สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 592
บทที่592 เอาความสงบเป็นที่ตั้ง
ตอนที่เดินเข้าใกล้แล้วมองไป จนกระทั่งเห็นฉากนี้เข้า…ชั่วขณะหนึ่งหลีชิงเยียนตะลึงค้างแล้ว
“หยุดนะ!” ใบหน้าหลีชิงเยียนดูประหม่า กระทืบรองเท้าส้นสูง อยากจะเข้าไปห้ามเอาไว้ทันที
มุมปากของหลงเทียนอ้าวมีรอยยิ้มชั่วร้ายแวบผ่าน “ไม่ทันแล้ว! หลีชิงเยียน…หมาตัวนี้ของเธอหาเรื่องฉันแล้ว วันนี้ฉันจะสั่งสอนเขาแทนเธอสักหน่อย!!”
ใบหน้าหลีชิงเยียนดูงุนงงก่อน พูดอธิบาย “ขอโทษค่ะคุณชายหลง…ฉันไม่ได้พูดกับคุณ…ฉันพูดกับคนขับรถของฉัน…”
พอได้ยินคำพูดนี้ หลงเทียนอ้าวสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน นี่…แม่งโดนเหยียบย่ำแบบโจ่งแจ้งเลยเหรอ? เขาคุณชายหลงผู้น่าเกรงขาม คาดไม่ถึงจะโดนเหยียดหยามแล้ว
บรรดาแขกกลุ่มหนึ่งในงานต่างทำหน้าตาตะลึงมึนงงเช่นกัน…เดี๋ยวคุณโน้นมองคนนี้…คนนี้มองคนนั้น…นี่คือสถานการณ์อะไร? ทุกคนงงกันพอสมควร ทว่ายังไม่ทันตอบสนองกลับมา…นี่สรุปแล้วหลีชิงเยียนหมายความว่าอะไร?
หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย พูดด้วยเสียงน่าดึงดูด “เฉินเป่ย ปล่อยเลยนะ”
เฉินเป่ยค่อยๆ ถอนหายใจทีหนึ่ง ในเมื่อท่านประธานเทพธิดาพูดมาอย่างนี้ เขายังจะลงมือได้อีกเหรอ?
“วันนี้ถือว่าแกโชคดี จะไว้ชีวิตแกแล้วกัน” เฉินเป่ยพูดจานิ่งเฉยไร้ที่เปรียบ
หลงเทียนอ้าวสีหน้าดุร้ายขั้นสุด วินาทีนี้เขารู้สึกว่าเสียหน้าแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เขาคือคุณชายของหลงเจ๋อกรุ๊ปผู้ยิ่งใหญ่ เป็นการมีตัวตนที่ครอบงำทั้งเมืองหู้ไห่ ใครเจอเขาแล้วไม่เรียกว่าท่านอย่างเคารพนอบน้อมบ้าง? วันนี้…แม่งคาดไม่ถึงว่าจะโดนคนขับรถกระจอกคนหนึ่งมาเหยียดหยามต่อหน้าเช่นนี้? นี่แม่งคือการตบหน้าเขาอย่างเปิดเผยเลยทีเดียว
หลงเทียนอ้าวสีหน้าโกรธเคือง ยกฝ่ามือที่หนาใหญ่นั้นขึ้นทันที “ป้าบ!” ตบบนหน้าเฉินเป่ยไปอย่างแรงทีหนึ่ง
เสียงดังกังวาน บรรยากาศเหมือนเงียบสงบลงมาแล้ว
เหล่าผู้คนในที่เกิดเหตุตะลึงกันหมด…ทุกคนมีความรู้สึกตกใจนิดๆ หลงเทียนอ้าวลงมือจริงด้วย
ใบหน้าหลีชิงเยียนดูอึ้งทึ่ง คิ้วที่งดงามก็ขมวดแน่นขึ้น
ตรงที่ไม่ไกลนัก ฟางเจิ้นข่ายสีหน้าอึมครึมดุร้าย…นั่นคือความสุขที่ได้แก้แค้นอย่างมหาศาล เฉินเป่ยหนอเฉินเป่ย…วันนี้นายจะต้องตายอย่างอนาถ
เฉินเป่ยค่อยๆ หันหน้ากลับไป สายตานิ่งเฉยเป็นพิเศษ นิ่งจนทำให้คนตื่นตระหนก
“น่าสนใจ…หึ…น่าสนใจจริงๆ…” มุมปากของเฉินเป่ยยกเส้นรัศมีวงกลมที่ล้ำลึกน่าประหลาดขึ้น นั่นคือยิ้มที่นิ่งๆ…เพียงแค่รอยยิ้มนั้นกลับล้ำลึกซับซ้อนขนาดนั้นอย่างชัดเจน ทำให้คนรู้สึกหวาดผวาอย่างน่าประหลาดใจ?
เวลานี้หลงเทียนอ้าวสีหน้าดุร้าย ในลูกตามีแววตาที่ตื่นตระหนก เพราะมือที่เขาตบเฉินเป่ยไปข้างนั้น…กำลังเจ็บปวดขึ้น ตบมือสักครู่นี้…เหมือนตบไปบนเหล็กแข็งเลย
“แม่งเอ๊ย!” เดิมทีหลงเทียนอ้าวไม่มีทางยอมรับสายตาที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ของเฉินเป่ยได้ แค้นเคืองอย่างยิ่ง จากนั้นพลิกมือตบเข้าไปอีกทีหนึ่งทันที ฝ่ามือตบนี้โหดเหี้ยมไร้ที่เปรียบ แขนที่กำยำของเขานั้นมีเส้นเลือดปูดขึ้น เขาอยากตบให้ฝ่ายตรงข้ามตายไปเลย ฝ่ามือที่ตบลงมานี้ เห็นได้ว่าโหดร้ายทารุณ
“ป้าบ——!” ชั่วขณะนั้นเสียงตบกังวานดังสนั่นขึ้นทีหนึ่ง
เฉินเป่ยไวดุจสายฟ้าแลบ พุ่งไปด้านหน้าหลงเทียนอ้าว ยกมือขึ้นทันที…จากนั้นตบไปบนหน้าหลงเทียนอ้าวทีหนึ่งราวกับฟ้าแลบ
ทั้งตัวของหลงเทียนอ้าวราวกับใบพัดที่หมุนเป็นเกลียว…หมุนวนอยู่ที่เดิมไม่เลิก เลือดสดพ่นออกมาตามปากของเขา พ่นกระจายออกเป็นเส้นรัศมีวงกลมสีเลือดอยู่บนพื้น
ผู้คนในที่เกิดเหตุตาค้างทั้งหมด ทุกคนไม่ได้ตอบสนองกลับมา
หลงเทียนอ้าวหมุนวนอยู่ที่เดิมหลายสิบรอบ ถึงค่อยๆ หยุดลงมา…
“เฮือก——!” สิ่งแรกที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาหยุดลงมาก็คือกระอักเลือด อาเจียนเป็นเลือดมากมาย แม้กระทั่งเหมือนจะอาเจียนอวัยวะภายในออกมาทั้งหมด
บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดสดที่โหดร้าย หลังจากที่หลงเทียนอ้าวกระอักเลือดสด ทั้งตัวก็มึนงงทันที…
“ตึง!” เสียงดังสนั่น ชายอ้วนที่ส่วนสูงร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตรคนนี้…ล่มจมกองเลือดไปโดยตรงแล้ว สลบเผือดไปถึงที่สุด
บรรยากาศเงียบงันเหลือเกิน
ทุกคนต่างถลึงดวงตาโต จ้องฉากนี้ไม่ขยับ วินาทีนี้ ที่เกิดเหตุแข็งเป็นหินทั้งหมด
หลงเทียนอ้าว…คุณชายของหลงเจ๋อกรุ๊ปผู้น่าเกรงขาม…หลงเทียนอ้าวที่ถูกเรียกว่าท่านหลงของเมืองหู้ไห่…คาดไม่ถึงจะโดนคนขับรถตบทีหนึ่ง…ตบจนได้รับบาดเจ็บหนักกระอักเลือดสด…จนสลบลงไป?
ทุกคนจ้องเฉินเป่ยอย่างหวั่นวิตกราวกับมองปีศาจร้าย…หัวใจของทุกคนล้วนสั่นเทาสักพัก คนคนนี้…ใจกล้าบ้าบิ่น แม่งเป็นปีศาจร้ายเหรอ?
ใบหน้าหลีชิงเยียนคือตะลึง…มองฉากนี้อย่างงุนงง เธอไม่รู้ว่าควรยุติอย่างไร…นี่เกินขอบเขตการควบคุมของเธอโดยสิ้นเชิง…
มุมหนึ่งห้องงานเลี้ยง ฟางเจิ้นข่ายสีหน้าหม่นหมองเปลี่ยนแปลง อยากจะระเบิดความดุร้ายบนหน้า วินาทีนี้สีหน้าของเขาดูแย่ถึงขั้นสุด
ฟางเจิ้นข่ายก้าวเท้าเข้ามาทันใด สีหน้าเขียวปัดหนาวเย็น…พุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ถือโอกาสระหว่างที่ผู้คนชุลมุนกัน ตะโกนเสียงดุ “โอหัง! วันนี้กล้ามาก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาเลย!! เรียกคนมาสิ! จับเฉินเป่ยและผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างคนนี้โยนออกไปให้ฉัน!”
ฟางเจิ้นข่ายโหดร้ายที่สุด…เขาเบียดอยู่ในฝูงชน ใช้ฝูงชนเป็นโล่กำบัง ตะโกนเสียงดัง อยากใช้โอกาสนี้กระตุ้นการตอบสนองรวมกันของบรรดาแขกกลุ่มหนึ่งขึ้นมา
แต่ผลปรากฏว่า…ไม่รอให้บรรดาแขกตอบสนองเข้ามา…ภาพเงาคนคนหนึ่งราวกับเสือดุก็แวบเข้าในฝูงชนในชั่วพริบตาเดียว คว้าคอเสื้อของฟางเจิ้นข่ายไว้โดยตรง ราวกับใช้มือหิ้วเนื้อหมู หิ้วเขาออกมาแล้ว
ใบหน้าหลีชิงเยียนดูอึ้ง…ฟางเจิ้นข่าย?
“โอ๊ะโอ ที่แท้เป็นคุณชายฟางนี่เอง ฉันนึกว่าใครซะอีก…วันนี้คุณชายฟางสีหน้าไม่เลวเลยนะ?” เฉินเป่ยมองฟางเจิ้นข่ายอยู่ มุมปากฉีกรอยยิ้มที่นิ่งเฉยขึ้น
ฟางเจิ้นข่ายสีหน้าเขียวปัดดุร้าย ในเมื่อออกมาแล้ว เขาก็จำเป็นต้องไม่หลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป ตะโกนเสียงดุใส่เฉินเป่ยไปตามตรง “โอหัง! แกคิดว่าเป็นใครกัน กล้ามากำเริบเสิบสานในห้องงานเลี้ยงแบบนี้ แกไม่เห็นพวกฉันคนมีชื่อเสียงที่เมืองหู้ไห่อยู่ในสายตาเลยจริงๆ ใช่มั้ย? อย่าคิดว่าวันนี้อยากทำอะไรก็ทำได้นะ วันนี้พวกแกใครก็หนีไปไม่รอด!”
พูดได้ว่าฟางเจิ้นข่ายร้ายกาจที่สุด ตอนที่เขาตำหนิยังไม่ลืมลากนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งในงานเข้าไปด้วย…สามารถพูดได้ว่าพัวพันเข้าไปด้วยกัน
เฉินเป่ยยิ่งหัวเราะลุ่มลึกขึ้น เขาพยักหน้าเบาๆ “คุณชายฟางสั่งสอนคือ…”
เฉินเป่ยจ้องฟางเจิ้นข่ายด้วยแววตาที่มีเลศนัย “นายกำลังช่วยเจ้าหมูตัวนี้พูดอยู่เหรอ?” หมูที่เฉินเป่ยพูดถึงนั้น หมายถึงหลงเทียนอ้าวที่นอนสลบบนพื้น
ฟางเจิ้นข่ายสีหน้าดุร้าย “ที่นี่ยังไม่ถึงขั้นให้แกมาก้าวร้าวได้ ที่นี่คืองานเลี้ยงวงการธุรกิจเมืองหู้ไห่ เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางธุรกิจ! ไม่ใช่สถานที่ที่พวกสวะอย่างแกจะมาทำป่าเถื่อน! เข้ามาสิ พนักงาน จับชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้เอาไว้ให้ฉัน!!”
ฟางเจิ้นข่ายตะโกนเรียกพนักงานทันที อยากควบคุมจับตัวเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนทั้งสองไว้
เฉินเป่ยยกมุมปากเบาๆ ค่อยๆ เอ่ยปาก น้ำเสียงเผยความลุ่มลึกที่คนยากจะสัมผัสได้ พูดแบบมีความหมายแฝง “ดูแล้วพวกแกคงเป็นพวกเดียวกันสินะ~”
“ตีคุณชายหลงแล้ว เรื่องนี้ไม่จบแน่!!” ฟางเจิ้นข่ายสีหน้าดุร้ายอย่างยิ่ง
หลงเทียนอ้าวโดนตบ บิดาของหลงเทียนอ้าวจะไม่ถือสาหาความได้อย่างไร? จุดยืนในเวลานี้ของฟางเจิ้นข่ายแจ่มชัดอย่างมาก เขาอยากทำให้เฉินเป่ยตายโดยไม่สนใจการชดใช้ใดๆ เพราะเหตุนี้ เขาย่อมยืนอยู่ฝั่งของหลงเทียนแน่นอน
พนักงานที่ใส่ชุดสูทเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาในชั่วขณะนั้น
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเย็นยะเยือกดุจน้ำค้างแข็ง ความจริงฟางเจิ้นข่ายทำเกินเหตุเหลือเกิน ดังนั้นจึงทำให้เธอโมโหจนไม่พอใจอย่างมาก
ฟางเจิ้นข่ายสีหน้าอัปลักษณ์ไร้ที่เปรียบ ชี้ไปยังหลีชิงเยียนและเฉินเป่ยพูดแบบน่าครั่นคร้ามทันที “จับชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้เอาไว้ให้ฉัน ฉันจะตรวจ…”
“ป้าบ!” ฟางเจิ้นข่ายยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนตบอย่างรุนแรงโดยตรงจนลอยออกไปทั้งตัว
ไม่ผิด โดนตบจนลอย ทั้งตัวเขากำลังหมุนวนรุนแรงกลางอากาศ ในปากมีเลือดสดพ่นกระจาย
ตามมาด้วย…เสียงที่หนักอึ้ง“ตึง!” ผู้สืบทอดของฟางซื่อกรุ๊ปท่านนี้ ร่วงล้มบนพื้นแบบกางแขนกางขาทันที เลือดสดในปากทะลักออกมา…แก้มบวมขึ้นถึงที่สุดอย่างกับหัวหมูหัวหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมาแบบสั่นเทา…กำลังอยากจะพูดอะไร…เลือดสดในปากก็พ่นออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“โอ๊ะ…คุณชายฟาง ท่านไม่เป็นไรนะ? ท่านต้องอดทนเอาไว้ ผมจะโทรศัพท์หารถพยาบาล120ให้ท่านเอง…” เฉินเป่ยยิ้มเจ้าเล่ห์มองฟางเจิ้นข่ายที่กระอักเลือดสดนอนอยู่ที่พื้น…นั่นเรียกว่าการเยาะเย้ย
ฟางเจิ้นข่ายสีหน้าอัปลักษณ์ ความโกรธแค้นถาโถมเข้ามาในใจ…ร่างกายของเขาชักกระตุกและสั่นเทา สลบลงไปทันที
ทั้งงานตื่นตกใจจนเงียบงัน
สายตาของผู้คนจ้องเขม็งอยู่ อ้าปากกว้าง สีหน้าตกตะลึงมึนงง ทุกคนต่างโดนฝ่ามือที่ดุจฟ้าผ่านี้ของเฉินเป่ยทำเอาตะลึงค้างกันแล้ว เชี้ย!! ตบสองที…ตบจนชายหนุ่มสองคนล้มลงไปทันที? นี่แม่งยังเป็นคนอยู่เหรอ?
คนหนึ่งคือหลงเทียนอ้าวคุณชายหลงเจ๋อกรุ๊ป…คนหนึ่งคือฟางเจิ้นข่ายผู้สืบทอดฟางซื่อกรุ๊ป…สองคนนี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในเมืองหู้ไห่กัน นี่แม่งแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาที ทั้งสองคนต่างถูกผู้ชายที่หน้าตาธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นคนหนึ่งตบไปคนละทีจนสลบลงไปเลย? รู้สึกว่าโลกจะวุ่นวายแล้วสิ
นักธุรกิจอายุน้อยคนหนึ่งยกมือขึ้นแบบสั่นเทิ้ม เช็ดเหงื่อที่หน้าผากสักหน่อย…แม่งนี่มันเกินกว่าขอบเขตที่เขารับได้โดยสิ้นเชิง
สุภาพบุรุษที่นับถือคริสต์คนนั้นพยายามใช้มือวาดเป็นรูปไม้กางเกงที่หน้าอก พยายามอธิษฐานต่อพระเจ้า…เวลานี้ความตื่นตระหนกในใจของเขา ทำได้เพียงใช้วิธีการอธิษฐานแบบนี้มาจัดการ…
มุมหนึ่งของห้องงานเลี้ยง ฟางเจิ้นข่ายจ้องJenniferแบบสายตาไม่ขยับ ในแววตามีความซับซ้อนและลุ่มลึกแวบผ่าน…สาวต่างชาติ? น่าสนใจ…แววตาที่โจ่งแจ้งในตาของฟางเจิ้นข่ายแวบผ่านไป…
หลีชิงเยียนยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าคือความอึ้งทึ่ง…เธอไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมา…พัฒนาการของฉากนี้เกินกว่าจินตนาการของเธอถึงที่สุด…
เฉินเป่ยหันหน้ามองทางท่านประธานเทพธิดา แบมืออย่างจำใจไปทางเธอ…
เวลานี้ พนักงานรักษาความปลอดภัยในห้องโถงกลุ่มนั้นทำหน้างงงวยตะลึงกัน ตั้งนานถึงตอบสนองเข้ามา พวกเขาล้วงกระบองไฟฟ้าออกมาแล้ว อยากจะลงมือเดี๋ยวนั้น
“หยุดนะ” ในเวลานี้ เสียงตะโกนแบบดุดันดังขึ้นกะทันหัน
ทุกคนหันหน้ากลับไปทั้งหมด
เห็นเพียงผู้ชายวัยกลางคนที่ใส่สูทเรียบกริบคนหนึ่งกำลังถือแก้วไวน์ไว้ ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามา
พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นผู้ชายคนนี้เข้า พากันถอยออกไปทั้งหมด จากนั้นโค้งตัวด้วยความเคารพอย่างยิ่ง “หัวหน้าหลัว”
ตอนที่เหล่าแขกกลุ่มหนึ่งในงานเห็นผู้ชายวัยกลางคนท่านนี้ ก็ตะลึงเช่นกัน คนกลุ่มหนึ่งตอบสนองเข้ามา รีบพยักหน้าทักทายเขา ในน้ำเสียงมีความเคารพ
“หัวหน้าหลัวสวัสดีครับ”
“หัวหน้าหลัวท่านมาแล้ว…”
ผู้ชายวัยกลางคนค่อยๆ พยักหน้า เดินก้าวเข้ามาแบบนี้ หลังจากเขายืนอยู่ตรงนี้ บรรยากาศทั้งในห้องงานเลี้ยงเงียบสงบลงมาในชั่วขณะนั้น ทั่วทั้งตัวเขาปล่อยท่วงท่าที่เรียบเฉยออกมา ราวกับควบคุมทั้งสถานการณ์เอาไว้ในมือ
หลีชิงเยียนมองผู้ชายวัยกลางคนท่านนี้ตาค้าง…เธอย่อมรู้จักผู้ชายท่านนี้เป็นธรรมดา…ท่านผู้นี้คืออัจฉริยะของวงการธุรกิจเมืองหู้ไห่ หัวหน้าผู้มีชื่อเสียงน่าเกรงขามในวงการธุรกิจเมืองหู้ไห่——หลัวห้าวหราน
หลัวห้าวหรานค่อยๆ เข้ามา พูดกับพนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มนั้น “ถอยไปให้หมดเถอะ”
เหล่าพนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มนั้นโค้งตัวทำความเคารพ จากนั้นต่างถอยลงไปแล้ว….
บรรดาแขกในงานกลุ่มหนึ่งตาค้างกันอยู่บ้าง…นี่คือสถานการณ์อะไรกัน? ในห้องงานเลี้ยงวุ่นวายจนเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้…ตบสองคนจนลอยออกไปจนสลบลงตามๆ กัน…คาดไม่ถึงว่าหัวหน้าหลัวจะไม่ตามเอาเรื่อง?
เฉินเป่ยจ้องหลัวห้าวหรานแบบมีเลศนัย พลันถามว่า “นายเป็นใคร?”
เฉินเป่ยเอ่ยปากแบบเล่นแง่เต็มที่ ท่าทางดูก้าวร้าวมาก
หลัวห้าวหรานมองเฉินเป่ยอยู่ตั้งนาน จากนั้นค่อยๆ ยื่นมือ พูดแนะนำตัวเอง “ผมหลัวห้าวหราน หัวหน้าสโมสรหู้ไห่”
เฉินเป่ยชายตามองเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง ไม่มีความคิดจะจับมือกับเขาทั้งนั้น…
พอเห็นว่าเฉินเป่ยไม่จับมือกับตนเอง สีหน้าหลัวห้าวหรานก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เก็บมือกลับไปอย่างนิ่งเฉยเป็นธรรมชาติมาก
ส่วนเหล่าแขกผู้มีเกียรติในงานยิ่งตาค้างขึ้นไปอีก คนโดยรอบกลุ่มหนึ่งถกเถียงกันเงียบๆ…
“คุณพระ…เจ้าหมอนี่เก่งอยู่พอตัว…แม้แต่หัวหน้าหลัวจับมือกับเขา คาดไม่ถึงจะไม่รับ?”
“ก่อนหน้านี้ตบหลงเทียนอ้าวและฟางเจิ้นข่าย ต่อมาแม้แต่หัวหน้าหลัวยังไม่ไว้หน้า เก่งจริงๆ เลย!”
“คนหนุ่มสมัยนี้…ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง…หัวหน้าหลัวเป็นบุคคลชั้นยอดของเมืองหู้ไห่…เจ้าหมอนี่ไม่ไว้หน้าหัวหน้าหลัวขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลีชิงเยียนมึนงงอยู่บ้างเช่นกัน เธอยังไม่มีปฏิกิริยาเข้ามาเท่าไร…หลัวห้าวหรานก็ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน จับมือกับเฉินเป่ยอย่างน่าประหลาดใจ…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เฉินเป่ยมองหลัวห้าวหรานเรียบเฉยแบบนี้ ก่อนจะถามขึ้นอย่างสงบ “ฉันรู้จักกับนายเหรอ?”
หลัวห้าวหรานตะลึงก่อน แล้วหัวเราะนิ่งๆ “เจอกันครั้งแรก”
“อ่อ ได้…ถือว่าวันนี้นายยังมีเหตุผลอยู่บ้าง…” เฉินเป่ยพูดจานิ่งๆ…เหมือนไม่เห็นสถานะของหลัวห้าวหรานอยู่ในสายตา ยังคงทำท่าทางเฉยชาราวกับอันธพาล
หลัวห้าวหรานหัวเราะแล้ว จากนั้นหัวเราะแบบมีเลศนัยมาก…เป็นคนหนุ่มที่น่าสนใจ…
“เข้ามาที แบกสองคนนี้ออกไป เอาไปส่งที่โรงพยาบาล…”
หลัวห้าวหรานสั่งไปยังพนักงานหลายคนนั้นโดยตรง ให้ยกฟางเจิ้นข่ายและหลงเทียนอ้าวที่นอนอยู่บนพื้นออกไปจากในห้องงานเลี้ยง นำพวกเขาส่งไปช่วยชีวิตที่โรงพยาบาล…
ส่วนพื้นในที่เกิดเหตุถูกเก็บกวาดขัดล้างให้สะอาดอีกครั้ง เช็ดรอยเลือดพวกนั้นให้สะอาดหมดจด…
ถึงแม้ว่าในงานจะมีเหตุการณ์ดุเดือดนองเลือดเข้ามาแทรก…แต่งานเลี้ยงครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไป…เหล่าคนดังในวงการธุรกิจที่มาในงานนี้ ทุกคนมาเพื่อ“ผลประโยชน์”คำเดียว งานเลี้ยงวงการธุรกิจในวันนี้เป็นงานเลี้ยงวงการธุรกิจเมืองหู้ไห่รอบปี ในงานเลี้ยงนี้จะมีโอกาสได้ร่วมงานนับไม่ถ้วน และกระแสใหม่ล่าสุดในวงการธุรกิจ…ทุกคนจะพลาดได้อย่างไร? เทียบกับกับเหตุการณ์ที่แทรกมาตรงหน้าคำว่า“ผลประโยชน์”ครู่หนึ่งนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง
หลัวห้าวหรานขึ้นเวที กล่าวปาฐกถาการพัฒนาในอนาคตของสโมสรหู้ไห่…งานเลี้ยงนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญที่แท้จริงแล้ว เหล่าผู้คนเริ่มค่อยๆ แสดงความสามารถของกิจการตนเองออกมา พุ่งเข้าหาโอกาสในอนาคตสารพัด ศึกษาถกเถียงรูปแบบธุรกิจ…
ท่านประธานเทพธิดากลับยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงบ ไม่ได้เข้าร่วมการถกเถียงหัวข้อใดๆ เธอเหมือนดอกกุหลาบเจิดจ้าดอกหนึ่ง งดงามยั่วยวน ขณะเดียวกันกลับเมินเฉยอย่างเรียบนิ่ง
เฉินเป่ยถือแก้วไวน์ไว้ ยืนอยู่ด้านข้างเทพธิดาแบบนิ่งเฉย จิบไวน์แดงช้าๆ พร้อมกับกินอาหารตะวันตก ลักษณะเหมือนมาหาของกินของดื่ม…เขาไม่ใส่ใจว่าตนเองอยู่ในบทบาทอะไร…อย่างไรดื่มแล้วการขับสำหรับเขาก็คือสภาพปกติอยู่แล้ว…
หลัวห้าวหรานพูดปาฐกถาบนเวทีจบ จากนั้นเป็นผู้นำทางการเมืองแต่ละสายของสโมสรหู้ไห่ขึ้นเวที กล่าวนโยบายของทางรัฐบาลในอนาคต และทิศทางการพัฒนาของเมือง…ส่งเสริมให้เหล่าเจ้านายใหญ่ของวงการธุรกิจกล้าค้นหาโอกาสในอนาคต…
หลังจากหลัวห้าวหรานลงมาจากบนเวที ชั่วขณะนั้นก็ดึงดูดการรวมตัวของบุคคลชื้อดังในวงการธุรกิจกลุ่มหนึ่งเข้ามา…ทุกคนต่างเข้ามาชนแก้วพูดคุยกับหลัวห้าวหราน…สามารถดื่มเหล้าแลกเปลี่ยนกับบุคคลอย่างหลัวห้าวหรานได้ นี่ถือเป็นเกียรติยศ และเป็นวิธีดีที่สุดในการเชื่อมความสัมพันธ์
แต่เห็นได้ชัดว่าหลัวห้าวหรานไม่ได้หยุดคุยกับทุกคนนานมากนัก ทว่ากลับถือแก้วไวน์ ค่อยๆ ทะลุผ่านฝูงชนที่เบียดเสียดกันนั้น เดินมาที่หลีชิงเยียนทางนี้โดยตรง
“ประธานหลี ไม่เจอกันนาน ช่วงนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเติบโตขึ้นทุกวันในตลาดหุ้น ยินดีด้วยนะครับ” หลัวห้าวหรานถือแก้วไวน์ไว้ พูดคุยหัวเราะมาถึงด้านหน้าหลีชิงเยียนแล้ว
หลีชิงเยียนตะลึงนิดหน่อย ไม่นานก็ยกแก้วไวน์ขึ้นเช่นกัน ชนแก้วตอบกลับหลัวห้าวหรานไปแบบมีมารยาท
“ขอบคุณค่ะหัวหน้าหลัว~” หลีชิงเยียนยิ้มนิดหน่อย ยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ
ส่วนเฉินเป่ยก็ควงแขนของเทพธิดาไว้อย่างแนบชิด เขาไม่เข้าร่วมการอภิปราย ทำได้เพียงดื่มไวน์แดงอย่างไม่สนใจอะไร ประมาณว่าไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน
หลีชิงเยียนยิ้มและพูดคุยแลกเปลี่ยนกับหลัวห้าวหรานเสียงเบาๆ…ความสงสัยในใจนับวันยิ่งเข้มข้น…หลัวห้าวหรานเป็นหัวหน้าของสโมสรหู้ไห่ ในวันธรรมดาชีวิตยุ่งมาก แทบจะไม่ได้มาติดต่อเธอแต่อย่างใด…โดยเฉพาะระหว่างบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของเธอกับหลัวห้าวหรานไม่ได้เกี่ยวข้องร่วมงานกันใดๆ…ระหว่างสองฝ่ายสามารถพูดได้ว่าแทบจะไม่สนิทกัน
แต่วันนี้หลัวห้าวหรานกลับทำตัวสนิทคุ้นเคยอยู่บ้างขึ้นมากะทันหัน? เข้ามาพูดจาแลกเปลี่ยนกับหลีชิงยียนก่อน นี่ทำให้หลีชิงเยียนเกินความสงสัยในใจ…นี่คือ…? มีเป้าหมายอะไร?
“ประธานหลี ต่อไปบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมีอะไรต้องการที่เมืองหู้ไห่ คุณบอกมาคำเดียวก็ได้ ผมหลัวห้าวหรานถ้าสามารถดูแลได้ จะต้องช่วยแน่นอน” หลัวห้าวหรานพูดจายิ้มกริ่ม เหมือนมีความหมายแอบแฝงอยู่นิดๆ
หลีชิงเยียนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดนิ่งๆ “ขอบคุณสำหรับความหวังดีของหัวหน้าหลัวมากค่ะ ชิงเยียนเข้าใจ” ถึงแม้ว่าความคิดหลัวห้าวหรานจะไม่กระจ่างนัก แต่หลีชิงเยียนก็ไม่ง่ายจะปฏิเสธ ได้แต่ตอบรับเอาไว้
หลัวห้าวหรานยกแก้วจิบไวน์ช้าๆ จากนั้นยิ้มแบบล้ำลึกพลางพูดขึ้นกะทันหัน “ประธานหลี พูดกันตามตรงนะ วันนี้…ผมได้รับการไหว้วานจากคนคนหนึ่งมา มีเรื่องจะหารือกับคุณ”
หลีชิงเยียนเงยหน้าขึ้นเบาๆ…ในที่สุดก็เข้าประเด็นหลักแล้วเหรอ?
“หัวหน้าหลัว มีเรื่องอะไรคะ?” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงน่าดึงดูด
“เกี่ยวกับเรื่องของตระกูลริชาร์ดครับ” หลัวห้าวหรานค่อยๆ พูดไป
พอได้ยินคำนี้ ใบหน้าของหลีชิงเยียนแข็งทื่อเล็กน้อย มีความระแวงและสงสัยนิดๆ
เฉินเป่ยก็เก็บสายตากลับมาเช่นกัน จ้องหลัวห้าวหรานอย่างมีความสนใจ
หลัวห้าวหรานหัวเราะนิดหน่อย “ประธานหลี คุณไม่ต้องตื่นเต้นครับ…ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร…เพียงแค่ในตอนนี้ คุณกับตระกูลริชาร์ดมีเรื่องกันตึงเกินไป ไม่ใช่เรื่องดีอะไรกับทั้งสองฝ่าย หวังว่าประธานหลีคุณจะหยุดมือลง ให้อภัยคนอื่นบ้าง ทุกเรื่องล้วนต้องเอาความสงบเป็นที่ตั้ง…”