สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 652
บทที่ 652 นายคือเขาแน่ๆ
“ตู้มม” หมัดของเฉินเป่ยพุ่งเข้ามา แรงอาฆาตแผ่ซ่านไปทั่วจนไม่มีท่าทีว่ามันจะจบ
ฉินเกอรีบยกหมัดขึ้นมากันเอาไว้ แต่กลับไม่ทันเสียแล้ว
“ผัวะ!” หมัดหนักๆ ปะทะมาที่หน้าอกของฉินเกอ ร่างของเขากระเด็นออกไป เลือดสาดออกมาในอากาศ
“พี่ใหญ่!” สีหน้าของคุณชายฉินรองโกรธเป็นอย่างมาก เขารีบพุ่งเข้ามาจู่โจมทันที
เฉินเป่ยจู่โจมเหมือนสัตว์ร้าย สองหมัดของเขาสั่นสะเทือนไปทั่ว
“ผัวะๆๆๆ” คุณชายฉินรองกันหมัดแรกได้ แต่ไม่สามารถกันหมัดที่สองเอาไว้ได้ ตัวของเขากระเด็นออกไปเพราะแรงมหาศาล
ตัวของเขากระแทกลงกับพื้นจนพื้นแตกกระจาย
ดวงตาของเฉินเป่ยแดงก่ำ แรงอาฆาตที่ไม่มีใครเทียบได้พลุ่งพล่านออกมาเหมือนปีศาจร้าย
เขาก้าวเข้ามาทีละก้าว “เบอร์หนึ่ง เบอร์สองอะไรกัน ชื่อของฉันคือเฉินเป่ย!” เสียงของเฉินเป่ยดุดันเหมือนสัตว์ร้าย
ตอนนี้จิตใจของฉินเกอสับสนไปหมด เขาสัมผัสเงาของเบอร์หนึ่งได้จากตัวของเฉินเป่ย แต่มันเป็นความรู้สึกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทว่าตอนนี้เขาเห็นเพียงความกระหายเลือดที่ไม่สิ้นสุด!! เฉินเป่ยสามารถปลดปล่อยแรงอาฆาตอันน่ากลัวออกมาจากตัวได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ นี่มันน่าตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาเป็นทหารรบ พวกเขาไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ มือของเขาไม่ได้เปื้อนเลือดแบบนี้ คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เบอร์หนึ่ง เบอร์หนึ่งคือคนที่ไม่ใช่คน ไม่ใช่ปีศาจที่กระหายเลือด แต่คนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเฉินเป่ยคือปีศาจที่กระหายเลือด!
“นาย..ไม่ใช่เบอร์หนึ่ง” ฉินเกอลุกขึ้นมาช้าๆ แววตาของเขาดุดัน ความน่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมา
ผู้เป็นน้องชายค่อยๆ ลุกขึ้นมา ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่ว
“สวบ” ทันใดนั้นสองพี่น้องตระกูลฉินจู่โจมอีกครั้ง อากาศแปรปรวน แรงแห่งการต่อสู้แผ่ซ่านไปทั่ว
“”หยุดนะ! จู่ๆ ก็มีเสียงตวาดดังสนั่นไปทั่ว รถออฟโรดยี่ห้อมาเซราติเคลื่อนตัวเข้ามา เจ้าของเสียงก็คือฉินหยางผู้ที่มีค่ามหาศาลแห่งตระกูลฉิน
แต่ทว่าตอนนี้ฉินหยางไม่มีปัญญารั้งความน่ากลัวระหว่างสามคนนี้ได้
เฉินเป่ยสีหน้าดุร้ายเหมือนปีศาจที่ถูกปลดปล่อยออกมา ส่วนสองพี่น้องตระกูลฉินมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่พลุ่งพล่าน ทักษะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
บรรยากาศเย็นยะเยือก
ดาวตกสามดวงพุ่งเข้ามาปะทะกัน
ทันใดนั้น แรงอาฆาตปะทุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
วินาทีต่อมา
“ตู้มม” ร่างของสองพี่น้องตระกูลฉินกระเด็นออกไปจากแรงปะทะอันมหาศาล
ส่วนร่างของเฉินเป่ยเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ร่างของเขาถอยกรูดไปข้างหลัง ทุกก้าวของเขาทำให้พื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ผัวะ!” สองพี่น้องตระกูลฉินกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง เลือดสดไหลออกมาจากมุมปากของทั้งสองไม่หยุด
คนที่อยู่ไม่ไกลอย่างเฉินเป่ยยังคงถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง ตัวของเขาสั่นไปหมดและเสียการทรงตัวจนล้มไปกับพื้น แต่เขาพยุงตัวขึ้นจากพื้นทันที เขาพยายามทรงตัวไม่ให้ล้มลงไป มีเพียงเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากอย่างช้าๆ
รถออฟโรดยี่ห้อมาเซราติรีบขับเข้ามาและเบรกลงกลางสงคราม ฉินหยางลงจากรถด้วยความตื่นตระหนก ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความสับสน
“หยุดนะ อย่าทะเลาะกัน!” ดวงตาของฉินหยางสับสนไปหมด เธอมองไปยังพี่ชายทั้งสอง จากนั้นจึงหันไปมองคนที่อยู่ไกลๆ อย่างเฉินเป่ย ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะช่วยใครก่อนดี
บรรยากาศเงียบจนผิดปกติ
“ฉินหยาง เธอทำอะไรน่ะ!” สีหน้าของฉินเกอเย็นชา เขาตะคอกออกมาว่า “คุณปู่สั่งมาแล้วว่าต้องพาเธอกลับไป เธออย่ามาดื้อรั้น!”
สีหน้าของฉินหยางซีดเผือด เธอประคองเฉินเป่ย ตอนนี้เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เฉินเป่ยเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าจะพาเธอไป ก็เอาชนะฉันให้ได้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน!”
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ
“บังอาจและอวดดี! ในเมื่อนายรนหาที่ตาย งั้นก็เข้ามา!” สีหน้าของฉินเกอดุดันด้วยความโกรธ เขาพยุงตัวสั่นๆ ขึ้นมาจากพื้น เขากำหมัดทั้งสองข้างแน่นเพื่อเตรียมพร้อมจะสู้อย่างน่ากลัวอีกครั้ง
คุณชายฉินรองก็ลุกขึ้นมาอย่างตัวสั่น แววตาของเขาโกรธเป็นอย่างมาก แรงอาฆาตถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง
ฉินหยางกัดริมฝีปากแดงแน่น เธอสับสนอยู่นาน จู่ๆ เธอจึงตะโกนออกมาว่า “ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ฉันจะกลับไปกับพี่!”
เมื่อคำพูดนั้นออกไป เฉินเป่ยถึงกับอึ้งและมองเธออย่างสงสัย
แววตาของฉินหยางเต็มไปด้วยความสับสน เธอก้มหน้าลงไม่กล้ามองเฉินเป่ย ราวกับกำลังหลบฉินเกออย่างไรอย่างนั้น
“ขอโทษนะ ฉันจะไปกลับไปกับพวกเขา” เสียงฉินหยางแผ่วเบา และแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา
เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิม เขาสับสนไปหมด ทำไมเธอต้องขอโทษเขาด้วย
เฉินเป่ยถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงพูดเนิบๆ ว่า “โอเค แล้วแต่ความสมัครใจของเธอก็แล้วกัน”
ร่างบางของฉินหยางสั่นเล็กน้อย ราวกับว่าเธอผิดหวังกับคำตอบของเฉินเป่ย ในก้นบึ้งของหัวใจเธอแอบคิดว่าเฉินเป่ยจะรั้งเธอไว้
ทันใดนั้น ฉินหยางจึงกัดริมฝีปากและปล่อยมือของเฉินเป่ย เธอก้าวช้าๆ แต่ไม่มีท่าทีที่จะหยุด จากนั้นจึงเข้าไปหาพี่ชายทั้งสองคน
เฉินเป่ยจ้องแผ่นหลังของเธออยู่อย่างนั้น ความสับสนที่ฉายออกมาทางแววตาถูกเขาสลัดทิ้ง
ฉินหยางก้าวเดินอย่างช้าๆ เธอสับสนมาก หลบอยู่ในเมืองหู้ไห่มาหลายวัน แต่เธอก็ไม่สามารถหลีกหนีโชคชะตาได้ ความคิดลอยเข้ามาในหัว เธอจำคำพูดของเพื่อนที่เคยพูดกับเธอได้รางๆ ว่า ‘ต้องเข้มแข็งและกล้าหาญ มีเพียงกระต่ายที่เข้มแข็งเท่านั้น ถึงจะกลายร่างเป็นนางฟ้าฉางเอ๋อได้’
เพื่อที่จะพิสูจน์คำพูดนี้ ฉินหยางจึงไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เธอหนีจากเมืองจิงมาถึงเมืองหู้ไห่ เธออยากใช้ชีวิตอย่างที่เธอต้องการ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถเอาชนะโชคชะตาได้
เธอเดินเข้ามาหาพี่ชายทั้งสอง ตอนนี้เธอไม่พูดอะไรและเอาแต่เงียบ
ฉินเกอเอื้อมมือไปลูบหัวน้องสาวเบาๆ เหมือนตอนเด็ก คนที่เป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ได้ลูบหัวน้องสาวมานานแค่ไหนแล้วนะ ความทรงจำในตอนนั้น เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตอนนี้เหมือนมีอะไรมากั้นระหว่างพี่ชายและน้องสาวให้ห่างออกจากกัน
“ฉินหยางเด็กดี เชื่อฟังคำพูดของปู่นะ ปู่เขาทำเพื่อเธอ” ฉินเกอพูดเนิบๆ
ฉินหยางไม่พูดและไม่พยักหน้า เธอเหมือนกับหุ่นไม้ที่ไร้ชีวิต
ฉินเกอปัดฝุ่นบนเสื้อออก เขามองเฉินเป่ยด้วยแววตาสับสน
“ไอ้หนู ฉันถือโอกาสบอกนายเลยแล้วกัน”
เฉินเป่ยอึ้งไป เขามองฉินเกออย่างสงสัย
“การที่ฉันรู้ว่าฉินหยางอยู่กับนาย เพราะตระกูลหวังเป็นคนเปิดเผย” เฉินเกอพูดเนิบๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของเฉินเป่ยนิ่ง ตระกูลหวัง! พวกมันอีกแล้ว พวกมันจะยืมมือคนอื่นมาฆ่าคนอย่างนั้นเหรอ เมื่อคิดเชื่อมโยงไปถึงเรื่องต่างๆ เฉินเป่ยรู้ทันที แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแววตาดุดัน
สุดท้ายฉินหยางก็กลับไปพร้อมกับฉินเกอ ทั้งสองเข้าไปในรถออฟโรด
คุณชายรองฉินปัดฝุ่นบนตัว และมองเฉินเป่ยด้วยแววตาประหลาด จากนั้นจึงเดินไปที่รถออดี้ A6 ของตัวเอง
วันนี้ภารกิจที่ยืดเยื้อมานานได้สิ้นสุดลงแล้ว พาน้องสาวกลับเยี่ยนจิง แถมฉินเกอก็สามารถกลับมาที่เยี่ยนจิง เพื่อรายงานผลงานกับคุณปู่
คุณชายรองฉินเข้าไปในนั่งรถออดี้ A6
รถออฟโรดสามคันสตาร์ทเครื่องและเคลื่อนตัวออกไป
ฉินหยางนั่งอยู่ข้างในรถ ดวงตาคู่สวยพร่าเลือนไปหมด เธอมองวิวข้างนอกที่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ
ถ้าชาติหน้ามีจริง เธอจะต้องกล้าหาญ ไม่ว่าจะอยู่หรือตายเธอจะอยู่กับเขาอย่างกล้าหาญ ชีวิตในชาตินี้คงจะเป็นได้เพียงคนแปลกหน้าที่เดินสวนทางกัน
หน้าอาคารตระกูลหลี เฉินเป่ยมองรถสามคนที่ค่อยๆ หายลับตาไปที่มุมถนน จิตใจของเขาสับสน ถ้าไม่ใช่เพราะภาระนองเลือดพวกนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะตัวตนอันแสนพิเศษของเขา บางทีเขาอาจจะรั้งฉินหยางเอาไว้ แต่ผู้หญิงบางคนถูกกำหนดให้ไม่สามารถรักกับเขาได้
ความรู้สึกนี้มันตกตะกอนมากเกินไปแล้ว เฉินเป่ยคิดถึงหลีชิงเยียนขึ้นมา ผู้หญิงที่ดื้อดึงแบบเธอ บางทีเขาอาจจะไม่สามารถรักได้เหมือนกัน เขามันเป็นปีศาจร้าย การนองเลือด เลือดสดๆ ที่น่าสยดสยอง ไม่ว่าตัวเขาจะไปที่ไหน ล้วนแล้วแต่เกิดความวุ่นวาย บางทีเขาอาจจะต้องเดียวดายไปตลอดชีวิต
เฉินเป่ยจุดบุหรี่ และสูบควันเข้าไป รถควันบุหรี่เข้าไปในลำคอ เขาก็รู้สึกถึงของเหลวในลำคอ “พรวด” เขากระอักเลือดออกมาทันที
เมื่อกี้ที่ต่อสู้กับสองพี่น้องตระกูลฉิน ทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บสาหัส อวัยวะภายในรวมถึงตัวเขาเหมือนจะแตกออกมา
เฉินเป่ยสั่นไปทั้งตัว เขาขาอ่อนจนเกือบจะล้มลงไปบนพื้น
จางหยุ่งรีบเข้ามาพยุงตัวของเขาเอาไว้
“พี่เฉิน พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม พี่ได้รับบาดเจ็บเหรอครับ” จางหยุ่งถามด้วยความเป็นห่วง
เฉินเป่ยส่ายหน้าอย่างหมดแรง เขามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเงาของหลีชิงเยียน ยังดีที่เธอไม่อยู่ ไม่งั้นคงจะทำให้เธอเป็นห่วงอีก
ห้องพักผู้ป่วยวีไอพีในเมืองหู้ไห่
มีบอดี้การ์ดจำนวนมากเฝ้าอยู่หน้าห้อง หวางอู๋ตี๋หลับตาพักผ่อนอยู่บนเตียง
ขณะนั้นมีลูกน้องวิ่งกุลีกุจอเข้ามาในห้อง
เมื่อเห็นลูกน้องเข้ามา หวางอู๋ตี๋จึงลืมตาขึ้นช้าๆ แววตาของเขาเย็นยะเยือกและน่ากลัว
“ไอ้เฉินเป่ย เป็นยังไงบ้าง สองพี่น้องตระกูลฉินจัดการมันได้หรือเปล่า” หวางอู๋ตี๋ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ลูกน้องปาดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นจึงรายงานอย่างเคร่งเครียดว่า “คุณชายครับ สองพี่น้องตระกูลฉินไม่สามารถจัดการเฉินเป่ยได้ครับ แถมยังพาตัวฉินหยางกลับไปแล้วครับ”
“อะไรนะ!” สีหน้าของหวางอู๋ตี๋เปลี่ยนไปทันที เขาจะเด้งตัวขึ้นจากเตียงเพราะความโกรธ แต่เมื่อยกตัวขึ้นมา ก็รู้สึกถึงความเจ็บที่บาดแผลตรงเท้า ความเจ็บปวดแล่นเข้ามา เขาเจ็บจนสีหน้าบูดเบี้ยว
“เฉินเป่ย!” หวางอู๋ตี๋กำมือทั้งสองข้างแน่น เขาสั่นเหมือนปีศาจร้าย
ในขณะเดียวกันที่ห้องทำงานแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากเยี่ยนจิงออกไปกว่าพันกิโลเมตร
หวางเหวินห้าวได้รับรายงานจากลูกน้องเช่นกัน เมื่อได้ยินรายงานผ่านโทรศัพท์ หวางเหวินห้าวสั่นไปทั้งตัว วินาทีต่อมาเขาถอดแว่นกรอบเงินออกอย่างรุนแรง จากนั้นก็ขว้างมันลงพื้นจนแตก
ใบหน้าของคุณชายแห่งตระกูลหวังคนนี้กำลังกระตุก มันกระตุกเพราะความอาฆาต แผนการของเขาถูกเปิดโปงอย่างนั้นเหรอ ไม่เพียงแต่จะโดนตระกูลฉินจับได้ แถมยังประกาศให้ไอ้เฉินเป่ยรู้อย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย นี่กำลังตบหน้าเขาชัดๆ
ขณะนี้หวางเหวินห้าวโกรธเป็นอย่างมาก เมื่อวานเขาส่งคนไปลอบฆ่าลูกน้องเพื่อทำลายเบาะแสทั้งหมด แต่คิดไม่ถึงว่ายังจะโดนตระกูลฉินหาเจออีก!
นี่ทำให้หวางเหวินห้าวรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี!