สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 644
บทที่644 ป้ายผ้า
ป้ายผ้าสองผืนนั้นขนาดใหญ่อย่างมาก ด้านบนเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ที่บรรจงสองแถว
ตอนที่เห็นตัวอักษรใหญ่บนป้ายผ้าผืนนั้น…เหล่าพนักงานในเหตุการณ์กลุ่มหนึ่งถลึงดวงตากลมโตกันหมด ตกตะลึงตาค้างแล้ว
เห็นเพียงด้านบนเขียนข้อความไว้สองท่อน…
ท่อนบน: เซวอี้ชอบแอบถ่ายคลิปวิดีโอสุดชีวิตจิตใจ
ท่อนล่าง: คู่แข่งจัดส่งอุปกรณ์มาให้ใช้เป็นพิเศษ
บรรยากาศเหมือนเปลี่ยนไปเงียบสงบแล้ว…โดยรอบไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย…ความคิดของทุกคนล้วนไม่มีปฏิกิริยาเข้ามา…
เฉินเป่ยหันหน้ามองข้อความคู่แวบหนึ่ง พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ในเวลานี้รถสัมภาษณ์ของสำนักข่าวคันหนึ่งที่ระยะไกลค่อยๆ ขับมา
เฉินเป่ยโบกมือทักทายรถสัมภาษณ์ของสื่อแล้ว “ทางนี้”
นักข่าวคนหนึ่งกับตากล้องลงมาจากรถสัมภาษณ์ เดินมาที่หน้าประตูเฟยหยางกรุ๊ปด้วยความตื่นตกใจ
“คุณผู้ชาย เมื่อสักครู่เป็นคุณนัดให้เบาะแสข่าวเหรอคะ?” นักข่าวสาวถามอย่างอึ้งๆ
เฉินเป่ยพยักหน้า “ใช่ เพื่อเป็นการขอบคุณการดูแลที่เฟยหยางกรุ๊ปมีต่อผม วันนี้ผมเลยเข้ามาส่งของขวัญเป็นการตอบแทนโดยเฉพาะ~ ส่งดูเร็กซ์ให้หนึ่งหมื่นอัน เซ็กซ์ทอยหนึ่งหมื่นอัน…ไวอากร้าอีกหนึ่งหมื่นอัน…”
นักข่าวสาวหน้าตามึนงง…อึ้งค้างไปทั้งตัวแล้ว…ไม่รู้ว่าต้องสัมภาษณ์อย่างไรโดยสิ้นเชิง…
ตากล้องรีบตัดสินใจเฉียบขาด คว้ากล้องมาถ่ายเซ็กซ์ทอยที่กองรวมกันเป็นภูเขาที่หน้าประตูอาคารทันใด นี่คงเป็นข่าวใหญ่ที่หาได้ยากและน่าสนุกแน่
“อ่อใช่แล้ว อย่าลืมเซนเซอร์หน้าให้ผมด้วยนะ~!” เฉินเป่ยไม่ลืมพูดเตือนสติ…
นักข่าวสาวมีปฏิกิริยากลับมาจากอาการอึ้งทึ่ง…เริ่มสัมภาษณ์เฉินเป่ยอย่างงุนงงและดูไม่คล่องแคล่ว…
ด้านข้างนั้นเหล่าพนักงานกลุ่มหนึ่งที่ล้อมรอบตาค้างแข็งเป็นหินกันถึงที่สุด…เชี้ย! ยังมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ด้วย? นี่แม่ง…อยากก่อเรื่องวุ่นวายเหรอ?
…
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง รถเบนท์ลีย์มูซานคันหนึ่งค่อยๆ ขับมาทางเฟยหยางกรุ๊ป
เซวอี้นั่งอยู่บนที่นั่งเจ้านายแบบนิ่งสงบ ในปากคาบซิการ์กลิ่นหอมนุ่มแท่งหนึ่ง บนแท่นอาหารในรถวางไวน์ขาวชื่อดังและราคาแพงแก้วหนึ่งไว้ และแฮมนิวซีแลนด์ที่หนึ่ง
ในขณะที่รับประทานอาหารเช้า เขาชอบจิบไวน์ขาวด้วย กลิ่นไวน์ที่หอมนุ่มเข้มข้นแบบนั้นจะกระตุ้นต่อมรับรู้รสของเขา ทำให้เขาตื่นตัวมีพลังอย่างชัดเจนทั้งวัน
ลูกน้องที่นั่งเบาะข้างคนขับแถวหน้า รายงานรายละเอียดสถานการณ์โดยรวมทั้งหมดของเมื่อคืนด้วยความระมัดระวัง
ฟังการรายงานรายละเอียดแล้ว สีหน้าของเซวอี้ก็สงบนิ่งไร้ที่เปรียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิด
“ประธานเซวครับ เมื่อคืน…โชคดีทำให้เฉินเป่ยคนนั้นหนีไปได้ เป็นกำไรเขาเสียจริงเลย!” ในน้ำเสียงของลูกน้องมีความโมโหและไม่พอใจอยู่ ภารกิจเมื่อคืนดำเนินการล้มเหลว เห็นได้ชัดว่าทำให้เขาไม่พอใจมาก
เซวอี้จิบไวน์ขาวอึกหนึ่ง พูดด้วยเสียงนิ่งสงบเฉยเมย “ไม่ต้องตื่นเต้น แค่พวกกระจอกคนเดียวเท่านั้น…ขอเพียงมันอยู่ที่เมืองหู้ไห่ ย่อมหนีไม่พ้นน้ำมือฉันไปได้…ที่ควรหายไปก็ต้องหายไปแน่”
เวลานี้เซวอี้ฟื้นกลับสู่สภาพไม่สะทกสะท้านเมินเฉยตามเดิมตั้งแต่นานแล้ว ทั้งตัวเต็มไปด้วยท่าทางสุภาพบุรุษ นี่คือด้านที่ล้ำลึกของเขา…ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะยั่วยุอย่างไร เขาล้วนสามารถยิ้มต้อนรับได้…อัจฉริยะอายุน้อยของเมืองหู้ไห่ท่านนี้ เหมือนว่าเทียบอาณาเขตของบิดาเขาแล้ว ยังจะเหนือกว่าชั้นหนึ่ง
รถเบนท์ลีย์มูซานค่อยๆ จอดลงที่หน้าประตูเฟยหยางกรุ๊ปแล้ว
หลังลูกน้องลงจากรถก็ตะลึงค้างไปทั้งตัว…ลังเลอยู่หลายวินาที ถึงรีบดึงประตูรถเปิดแทนเซวอี้…
มีเรื่องอะไร ถึงทำให้นายเสียอาการแบบนี้?”เซวอี้นั่งอยู่ในรถ สูบซิการ์ไปช้าๆ ถามอย่างเฉยเมย
“ประธานเซว…นี่…หน้าประตูบริษัท…” ลูกน้องสีหน้าเปลี่ยนไปผิดปกติมากๆ น้ำเสียงมีความซับซ้อนที่พูดไม่ถูก
“เจอเรื่องอะไรไม่สงบเข้าล่ะ ท่าทีแบบนี้ กลัวว่ายากจะประสบความสำเร็จนะ…เฮ้อ”เซวอี้ส่ายหน้าแบบนิ่งๆ ค่อยๆ ก้าวออกจากรถเบนท์ลีย์?
ซู่! วินาทีที่ก้าวออกมาจากรถนั้น เซวอี้ตะลึงค้างไปทั้งตัวแล้ว
สายตาเขาอึ้งทึ่ง…มองหน้าประตูอาคารแบบตกตะลึง…เซ็กซ์ทอยสีชมพูกองโตที่กองกันดุจภูเขา…ขวางทั้งหน้าประตูใหญ่ของบริษัทเอาไว้
บนผนังทั้งสองข้างหน้าประตูใหญ่ของบริษัท…ยังติดข้อความสองแถวเอาไว้…
เซวอี้ชอบแอบถ่ายคลิปวิดีโอสุดชีวิตจิตใจ…คู่แข่งจัดส่งอุปกรณ์มาให้ใช้เป็นพิเศษ…? เซวอี้พึมพำมองเนื้อหาของข้อความสองท่อนอยู่…ทั้งตัวเขาราวกับก้อนหิน แข็งตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ…แม้แต่ซิการ์ในมือยังร่วงลงบนพื้นกะทันหันเลย
สายตาของเซวอี้จากที่อึ้งทึ่ง…กลายเป็นแข็งทื่อ…ตามมาด้วย…ไฟโกรธที่ท่วมท้นดุจภูเขาไฟปะทุเดือดดาลระเบิดออก
“นี่เป็นใครทำกัน?” เซวอี้โกรธเคืองตะโกนเสียงดุ สีหน้าดุร้ายในชั่วขณะนั้น น่ากลัวราวกับสัตว์ป่า
“ประ…ประธานเซว…เป็นผู้ชายคนหนึ่ง…ชื่อว่าเฉินเป่ยครับ…” บนหน้าผู้จัดการพนักงานรักษาความปลอดภัยยังปรากฏรอยนิ้วมือที่แดงสด ขยับเข้ามาพูดอย่างสั่นเทิ้ม
“ป้าบ!!” เซวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงยกมือขึ้นตบไปทันใด ตบลงบนหน้าผู้จัดการพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างรุนแรง ทั้งตัวผู้จัดการพนักงานรักษาความปลอดภัยโดนตบจนกระอักเลือด โซซัดโซเซล้มลงพื้น
“เฉินเป่ย! เฉิน—เป่ย!!”เซวอี้กุมหมัดแน่น โมโหเดือดดาลไปทั่วทั้งตัวดุจสัตว์ป่าร้องคำราม
“ปืน! เอามาให้ฉัน!!” เขาแย่งปืนกระบอกหนึ่งมาจากในเสื้อลูกน้องโดยฉับพลัน เตรียมกระสุนด้วยความโกรธแค้นดุร้าย ดึงสลักป้องกันออก
“พาฉันไปบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป!!” เสียงเซวอี้เดือดดาลไร้ที่เปรียบ ดวงตาแดงก่ำเพราะโกรธแค้นขั้นสุด
เลขาฯจางจื่อหลานเห็นแบบนี้ จึงรีบพุ่งไปที่พวกลูกน้องรีบเร่งบอกว่า “เร็ว…ห้ามประธานเซวไว้!!”
ซู่! เหล่าลูกน้องกลุ่มหนึ่งรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อมห้ามเซวอี้กันยกใหญ่ “ประธานเซว..ท่านต้องใจเย็นนะครับ ใจเย็นเอาไว้ก่อนครับ!”
สถานการณ์นี้…ช่างพลิกพลันดุเดือดเหลือเกิน
เมื่อสักครู่ยังเป็นสุภาพบุรุษที่สุขุมเยือกเย็น…จิบไวน์ขาวอยู่เลย…เวลานี้กลับเหมือนกับสัตว์ป่าที่เสียการควบคุมตัวอาละวาดโหดร้าย…
“ปล่อยฉัน… อย่ามาห้ามฉัน!! ฉันจะฆ่ามัน! ฉันอยากฆ่ามันให้ตาย!!” เซวอี้สีหน้าดุร้ายแดงก่ำ สยองขวัญราวกับสัตว์ป่าหลุดออกจากกรง
แต่เหล่าลูกน้องกลุ่มหนึ่งกลับขวางเขาไว้แน่น เดิมทีไม่ให้เขาขยับ…
จางจื่อหลานเดินมาด้านหน้าของเซวอี้ พยายามโน้มน้าว…ให้เขาอย่าวู่วาม…ถ้าวันนี้เซวอี้เข้าไปลอบสังหารเฉินเป่ยจริง…งั้นเรื่องราวคงบานปลายใหญ่โตแน่…ลูกชายของหัวหน้าฝ่ายบริหารผู้น่าเกรงขาม…ฆ่าคนตอนกลางวันแสกๆ…นี่ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่แค่ไหน…ก็ยังไม่มีทางปิดซ่อนคดีนี้ได้…
เซวอี้เดือดดาลอย่างยิ่ง ดวงตาสังหารดุจสัตว์ป่าที่น่ากลัว เขาถูกลูกน้องขัดขวางไว้เต็มที่ เดิมทีไม่สามารถขยับได้เลยสักนิด เขายกปืนในมือขึ้นอย่างดุร้าย ยิงปืนขึ้นฟ้าไปแบบดุเดือด
“ปังๆๆ—!” ลูกกระสุนนับไม่ถ้วนแหวกทะลุท้องฟ้า เสียงปืนดุเดือดดังก้องกลางอากาศ…เหมือนกำลังระบายไฟโกรธในใจของเขาอยู่
…
มหาวิทยาลัย ในห้องนอนส่วนตัวที่หรูหราแห่งหนึ่ง
หลิวจิ้งจิ้งอาบน้ำกลับไปกลับมาหลายรอบ ถูร่างกายที่งดงามไปนับครั้งไม่ถ้วน…แต่กลับยังคงขัดเสน่ห์และความอ่อนช้อยนิดๆ ในใจเธอนั้นไม่ออก…
เมื่อคืน คาดไม่ถึงเธอจะเสียตัวแล้ว…เธออายุยี่สิบปี แต่ไหนแต่ไรไม่เคยสัมผัสเกินเลยใดๆ กับผู้ชายมาก่อน…เป็นหญิงสาวที่รำคาญผู้ชายมาตลอด…โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น…ยังพึ่งรู้จักได้ไม่ถึงวัน…ผู้ชายที่รู้สึกว่าเหมือนพี่ชายของตนเองมาก… ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกสับสนอย่างยิ่ง…โกรธเคืองไร้ที่เปรียบ
เธอไม่เคยคิดมาก่อน…จะมีสักวันที่ตนเอง…กับผู้ชายที่เหมือนพี่ชายมากเลยคนนี้…โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…บ้าคลั่งเช่นนี้… ภาพของเมื่อคืนเริ่มปรากฏในหัวสมองเธอขึ้นมาแต่ละฉาก…พอนึกถึงภาพพวกนี้ ยิ่งทำให้ในใจเธอโกรธแค้นไร้ที่เปรียบ
หลิวจิ้งจิ้งใช้ชุดคลุมห่อร่างกายของตนเองไว้แน่น ผมยาวที่เปียกชุ่มประไหล่ เธอส่องกระจกอยู่นานมาก…ท้ายที่สุดตัดสินใจเรื่องหนึ่งแล้ว
เธอค่อยๆ หยิบมือถือออกมา ต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่งแล้ว
“ส่งลูกน้องเข้ามาให้ฉัน…ฉันอยากให้คนคนหนึ่งหายไปจากเมืองหู้ไห่โดยสิ้นเชิง”
…
อาคารตระกูลหลีกรุ๊ป ห้องท่านประธานที่ชั้นเก้าสิบเก้า
หลีชิงเยียนกำลังพิงบนเก้าอี้ทำงานอย่างเกียจคร้าน ตอบรายงานและจัดการเอกสารทั้งช่วงเช้า…เวลานี้ช่วงเที่ยงแล้ว เธอต้องการพักผ่อนแบบเงียบๆ สักหน่อย
ในคอมพิวเตอร์ถ่ายทอดรายงานข่าวช่วงกลางวันที่ใหม่ล่าสุดของเมืองหู้ไห่ นี่คือความเคยชินในแต่ละวันของหลีชิงเยียน…ในขณะเดียวกันที่พักเที่ยง เธอก็ไม่ลืมดูข่าวทางการใหม่ล่าสุดเช่นกัน…ในฐานะผู้นำของบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เธอต้องติดตามกระแสข่าวใหม่ล่าสุดที่เกิดขึ้นจริง
และในเวลานี้เอง หน้าจอคอมพิวเตอร์ถ่ายทอดข่าวหนึ่งออกมากะทันหัน…
“วันนี้ช่วงเก้าโมงเช้า ที่หน้าประตูเฟยหยางกรุ๊ปของเมืองเรา…ถูกกองเซ็กซ์ทอยสองคันรถอุดไว้หน้าประตูใหญ่…ตอนนี้เชิญชมนักข่าวของพวกเราที่อยู่ในเหตุการณ์สัมภาษณ์…”
จากนั้นภาพตัดไปในที่เกิดเหตุของเฟยหยางกรุ๊ปแล้ว…เห็นเพียงผู้ชายที่เซนเซอร์หน้าเอาไว้คนหนึ่งกำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอยู่…
ตอนที่เห็นผู้ชายคนนี้ในภาพหน้าจอ…และเสียงที่คุ้นเคยของเขานั้น…หลีชิงเยียนอึ้งค้างไปทั้งตัวแล้ว…
เฉินเป่ยย่อมถูกเรียกมาที่ห้องท่านประธานเป็นธรรมดา…รับการสอบถามของหลีชิงเยียน
“ผู้ชายคนนี้คือนายสินะ?” หลีชิงเยียนชี้ไปที่ผู้ชายถูกเซนเซอร์หน้าคนนั้นในภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ ถามขึ้น
เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ ทำท่าทางไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง
“ผมว่านะชิงเยียน คุณคิดว่าผมจะทำเรื่องที่ไร้สาระขนาดนี้เหรอ? ส่งถุงยางอนามัยเรื่องแบบนี้ ผมทำออกมาไม่ได้เด็ดขาด” เฉินเป่ยพูดแบบนิ่งเฉยเป็นธรรมชาติ
หลีชิงเยียนมองตาค้อน เกือบจะโมโหเขาจนสลบลงไป “โง่อย่างนายนี่นะ…ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร…ทำไมนายถึงรู้ว่าส่งถุงยางอนามัย?”
เจ้าหมอนี่…เห็นได้ชัดว่าจงใจทำ
เฟยหยางกรุ๊ป ห้องท่านประธาน
ตอนที่เซวอี้มองเห็นข่าวช่วงเที่ยงที่ถ่ายทอดมานั้นบนหน้าจอโทรทัศน์…โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปทั้งตัว ในขณะเดียวกัน…เสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นมา…โทรศัพท์เพื่อนนักธุรกิจสารพัด…เพื่อนร่วมงานสารพัดต่างโทรเข้ามา…ไม่กี่นาทีสั้นๆ…โทรศัพท์ของเขาก็มีคนโทรเข้ามาจนสายไหม้
ไม่นานนักโทรศัพท์ตั้งโต๊ะส่วนตัวของเขาก็ดังเช่นกัน
เซวอี้รับโทรศัพท์ขึ้น ในโทรศัพท์เสียงดุด่าของเซวหงเย่ผู้เป็นบิดาลอยมาโดยตรง
“แกไอ้สารเลว! แกกำลังเล่นสนุกอะไร? ข่าวช่วงเที่ยงนี้สรุปมันเกิดอะไรขึ้น? แกเป็นประธานที่น่าเกรงขามคนหนึ่ง แม้แต่เรื่องเล็กแค่นี้ยังแก้ไขไม่ชัดเจนเหรอ? แกอยากลากฉันที่เป็นพ่อลงไปแปดเปื้อนด้วยรึไง?” เสียงเซวหงเย่ตวาดใส่อย่างโกรธเคืองไร้ที่เปรียบ
เซวอี้จับโทรศัพท์ไว้ สั่นเทาไปทั้งตัว…สีหน้าเขียวปัดแถบหนึ่ง…ภายใต้ความโกรธที่จู่โจมสู่หัวใจรุนแรง…เขาพ่นเลือดออกมาทันใด บุคคลร่ำรวยเหนือชั้นของเมืองหู้ไห่ท่านนี้ และเป็นรุ่นสองของฝ่ายบริหารชั้นยอด…โมโหจนกระอักเลือดแล้ว
…
เมืองหู้ไห่ สถานีตำรวจ
เย่ชวงกลับมาใส่เครื่องแบบตำรวจใหม่อีกครั้ง นั่งอยู่ในห้องทำงานที่พักงานไปหนึ่งเดือนกว่า อารมณ์ของเธอซับซ้อนอยู่บ้าง เมื่อวานนี้เธอได้รับโทรศัพท์ของที่สถานีตำรวจอย่างน่าประหลาดใจ…ให้เธอกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกในวันนี้…เวลานี้ถึงแม้เธอจะสวมชุดเครื่องแบบตำรวจ นั่งอยู่ในห้องทำงาน…แต่ทุกอย่างนี้…ยังลักษณะเหมือนเมื่อก่อนอยู่เหรอ? เหมือนว่าระบบทั้งสถานีตำรวจล้วนเปลี่ยนไปหมด…ไม่ใช่สภาพฉากนั้นแบบที่กล่าวคำสาบานในตอนแรกอีกแล้ว
เย่ชวงอยู่ในสถานีตำรวจทั้งช่วงบ่าย สมองของเธอสับสน จนกระทั่งช่วงเลิกงานตอนพลบค่ำ เธอถึงค่อยๆ ลุกขึ้น เดินออกจากสถานีตำรวจพร้อมกับอารมณ์ที่ซับซ้อน
เย่ชวงพึ่งเดินออกจากสถานีตำรวจ รถอาวดี้A6สีดำคันหนึ่งจึงค่อยๆ ขับเข้ามาด้านข้าง เบรกเบาๆ แล้วจอดที่ข้างกายเธอแล้ว
เย่ชวงตะลึงเล็กน้อย ไม่ได้สนใจ…เดินอ้อมด้านหน้ารถอาวดี้ไป
แต่รถอาวดี้คันนั้นกลับคล้ายจงใจรั้งเธอไว้ ตามเข้ามาติดๆ จอดอยู่ด้านหน้าเธอ ขวางทางเธอเอาไว้แล้ว
ใบหน้าเย่ชวงแข็งทื่อ มองรถอาวดี้คันนี้ด้วยความสงสัยอยู่บ้าง
กระจกด้านหลังของรถอาวดี้ค่อยๆ ลดลง ผู้ชายหล่อสง่านิ่งเรียบคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในรถ หันหน้ามองเธอช้าๆ
ตอนที่เย่ชวงเห็นผู้ชายคนนี้ ชั่วขณะนั้นสีหน้าหนาวเย็นลงมา
“คุณตำรวจเย่ ไม่เจอกันนานเลย” หวางอู๋ตี๋นั่งอยู่ในรถ ยิ้มพูดนิ่งๆ
ใบหน้าของเย่ชวงเย็นชืด “คุณเป็นใคร?”
หวางอู๋ตี๋ยิ้มอ่อนๆ “ผมอยากเชิญคุณมาร่วมทานอาหารเย็น…”
ได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าเย่ชวงยิ่งหนาวเย็นยิ่งขึ้น คำพูดของเขาในหูเย่ชวง…ยิ่งรู้สึกเหมือนเยาะเย้ย
เย่ชวงไม่ได้สนใจเขา หมุนตัวเดินจากไปทันที
มุมปากหวางอู๋ตี๋ฉีกรอยยิ้มนิ่งๆ ส่งสายตาไปทางคนขับรถ
รถอาวดี้A6คันนั้นกลับรถว่องไว ขวางด้านหน้าเย่ชวงอีกครั้งหนึ่ง
“คุณตำรวจเย่ ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะนะ?” หวางอู๋ตี๋ค่อยๆ ก้าวออกจากรถ ดึงเปิดประตูรถแทนเธอด้วยตนเอง เชื้อเชิญเธอเข้าไป
สามารถให้หวางอู๋ตี๋ผู้ยิ่งใหญ่มาเชื้อเชิญด้วยตนเอง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
เย่ชวงจ้องเขาด้วยดวงตาเย็นชา “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ต้องการ” เสียงของเธอเย็นชาไร้ที่เปรียบ เผยความเอือมระอาในก้นบึ้งหัวใจ
หวางอู๋ตี๋หัวเราะเบาๆ “ได้ ขอเพียงคุณตำรวจเย่ยินยอม แม้ว่าจะเป็นนรกขุมสิบเก้า กระผมล้วนยินยอมลงไป”
“คุณตำรวจเย่ เชิญเถอะ…ผมจัดเตรียมอาหารจีนไว้รอคุณเรียบร้อยแล้ว ภัตตาคารหวงผู่” หวางอู๋ตี๋พูดเชื้อเชิญด้วยเสียงจริงใจไร้ที่เปรียบ
ได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าเย่ชวงแข็งทื่อ…เขารู้ได้อย่างไร…ว่าตนเองชอบทานที่ภัตตาคารหวงผู่? แต่ว่าเย่ชวงไม่ได้คิดมาก เธอขี้เกียจสนใจผู้ชายน่าสะอิดสะเอียนคนนี้ เธอหมุนตัวไปทันใด หมุนตัวออกไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นหวางอู๋ตี๋รีบเดินเข้าไป…ขวางด้านหน้าเย่ชวงอีกครั้ง
“คุณตำรวจเย่ เจอกันไม่สู้บังเอิญเจอ…วันนี้ในเมื่อมาบังเอิญเจอกันแล้ว ทำไมถึงไม่ให้โอกาสผมสักครั้งล่ะ?”ท่าทีหวางอู๋ตี๋จริงใจอย่างยิ่ง ราวกับสามารถทำให้หัวใจผู้หญิงคนหนึ่งละลายได้เลย
ความเอือมระอาในใบหน้าเย่ชวงยิ่งลึกล้ำอีกชั้น “หลบด้วย”
หวางอู๋ตี๋ไม่ได้พูดอะไร จ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มสงบนิ่ง จริงใจไร้ที่เปรียบ
“คุณจะหลบไม่หลบ?” เสียงเย่ชวงเย็นชามาก มีความหมายโกรธเคือง
“คุณตำรวจเย่ ถ้าคุณไม่ตอบรับผม งั้นผม…ก็จะไม่หลบแล้วนะ” รอยยิ้มของหวางอู๋ตี๋ยิ่งเข้มขึ้น สุขุมเยือกเย็น
เย่ชวงไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นมือออกไปโดยตรง พาดไว้บนไหล่ของหวางอู๋ตี๋ เห็นได้ชัดว่ากำลังจะทำท่ายกข้ามไหล่ขึ้น…
ทันใดนั้นฝ่ามือหนาหยาบอีกข้างหนึ่งจับแขนของเย่ชวงไว้ทันที ขัดขวางเธอไว้
เย่ชวงใบหน้าแข็งทื่อ รู้สึกแค่ว่าบนแขนเหมือนถูกคีมปากเสือหนีบไว้เลย เดิมทีขยับและดิ้นไม่หลุด
เธอถลึงตาใส่เจ้าของมือข้างนั้นอย่างแรง…เป็นชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทคนหนึ่ง
หวางอู๋ตี๋นิ่งเฉยสงบ พูดเบาๆ ไปยังชายวัยกลางคน “ปล่อยมือ…ห้ามเสียมารยาทกับคุณเย่”
ชายวัยกลางคนนั้นถึงค่อยๆ ปล่อยมือออก
สีหน้าของเย่ชวงเคร่งขรึม บนข้อมือของเธอยังมีสีแดงและบวมอยู่…แรงจับของผู้ชายคนเมื่อสักครู่นั้น…ช่างสยองขวัญเหลือเกิน…ทำให้เธอรู้สึกถึงความหวาดผวาที่พูดไม่ถูกอย่างหนึ่ง…ความรู้สึกที่เดิมทีตนเองไม่มีแรงต้านทาน
“สรุปคุณอยากทำอะไร?” เย่ชวงจ้องเขาตาไม่กะพริบ พูดตะคอก
หวางอู๋ตี๋หัวเราะนิ่งๆ “คุณเย่ ผมไม่มีความหมายอื่น เพียงแค่…อยากเชิญคุณไปร่วมทานอาหารเย็นด้วย”
“ถ้าคุณยังทำแบบนี้ต่อ…ฉันจะฟ้องว่าคุณคุกคามเจ้าหน้าที่พนักงาน!” เย่ชวงพูดข่มขู่อย่างเย็นชา “ด้านข้างเป็นสถานีตำรวจ คุณยังอยากเข้าไปเหรอ?”
หวางอู๋ตี๋พูดด้วยความจริงใจ “คุณเย่ ผมไม่มีความหมายอย่างอื่นจริงๆ…เพียงแค่อยากเชิญคุณกินข้าวด้วยกันเท่านั้น…หรือว่าแม้แต่โอกาสครั้งนี้คุณก็ไม่ให้ผมเหรอ?”
เวลานี้อารมณ์เย่ชวงสับสนไร้ที่เปรียบ…ในดวงตาของตนเองมีความสะอิดสะเอียน…แต่ว่าเวลานี้เธอถูกหวางอู๋ตี๋พัวพันอีกครั้ง…เดิมทีไม่มีทางหลุดพ้น…ถึงแม้ว่าด้านข้างจะเป็นสถานีตำรวจ…แต่ว่า…มีประโยชน์จริงเหรอ? แม้แต่ผู้บัญชาการยังเคารพนอบน้อมเข้าข้างคนผู้นี้ขั้นสุด…ช่วงเวลาแบบนี้ อาศัยข้อหาที่คุกคามเจ้าหน้าที่พนักงานแค่นั้น จะจัดการเขาจริงได้เหรอ?
เย่ชวงลนลานพอสมควรแล้ว เวลานี้เผชิญกับการพัวพันของหวางอู๋ตี๋ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี…ทันใดนั้น…ในหัวสมองของเธอปรากฏภาพเงาที่คุ้นเคยคนหนึ่งขึ้นมา…
ในตาเย่ชวงซับซ้อนยุ่งเหยิงอยู่บ้าง…ท้ายที่สุด…ภายใต้ความจำใจ…เธอค่อยๆ หยิบมือถือออกมา ติดต่อไปยังโทรศัพท์ของเฉินเป่ย…ผ่านการคลำด้วยนิ้ว ส่งข้อความขอความช่วยเหลือเข้าไปให้เฉินเป่ยแล้ว…
…
พลบค่ำ เฉินเป่ยกำลังขับรถไมบัคอยู่ พึ่งไปส่งหลีชิงเยียนที่คฤหาสน์มาล่ะ
ทว่าเขากลับได้รับข้อความหนึ่งมากะทันหัน…คาดไม่ถึงจะเป็นข้อความขอความช่วยเหลือจากเย่ชวง?
เฉินเป่ยสงสัยครู่หนึ่ง ตำรวจหญิงคนนั้น? เจอปัญหาอะไรเข้าแล้ว? คาดไม่ถึงอยากให้ตนเองช่วยเธอ?
แต่เฉินเป่ยไม่ได้คิดมากขนาดนั้น…ขับรถแล่นฉิวไปโดยตรงอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง…
หน้าประตูสถานีตำรวจหู้ไห่
เย่ชวงยังคงถูกล้อมดักพัวพันอยู่ ดวงตาเธอหนาวเย็นไร้ที่เปรียบ ข่มขู่ห้ามปรามหลายครั้ง…แต่หวางอู๋ตี๋คนนั้นก็ยังเหมือนคนว่างจัด ทำอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป…บังคับอยากให้เธอไปทานข้าวด้วยให้ได้…
“ฉันว่านายเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ฉันบอกว่าไม่กินไง…ทำไมนายต้องเอาแต่มาตอแยฉันไม่เลิกด้วย?” เย่ชวงใบหน้าหนาวเย็นอย่างมาก สามารถจินตนาการถึงความโกรธเคืองของเธอในเวลานี้ได้
“คุณเย่ ได้ทานอาหารเย็นกับคุณสักครั้ง นี่คือคำร้องขอเพียงอย่างเดียวของผม…ทำไมคุณถึงไม่รับปากล่ะ?” ในตาหวางอู๋ตี๋มีความล้ำลึก ค่อยๆ พูดขึ้น
“กินด้วยกับผีน่ะสิ? ไม่มีอารมณ์กินข้าว! เห็นหน้านายแล้วฉันกินไม่ลง!” เย่ชวงแค้นเคืองมาก
“โอหัง กล้าพูดมาพูดกับคุณชายแบบนี้ได้ไง!” ด้านข้าง เหล่าบอดี้การ์ดผู้ติดตามหลายคนโมโหไปด้วย
หวางอู๋ตี๋ถลึงตาใส่เหล่าผู้ติดตามทีหนึ่ง หมายความว่าให้พวกเขาอย่าพูดแทรก
ในเวลานี้ มีเสียงเครื่องยนต์คำรามลอยมากะทันหัน
รถไมบัคคันหนึ่งทำฝุ่นตลบอบอวล กำลังแล่นเข้ามาทางนี้
“เอี๊ยด—!” สะบัดท้ายรถแล้วเหยียบเบรกจนแสบแก้วหู
คนกลุ่มหนึ่งในเหตุการณ์ต่างสาดส่องสายตาเข้าไป…
ประตูรถไมบัคเปิดออก เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ในปาก ล้วงมือข้างหนึ่งในกระเป๋ากางเกง ก้าวออกจากประตูรถด้วยหน้าตาอันธพาลไร้ขอบเขต…