สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 590
บทที่590 โรงแรมไอดับเบิลยูซี
ในรถเลกซัส ยามาโมโตะเคนได้ยินคำพูดนี้ สั่นรุนแรงไปทั่วทั้งตัว
“นายว่าอะไรนะ?” ยามาโมโตะเคนสีหน้าดุร้ายดุดัน กุมหมัดทั้งสองแน่นพร้อมกัน ข้อต่อกระดูกกำลังระเบิดดังสนั่น
ภารกิจ…ล้มเหลวแล้ว? นี่เป็นไปได้อย่างไร? อิ่นซากลุ่มหนึ่งกลุ่มสองเคลื่อนไหวกันทั้งหมด…คาดไม่ถึงภารกิจ ยังล้มเหลว? นี่…คือช่วงเวลาที่น่าเวทนายากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแก๊งยามาโมโตะ
ยามาโมโตะเคนหายใจถี่ วินาทีนี้ เขาแทบจะสูญเสียการควบคุม เขาต้องการผู้หญิง ในขณะนี้เขาต้องการผู้หญิง
คนขับรถหันหน้ามองเขาด้วยความกังวล “เคนซามะ…ท่าน…ท่านไม่เป็นอะไรนะครับ?”
ยามาโมโตะเคนสีหน้าแดงก่ำ ความโกรธรุมประดังเข้าสู่หัวใจ บวกกับฤทธิ์ยากระตุ้นอย่างรุนแรง ทำให้เขารับไม่ไหวอีกต่อไป
“เฮือก!” ยามาโมโตะเคนกระอักเลือดสดออกมาฉับพลัน
และเวลานี้ เขาบวมเป่งอย่างต่อเนื่อง…เหมือนจะระเบิดให้ได้ เขาต้องการระบาย ต้องการปลดปล่อยอย่างเร่งด่วน
“รีบออกรถ! ออกรถให้ฉันเดี๋ยวนี้!!” ยามาโมโตะเคนเอามือทั้งสองจับตนเองไว้ทันที พยายามควบคุมตนเองอยู่
“เคนซามะ…จะไปไหนครับ?” คนขับรถถามอย่างไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“ไอ้งั่ง! รีบพาฉันไปที่อาบอบนวดสิ!!”ยามาโมโตะเคนพูดด้วยความโมโหดุเดือด
รถยนต์เลกซัสแล่นฉิว ขับหายไปในความมืดด้วยความรวดเร็ว…
หน้าประตูคฤหาสน์ พวกนินจากลุ่มนั้นพังทลายถึงที่สุด คาวเลือดทั่วทุกที่ ร่างกายพิการทั่วทุกที่…เสียงร้องคำรามนับไม่ถ้วนดังก้องในอากาศ…
บนพื้น นินจาคนหนึ่งคลานอยู่ อยากหยิบดาบนักรบเล่มนั้นขึ้นมาจากพื้น…
“ชิ้ง!” แสงเงินเส้นหนึ่งยิงผ่าน มีดที่หนาวเย็นบางเฉียบเสียบเข้าที่ด้านหน้าเขาฉับพลัน ก่อนจะปล่อยแสงเย็นเฉียบอันน่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขตออกมา…แม้ว่าจะสังหารมานับไม่ถ้วน แต่ตัวมีดยังคงขาวดุจเงิน ไม่มีแปดเปื้อนรอยเลือดสักนิด
ลูกตาของนินจาคนนั้นหดตัว ตกใจจนสลบลงไปทันที…
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ยังไม่ถึงหนึ่งนาที กลิ่นคาวเลือดกระจายอยู่ทุกที่…นักฆ่านินจาที่น่ากลัวโหดเหี้ยมหลายสิบคนโดนโจมตีจนล้มทั้งหมด…ในอากาศมีกลิ่นสนิมเหล็กจางๆ ล่องลอย…ทำให้คนตกใจหวาดผวา
ซูเหลยมองศพนินจาที่นอนเกลื่อนกลาดบนพื้นพวกนั้น ความโหดร้ายในแววตาค่อยๆ เลือนหายไป ฟื้นกลับสู่ความสงบ จากนั้นเดินเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยใบหน้าที่เฉยชาไม่สนใจ…
ในคฤหาสน์เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นต่างแข็งเป็นหิน จ้องซูเหลยอย่างกับมองสัตว์ประหลาด…ความน่ากลัวของผู้หญิงคนนี้…เกินกว่าจินตนาการของพวกเขาทุกคนโดยสิ้นเชิง…นั่น…คือสาวนักฆ่าที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจร้ายเสียอีก…มีเพียงปีศาจร้ายที่ครอบครองฝีมือนี้ แม่งช่างโหดเหี้ยมทารุณเหลือเกิน
…
แสงแดดค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้น ลบล้างการสังหารคาวเลือดที่มืดหม่นเมื่อคืนนี้ไปทั้งหมด…เมืองหู้ไห่กลับคืนมาสว่างดังเดิม
รถไมบัคสีดำคันหนึ่งค่อยๆ ขับมาที่ตระกูลหลี ตอนที่ผ่านหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลหลี เฉินเป่ยได้กลิ่นสนิมเหล็กในอากาศนิดๆ อย่างว่องไว…เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศ…
รถไมบัครออยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์แล้ว ไม่นานรูปร่างคนที่งดงามก็เดินออกจากคฤหาสน์ด้วยความสง่า
เฉินเป่ยมองร่างกายที่มีเค้าโครงงดงามของเทพธิดา พลันกลืนน้ำลายอย่างแรงอึกหนึ่งด้วยความรู้สึกตกใจ
วันนี้หลีชิงเยียนไม่ได้นั่งเบาะหลัง แต่ว่าดึงเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับโดยตรง มุดเข้าไปแล้ว
“ชิงเยียน วันนี้ทำไมไม่นั่งด้านหลังล่ะ?” เฉินเป่ยถามขึ้นประโยคหนึ่ง ทั้งกระบวนการ ดวงตาของเขาจ้องรูปร่างที่ไร้ที่ติของหลีชิงเยียนตาไม่กะพริบมาตลอด วินาทีนี้เฉินเป่ยเพียงรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก…
“ยุ่งอะไรด้วย!” หลีชิงเยียนตอบกลับด้วยเสียงเฉยชา เหมือนมีความรู้สึกเป็นศัตรู
เฉินเป่ยตะลึงนิดนึง…หน้าตาประหลาดใจและไม่เข้าใจทั้งหมด…
ในใจเฉินเป่ยสงสัยต่อไป ขณะขับรถอยู่ ค่อยๆ ขับออกไปจากคฤหาสน์ ก่อนจะแล่นไปยังบริษัท…
หู้ไห่ ในโรงแรมรุ่ยลี่
ยามาโมโตะเคนนอนอ่อนแรงไปทั้งตัวอยู่บนเตียง ด้านข้างมีผู้หญิงผิวดำที่เนื้อแน่นอ้วนฉุที่สุดคนหนึ่งนอนอยู่
เมื่อคืนเขายากจะควบคุมฤทธิ์ยารุนแรงของไวอากร้าไว้ได้ พอเห็นว่าตนเองจะระเบิดพังทลาย เขาก็คว้าสาวอ้วนผิวดำที่รูปร่างเจ้าเนื้อตัวใหญ่คนหนึ่งจากข้างทางมาทันที ฝืนกลั้นความสะอิดสะเอียนไว้ในใจ ขืนใจสาวผิวดำคนนั้นไปโดยตรง ผลปรากฏว่าพอทำลงไปก็ไม่มีทางกอบกู้อะไรคืนได้ ฤทธิ์ยาไวอากร้าสำแดงออกมาถึงที่สุด ยามาโมโตะเคนอุ้มผู้หญิงคนนั้นสุดกำลังเข้าโรงแรมไปแล้ว โจมตีปลดปล่อยอย่างคลุ้มคลั่ง ท้ายที่สุดยามาโมโตะเคนกับสาวอ้วนผิวดำคนนั้นก็สลบกันไปทั้งคู่…
เวลานี้ตื่นขึ้นมา มองเห็นข้างกายมีสาวผิวดำอ้วนราวกับยักษ์…ทั่วตัวล้วนเป็นเนื้อไขมันน่ากลัว…ยามาโมโตะเคนเพียงรู้สึกสะอิดสะเอียน…
เวลานี้ สาวผิวดำคนนี้ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอส่งสายตาประกายให้ยามาโมโตะเคนทีหนึ่ง ใช้ภาษาต่างประเทศพูดขึ้น “พ่อหนุ่ม…เมื่อคืนคุณฮึกเหิมมากนะ~ทำเอาฉันสะใจมาก…ที่รัก พวกเรามาสนุกกันอีกเถอะนะ~”
หญิงสาวคนนั้นพูดๆ อยู่ก็อยากกระโจนเข้ามาอีก
ในที่สุดยามาโมโตะเคนก็ทนไม่ไหว ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด ทันใดนั้น “โอ้ก!”อาเจียนอาหารที่ทานไปเมื่อคืนออกมาทั้งหมดแล้ว อาเจียนจนเขาย่ำแย่ถึงที่สุด
ด้านนอกประตูห้อง ทันใดนั้นทาเคอุจิคุงผลักประตูเข้ามา
ตอนเห็นฉากที่ไม่อาจบรรยายได้เช่นนี้เข้า ทาเคอุจิคุงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พูดแบบกระอักกระอ่วน “เคนซามะ…ขอโทษครับ…รบกวนท่านแล้ว…” พูดจบทาเคอุจิคุงก็อยากหมุนตัวออกไปทันที…ขณะเดียวกันในใจทาเคอุจิคุงแอบคาดไม่ถึง…เคนซามะไม่ได้ชอบผู้หญิงเอเชียเหรอ? ทำไมความชอบของเขาถึงเกิดความเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้?
“ทาเคอุจิคุง…นาย…นายกลับมาหาฉันก่อน!” ยามาโมโตะเคนอาเจียนอย่างหนักพลางตะโกนเรียกทาเคอุจิคุงสุดแรง…
ทาเคอุจิคุงหมุนตัวทันใด ไม่กล้าชายตาไปมองภาพที่ขัดตานั้น…ถามขึ้นด้วยความระมัดระวัง “เคนซามะ…ยังมีธุระอะไรเหรอครับ?”
“เอา…เอายัยอ้วนแอฟริกาคนนี้ออกไปทิ้งให้ฉันที!!” ยามาโมโตะเคนอาเจียนไปด้วย พลางตะคอกบอกเสียงสั่นเทาไปด้วย
ทาเคอุจิคุงตะลึงค้าง ผ่านไปตั้งนานถึงตอบสนองเข้ามา…พุ่งเข้ามาในห้อง จากนั้นยกสาวผิวดำอ้วนฉุคนนั้นขึ้นไว้ ทิ้งออกไปด้านนอกประตูห้องทันที
ยามาโมโตะเคนอาเจียนสักพักหนึ่ง เกือบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดแล้ว ถึงเริ่มหายตกใจแล้วอ่อนแรงลง
สีหน้าเขาซีดเซียว ทั้งตัวอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงสุดขีด…
“เคนซามะครับ หลีชิงเยียนล่ะ? ทำไมไม่เห็นหล่อนแล้วล่ะครับ?” ทาเคอุจิคุงถามด้วยหน้าตาเต็มไปด้วยความสงสัย เดิมทีเขาคิดว่าหลีชิงเยียนจะโดนเคนซามะจัดการแล้ว…แต่ว่า…พอเข้าห้องมากลับเห็นสาวผิวดำที่อ้วนฉุเช่นนี้…ชั่วขณะนั้นเขาประหลาดใจอยู่บ้าง
พอพูดถึงหลีชิงเยียน ยามาโมโตะเคนก็โกรธแค้นจนประดังเข้าหัวใจ ภาพเพ้อฝันทั้งหมดของเมื่อคืน…ล้วนสลายหายไปแล้ว
ทันใดนั้น เขาพ่นเลือดออกมาอีกครั้ง
อาเจียนมาตั้งนาน ยามาโมโตะเคนถึงเริ่มดีขึ้นมา…
“เมื่อคืน…อิ่นซาล้มเหลว…” เสียงยามาโมโตะเคนสั่นเครือดุร้าย นั่นคือความแค้นเคืองและไม่พอใจใหญ่หลวง
“อะไรนะ?” ทาเคอุจิคุงสีหน้าตื่นตกใจฉับพลัน
“อิ่นซา…ล้มเหลว? อิ่นซาล้มเหลวได้อย่างไรกัน?” ทาเคอุจิคุงสีหน้าตกใจอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงว่าอิ่นซาจะพ่ายแพ้แล้ว? นี่เป็นกลุ่มนักฆ่านินจาที่แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบของพวกเขาแก๊งยามาโมโตะ ซึ่งไม่เคยแพ้มาก่อน แต่เมื่อคืน…คาดไม่ถึงจะมาแพ้ที่หัวเซี่ย?
“เคนซามะ ท่านวางใจได้ครับ คืนนี้ผมจะลงมือด้วยตัวเอง! ต้องฟันตระกูลหลีได้แน่ จากนั้นนำหลีชิงเยียนกลับมา!” ทาเคอุจิคุงสีหน้าเย็นชาน่ากลัวดุจดาบแหลม
“ไม่…นายไม่ต้องลงมือชั่วคราว นายบาดเจ็บภายใน รักษาแผลชั่วคราวก่อน…ฉันจะเอากลุ่มอิ่นสีจากสำนักงานใหญ่ประเทศญี่ปุ่นมา…รอให้กลุ่มอิ่นสีมาถึงหัวเซี่ย เมื่อตอนนั้นมาถึง…ฆ่าฟันสักยก ล้อมรอบบริษัท…หลีชิงเยียน เธอหนีไม่รอดแน่!” ยามาโมโตะเคนสีหน้าดุร้ายโกรธแค้น
ได้ยินคำพูดของยามาโมโตะเคน ทาเคอุจิคุงก็สีหน้าแข็งทื่อ
“เคนซามะ…ท่านจะใช้งานอิ่นสีจริงเหรอครับ?”
ภายใต้ชื่อแก๊งยามาโมโตะ ทั้งหมดมีกลุ่มนินจาเหนือชั้นสามกลุ่มใหญ่…และกลุ่มนินจาอินสีนี้ จิตสังหารยิ่งใหญ่มหันต์ นั่นคือนักฆ่าเหนือชั้นที่น่ากลัวสั่นสะเทือนไร้ที่เปรียบยิ่งกว่ากลุ่มอิ่นซาเสียอีก
สีหน้ายามาโมโตะเคนดุร้ายล้ำลึก เย็นยะเยือกขั้นสุด…สายตาในเวลานี้อธิบายท่าทีของเขาได้ดี อิ่นสี จำเป็นต้องเข้ามาที่หัวเซี่ย เหตุการณ์นองเลือดทารุณที่สั่นสะเทือนฉากหนึ่งกำลังจะก่อตัว
…
ไม่รู้ทำไมเฉินเป่ยและหลีชิงเยียน ความสัมพันธ์ของสองคนนี้เหมือนนับวันยิ่งลึกซึ้งขึ้นแล้ว…
ห้องทำงานท่านประธาน
เห็นเฉินเป่ยผลักประตูเข้ามา ดวงตาหลีชิงเยียนกวาดมองเขาเบาๆ แวบหนึ่ง “นายเข้ามาทำอะไร?”
เฉินเป่ยหัวเราะหึๆ ตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่มาดูคุณหน่อย~”
หลีชิงเยียนจ้องเขา ทันใดนั้นดวงตาแข็งทื่อ ตามมาด้วยท่านประธานเทพธิดาคนนี้ที่เปลี่ยนไปหนาวเย็นอย่างยิ่ง ราวกับน้ำค้างแข็งเดือนธันวาคม
เฉินเป่ยตกตะลึง…มีอะไรเหรอ?
“ชิงเยียน…ทำไมท่าทีเย็นชาแบบนี้ล่ะ?” เฉินเป่ยขยับเข้ามาด้านหน้าอย่างระวังพลางถามขึ้น ขณะเดียวกัน…สายตาของเขาพยายามกวาดไปกวาดมาบนเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบนั้นของหลีชิงเยียนอย่างกำเริบเสิบสาน
“ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน ออกไป!” หลีชิงเยียนดวงตาหนาวเย็นดุจน้ำค้างแข็ง พูดจาเย็นชา
เฉินเป่ยตะลึงไปก่อน จากนั้นมุมปากวาดรอยยิ้มอันธพาลที่มีเลศนัยขึ้น “เข้าใจแล้ว งั้นหลังเลิกงาน พวกเราสามารถสนิทสนมกันตามใจได้แล้วล่ะสิ……”
หลีชิงเยียนอึ้งไปก่อน แวบเดียวถึงตอบสนองเข้ามา ถอดรองเท้าส้นสูงของตนเองออกทันที จากนั้นขว้างเข้าไปอย่างโหดร้าย
“นายไสหัวไปให้ฉันเลยนะ!”
เฉินเป่ยตัดสินใจฉับไว รับรองเท้าส้นสูงสีเงินข้างนั้นของเธอไว้ อยู่ในสายตาที่อยากจะฆ่าคนของเทพธิดาโมโห เขาจึงถอยออกจากห้องทำงานไปแล้ว…
ขณะยืนอยู่นอกประตูห้องทำงาน เฉินเป่ยทอดถอนใจแบบเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันมองรองเท้าส้นสูงสีเงินที่อยู่ในมือแวบหนึ่ง ทันใดนั้นนำรองเท้าส้นสูงขยับเข้ามาด้านหน้าแล้วดมเบาๆ โดยจิตใต้สำนึก…กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวช่างเย้ายวนน่าดมขนาดนี้~ ทำให้นึกไปถึงเท้าเปล่าที่สง่างามข้างนั้นของหลีชิงเยียน หัวใจของเฉินเป่ยแอบเต้นแรง…เฮ้อ ถ้าสามารถเล่นขาสวยๆ ของเธอสักรอบได้ นั่นจะเป็นเรื่องที่งดงามมากแค่ไหนกันนะ~
…
ในห้องทำงาน เฉินเป่ยส่องกระจกอยู่ ถือมีดโกนหนวดไว้ โกนหนวดเคราแล้ว ว่าตามข้อเรียกร้องของท่านประธานเทพธิดา ต้องเปลี่ยนเป็นสูทที่สะอาดเรียบเนียน แม้กระทั่งยังต้องผูกเนกไทสีฟ้าอ่อนเส้นหนึ่งด้วย
หนวดเคราที่หนาทึบบนแก้มสองข้างนั้นถูกเขาโกนจนสะอาดเกลี้ยง ผมที่ไม่ได้สระมานานมากก็สระรอบหนึ่ง จากนั้นฉีดเจล แต่งทรงผมให้ตนเองแล้ว
หลังจากสวมรองเท้าหนังที่ขัดเงา ทั้งตัวเฉินเป่ยก็เสมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนในชั่วขณะนั้น
ไม่นานประตูห้องทำงานของเฉินเป่ยถูกผลักเปิด ภาพคนรูปร่างงดงามเข้ามาอย่างสง่างาม
ดวงตาหลีชิงเยียนค้างนิดหน่อย มองชายหนุ่มที่หล่อเหลาสง่างามตรงหน้าคนนี้แบบงุนงง…นี่ นี่ยังเป็นเฉินเป่ยขี้แพ้ที่มอมแมมสุดจะทนคนนั้นในใจเธออยู่เหรอ?
เมื่อใส่สูทที่งดงามพอดีตัวสมบูรณ์แบบ เสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไท นาฬิกาแวววาวบนข้อมือเรือนนั้น…หนวดเคราบนหน้าถูกโกนจนเกลี้ยงเกลา ทั้งตัวเผยเสน่ห์แบบผู้ชายออกมา นี่…นี่คือเฉินเป่ย?
“ชิงเยียน ตอนผมเป็นยังไงบ้าง หล่อมั้ย?” เฉินเป่ยถามแบบเจ้าเล่ห์
หลีชิงเยียนกวาดดวงตามองเขาเบาๆ ตอบมานิ่งๆ “พอทนดูได้”
พอได้รับคำตอบแบบนี้ ชั่วขณะนั้นเฉินเป่ยหมดคำจะพูด…นี่ช่างทิ่มแทงใจคนเกินไปมั้ง?
ไม่นานหลีชิงเยียนก็ย้ายสายตาไปที่อื่น พูดด้วยเสียงน่าดึงดูด “ฉันจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยง นายดูแลบริษัทให้ดี อย่าหาเรื่องวุ่นวาย”
“ผมจะตามคุณไปด้วย…ผมสามารถปกป้องคุณได้……” เฉินเป่ยเอ่ยปากบอกทันใด
หลีชิงเยียนกวาดตามองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง พูดว่า “ฉันให้ซูเหลยเข้ามาแล้ว หล่อนจะตามฉันไป”
ชั่วขณะนั้นใบหน้าเฉินเป่ยเผยความหม่นหมองขึ้นมา…นี่หมายความว่าอะไร ถ้าต้องให้ซูเหลยวิ่งเข้ามาตั้งไกลโข ก็ให้ตนเองไปสิ?
ตนเองตั้งใจเตรียมตัวแล้ว จงใจทำให้การกระทำของตนเองสูญเปล่าเหรอ?
“คุณไม่ให้ผมไป งั้นก็อย่าคิดจะได้นั่งรถเลย” เฉินเป่ยเอ่ยปากกะทันหัน จากนั้นไม่รอให้หลีชิงเยียนตอบสนองเข้ามา ดึงประตูห้องทำงานออก พุ่งออกไปทั้งตัวทันทีแล้ว……
“นาย!” ใบหน้าหลีชิงเยียนหนาวเย็น ถลึงตาจ้องภาพด้านหลังของเฉินเป่ยอย่างดุร้าย เธอโดนพฤติกรรมแบบนี้ของเฉินเป่ยทำให้โมโหไม่น้อย
ในโรงรถ ไม่นานรถไมบัคคันหนึ่งก็ขับออกมาอย่างสง่าผ่าเผย ขับออกจากอาคารตระกูลหลี…
รถไมบัคขับออกมาช้าๆ ตลอดทาง จนกระทั่งขับไปยังจุดมุ่งหมายสโมสรที่ยิ่งใหญ่อลังการแห่งนี้…
งานเลี้ยงของวงการธุรกิจหู้ไห่ในวันนี้จัดขึ้นที่โรงแรมไอดับเบิลยูซีริมแม่น้ำที่มีชื่อเสียง
ตอนที่เฉินเป่ยขับรถมาถึงที่โรงแรมไอดับเบิลยูซี ทั้งหน้าประตูโรงแรมก็มีรถหรูจอดอยู่เต็มแล้ว…
โรลส์-รอยซ์ เฟอรารี่ แลมโบกินี แอสตันมาร์ติน เบนท์ลีย์…รถหรูระดับสิบล้านสารพัดจอดอยู่หน้าประตู กลายเป็นฉากที่สั่นสะเทือนที่สุด
พนักงานโรงแรมดึงเปิดประตูรถไมบัคด้วยความเคารพ หลีชิงเยียนก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ทั้งตัวปล่อยบุคลิกเทพธิดาที่เพริศพริ้งน่าหลงใหลออกมา
เฉินเป่ยลงจากรถตามมาติดๆ ก่อนจะตามมาอยู่ข้างกายเทพธิดาด้วยท่าทางสนิทสนมมาก
ในเวลานี้ มีรถแข่งแอสตันมาร์ตินสีดำคันหนึ่งร้องคำรามเข้ามากะทันหัน ประตูรถเปิดออก ฟางเจิ้นข่ายผู้สืบทอดฟางซื่อกรุ๊ปค่อยๆ มุดออกจากรถ
ฟางซื่อข่ายเห็นภาพด้านหลังของหลีชิงเยียนเข้า บนหน้าอดฉีกยิ้มขึ้นไม่ได้ ตะโกนเรียกอย่างใกล้ชิด “ชิงเยียน นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เดี๋ยวเข้าไปด้วยกันเถอะ” ฟางเจิ้นข่ายเวลานี้ดูสุภาพบุรุษสง่าผ่าเผย ปล่อยท่วงท่าที่หล่อเหลาออกมา
หลีชิงเยียนพยักหน้าเล็กน้อยให้ฟางเจิ้นข่าย “รุ่นพี่ฟางสวัสดีค่ะ”
เฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้างเห็นฉากนี้เข้า ดวงตาแข็งทื่อ แม่งเอ๊ย ศัตรูหัวใจ
เฉินเป่ยไม่พูดพร่ำทำเพลง ควงแขนของหลีชิงเยียนอย่างสนิทสนมทันที การกระทำนี้กล้าหาญที่สุด เหมือนกำลังแสดงอำนาจต่อฟางเจิ้นข่ายอยู่
ฟางเจิ้นข่ายเห็นฉากนี้เข้า แสงเย็นเฉียบในตาแวบผ่านไป การแสดงออกไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร
หลีชิงเยียนใบหน้าตะลึงนิดหน่อย นึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะกล้าควงแขนของตนเองในที่สาธารณะเช่นนี้? เธอพยายามอยากจะเอาออก แต่กลับไม่มีทางหลุดจากกรงเล็บของเขาได้เลย…ท่านประธานเทพธิดาได้แต่จำใจยอมแล้ว…
เฉินเป่ยจึงควงแขนเทพธิดาไปแบบนี้ ทั้งสองราวกับคู่รักกัน เดินเข้าในโรงแรมอย่างสง่า
งานเลี้ยงในวันนี้ จัดงานที่ห้องงานเลี้ยงอันดับหนึ่งของโรงแรมไอดับเบิลยูซี เวลานี้ ในห้องงานเลี้ยงอันดับหนึ่งมีผู้คนมากมาย…บรรดาคนชื่อเสียงโด่งดัง และคนรวยต่างรวมตัวกันอยู่ในห้องงานเลี้ยง พูดคุยหัวเราะ แลกเปลี่ยนเจรจากัน
เฉินเป่ยควงหลีชิงเยียนไว้อย่างแนบแน่น ทั้งสองเหมือนคนรัก เดินเข้าในห้องงานเลี้ยงอย่างสง่า…
หลีชิงเยียนเป็นท่านประธานสาวสวยอันดับหนึ่งในวงการธุรกิจหู้ไห่ ครอบครองบุคลิกเทพธิดาที่ไม่ธรรมดา ชั่วขณะที่เธอเดินเข้าห้องงานเลี้ยงนั้น ยังดึงดูดสายตาของเหล่าคนมีชื่อเสียงและคนรวยในห้องงานเลี้ยง…
แต่ตอนที่ผู้คนมองเห็นผู้ชายแปลกหน้าลึกลับคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกายของหลีชิงเยียน ทั้งสองควงแขนซึ่งกันและกันอย่างสนิทสนมเช่นนี้?
ชั่วขณะหนึ่งฉากนี้กลายเป็นฉากหนึ่งที่ตื่นตาตื่นใจ ทั้งในห้องงานเลี้ยงฮือฮาขึ้น บรรดาผู้คนในงานต่างเริ่มกระซิบกระซาบถกเถียงกันขึ้นมาแล้ว…