสองท่าน บุคคลแข็งแกร่งน่ากลัวทั้งสองของทหารรับจ้างหลงหุนนั่งอยู่ที่นี่…หลีชิงเยียนจะมีอันตรายได้อย่างไร?
“หลีชิงเยียน เรื่องของเมื่อวาน พอจะให้อภัยเธอได้ แต่ที่เข้ามาวันนี้ เธอจำเป็นต้องให้ความกระจ่างอย่างหนึ่งกับแก๊งยามาโมโตะ!” เสียงยามาโมโตะเคนสงบและล้ำลึก ทำให้คนไม่มีทางปฏิเสธ
หลีชิงเยียนมึนงงเล็กน้อย ใบหน้างดงามไม่สั่นไหวสักนิด “คุณยามาโมโตะเคน คุณอยากได้คำอธิบายอะไร?”
“ทำไมถึงเป็นศัตรูกับริชาร์ดครั้งแล้วครั้งเล่า แถมเมื่อคืนยังไม่มาคุยธุระ” ยามาโมโตะเคนค่อยๆ พูดขึ้น
ซู่! พอได้ยินคำพูดนี้ หลีชิงเยียนใบหน้าแข็งทื่อ
“คุณยามาโมโตะเคน ฉันไม่เข้าใจความหมายของคุณ” หลีชิงเยียนจ้องฝ่ายตรงข้ามด้วยดวงตานิ่งเหลือเกิน แต่ท่าทีกลับเย็นชาลงมาเล็กน้อย
“ขอโทษริชาร์ดซะ” ยามาโมโตะเคนค่อยๆ บอกไป น้ำเสียงทอดยาวล้ำลึก
ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนเรียบเฉยดุจน้ำ พูดด้วยเสียงน่าดึงดูด “คุณยามาโมโตะเคน การล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลกเลยนะคะ”
หลีชิงเยียนไม่มีความหวาดกลัวใดๆ ทว่ายังตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามไปโดยตรง
“นี่ไม่ใช่การล้อเล่น” น้ำเสียงในวินาทีนี้ของยามาโมโตะเคนทอดยาวไร้ที่เปรียบ นั่นคือความเย็นชาและก้าวร้าวที่เป็นโดยธรรมชาติ
หลีชิงเยียนเอาผมยาวทัดหูไปเบาๆ พูดด้วยสายตาสงบอย่างยิ่ง “ขอโทษนะคะ คุณยามาโมโตะเคน…ฉันขอปฏิเสธ”
บรรยากาศเงียบงันลงในชั่วขณะนั้น
สีหน้าของยามาโมโตะเคนยังคงสงบ เพียงแค่…สายตาของเขากลับดูแหลมคม จ้องหลีชิงเยียนตรงๆ ราวกับ…กำลังจ้องเหยื่อไว้
“หลีชิงเยียน เธอว่าอะไรนะ? ฉันเหมือนได้ยินไม่ชัด” เสียงของยามาโมโตะเคนลุ่มลึกทอดยาว ทำให้คนฟังเกือบจะมีความรู้สึกที่สั่นเทิ้ม
ดวงตาหลีชิงเยียนมีความแน่วแน่ พูดอีกครั้งหนึ่ง “ฉันพูดว่า…ข้อเรียกร้องที่พวกคุณแก๊งยามาโมโตะเสนอขึ้นมา ฉันขอปฏิเสธ”
วินาทีนี้ อากาศอุณหภูมิลดลงฉับพลัน
สายตาของยามาโมโตะเคนแข็งขึ้น ทั้งตัวเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นผิดปกติ คล้ายกับเทพแห่งการสังหารที่น่ากลัวผู้หนึ่ง
ด้านหลัง ทาเคอุจิคุงหายใจทอดยาวลึกๆ เหมือนสัตว์ป่าดุร้ายที่อยากลงมือตะครุบเหยื่อ แม้แต่รอยแผลเป็นบนหน้าเขานั้นยังค่อยๆ บิดเบี้ยว
ช่วงที่เงียบเชียบ เฉินเป่ยกุมมือของหลีชิงเยียนไว้เบาๆ
หลีชิงเยียนตะลึงนิดนึง จากนั้นหันหน้ามองเขา
เฉินเป่ยยิ้มให้เธอเล็กน้อย ส่งสายตาที่มั่นคงให้เธอทีหนึ่ง
ไม่รู้ทำไมตอนที่มองเห็นสายตานี้ของเฉินเป่ย หัวใจของท่านประธานเทพธิดาจึงมั่นคงแล้วนิ่งลงมาอย่างไร้สาเหตุ…เหมือนว่าขอเพียงมีเขาอยู่ ทุกอย่างล้วนจะกลายเป็นปลอดภัยหมด
“หลีชิงเยียน เธอน่าจะรู้…ว่าเธอกำลังปฏิเสธใคร?” เสียงยามาโมโตะยิ่งนิ่งเฉยขึ้นไปอีก แต่ความกดดันที่ทำให้คนสั่นสะเทือนนิดๆ นั้นยิ่งเข้มข้นขึ้น
ดวงตาของหลีชิงเยียนสงบไร้ที่เปรียบ “ฉันรู้แน่นอน แก๊งยามาโมโตะ”
ตอนพูดประโยคนี้ มือของเธอกุมฝ่ามือของเฉินเป่ยไว้เบาๆ ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยหนังด้านนั้นกลับให้ความปลอดภัยและความสงบที่ไม่เคยมีมาก่อนมอบให้เธอ
ยามาโมโตะเคนหัวเราะแล้ว มุมปากของเขาฉีกเส้นรัศมีวงกลมที่ดุร้ายนิดๆ ขึ้น ค่อยๆ พลิกขึ้น
“น่าสนุก น่าสนใจ…นึกไม่ถึงว่าคนหัวเซี่ยยังมีคนที่ไม่กลัวพวกฉันแก๊งยามาโมโตะ…หลีชิงเยียน งั้นเธอคงรู้ถึงผลลัพธ์ของการปฏิเสธแก๊งยามาโมโตะ?”
หลีชิงเยียนกวาดตามองเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง “คุณยามาโมโตะเคน ที่นี่คือหัวเซี่ย ไม่ใช่ญี่ปุ่น”
ครืน! พอหลีชิงเยียนพูดคำนี้ออกไป อากาศก็ลดฮวบไปบ้างอีกครั้ง คำพูดของเธอแจ่มแจ้งมาก เธอกำลังเตือนสติฝ่ายตรงข้าม…ที่นี่คือหัวเซี่ย เขตแดนหัวเซี่ย อิทธิพลญี่ปุ่นสามารถกำเริบโอหังที่หัวเซี่ยได้เหรอ?
แม้แต่ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างยังแปลกใจพอสมควร มองเธอด้วยสายตาที่มีความหมายแฝง…ซูเหลยนึกไม่ถึงว่าหลีชิงเยียนผู้หญิงที่ดูเหมือนธรรมดาทั่วไปคนนี้ คาดไม่ถึงจะมีความเด็ดขาดเช่นนี้ …แม้แต่เผชิญหน้ากับแก๊งยามาโมโตะอิทธิพลมืดเหนือชั้นระดับนี้…ยังสามารถสงบได้เช่นนี้
ยามาโมโตะเคนสีหน้าหนาวเย็นขั้นสุด นั่นเหมือนกำลังโกรธเคืองแบบดุร้าย มือของเขาค่อยๆ กดลงบนโต๊ะประชุม เสียงนิ่งเรียบเย็นชาไร้ที่เปรียบ “ได้ หลีชิงเยียน นี่หมายความว่าเธอ…เป็นศัตรูกับฉันแก๊งยามาโมโตะแบบเปิดเผย ใช่มั้ย?”
หลังจากคำพูดของยามาโมโตะจบลง บนโต๊ะประชุมตรงหน้าของเขาปรากฏหลุมยุบที่ลึกมากขึ้นมา นั่นคือรอยมือของฝ่ามือหนึ่ง หลุมที่ถูกเขากดทับด้วยฝ่ามือหนึ่ง
เห็นแบบนี้ เฉินเป่ยก็หัวเราะขึ้นกะทันหัน “โว๊ะ คุณยามาโมโตะเคน มายากลนี้ของคุณไม่เลวเลยนะ? ยังกดรอยฝ่ามือออกมาได้ด้วย?”
พูดจบ เฉินเป่ยก็ยกฝ่ามือขึ้นเช่นกัน กดตบฝ่ามือลงบนโต๊ะประชุมทีหนึ่ง
“ปึงๆๆ——!”ตามมาด้วยโต๊ะประชุมที่อยู่ด้านหน้าเฉินเป่ยก็ปรากฏรอยฝ่ามือที่ยุบลงลึกมากออกมาหลายสิบอัน
“โอ๊ย ขอโทษที ฉันจะทำตามได้เหมือนกัน” เฉินเป่ยหัวเราะนิ่งๆ
ชั่วขณะนั้น สายตาของยามาโมโตะแข็งทื่อฉับพลัน
ด้านหลัง รอยแผลเป็นบนหน้าของทาเคอุจิคุงยิ่งดุร้ายขึ้น เขาจ้องเฉินเป่ยไม่กะพริบ นั่นคือสายตาที่สัตว์ป่าดุร้ายมีต่อเหยื่อ
หลีชิงเยียนอึ้งทึ่งอยู่บ้าง…เหม่อมองรอยฝ่ามือหลายสิบอันนี้บนโต๊ะประชุมด้านหน้า ใบหน้างดงามมึนงงโดยสมบูรณ์แบบ…
ความดุร้ายที่มุมปากของยามาโมโตะยิ่งลึกขึ้น “ดูแล้ววันนี้…ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว…” คำพูดนี้จบลง แสงเย็นเฉียบในตาเขาระเบิดขึ้น อุณหภูมิของอากาศลดลงเฉียบพลัน
“คุณยามาโมโตะเคน เดินทางปลอดภัยค่ะ” หลีชิงเยียนค่อยๆ ลุกขึ้น ใบหน้าที่งดงามไม่ได้เปลี่ยนแปลงสักนิด
“สารเลว…!” ยามาโมโตะเคนตบโต๊ะทันใด โต๊ะประชุมด้านหน้าตัวนั้นเกิดเสียงดัง“แกร๊ก”ทันที ชั่วพริบตาเดียวแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ชิ้ง——!” เสียงคำรามเบาๆ ทาเคอุจิคุงใช้ทักษะฉับไว มือขวากุมด้ามดาบไว้ ดาบนักรบที่น่าสะพรึงกลัวเย็นเฉียบนั้นถูกดึงออกจากฝักในชั่วขณะหนึ่ง ไวดุจสายฟ้าแลบ
ชั่วขณะนั้นเฉินเป่ยกระโดดทั้งสองเท้า ทั้งตัวกลายเป็นภาพวืดหมดแล้ว
ดาบนักรบของทาเคอุจิคุงเล่มนั้นพึ่งออกจากฝัก…เฉินเป่ยก็ยกเท้าถีบไปโดยตรง
“พลั่ก!” ดาบนักรบนั้นถูกเฉินเป่ยถีบกลับเข้าในฝักโดยตรง ไม่มีแม้แต่โอกาสปรากฏตัว
สายตาทาเคอุจิคุงเย็นเฉียบ รอยแผลเป็นบนหน้าอัปลักษณ์บิดเบี้ยวถึงที่สุด เขาระเบิดฝ่ามือออกมาฉับไว มีพลังที่สยดสยอง
เฉินเป่ยไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกมือขึ้นตบไปทีหนึ่งเต็มๆ
ทาเคอุจิคุงสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ ร่างกายถอยหลังไปทันใด
“ฟึ่บ!” ฝ่ามือนั้นของเฉินเป่ยตบตรงที่ว่างไป อากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สามารถเห็นกำลังมหาศาลของฝ่ามือนั้น…ถ้าโดนตบเข้า ไม่ตายก็คงบาดเจ็บ
“โว๊ะ…คนญี่ปุ่นหนีได้ไวดีนี่หน่า?” เฉินเป่ยพูดพลางก้าวเท้าออกมาอีกครั้ง ตบเข้าไปอีกฝ่ามือหนึ่ง
เดิมทีทาเคอุจิคุงไม่ทันตอบสนองกลับ ถอยหลังไปแบบร่างกายกระเซอะกระเซิงโซเซ ฝ่ามือของเฉินเป่ยบีบเข้ามาดุจแถวขบวนยาวที่น่ากลัว บีบกระชั้นชิดจนแม้แต่โอกาสที่ทาเคอุจิคุงจะชักดาบยังไม่มีเลย ถอยหลังหลบหลีกไม่หยุด ฉากนี้ช่างหนีกันอุตลุดสุดจะทนอย่างยิ่ง
“ไอ้โง่!” ทาเคอุจิคุงสีหน้าดุร้ายแค้นเคือง เขาระเบิดขึ้นถึงสุดแล้ว เขาเป็นนักฆ่าญี่ปุ่นที่น่าเกรงขาม เคยถูกคนเหยียบย่ำเช่นนี้มาก่อนที่ไหน? นี่คือความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวง
“ชิ้ง!” เสียงดาบคำรามเบาๆ ดึงดาบนักรบออกจากฝักอีกครั้ง
ร่างกายเฉินเป่ยวาร์ปหาย ฝ่ามือกลายเป็นสายฟ้าแลบ
“ป้าบ——!” เสียงดังสนั่นรุนแรงทีหนึ่ง
ทั่วทั้งตัวทาเคอุจิคุงโดนพลังที่น่ากลัวตบจนลอย หมุนวนอย่างแรงกลางอากาศ จากนั้น…เสียง“ตึง”ชนเข้าบนผนังแล้ว ผนังนั้นโดนกระแทกจนเกิดหลุมใหญ่รูปคนออกมาทันที ทาเคอุจิคุงล้มลงไปที่ห้องด้านข้างอย่างจัง…
นักฆ่าแข็งแกร่งของประเทศญี่ปุ่นคนนี้ เวลานี้กลับพ่นเลือดออกมาใหญ่ สั่นเทิ้มไปทั้งตัวไม่เลิก ทั้งใบหน้าบวมโตจนเหมือนหัวหมู
“แก…สารเลว!” ยามาโมโตะสีหน้าเย็นชาดุจดาบที่เย็นเฉียบในชั่วขณะนั้น นั่นคือสายตาที่ดุร้ายอาฆาตแค้น “แกกล้าแตะต้องคนของฉันแก๊งยามาโมโตะงั้นเหรอ?”
ซู่! ด้านนอกห้องประชุม นักฆ่าญี่ปุ่นหลายสิบคนนั้นพุ่งโจมตีเข้ามาทันที
“ชิ้งๆๆๆ…!” ดาบนักรบที่แหลมคมน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนถูกดึงออกจากฝัก แรงอาฆาตที่น่ากลัวนั้นก่อหวอดในอากาศ
สายตาเฉินเป่ยสงบไร้ที่เปรียบ จ้องยามาโมโตะแบบมีเลศนัย “แตะต้องแล้วจะยังไง?”
“แก…วอนหาที่ตาย” เสียงยามาโมโตะหนาวเย็นสุดๆ
“พรึ่บ!” ทันใดนั้นร่างกายเฉินเป่ยวาร์ปหายก่อนจะพุ่งจู่โจม
“ปึงๆๆ…” เสียงดังนับไม่ถ้วนดังก้องอยู่ในห้องประชุม ภาพเงาแต่ละคนโดนโจมตีจนกระเด็น
เฉินเป่ยราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามที่มีชีวิต พุ่งชนตรงๆ อยู่ในฝูงนักฆ่ากลุ่มนั้น ทุกที่ที่เคลื่อนผ่านล้วนมีเสียงร้องโหยหวนน่าเวทนา เลือดสาดกระเซ็น ภาพเงาคนลอยออกมา
หลังจากสามวินาที…เฉินเป่ยค่อยๆ จุดบุหรี่มวนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงกลางห้องอย่างเฉยชา…
บนพื้นรอบด้านกระเซอะกระเซิงร้องโอดครวญ
ยามาโมโตะเคนสีหน้าเย็นชาขั้นสุด กุมหมัดแน่น ส่งเสียงระเบิดดังก๊อกแก๊กออกมา บนพื้นที่เท้าทั้งสองของเขาเหยียบย่ำแตกร้าวทั้งหมด สมาชิกของแก๊งยามาโมโตะคนนี้ ซึ่งเป็นสมาชิกทางการของแก๊งยามาโมโตะ เวลานี้อยากลงมือด้วยตนเองแล้ว
เฉินเป่ยจ้องเขาแบบนิ่งเฉย “ยามาโมโตะเคน ฉันจะเตือนแกสักหน่อย ที่นี่คืออาณาเขตหัวเซี่ย ถ้ากล้ามากำเริบเสิบสานที่ดินแดนหัวเซี่ย…ฉันไม่รับประกัน…ว่าพวกแกจะมีชีวิตรอดออกไปได้~”
ทันใดนั้น ร่างกายของเฉินเป่ยกลายเป็นภาพวืด แวบไปฉับพลัน ก่อนจะวาร์ปไปปรากฏตัวด้านหน้ายามาโมโตะเคนโดยตรง
ลูกตาของยามาโมโตะเคนหดตัวเฉียบพลัน ร่างกายถอยหลังไปสามก้าวเต็มๆ
วินาทีนี้ หัวใจของเขาพะวงขึ้นมาถึงที่สุด สายตาดุจดาบแหลมคมจ้องเฉินเป่ยไม่ขยับ
นั่นคือตกใจและสงสัย…ไม่พอใจ…และตื่นตระหนก
เมื่อสักครู่…ทักษะที่ไวดุจฟ้าแลบของเฉินเป่ยทำให้เขาไม่มีทางตอบสนองได้ ชั่วขณะนั้นเหมือนเห็นบางอย่างจากบนตัวของเฉินเป่ย…เขามองเห็นกลิ่นอายที่คุ้นเคยนิดๆ กลิ่นอายนั้น…เทียบกับเทพเจ้าแห่งสงครามที่น่ากลัวท่านนั้นของแก๊งยามาโมโตะของพวกเขานั้น…แทบจะเป็นแบบเดียวกัน
ในใจยามาโมโตะตกใจและสงสัย ในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับผู้ชายหัวเซี่ยคนนี้…คาดไม่ถึงเขาสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง
บรรยากาศเงียบงันแถบหนึ่ง เผยกลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยคละคลุ้ง…
หลีชิงเยียนมองฉากนี้ตาค้าง อารมณ์สั่นไหวสับสน
ยามาโมโตะเคนสีหน้าดุร้ายอีกครั้ง ตั้งนานถึงพูดออกมาคำหนึ่ง “แยก!”
สมาชิกของแก๊งยามาโมโตะกลุ่มนี้ เป็นสมาชิกของอิทธิพลเหนือชั้นของญี่ปุ่น วันนี้มาเจรจาที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป…กลับพ่ายแพ้ถึงที่สุดแล้ว
พวกเขาแก๊งยามาโมโตะครอบงำอิทธิพลมืดของเอเชียตะวันออก ปัจจุบันนี้…คาดไม่ถึงตอนอยู่ที่บริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งของหัวเซี่ยจะพ่ายแพ้เช่นนี้…นี่คือความอัปยศอดสูของแก๊งยามาโมโตะเลยทีเดียว
มองภาพเงาของคนญี่ปุ่นกลุ่มนี้พยุงกันและกัน เดินโซซัดโซเซออกไป…ทั้งในห้องประชุมเงียบสงบ…
“ขอบใจ” หลีชิงเยียนกะพริบดวงตางดงาม มองเฉินเป่ยอย่างสงบ สองคำนี้สามารถหลุดออกมาจากในปากของเธอได้นั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ
เฉินเป่ยค่อยๆ สูบบุหรี่ “ขอบใจอะไรกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน เรื่องของคุณก็คือเรื่องของผม”
พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ หลีชิงเยียนตะลึงเล็กน้อยอยู่บ้าง…คำพูดนี้…ทำไมฟังขึ้นมาอึดอัดพอสมควรล่ะ? ทำให้อารมณ์ของเธอสับสนไปบ้าง
“เกี่ยวกับเรื่องของแก๊งยามาโมโตะนี้ นายบอกความจริงกับฉันได้มั้ย?” หลีชิงเยียนใบหน้าเคร่งขรึมฉับพลัน จ้องเฉินเป่ยพลางพูดด้วยความจริงจัง
เฉินเป่ยลังเลสักครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้บอกคุณแล้วเหรอ? เป็นแค่พวกกระจอกของญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งเท่านั้น อย่ากังวลเลย~”
“พวกกระจอก…?” หลีชิงเยียนจ้องเขาด้วยแววตาสงสัย ราวกับอยากมองอะไรบางอย่างจากในตาเขาให้ทะลุ…พวกกระจอก? เป็นเพียงแก๊งกระจอกจริงเหรอ? ถ้าเป็นแก๊งเล็กๆ ทำไมวันนี้ท่าทีของยามาโมโตะเคนคนนั้นถึงได้แข็งกร้าวเช่นนี้? นี่…เป็นเพียงสไตล์การจัดการของพวกกระจอกจริงเหรอ?
หลีชิงเยียนหวาดผวาสับสนอยู่บ้าง แต่เฉินเป่ยกลับไม่ยอมเผยข้อมูลอะไร…ท้ายที่สุดเธอก็ไม่มีทางทำอะไรได้…
…
ในรถเลกซัส ทาเคอุจิคุงอุดใบหน้าที่บวมแดงดุจหัวหมูไว้ เลือดลมตีกลับทั่วตัว…เมื่อสักครู่โดนฝ่ามือนั้นของเฉินเป่ยโจมตี…อวัยวะภายในของเขากำลังสั่นไหว…เขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส เวลานี้ มือขวาเขากุมดาบไว้แน่น…กระดูกเสียงดัง “ก๊อกแก๊ก” จนสามารถจินตนาการได้ถึงความโกรธเคืองในเวลานี้ของเขา
“เคนซามะ…พวกเรา…จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้เหรอ?” เสียงทาเคอุจิคุงสั่นเครือ มีความไม่พอใจถึงที่สุด
ยามาโมโตะเคนที่นั่งอยู่ด้านข้างสีหน้าบิดเบี้ยวทันใด น่ากลัวราวกับผืนป่านรก
“แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้!” เสียงยามาโมโตะดุร้ายดุจปีศาจ “ฉันแก๊งยามาโมโตะครอบงำวงการโลกใต้ดินเอเชียตะวันออก ไม่เคยได้รับการรังแกเหยียดหยามแบบนี้ หลีชิงเยียน…บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป…พวกเธอต้องชดใช้ด้วยเลือดต่อการกระทำในวันนี้!”
ด้านในรถเลกซัส ทาเคอุจิคุงสีหน้าน่าสะพรึงกลัวพูดว่า “ยามาโมโตะเคน งั้นท่านคิดจะ…จัดการอย่างไร?”
ยามาโมโตะสีหน้าเย็นเฉียบดุจน้ำค้างแข็ง “คืนนี้ จู่โจม…คฤหาสน์ตระกูลหลี!”