สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 629
บทที่ 629 เจ้าหญิงนิทรา
“ขอโทษครับ คุณ..เฉิน” เสียงของโจวชางสั่นระรัว เลือดที่ซึมออกมาจากมุมปากของเขา คือเลือดที่พ่อตบเขา ตอนนี้คุณชายถานกงเสียสติและจิตใจแหลกสลาย
คนที่อยู่ในงานอึ้งและยืนแข็งเป็นหิน เรื่องทั้งหมดมันกลับตาลปัตรไปหมด คุณชายโจวที่โอหังเมื่อครู่ ตอนนี้กลับคุกเข่าขอโทษเฉินเป่ยจนไม่เหลือคราบคุณชายเลยแม้แต่น้อย
เฉินเป่ยจิบไวน์ด้วยสีหน้าราบเรียบ “พอเถอะ เห็นแก่ที่นายเป็นลูกชายของท่านโจว ฉันจะปล่อยนายไป”
ท่านโจวรีบโค้งตัวให้เฉินเป่ย จากนั้นจึงพูดอย่างนอบน้อมว่า “ขอบคุณคุณเฉินที่ไว้ชีวิตไอ้ลูกเวรไร้มารยาท ผมจะสั่งสอนมันอย่างสาสมครับ”
เฉินเป่ยสูบบุหรี่ช้าๆ “พอเถอะ คนที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ลูกชายของนายไม่รู้จักฉัน เรื่องวันนี้ก็ถือว่าเป็นละครตลกก็แล้วกัน”
“แต่ว่า…สองคนนี้ต้องชดใช้ให้ฉัน” เฉินเป่ยจ้องไปที่จางจื่อหลานกับอู๋ตุ้งด้วยสายตาเย็นชา
ความเงียบปกคลุมไปทั่ว
จางจื่อหลานตัวสั่นเทิ้ม เธอรีบเดินมาตรงหน้าเฉินเป่ยและพูดอ้อนวอนออกมา “คุณเฉิน จื่อหลานมีตาหามีแววไม่ ถึงไม่รู้จักคุณ คุณเฉินปล่อยฉันไปเถอะนะ”
เฉินเป่ยผลักเธอออกไปอย่างเย็นชา
“จางจื่อหลาน ฉันไม่ถือสาที่เธอมองฉันเหมือนศัตรู แต่เธอวางยาหวังจะทำร้ายซุนเจียเจีย เรื่องนี้ฉันคงปล่อยไว้ไม่ได้” เฉินเป่ยพูดออกมาอย่างเย็นชา แต่มันกลับน่ากลัวเป็นอย่างมาก
จางจื่อหลานหน้าซีด เธอสั่นไปทั้งตัว น้ำหูน้ำตาไหลออกมา
“ขอร้องล่ะคุณเฉิน ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันยอมรับใช้คุณ” จางจื่อหลานพูดอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมด
“จื่อหลาน..อย่า…” อู๋ตุ้งที่นอนอยู่บนพื้น เขาตัวสั่นเพราะความเจ็บ ตอนนี้เขาอดทนไม่ไหวแล้ว ผู้หญิงของตัวเองจะไปรับใช้ผู้ชายคนอื่น นี่มันทุกข์ยิ่งกว่าโดนฆ่าเสียอีก
เฉินเป่ยเหลือบมองจางจื่อหลานอย่างไม่สบอารมณ์ “ขอโทษด้วยนะ เธอทำให้ฉันคลื่นไส้”
เฉินเป่ยลุกขึ้น และจิบไวน์อย่างสบายใจ
“มัดสองคนนี้เอาไว้” ท่านโจวพูดด้วยสีหน้าโกรธ
เหล่าชายในชุดสูท มัดอู๋ตุ้งที่แขนหักกับจางจื่อหลานเอาไว้ ตอนนี้กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วงาน
“คุณเฉิน ผมจะเอาสองคนนี้ไปโยนทะเลให้เป็นอาหารปลา!” ท่านโจวแผดเสียงออกมา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนทั้งงานถึงกับใจเต้นตึกตัก นี่คือสังคมมืดที่แท้จริงสินะ ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา
จางจื่อหลานกับอู๋ตุ้งตกใจจนตัวสั่น จางจื่อหลานตกใจจนฉี่ราด ของเหลวสีเหลืองไหลลงมาจากกระโปรงของเธอพร้อมกลิ่นไม่พึ่งประสงค์
เฉินเป่ยขมวดคิ้ว “ฉันพูดกับนายหลายครั้งแล้วว่าอย่าฆ่าคนไปทั่ว ต้องอ่อนน้อมบ้าง เข้าใจไหม”
ท่านโจวหน้าเปลี่ยนสี เขารีบพยักหน้าและโค้งตัวสำนึกผิด
“กรอกไวน์ให้พวกเขาดื่มก็พอ คนละหนึ่งร้อยขวด” เฉินเป่ยพูดเนิบๆ
ท่านโจวรีบพยักหน้า
“เอาไวน์มาให้ฉันสี่ลัง”
ไม่นานพวกลูกน้องก็เอาไวน์เข้ามาสี่ลัง
“เปิดขวดไวน์ แล้วกรอกเข้าไปในปากพวกมันสองคน!” ท่านโจวแผดเสียงออกมา
พวกลูกน้องรีบเปิดขวดไวน์ และจับคอของจางจื่อหลานกับอู๋ตุ้งเอาไว้ จากนั้นก็กรอกไวน์ลงไปในปากของทั้งสองคน ในงานเต็มไปด้วยกลิ่นไวน์ แต่มันกลับน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
จางจื่อหลานกับอู๋ตุ้งพยายามดิ้นไปมา แต่กลับทำไม่สำเร็จ ไวน์แดงที่แสบจมูกถูกกรอกเข้ามาในปากของเขาขวดแล้วขวดเล่า ตอนนี้ในกระเพาะเต็มไปด้วยน้ำ พวกเขาทั้งสองอ้วกของเหลวในกระเพาะออกมา แต่เมื่ออ้วกออกมา พวกลูกน้องก็กรอกไวน์เข้าไปอีก คืนนี้ไวน์ร้อยขวดจะเป็นความทรงจำอันน่าสยดสยองของพวกเขาทั้งสองคน!!
คนที่อยู่ในงานยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
เฉินเป่ยกวาดตามองพวกเพื่อนผู้หญิงแวบหนึ่ง
เมื่อเห็นสายตาของเฉินเป่ย เหล่าเพื่อนผู้หญิงหัวใจกระตุกวูบ พวกเธอหน้าซีดเผือดและไม่กล้าพูดอะไรออกมา เมื่อกี้พวกเธอเยาะเย้ยเฉินเป่ยไม่น้อยไปกว่าจางจื่อหลานเลย ตอนนี้พวกเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“พวกเธอยืนบื้ออะไรอยู่ล่ะ หรือว่าอยากดื่มไวน์ด้วย” เฉินเป่ยพูดกวนประสาท
เหล่าเพื่อนหน้าซีดเผือด
“ไม่อยากดื่มก็รีบแยกย้ายไปซะ อย่ามายืนขวางหูขวางตา” เฉินเป่ยตวาดออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย เหล่าเพื่อนถึงกับตัวสั่น และเดินออกไปจากห้องอาหารอย่างหวาดระแวง เห็นได้ชัดว่าทุกคนตกใจจนสติกระเจิดกระเจิง
เฉินเป่ยเดินเข้ามาหาซุนเจียเจีย จากนั้นจึงจูงมือเธอแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ เจียเจีย”
ซุนเจียเจียหลุดออกจากภวังค์ เธอพยักหน้าอย่างมึนงง
เฉินเป่ยจูงมือซุนเจียเจียเดินออกไปอย่างสบายอกสบายใจ
ตอนนี้ซุนเจียเจียเหม่อลอยจนไม่มีกะจิตจะใจขับรถ เฉินเป่ยจึงทำหน้าที่ขับรถ BMW มินิ พาซุนเจียเจียกลับบ้าน
ตลอดทางซุนเจียเจียนั่งข้างคนขับอย่างเงียบๆ เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ผู้หญิงที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่เด็กตกใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้เธอก็ยังไม่มีสติ เธอเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน เป็นธรรมดาที่เธอจะรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เฉินเป่ยขับรถมาส่งเธอที่บ้าน
รถ BMW มินิจอดอยู่ด้านล่างของบ้านซุนเจียเจีย ข้างในรถเต็มไปด้วยความเงียบ
“ขอโทษนะเจียเจียที่ว่านี้ทำให้เธอตกใจ” เฉินเป่ยจับมือซุนเจียเจียและพูดเบาๆ
ซุนเจียเจียไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
“โอเค นี่ก็ดึกแล้ว เธอรีบไปพักผ่อนเถอะ” เฉินเป่ยพูดอย่างอ่อนโยน
ซุนเจียเจียตอบรับเบาๆ จากนั้นเธอจึงเดินลงจากรถ เฉินเป่ยก็ลงจากรถเช่นกัน เขาล็อกประตูรถและยื่นกุญแจให้เธอ
ซุนเจียเจียรับกุญแจรถมา เธอนึกได้ว่าเฉินเป่ยขับรถเธอมา แล้วเขาจะกลับยังไง
“แล้วนายจะกลับยังไง” ซุนเจียเจียถามเสียงเบา
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่เอา” เฉินเป่ยยิ้มบางๆ
“ดึกขนาดนี้แล้ว หรือนายจะขับรถฉันกลับไป” ซุนเจียเจียพูดพลางจะยื่นกุญแจรถให้เฉินเป่ย
เฉินเป่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้ปฏิเสธ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็แค่ขับรถมาคืนเธอ เฉินเป่ยรับกุญแจรถมา เขากำลังจะกลับ จู่ๆ เขาก็ปวดท้องขึ้นมา
“เจียเจีย ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหม” เฉินเป่ยกุมท้องตัวเอง เขาทุกข์ทรมานอย่างเห็นได้ชัด เมื่อกี้เขากินกุ้งมังกรกับไวน์เยอะเกินไป ตอนนี้จึงรู้สึกลำไส้แปรปรวน
ซุนเจียเจียอึ้งไป เธอพยักหน้าอย่างตกตะลึง
เฉินเป่ยกุมท้องของตัวเอง เขาขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับซุนเจียเจียจนมาถึงข้างในบ้านของเธอ
บ้านของซุนเจียเจียเป็นอะพาร์ตเมนต์เดี่ยว ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ สามารถอยู่ได้พอดี
เฉินเป่ยไม่มีเวลามาสนใจอะไร เขากุมท้องและตรงเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากเข้ามานั่งในห้องน้ำไม่กี่นาที เฉินเป่ยหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ว่ากันว่าหลังจากทำอะไรกันจะต้องสูบบุหรี่ ส่วนเฉินเป่ยวางระเบิดเสร็จก็สูบบุหรี่
หลังจากที่เฉินเป่ยจัดการเรื่องส่วนตัวเสร็จ จึงนั่งสูบบุหรี่ต่อ จู่ๆ เขาก็เหลือบไปเห็นในอ่างอาบน้ำ
ในอ่างอาบน้ำอันงดงาม มีผ้าลูกไม้สีดำกองอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นเลือดในตัวของเฉินเป่ยก็พลุ่งพล่าน
เขารู้สึกปากแห้ง และแอบย่องมาที่อ่างอาบน้ำ เขาหยิบเครื่องแต่งกายสีดำขึ้นมา บนเครื่องแต่งกายยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มันเป็นกลิ่นกายของเจียเจีย มันทั้งหวานและหอมมาก
เฉินเป่ยรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น ใครจะห้ามใจไหวกันล่ะ
“เฉินเป่ย เสร็จหรือยัง” ขณะนั้นก็มีเสียงเบาๆ ดังเข้ามาในห้องน้ำ
เฉินเป่ยใจกระตุกวูบ เขายัดเครื่องแต่งกายสีดำลงไปในกระเป๋ากางเกง
เขาเปิดประตูห้องน้ำช้าๆ “เอ่อ..เสร็จแล้ว”
ซุนเจียเจียดูรีบร้อนเหมือนอยากเข้าห้องน้ำเหมือนกัน เธอเข้ามาในห้องน้ำและปิดประตู
เมื่อนั่งอยู่ในห้องน้ำ ซุนเจียเจียกวาดตาไปรอบๆ จากนั้นเธอรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ เครื่องแต่งกายสีดำที่เธอวางไว้ในอ่างอาบน้ำ เหมือนมันหายไปหนึ่งชิ้น
ซุนเจียเจียรู้สึกกระวนกระวาย เธอคิดไปถึงท่าทีแปลกๆ ตอนที่เฉินเป่ยเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาคงจะไม่…เขาคงจะไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกใช่ไหม
หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ ซุนเจียเจียก็เดินออกมาจากห้องน้ำเบาๆ เฉินเป่ยนั่งดื่มชาอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ
ซุนเจียเจียมองเฉินเป่ยอย่างมีพิรุธ จากนั้นจึงมองไปที่กระเป๋ากางเกงของเฉินเป่ย เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ตรงนั้น
เธอคิดถึงภาพในห้องน้ำเมื่อครู่ หน้าของซุนเจียเจียแดงระเรื่อ จู่ๆ เธอจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา
ซุนเจียเจียเดินไปตรงหน้าของเฉินเป่ย เธอนั่งลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“นี่ก็ดึกแล้ว ฉันไปก่อนนะเจียเจีย” เฉินเป่ยพูดจบก็ลุกขึ้นจะออกไป
“เอ่อ..” ซุนเจียเจียลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่รู้จะพูดออกไปยังไงดี เธอรู้สึกสับสน
เฉินเป่ยมองเธออย่างอึ้งๆ
“เอ่อ..คืนเสื้อผ้าของฉันมาได้ไหม” หน้าของซุนเจียเจียแดงก่ำจนแทบจะกลายเป็นลูกแอปเปิล
ตอนแรกเฉินเป่ยอึ้งไป จากนั้นเขาก็หันขวับมา เขารู้สึกกระอักกระอ่วนไปหมด ให้ตายเถอะ เมื่อกี้รีบจนถูกจับได้ซะแล้ว
“เอ่อ..เจียเจีย เรื่องนั้นเธออย่าเข้าใจผิด ฉัน..” เฉินเป่ยสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
ตอนนี้หน้าของซุนเจียเจียแดงราวกับดอกกุหลาบที่กำลังจะบานออกมา
“ไม่กี่วันก่อนฝนตก เอ่อ…เสื้อผ้าพวกนั้นยังไม่ได้ซัก…มันค่อนข้างสกปรก” ซุนเจียเจียหน้าแดง เธอพูดออกมาด้วยเสียงเบาหวิวจนแทบจะไม่ได้ยิน
เฉินเป่ยหยิบเครื่องแต่งกายของเธอออกมาคืนด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน ตอนนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน
“เอ่อ..ถ้านายชอบ..ในตู้เสื้อผ้าของฉันยังมีที่ฉันยังไม่เคยใส่..มันยังสะอาด” ซุนเจียเจียพูดเสียงเบา ตอนที่เธอพูดประโยคนี้ออกมา เธอก้มหน้าจนแทบจะมุดเข้าไปในปกเสื้อ
เมื่อเฉินเป่ยได้ยินเช่นนั้น ใจของเขากระตุกวูบและใจเต้นอย่างรุนแรง ตอนนี้ในใจของเขากำลังเดือดพล่าน แต่ทว่าเขาลังเลอยู่นาน แต่ก็ระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ซุนเจียเจียเป็นผู้หญิงที่ดี เขาไม่สามารถทำร้ายเธอได้
เฉินเป่ยถอนหายใจออกมา “ขอโทษนะเจียเจีย นี่ก็ดึกแล้ว เธอรีบพักผ่อนเถอะ” พูดจบ เขากำลังจะหันหลังเดินออกไปอย่าหงอยเหงา
“เฉินเป่ย…” จู่ๆ ซุนเจียเจียก็เรียกเขาเอาไว้
เฉินเป่ยชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับไปอย่างสงสัย
ซุนเจียเจียใส่รองเท้าแตะวิ่งมาเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอโผเข้ามาในอ้อมกอดของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยถึงกับอึ้งไปทันที
ซุนเจียเจียใช้ทั้งสองมือกอดแผ่นหลังกว้างของเฉินเป่ย เธอซบศีรษะลงบนอกของชายหนุ่ม ผมยาวปลิวเบาๆ จนมีกลิ่นหอมลอยออกมา มันเซ็กซี่และน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก
“ไม่ว่าวันนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ขอบคุณนะ ที่มาเป็นแฟนฉันหนึ่งวัน..” เสียงของซุนเจียเจียเบาหวิวและแฝงไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
ตอนนี้ทุกอย่างเงียบไปหมด เฉินเป่ยใจเต้นแรง ความรู้สึกนี้ทำให้เขาโอบเอวบางของเจียเจียอย่างไม่รู้ตัว
“งั้นฉัน..สามารถทำเรื่องที่แฟนทำกันได้ไหม” เฉินเป่ยถามอย่างคาดหวัง
ซุนเจียเจียไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่าปฏิเสธหรือกำลังคิดอยู่ เธอเอาแต่กอดเขาเงียบๆ ราวกับแมวตัวหนึ่ง
เฉินเป่ยก้มหน้าลง และจับศีรษะของเธอ จากนั้นเขาจึงเอียงศีรษะ ทั้งสองค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้กัน
“อื้ออ” ซุนเจียเจียไร้เรี่ยวแรง เธอตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดของเฉินเป่ย
ทั้งสองแอบอิงกันเบาๆ ซุนเจียเจียหลับตาลงช้าๆ ขนตายาวของเธอราวกับตุ๊กตาที่น่ารัก จนทำให้คนหลงใหล
เฉินเป่ยกับซุนเจียเจียกอดกันอยู่อย่างนั้น หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็ผละออกจากกัน
เฉินเป่ยโอบซุนเจียเจียเบาๆ จากนั้นจึงนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก…
เจียเจียสับสนไปหมด ในค่ำคืนนี้ราวกับว่าเธอสูญเสียหลักการที่ควรมีไปหมดแล้ว
เฉินเป่ยเป็นหมาป่าที่เผยธาตุแท้ออกมา ทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหากันจนแทบจะไม่เหลือช่องว่าง
ส้นสูงของเจียเจียถูกสะบัดออก
ในค่ำคืนนี้บรรยากาศในอะพาร์ตเมนต์เดี่ยวอบอุ่นขึ้นอย่างมาก ลูกแกะน้อยกำลังจะถูกหมาป่าขย้ำ
“วันนี้ฉันไม่กลับไปแล้ว ดีไหม” เฉินเป่ยยืนหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูซุนเจียเจียด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แววตาคู่สวยสับสน ตอนนี้เธอมึนไปหมด หญิงสาวลังเลจากนั้นจึงพูดออกไปเบาๆ ว่า “ไม่ดี นายรีบกลับไปเถอะ”
เฉินเป่ยยังไม่ยอม “เจียเจีย วันนี้ฉันไม่กลับแล้ว ถ้าเธอไม่ยอม ฉันจะนอนข้างนอกประตูบ้าน เธอจะทนได้เหรอ”
แววตาของเธอวูบไหว เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง ตอนนี้เธอไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
เฉินเป่ยแอบอิงเธอเบาๆ เจียเจียเหมือนกับผลงานชิ้นเอกบนโลกใบนี้ เธองดงามไปทุกกระเบียดนิ้ว
ในที่สุดซุนเจียเจียก็ทนไม่ไหว เธอใช้แรงดิ้นเพื่อที่จะห้ามเฉินเป่ย
“อย่า..” น้ำเสียงของซุนเจียเจียสั่นเล็กน้อย เธอพูดออกมาอย่างตื่นตระหนก
แต่เฉินเป่ยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ตอนนี้เขาเหมือนหมาป่าที่กำลังจะลิ้มรสเหยื่ออันโอชะ เหยื่อตัวน้อยจะขัดขืนได้อย่างไรล่ะ
“อย่า…” ซุนเจียเจียหน้าแดงระเรื่อ ศีรษะของเธอสะบัดไปมา ตอนนี้เธอเหมือนลูกแกะที่นอนรออยู่บนเขียง รอให้หมาป่ามากิน
เฉินเป่ยค่อยๆ ชื่นชมความงามของเธอ บรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก
ข้างนอกหน้าต่างดวงจันทร์กลมโตสว่างไสว ดวงดาวกะพริบระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า มันช่างโรแมนติกจนไม่สามารถอธิบายได้
แต่ทว่าในอะพาร์ตเมนต์เดี่ยว ซุนเจียเจียกำลังนอนอยู่บนโซฟาอย่างสับสน ตอนนี้เธอกลายเป็นเนื้อที่อยู่ในปากของหมาป่า เธอเป็นแกะน้อยที่โดนหมาป่ากินเป็นที่เรียบร้อย เธอไม่มีโอกาสได้ขัดขืน แกะน้อยเข้าปากหมาป่า
สุดท้ายทั้งสองก็พลอดรักกัน บรรยากาศอบอุ่นและอ่อนโยน เต็มไปด้วยความรัก เหมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของทั้งสองคน
เฉินเป่ยคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าซุนเจียเจียจะเป็นลูกแกะหัวอ่อน ใบหน้าของเธอซีดเผือด เธอดูอึดอัดและเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้า
นี่ทำให้เฉินเป่ยรู้สึกผิด เขาดูแลเธอและคล้อยตามเธออย่างดี ตอนนี้หมาป่าร้ายกลายเป็นปู่หมาป่าใจดีที่คอยดูแลลูกแกะน้อย ทั้งสองสบตากัน ราวกับว่าเป็นความรู้สึกแห่งรักที่งดงามที่สุดในโลก
ในที่สุด ใบหน้าซีดเผือดของซุนเจียเจียถูกแทนที่ด้วยสีแดงระเรื่อ ตอนที่ลูกแกะน้อยโดนกัด เธอไม่มีโอกาสได้ขัดขืนแม้แต่น้อย ทำได้เพียงปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ
ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลงใหล
ในอะพาร์ตเมนต์เต็มไปด้วยความอบอุ่นแห่งรัก ความมืดค่อยๆ กลืนกินดวงดาวไปเรื่อยๆ ดวงจันทร์ส่องแสงเหลืองนวลลงมาที่หน้าต่างอะพาร์ตเมนต์มันช่างอบอุ่นและงดงาม
…
แสงอาทิตย์ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาจนแสบตา
บนเตียงสีชมพู เฉินเป่ยบิดขี้เกียจ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมา
ซุนเจียเจียยังคงขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเฉินเป่ย ดวงตาคู่สวยปิดสนิท เธอเงียบราวกับแมวที่ว่านอนสอนง่าย
เฉินเป่ยมองเจ้าหญิงนิทราที่นอนอยู่ข้างๆ ตัวเอง ราวกับว่าเฉินเป่ยขยับตัวจนทำให้เธอตื่นขึ้นมา ขนตาของเธอเคลื่อนไหวไปมา จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
“อื้อออ” เมื่อซุนเจียเจียลืมตาขึ้นมา เฉินเป่ยก็ยื่นหน้าเข้ามาประทับจูบลงบนปากของเธออย่างอ่อนโยน
ซุนเจียเจียหน้าแดงระเรื่อ เพราะถูกเฉินเป่ยจูบ เธอพูดอย่างมึนงงว่า “ฉันยังไม่ได้แปรงฟันเลย อื้ออ…”
เฉินเป่ยไม่สนว่าเธอจะแปรงหรือไม่แปรงฟัน เจียเจียหวานมาก หวานราวกับน้ำผึ้ง ขนมสายไหมอันนุ่มนวลทำให้เฉินเป่ยโหยหา
เช้าตรู่อันแสนงดงาม เจ้าหมาป่าเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าหมาป่าหิวมาก เขาอยากจะกินเหยื่อเต็มที
“อย่าวุ่นวายสิ นี่เช้าแล้วนะ” ซุนเจียเจียพูดติดตลก
เฉินเป่ยไม่สนสิ่งที่เธอห้าม ความอยากอาหารของหมาป่าตัวใหญ่ถูกกระตุ้นขึ้นอีกครั้ง เพราะลูกแกะตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขา
“อ๊ะ” ขนตาของซุนเจียเจียวูบไหว เธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไอ้บ้า อย่านะ…”
แต่ซุนเจียเจียไม่สามารถเฉินเป่ยได้ แสงอาทิตย์ส่องมายังหน้าต่างและสะท้อนลงมาบนเตียงสีชมพู