สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 608
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 608 ไม่ออกไป
โล่ก้วนจองโมโหเป็นอย่างมาก เขาเป็นคนที่อยากเจอก็เจอได้อย่างนั้นเหรอ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมาก่อกวนตอนที่เขากำลังพักผ่อน นี่ทำให้เขาอารมณ์เสียชัดๆ เขาเดินลงมาข้างล่างด้วยความโมโห และเดินเข้าไปในห้องโถงของสถานีตำรวจ
“ใครกล้าดีมาหาฉัน!” โล่ก้วนจองคาบซิการ์อยู่ในปาก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโมโห เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง ความรู้สึกที่เป็นมาตั้งแต่เกิด!
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกเหมือนกำลังจะเกิดเรื่อง ทุกคนนั่งลงประจำตำแหน่งของตัวเอง และทำงานอย่างเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เจ้าหน้าที่ธรรมดาอย่างพวกเขาไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายในเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ว่ายังไงมีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย
ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปก่อน เธอมองโล่ก้วนจองแล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชา “นายคือผู้บัญชาการอย่างนั้นเหรอ”
“บังอาจ! เห็นฉันแล้วยังกล้าไร้มารยาทแบบนี้เหรอ” สีหน้าของโล่ก้วนจองโกรธเป็นอย่างมาก
“ผู้บัญชาการ ที่ฉันมาวันนี้เพราะต้องการเตือนนาย ทางที่ดีรีบปล่อยตัวเฉินเป่ยซะ” สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยการข่มขู่ คุณหนูสูงศักดิ์อย่างเธอ นิสัยร่าเริงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แทบจะไม่เคยโกรธแบบนี้ แต่วันนี้คุณหนูแสนร่าเริง กลับเย็นชาเช่นนี้ เธอเย็นชาจนเหมือนเป็นคนละคน
“มีอย่างที่ไหน! ที่นี่คือสถานีตำรวจ ไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาอย่างเธอจะมาเหิมเกริมได้ เฉินเป่ยมีโทษร้ายแรง ไม่ใช่ว่าเธอจะบอกให้ปล่อยก็ปล่อยได้ เธอกำลังก่อความวุ่นวาย! ใครก็ได้ มาจับตัวเธอ!” น้ำเสียงของโล่ก้วนจองเย็นชามาก วันนี้เขาต้องสั่งสอนผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้ให้สาสม!
เจ้าหน้าที่พวกนั้นนั่งไม่ติด ผู้บัญชาการออกคำสั่งด้วยตัวเอง นี่พวกเขาต้องทำตามใช่ไหม พวกเขาไม่รู้จะทำยังไงดี มันเลือกยากมาก!
“ผู้บัญชาการ ยังมีฉันด้วย ฉันก็สร้างความวุ่นวายเหมือนกัน ฉันอยากเจอคุณสักครั้ง” ขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น
โล่ก้วนจองสีหน้าโกรธเป็นอย่างมาก เขาหันไปจ้องผู้อาวุโสแล้วตวาดออกมา “นายเป็นใครอีก! มีอย่างที่ไหน คิดจะมาก่อความวุ่นวายในสถานีตำรวจเมืองหู้ไห่ตอนไหนก็ได้งั้นเหรอ”
ผู้อาวุโสโค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดออกมาว่า “หัวหน้าสถานีตำรวจแห่งเยี่ยนจิง”
“หัวหน้าอะไร ไม่เคยได้ยิน!” โล่ก้วนจองสะบัดมือและตวาดออกมา “ใครก็ได้มาคุมตัวสองคนนี้ที!”
เมื่อโล่ก้วนจองพูดออกไป จู่ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศผิดปกติไป ความเงียบปกคลุมไปทั่ว มันเงียบเกินไป เขากวาดตามองรอบๆ เพื่อนร่วมงานต่างพากันตกตะลึง เหมือนมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
โล่ก้วนจองยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เดี๋ยวนะ โล่ก้วนจองตั้งสติได้ หัว..หัวหน้า
โล่ก้วนจองมองผู้อาวุโสกับผู้หญิงในชุดเดรสสีขาว น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “คุณคือหัวหน้าอย่างนั้นเหรอ”
ผู้อาวุโสพยักหน้าเบาๆ สีหน้ายังคงราบเรียบ
ทันใดนั้นโล่ก้วนจองก็ทรุดลงไปกองกับพื้น
“ที่แท้เป็นคุณนี่เอง หัวหน้านี่เอง เป็นเกียรติมาที่คุณมาสถานีตำรวจเมืองหู้ไห่ ผมต้อนรับคุณไม่ดีเอาเสียเลย ยังทำให้คุณตกใจอีกด้วย” ท่าทีของโล่ก้วนจองเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขากลายเป็นคนนอบน้อมและเป็นกันเองขึ้นมาทันที
เจ้าหน้าที่ต่างพากันอึ้งจนตัวแข็ง ทุกคนอ้าปากค้าง ให้ตายเถอะ ผู้บัญชาการเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วจริงๆ
ตอนนี้เหมือนโล่ก้วนจองเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขานอบน้อมจนไม่เหลือคราบผู้บัญชาการที่หยิ่งยโสอีกแล้ว บุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือหัวหน้าสถานีตำรวจ จู่ๆ ก็มาที่สถานีตำรวจของเขา นี่ทำให้หัวใจของโล่ก้วนจองสั่นไม่หยุด
“ไม่เป็นไร นี่คือหลานสาวของฉัน พอดีว่าฉันเอาแต่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ได้ก้าวก่ายอำนาจของโลกภายนอก อีกอย่างงานของฉันก็ยุ่งมาก ผู้บัญชาการโล่ไม่รู้จักก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” ผู้อาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยไม่มีความหยิ่งยโสเลยแม้แต่น้อย
โล่ก้วนจองยิ้มแหยๆ เขาถามอย่างหวาดระแวงว่า “ไม่ทราบว่าคุณมาที่นี่ มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าครับ”
ผู้อาวุโสพูดเนิบๆ ว่า “การที่ฉันมาวันนี้ เพราะมาช่วยเพื่อนเก่าเพื่อนแก่น่ะ”
ผู้อาวุโสพูดพลางดึงแขนของผู้หญิงคนนั้นเบาๆ
เมื่อเห็นภาพนั้น สีหน้าของโล่ก้วนจองก็ไม่สู้ดี ดูท่าว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเสียแล้ว
“เรื่องนี้ เอ่อ..ถ้ามีตรงไหนที่ผมสามารถช่วยได้ ผมก็จะช่วย แต่ถ้าผมช่วยไม่ได้ ก็เกรงว่าจะ…” โล่ก้วนจองรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงชิงพูดออกไปก่อน เผื่อจะปฏิเสธได้
“ผู้บัญชาการโล่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็จะพูดตรงๆ แล้วกัน” ผู้อาวุโสพูดเนิบๆ “เสี่ยวหรุ่ยอยากให้ผู้บัญชาการโล่ปล่อยตัวเฉินเป่ย”
สีหน้าของโล่ก้วนจองซีดเผือดทันที ถึงเขาพอจะเดาได้ แต่เมื่อได้ยินกับหูตัวเอง โล่ก้วนจองก็รู้สึกตกตะลึง ตอนนี้เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“นี่คุณกำลังทำให้ผมลำบากใจนะครับ เฉินเป่ยมีโทษร้ายแรง เขาได้รับการตัดสินโทษแล้ว ตามกฎหมายสูงสุด เราไม่สามารถปล่อยตัวเขาไปได้นะครับ” โล่ก้วนจองพูดอย่างจริงจัง น้ำเสียงของเขาดูเหนื่อยใจ
ผู้อาวุโสมองโล่ก้วนจอง เขาพูดออกมาว่า “ได้ งั้นเราก็ทำตามกฎหมายสูงสุด เดี๋ยวฉันจะแจ้งสำนักงานอัยการและสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อเร่งกระบวนการพิจารณาคดี และตรวจสอบเบาะแสและข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โล่ก้วนจองถึงกับหน้าซีด ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงมาก
ถ้าคดีนี้ถูกพิจารณาอีกครั้ง งั้นเรื่องที่เขาแอบทำหลักฐานปลอมขึ้นมา อาจจะถูกเปิดโปงก็เป็นได้ ตำแหน่งของเขาก็อาจจะสิ้นสุดลงรวมถึงชีวิตของเขาด้วย!
“เอ่อ…ผมเกรงว่าเรื่องนี้…” โล่ก้วนจองเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด ตอนนี้เขารู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก หัวหน้าสถานีตำรวจที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนจะสุขุม แต่กลับรู้สึกเหมือนมีดาบจ่ออยู่ตรงหน้าจนแทบจะไม่มีพื้นที่ให้หายใจ
ผู้อาวุโสจ้องเขา และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “จะปล่อยหรือไม่ปล่อย”
สีหน้าของโล่ก้วนจองไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก เขาคิดอยู่นาน จากนั้นจึงกัดฟันและพยักหน้า
“จริงๆ แล้วคดีของเฉินเป่ยยังมีหลายจุดที่น่าสงสัย ผมจะให้ลูกน้องตรวจสอบอีกครั้ง คุณรอสักครู่นะครับ..” โล่ก้วนจองถอนหายใจออกมา เหมือนเขาแก่ลงหลายปี ตอนนี้เขาหมดหนทางแล้ว!
ผู้ชายอายุกว่าสี่สิบปี ต้องมาแบกรับความกดดันต่อหน้าของผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว นี่ทำให้โล่ก้วนจองอับอายเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก เพราะอีกฝ่ายคือตระกูลเจิง เพราะอีกฝ่ายแซ่เจิง!
เขาให้ลูกน้องตรวจสอบใหม่อีกครั้ง แต่ทำพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่กี่นาทีต่อมาผลการตรวจสอบก็ออกมา สีหน้าของโล่ก้วนจองหดหู่และหมดหนทาง เขาพาผู้อาวุโสกับผู้หญิงคนนั้นไปที่สถานกักกันในเมืองหู้ไห่
…
ในห้องดำที่สถานกักกันพิเศษ
เฉินเป่ยกำลังดื่มและคุยกับชายแก่ข้างห้องอย่างสบายใจ การที่ได้ดื่มเหล้าเหมาไถและกินอาหารอร่อยในห้องมืดแห่งนี้ นับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ชีวิตจะไม่มีความสุขได้ยังไงกันล่ะ
ขณะนั้นเอง เสียงเปิดประตูบนทางเดินดังเข้ามาข้างใน
เฉินเป่ยได้ยินเสียงนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย เขาหิ้วขวดเหล้าและลอดกลับไปที่ห้องของตัวเองผ่านรูบนกำแพงที่เขาได้ทุบมันจนแตก
“แกร๊ก” ประตูเหล็กในห้องถูกเปิดออก เจ้าหน้าที่สองสามคนยืนอยู่ที่หน้าประตู
“เฉินเป่ย ออกมา นายถูกปล่อยตัวแล้ว!” น้ำเสียงของเจ้าหน้าที่เย็นชาและโมโหเป็นอย่างมาก
เมื่อเฉินเป่ยได้ยินเช่นนั้นก็หรี่ตาลง เขายังคงนั่งอยู่ตรงมุมกำแพง โดยไม่สนใจเจ้าหน้าที่
“ได้ยินไหม ฉันเรียกนายออกมา นายได้รับการปล่อยตัวแล้ว!” เจ้าหน้าที่เห็นเขาไม่ขยับก็เลยพูดดังขึ้นอีก
เฉินเป่ยปิดตาลง และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไม่อยากออกไป”