สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 639
บทที่639 ใครสแกนใคร
“นี่คนสวย! มาๆๆ บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปรับสมัครบุคคลมีความสามารถ รีบมากันเร็ว!” เฉินเป่ยถอดรองเท้าหนังออกนั่งไขว่ห้าง ในปากคาบบุหรี่ไว้ ทำท่าทางที่ดูอันธพาล นั่งอยู่หน้าบูทอยู่แบบนี้ ตะโกนเรียกไปยังเหล่านักศึกษาสาวที่สดใสงดงามกลุ่มนี้อย่างกำเริบเสิบสาน
เหล่านักศึกษากลุ่มนั้นเห็นเขาลักษณะนี้…ชั่วขณะนั้นหลบห่างไปไกล กล้าเข้าใกล้ที่ไหนกัน? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมาสมัครงานเลย…
ซุนเจียเจียที่ด้านข้างอดรู้สึกเหนื่อยใจไม่ได้…
“ฉันว่านะเฉินเป่ย นายจะจริงจังหน่อยได้มั้ย…นี่คือภารกิจที่ประธานหลีมอบหมายให้พวกเรานะ~” ซุนเจียเจียกล่าวต่อว่า
เฉินเป่ยเบ้ปาก ทำท่าทางจำใจมาก “เจียเจีย นี่คือสันดานของฉันเข้าใจมั้ย? สันดานมันแก้กันได้ยากมาก ฉันก็จริงจังแล้ว…”
ซุนเจียเจีย:…
ซุนเจียเจียมองเขาตาค้อนไปหลายที…หมดคำจะพูดกับผู้ชายคนนี้เสียจริง…เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่า…ทำไมตนเองถึงเสียตัวให้กับผู้ชายที่อันธพาลขนาดนี้ไปได้กัน? ก่อนหน้านี้ตนเองไม่เคยคิด…ว่าครั้งแรกจะถูกผู้ชายที่น่าประหลาดใจประเภทนี้ฉกฉวยไปได้…ชีวิตช่างแปลกประหลาดเสียจริง
สาวสวยคนหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามาด้านหน้าแท่นสมัครงาน ถามว่า “ที่นี่คือจุดรับสมัครงานของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปรึเปล่าคะ?”
เฉินเป่ยพอเห็นว่าเป็นสาวสวย รีบกระตือรือร้นขึ้นมาเลย พยักหน้า “ใช่แล้ว คือบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปหนึ่งในห้าร้อยกิจการแกร่งของหัวเซี่ยแห่งนั้น คนสวยแซ่อะไรจ๊ะ?”
“หา?” สาวสวยคนนั้นตะลึง ตอบว่า “ฉันแซ่หวัง…”
“คุณสวยหวังสวัสดีครับ” เฉินเป่ยยื่นมือออกไปโดยตรงอย่างหื่นกาม ไม่สนความขัดแย้งของสาวสวยคนนั้น กุมมือของหล่อนไว้แล้ว…รู้สึกถึงสัมผัสมือที่อ่อนนุ่มของหล่อน
“คนสวย เธอแนะนำตัวเองหน่อยสิ” เฉินเป่ยถามแบบหื่นกาม
สาวสวยพยักหน้า พูดแนะนำ “ฉันนักศึกษาปีสี่ที่เรียนจบปีนี้ค่ะ เรียนMBAเศรษฐศาสตร์ธุรกิจและการค้า…”
“คนสวยเธอสัดส่วนเท่าไรกัน?” เฉินเป่ยถามต่อไป
ซู่! ใบหน้าของสาวสวยคนนั้นเปลี่ยนไปในชั่วขณะหนึ่ง…มองเขาแบบหน้าอึ้งค้าง “คุณถามเรื่องนี้ทำไม” สาวสวยถามอย่างระแวง
เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ พูดเสียงเล่นแง่ “มาตรฐานการเลือกคนของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป อย่างแรกคือดูหน้าตา อย่างที่สองคือดูรูปร่าง อย่างที่สามคือดูความสามารถ…แต่ฉันเห็นเธอหน้าตาดีมาก รอบอกก็ประเมินว่าน่าจะผ่าน รอบสะโพกนี้นะ…” เฉินเป่ยจ้องทางสาวงามด้วยสายตาหื่นกาม…
ใบหน้าสาวสวยคนนั้นแดง กล่าวต่อว่า “โรคจิต! บ้ากาม!” พูดจบหล่อนกระทืบเท้า วิ่งหนีไปแบบโมโหเดือดดาลแล้ว…
บรรยากาศกระอักกระอ่วนในชั่วขณะนั้น…
เฉินเป่ยหน้าตามึนงง…เชี้ยเอ๊ย
“นักศึกษาสมัยนี้หัวโบราณขนาดนี้กันหมดเลยเหรอ? แม้แต่โอกาสจีบยังไม่ให้จีบเลย?” เฉินเป่ยสูบบุหรี่ไปแบบหมดคำจะพูดสุดๆ
“นั่นนายจีบเหรอ? นายทำแบบนั้นเรียกว่าคุกคามมากกว่ามั้ง?” ซุนเจียเจียที่อยู่ด้านข้างต่อว่าด้วยใบหน้าโมโห เหมือนท่าทางหึงหวงโกรธเคืองมาก
พอเฉินเป่ยเห็น ชั่วขณะนั้นก็หัวเราะแล้ว ขยับมาตรงหน้าเจียเจีย หน้าตาอ่อนโยน
“เจียเจีย เธออย่าหึงไปสิ ถ้าไม่งั้นฉันคุกคามเธอแทนแล้วกัน~” เฉินเป่ยจ้องเสื้อเชิ้ตสีขาวของเจียเจียแบบมักมาก…หยกขาวภายใต้คอเสื้อนั้นทำให้คนคิดปะติดปะต่อไปไกล~
“เอาขาหมูสกปรกของนายออกไป!” ใบหน้าซุนเจียเจียโกรธเดือดดาล ตบขาหมูของเฉินเป่ยทิ้ง เหมือนว่าโกรธเฉินเป่ยมาก
เฉินเป่ยหน้าตากลัดกลุ้มเต็มที่…จีบสาวสวยไม่ติด ยังยั่วโมโหยัยขี้หึงด้านข้างอีก วันนี้ไม่มีทางผ่านไปได้ด้วยดีเลย
“เฮ้อ พวกคุณที่นี่รับสมัครยังไงกัน?” ในเวลานี้เอง มีนักศึกษาชายสูงใหญ่นิสัยอันธพาลหลายคนค่อยๆ เดินเข้ามา คาบบุหรี่ไว้ถามขึ้น
นี่คือมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ สภาพของมหาวิทยาลัยดูอนุรักษนิยมมาก…ปกติไม่มีนักศึกษาสูบบุหรี่…และผู้ชายหลายคนนี้ที่คาบบุหรี่ไว้ในปาก ผมผ่านการย้อมมา…ลักษณะไม่เข้าพวกกับผู้อื่น เห็นได้ชัดว่าคือนักศึกษาที่ยุ่งยากแบบนั้นในสังคมอันธพาล
ซุนเจียเจียเห็นมีนักศึกษามาสมัครงาน ใบหน้าจึงผ่อนคลายลงหน่อย ฉีกรอยยิ้มที่สดใสขึ้นมา พูดด้วยเสียงน่าดึงดูด “นักศึกษา ช่วยแนะนำตัวเองหน่อยได้รึเปล่า!”
ผู้ชายผมม่วงที่เป็นหัวหน้าคนนั้นที่มุมปากมีรอยยิ้มเล่นแง่ขึ้นมา ดวงตาจ้องซุนเจียเจียไปอย่างโจ่งแจ้ง…พวกผู้ชายด้านหลังกลุ่มนั้นก็ถูกลักษณะสวยงามน่ารักของซุนเจียเจียดึงดูดไว้แล้ว ค่อยๆ ใช้สายตาหื่นกามมองเธอกัน
ผู้ชายผมม่วงยื่นมือจัดผมหน้าม้า พูดเสียงอันธพาล “ผมชื่อจางเห้าหราน เรียนสาขาฟิสิกส์ ปีสี่ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดยรวมผมพูดคำไหนคำนั้น!”
ได้ยินผู้ชายผมม่วงแนะนำตนเอง…ซุนเจียเจียขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นักศึกษา งั้นเธอมีด้านไหนพิเศษบ้างไหม? หรือว่าเธอมีความคิดเห็นอะไรต่อการทำงานอาชีพในอนาคตบ้างล่ะ? สะดวกจะแสดงความคิดเห็นให้ฟังได้รึเปล่า?” ซุนเจียเจียถามด้วยเสียงมีเสน่ห์
ผู้ชายผมม่วงหัวเราะแบบเล่นแง่ คาบบุหรี่ไว้ ตอบแบบอันธพาล “จุดพิเศษ? ส่วนพิเศษของผมคือชกต่อย ทะเลาะวิวาท! ในมหาวิทยาลัยนี้ ผมจางเห้าหรานทุกอย่างแย่หมด ยกเว้นไม่ขาดเพื่อนพ้อง สำหรับการทำงานในอนาคตนั้น~” ทันใดนั้นจางเห้าหรานจ้องซุนเจียเจียไปอย่างโจ่งแจ้ง ถามด้วยเสียงเล่นแง่ “พี่สาว พี่โสดอยู่เหรอ?”
ซู่~ได้ยินคำพูดกำเริบเสิบสานของนักศึกษาคนนี้ ชั่วขณะนั้นใบหน้าซุนเจียเจียเปลี่ยนเล็กน้อย
“ขอโทษนะนักศึกษา เกรงว่าเธอจะไม่เหมาะสมกับเงื่อนไขการสัมภาษณ์ของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของพวกเรา” ซุนเจียเจียกล่าวขอโทษ อยากไล่เขาออกไป
นักศึกษาชายผมม่วงคนนั้นพูดหยอกล้อต่อไป “พี่สาว ไม่เหมาะสมก็ไม่เป็นไร…พวกเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ พี่สาวยังโสดมั้ย? สะดวกทิ้งวีแชทไว้รึเปล่า? ครั้งหน้าพวกเรานัดเจอกัน~”
ซุนเจียเจียส่ายหน้าเบาๆ “ขอโทษนะ ไม่ค่อยสะดวก”
นักศึกษาชายผมม่วงคนนั้นพักพันไม่เลิกรา เหล่าพลเพื่อนนักศึกษาชายด้านหลังกลุ่มหนึ่งกำลังเอะอะโวยวาย
พอเฉินเป่ยเห็นสถานการณ์นี้ ชั่วขณะนั้นโมโหอยู่บ้าง แม่งเอ๊ย กล้ามาหยอกเย้าจีบผู้หญิงของตนเองงั้นเหรอ?
“ไอ้สัตว์ ควรไปเล่นตรงไหนไปเล่นตรงนั้น อย่ามาวุ่นวายตรงนี้!” เฉินเป่ยลุกขึ้นมาทันที พูดจาอันธพาลไร้ขอบเขต
นักศึกษาผมม่วงคนนั้นชายตามองเฉินเป่ยแบบเหยียดหยาม สีหน้าเย็นชาอยู่บ้าง “แกเป็นใคร? ฉันถามพี่สาวฉันโสด เกี่ยวอะไรกับแกด้วย? เชี้ย!”
ตามหลังนักศึกษาผมม่วงคนนั้นพูดคำว่า“เชี้ย”ออกมา พวกเพื่อนกลุ่มหนึ่งด้านหลังพันแขนเสื้อขึ้นกันหมด ทำท่าทางอยากลงมือ ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศหนาวอยู่บ้าง
“ทำไม ดูท่าทางพวกแกอยากลงมือสินะ?” มุมปากเฉินเป่ยฉีกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พูดแบบลุ่มลึก
ผู้ชายผมม่วงชี้ไปยังเฉินเป่ย หน้าตาหนาวเย็นโหดร้าย “แก…ไม่อยากตายก็หลบไปให้ฉัน…ฉันกำลังถามพี่สาวคนนี้ว่าโสดมั้ย แกเข้ามายุ่งอะไร?”
ซุนเจียเจียใบหน้าแข็งทื่อขึ้นอยู่บ้าง ดึงแขนเสื้อของเฉินเป่ยเบาๆ แสดงเป็นนัยว่าเขาอย่าทำให้วุ่นวาย…บรรยากาศนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยดี เวลานี้แบบนี้เฉินเป่ยไม่สามารถบุ่มบ่ามได้…
เสียงที่เหมือนยั่วยุของนักศึกษาผมม่วงคนนี้ดึงดูดสายตาของเหล่านักศึกษากลุ่มหนึ่งในที่เกิดเหตุ…เหล่านักศึกษากลุ่มหนึ่งค่อยๆ ล้อมมุงโดยรอบ ติดตามฉากนี้ด้วยความตื่นเต้นสงสัย…
“นี่ไม่ใช่จางเห้าหรานเหรอ…ทำไมเขาถึงหาเรื่องที่มหาวิทยาลัยอีกล่ะ?”
“วันไหนบ้างพี่เห้าไม่หาเรื่อง…ก็ว่างจัดไง…ไม่เสียแรงที่เป็นพี่เห้า…นี่ใกล้จะเรียนจบแล้ว…นึกไม่ถึงแม้แต่พี่สาวรับสมัครงานยังมากล้าจีบหยอกล้อ…”
เหล่านักศึกษากลุ่มหนึ่งโดยรอบต่างซุบซิบถกเถียงกัน
นักศึกษาผมม่วงจางเห้าหรานจ้องซุนเจียเจียไปโดยตรง ถามต่อไป “พี่สาว พี่เป็นโสดรึเปล่า? ไม่งั้นมาเพิ่มเพื่อนวีแชทกันมั้ย?”
ในระหว่างที่อากาศแข็งทื่อ…ทันใดนั้นมีเสียงน่าดึงดูดที่หวานชื่นดังขึ้นจากท่ามกลางฝูงชน
“ฉันยังโสด นายอยากเพิ่มเพื่อนในวีแชทฉันรีเปล่า?”
เห็นเพียงนักศึกษาสาวงดงามที่ผมยาวประบ่าคนหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากในฝูงชน หล่อนเหมือนผู้หญิงในภาพวาดนั้นเลย สวยสดงดงาม…ส่วนในปากน้อยรูปเชอร์รี่ของหล่อน ยังกัดอมยิ้มไว้อันหนึ่งอย่างซุกซน ทั้งตัวแสดงท่วงท่าที่สวยหวานน่าหลงใหลออกมา
“โอ๊ะ…สาวที่ไหนกัน? ฉันต้องดูก่อนสิว่าสวยรึเปล่า?” นักศึกษาผมม่วงจางเห้าหรานยิ้มเจ้าเล่ห์หันหน้ากลับไป…
ซู่! เขาสั่นไปทั้งตัว จ้องนักศึกษาสาวงดงามที่คาบอมยิ้มคนนั้นด้วยสายตาตกตะลึง… วินาทีนี้ จางเห้าหรานอึ้งค้างไปทั้งตัวแล้ว
นักศึกษาสาวสวยคนนั้นขยิบตาให้เบาๆ กัดอมยิ้มไว้ ถามขึ้นแบบเรียบนิ่ง “นายไม่ใช่อยากได้วีแชทเหรอ? ฉันกำลังโสด อยากได้มั้ย?”
จางเห้าหรานสีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน เปลี่ยนไปซีดเซียว เหมือนมีความหวาดกลัว
“เอ่อ…พี่จิ้งจิ้ง…ผม…ผมล้อเล่นนะ…” จางเห้าหรานพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ ในดวงตามีความหวาดกลัวและหวาดผวานิดๆ
เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ มองฉากนี้อย่างมีการขบคิด…
นักศึกษาสาวสวยผมยาวพลิ้วไสว หล่อนก้าวเข้ามาเบาๆ ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มประณีต เผยบุคลิกที่ทำให้เขาแทบหยุดหายใจออกมานิดๆ
หัวใจจางเห้าหรานเต้นเร็วขึ้น…ความกลัวและความตกใจนิดๆ ผุดขึ้นที่หัวใจ ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยมาก…แต่…เขากลับไม่กล้ามีความคิดจะทำให้ด่างพร้อยหรือดูหมิ่นแต่อย่างใดเด็ดขาด…เพราะ…เขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ
จางเห้าหรานถอยหลังไปก้าวหนึ่งแบบหวาดกลัวพอสมควร ไม่กล้าแม้กระทั่งเผชิญหน้ากับนักศึกษาสาวคนนี้
นักศึกษาสาวสวยราวกับดอกโบตั๋นที่สูงและตรงดอกหนึ่ง หล่อนยืนอยู่ตรงนั้น ที่รายล้อมโดยรอบหล่อน นักศึกษาหญิงทั้งหมดล้วนกลายเป็นใบไม้เขียวที่ขับให้โดดเด่น หล่อนช่างสวยเหลือเกิน สวยจนทำให้คนหัวใจเต้นรัว
หล่อนมองจางเห้าหรานอย่างนิ่งเฉยเช่นนี้ “วันนี้คืองานประกาศรับสมัครพนักงาน นายมาก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่ ใช่มั้ย?”
จางเห้าหรานสีหน้าขมขื่น รีบส่ายหน้า กล่าวขอโทษ “ขอโทษครับ…พี่จิ้งจิ้ง…ครั้งหน้าผมไม่กล้าแล้ว…” พูดแล้วเขาก็อยากถอยออกไป…ในขณะเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้ เขามีเพียงการหนี…หลบหนีถึงจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แม้ว่าจะอับอายอยู่ต่อหน้านักศึกษามากมายขนาดนี้…นี่ไม่ได้สนใจทั้งนั้นแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นกลับยกมือขึ้นมากะทันหัน…
“ป้าบ” เสียงดังกังวาน
มือของหญิงสาวคนนั้นตบลงบนหน้าของจางเห้าหรานมาแบบนี้…เสียงตบหน้าที่กังวานไม่หนักทีหนึ่งจนล่องลอยมาก
ที่เกิดเหตุ เงียบสงบ แม้แต่เข็มตกยังได้ยิน
เฉินเป่ยอ้าปากกว้าง ก้นบุหรี่ในปากร่วงลงบนพื้น…ซวยแล้ว แม่งเหนือชั้นเสียจริง หญิงสาวคนนี้…เก่งกาจอย่างยิ่ง ไม่พูดไม่จาก็ลงมือตบหน้า? นิสัยที่รวดเร็วและเฉียบขาดนี้แม่งแข็งแกร่งเหลือเกิน เหมาะสมกับสไตล์ของเฉินเป่ย
บนหน้าจางเห้าหรานปรากฏรอยนิ้วมือสีชมพูจางๆ ออกมารอยหนึ่ง…เห็นได้ชัดว่าย่ำแย่อย่างยิ่ง เขาจางเห้าหราน อันธพาลของมหาวิทยาลัยฟูตัน…ในวันนี้…คาดไม่ถึงถูกตบหน้าทีหนึ่ง?
จางเห้าหรานงงงวยไปทั้งตัวแล้ว…มีความตกใจจนสั่นนิดๆ…ไม่ผิด เขากำลังสั่นเทิ้ม…ร่างกายของเขากำลังสั่นเทา คือความตื่นตระหนก หวาดกลัว เขาอันธพาลของมหาวิทยาลัยที่น่าเกรงขาม ถูกผู้หญิงคนหนึ่งตบหน้าต่อหน้าสาธารณชน แต่ว่า…เขากลับไม่กล้าเอาคืน แม้แต่ตอบโต้ยังไม่กล้า
พวกเพื่อนพ้องกลุ่มนั้นด้านหลังจางเห้าหรานต่างหลังค่อมกันทั้งหมด…ใครก็ไม่กล้าหายใจแรงสักนิด วินาทีนี้ พวกเขานักศึกษาชายกลุ่มนั้นเป็นเหมือนพวกสารเลว…หดหัวเป็นเต่า
“ฉันไม่ชอบที่สุด พวกผู้ชายที่หยอกเล่นผู้หญิงตามอำเภอใจ…นี่ ไม่เคารพผู้หญิงอย่างพวกฉันเอามากๆ” หญิงสาวงดงามคาบอมยิ้มไว้ พูดแบบน่าดึงดูดอย่างยิ่ง
ร่างกายจางเห้าหรานสั่นด้วยความกลัว ทั้งตัวเหมือนลูกหนูที่หวาดผวาตัวหนึ่ง พูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ “พี่จิ้งจิ้ง…ผม…ผิดไปแล้ว…ขอร้องล่ะ…ขอร้องพี่ให้อภัยผมด้วย…”
หน้าบูทสมัครงาน ใบหน้าซุนเจียเจียมึนงง…มองฉากนี้อย่างงุนงง ประหลาดใจอยู่บ้าง…หญิงสาวคนนี้กำลังออกหน้าแทนตนเอง?
นักศึกษาสาวสวยดวงตาที่ราวกับเพชรเจียระไน จ้องจางเห้าหรานอย่างสงบนิ่งเช่นนี้ ค่อยๆ พูดออกมาสองคำ “ออกไป”
จางเห้าหรานร่างกายสั่นเทา จับแก้มไว้แล้วรีบก้าวขาวิ่งรวดเร็ว พวกเพื่อนด้านหลังกลุ่มหนึ่งก็สั่นเทาไปทั้งหมด วิ่งหนีอย่างอัดอั้น…
มองพวกผู้ชายกลุ่มหนึ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกจากที่เกิดเหตุไป บรรยากาศตรงนั้นถึงค่อยๆ กลับสู่ปกติบ้าง
แต่นักศึกษาที่มุงดูกลุ่มนั้นยังคงเงียบสงบไร้ที่เปรียบ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาแรงๆ ทั้งหมดรอบล้อมนักศึกษาสาวสวยคนนั้นไว้…เหมือนเอาหล่อนเป็นจุดศูนย์กลาง
นักศึกษาสาวสวยกวาดตามองโดยรอบเบาๆ พูดเสียงน่าดึงดูด “แยกย้ายกันเถอะ”
ได้ยินคำพูดนี้ของนักศึกษาสาวสวย…เหล่านักศึกษาโดยรอบถึงถอยออกไปด้วยความระมัดระวัง…ผู้คนสัมภาษณ์หางานอย่างไม่ขาดสายที่งานรับสมัครพนักงานกันต่อไป…บรรยากาศในงานเหมือนกลับมาคึกคักแบบเมื่อสักครู่อีกครั้ง
นักศึกษาสาวสวยเดินเข้ามาอย่างสง่างาม อมยิ้มในปากยังคงอมไว้ เอียงศีรษะน้อยเบาๆ ดวงตากวาดมองผ่านเฉินเป่ย จากนั้นหยุดสายตาบนตัวซุนเจียเจียแล้ว
หล่อนยื่นมือออกไป พูดเสียงน่าดึงดูด “พี่สาวคะ สวัสดีค่ะ”
ซุนเจียเจียตะลึงนิดหน่อย จับมือตอบรับกับหล่อนเบาๆ “สวัสดีจ้ะ”
“พี่สาวคะ ฉันอยากมาสมัครงาน” นักศึกษาสาวสวยพูดด้วยเสียงน่าดึงดูด
ซุนเจียเจียอึ้งไปนิดนึง…เฉินเป่ยตัดหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง จับมือของนักศึกษาสาวสวยไว้
“น้องสาว อยากสมัครงานใช่มั้ย มา…พี่จะรับสมัครงานให้เธอเอง” เฉินเป่ยคว้ามือของหล่อนไว้ รู้สึกถึงความนุ่มลื่นของมือหล่อน เหมือนพวกบ้ากามอย่างยิ่ง
นักศึกษาสาวสวยเงยหน้าขึ้น กะพริบตามองเฉินเป่ย มุมปากของหล่อนฉีกเส้นรัศมีวงกลมที่น่าประหลาดใจขึ้น
ซุนเจียเจียกระทืบเท้าโมโหอยู่ด้านข้าง เธอเกือบจะปาเอกสารในมือเข้าไป…เจ้าสารเลวคนนี้…เห็นเทพธิดาสวยใสก็เข้าไปจีบ…นี่มารับสมัครบุคคลยอดเยี่ยมที่ไหนกัน? คือมาล่านักศึกษาสาวมากกว่า
นักศึกษาสาวสวยปล่อยให้เฉินเป่ยจับมือแบบนี้ ไม่มีความหมายปฏิเสธด้วย มองเขาด้วยดวงตาสงบนิ่ง ในแววตาเปล่งประกายสีสันน่าประหลาดใจ
“น้องสาวอายุเท่าไรแล้ว?” เฉินเป่ยยิ้มเจ้าเล่ห์สอบถาม ตามมาด้วยลูบคลำมือของหล่อนเบาๆ
“ยี่สิบ” นักศึกษาสาวตอบกลับ
“ยี่สิบเหรอ กำลังสาวเลยล่ะ…น้องสาวชื่ออะไรกันจ้ะ?”
“หลิวจิ้งจิ้ง” นักศึกษาสาวสวยตอบด้วยเสียงน่าดึงดูด
“หลิวจิ้งจิ้ง?” เฉินเป่ยพูดพึมพำ “ชื่อเพราะดี เหมือนกลอนที่งดงาม ชื่อก็สวยเหมือนกับเจ้าตัวของน้องสาวเลย”
“น้องสาวสัดส่วนเท่าไรกัน?” มุมปากเฉินเป่ยมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ถามเหมือนหยอกเย้า
หลิวจิ้งจิ้งเงยหน้าขึ้น จ้องมองเขาแบบมีการขบคิด อมยิ้มในปากเหมือนกำลังยกขึ้นตามเส้นรัศมีวงกลม
“คุณอยากรู้เหรอ?”
ใบหน้าเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความรู้สึกหื่นกาม พยักหน้าแบบจริงจัง “ฮะแฮ่ม น้องสาว คือว่า…สัดส่วนมันรวมอยู่ในเงื่อนไขการสมัครงานของบริษัท ดังนั้นต้องพูดถึงด้วยนะ”
ซุนเจียเจียที่อยู่ด้านข้างฟังจนของในมือเกือบจะร่วงลงไป…เจ้ากะล่อนคนนี้…เพื่อจีบสาวแล้วพยายามทุกอย่างให้บรรลุผล…ในเงื่อนไขรับสมัครงานของบริษัท…เพิ่มเงื่อนไขแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไร?
หลิวจิ้งจิ้งเงยหน้าขึ้นเบาๆ พูดด้วยเสียงน่าดึงดูด “88 60 90~”
เฉินเป่ยตะลึงไปก่อน…แวบหนึ่งตอบสนองกลับมาแล้ว…หัวใจเต้นเร็วพอสมควรจ้องไปยังคอเสื้อของหลิวจิ้งจิ้ง…ใต้เสื้อยืดสีขาว ส่วนเว้าโค้งแน่นเป็นเส้นรัศมีวงกลมตั้งแต่แรกเกิดนั้นของหล่อน…88… ที่แท้88เลย
เฉินเป่ยรู้สึกเพียงว่าหัวใจเต้นแรงอยู่บ้าง…นี่คือสาวอวบอึ๋มชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว ใบหน้าที่สวยราวกับเจียระไนนี้…รูปร่างที่สมบูรณ์์แบบนี้…ดีเหลือล้นเลย เป็นสุดยอดในมวลชน ของดีระดับนี้ เดิมทีคือร้อยปียากจะเจอได้สักคนเลยมั้ง? เฉินเป่ยบุกตะลุยที่ต่างประเทศหลายปีขนาดนี้ น้อยมากที่จะเจอสาวสวยชั้นเยี่ยมและเกิดมาเพียบพร้อมเช่นนี้ได้
ไม่เพียงเฉินเป่ย…แม้แต่ซุนเจียเจียที่ด้านข้างได้ยินสัดส่วนที่หญิงสาวคนนี้บอกออกมา…ยังตะลึงค้างไปเล็กน้อย…เธอกวาดดวงตามองรูปร่างของหลิวจิ้งจิ้งแวบหนึ่ง…จากนั้นแอบก้มหน้ามองร่างกายของตนเองทีหนึ่ง…วินาทีนี้ แม้แต่ซุนเจียเจียยังรู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง…รูปร่างของเธอสมบูรณ์มากแล้ว…แต่…รูปร่างของหญิงสาวตรงหน้าคนนี้…คาดไม่ถึงยังแอบดีกว่าของตนเองด้วย…นี่ทำให้เธอหึงหวงอยู่บ้าง…
“ฉันเหมาะสมกับเงื่อนไขการสมัครรึเปล่า?” หลิวจิ้งจิ้งถามด้วยเสียงมีเสน่ห์ ในดวงตาเปล่งประกายความรู้สึก
เฉินเป่ยกระแอมทีหนึ่ง จ้องหล่อนด้วยดวงตาหื่นกาม “เอ่อ…ไม่เลว…เหมาะสมมาก…แค่ไม่รู้ว่าความรู้สึกเวลาสัมผัสเป็นยังไงบ้าง…”
บรรยากาศกระอักกระอ่วนหนึ่งวินาที…
เฉินเป่ยสำนึกได้ทันทีว่าตนเองพูดจาผิดไป…รีบแก้ไขให้ถูกต้อง “อะแฮ่ม…น้องสาว เงื่อนไขของเธอเหมาะสมมาก ฉันขอพิจารณาอย่างจริงจังสักหน่อย บริษัทของพวกเราขาดหญิงสาวที่ดีเลิศแบบเธอนี่แหละ”
ใบหน้าซุนเจียเจียดูมึนงงตะลึง…เธอพูดเตือนสติเบาๆ “คือว่า…น้องสาว…อายุของเธออาจจะยังน้อยอยู่…สะดวกถามหน่อยได้รึเปล่าว่าเธอกำลังเรียนปีไหน?”
“ปีสองค่ะ” หลิวจิ้งจิ้งตอบ
“หา?” ซุนเจียเจียตะลึง “น้องสาว…ถ้าปีสอง อาจจะไม่ต้องกับเงื่อนไขการสมัครนะ…เธอกำลังเรียนหนังสืออยู่…ที่พวกเรารับสมัครคือพนักงานประจำ…ขอโทษนะ” ซุนเจียเจียกล่าวขอโทษไป
หลิวจิ้งจิ้งกะพริบตา “อ่อ…ไม่เป็นไรค่ะ”
ได้ยินซุนเจียเจียปฏิเสธนักศึกษาสาวคนนี้ไปแล้ว เฉินเป่ยอดผิดหวังอยู่บ้างไม่ได้…เฮ้อ สาวงามระดับนี้ จะต้องมาพลาดไปแบบนี้เหรอ? น่าเสียดาย
“พี่ชาย สะดวกถามสักหน่อยได้มั้ย พี่โสดอยู่มั้ย?” หลิวจิ้งจิ้งกัดอมยิ้มไว้ ถามขึ้นกะทันหัน
ซู่! อากาศราวกับอุณหภูมิไม่ชัดเจนหลายระดับ
หัวใจของเฉินเป่ยเต้นรัวนิดนึง โชคดีในความรัก? วินาทีนี้ เขาฮึกเหิมพอสมควรเลย แม่โคนมงานเยี่ยมยอดระดับนี้…เขาได้มาโดยไม่คาดฝันเหรอ ถ้ามีโชคในความรักขนาดนี้ งั้นก็คือความสุขชั้นเยี่ยมในชีวิตแล้ว
“โสด…โสดอยู่!” เฉินเป่ยตอบด้วยเสียงเล่นแง่
“อะหึ~!” หลิวจิ้งจิ้งหัวเราะแล้ว ยิ้มแบบเพริศพริ้งน่าหลงใหล ลักยิ้มทั้งสองยกขึ้นมาบางๆ ราวกับดอกโบตั๋นที่ทำให้คนจิตใจหวั่นไหว
“พี่ชาย งั้นฉันเพิ่มเพื่อนในวีแชทของพี่ได้มั้ย?” หลิวจิ้งจิ้งถามต่อไป
“ห๊ะ?” เฉินเป่ยตะลึงไปหลายวินาที ตามมาด้วยรอยยิ้มที่มุมปากที่อดแสยะออกมาไม่ได้เลย…นี่แม่งเป็นโชคในความรักเสียจริง เฉินเป่ยตื่นเต้นไร้ที่เปรียบในวินาทีนี้
“ได้! เพิ่มได้! ฉันสแกนหรือเธอสแกน?” เฉินเป่ยหยิบมือถือออกมาด้วยความฮึกเหิมไร้ที่เปรียบ กดเปิดคิวอาร์โค้ดวีแชทยื่นเข้าไปแล้ว