สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 80
บทที่80 แย่งบุหรี่!
หนึ่งแสนล้าน!!
กรรมการทุกท่านในห้องประชุมทำหน้ามึนงง! ต่างก็คิดว่าตนเองหูฝาดไป เดิมทีไม่อยากจะเชื่อ!
หลีชิงเยียนใบหน้างุ่มง่าม มองผู้จัดการฝ่ายการเงิน ดวงตาตกตะลึง หายใจไม่เป็นจังหวะ ตั้งนานยังสงบลงไม่ได้
“คุณ……พูดจริงเหรอ?” หลีหยางลุกขึ้นยืนทันใด สายตาจ้องเขม็งไปยังผู้จัดการฝ่ายการเงิน
หลีหยางที่เงียบนิ่งมาแต่ไหนแต่ไร เวลานี้ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอดไม่ไหว……หรือว่าฤดูใบไม้ผลิของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจะมาแล้วเหรอ?
บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป……เป็นไปได้มากว่ามีทางช่วยแล้ว!
“จริงแท้แน่นอนครับ ผมยืนยันมาหลายครั้งแล้ว ในบัญชีเพิ่มขึ้นมาแสนล้าน……โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการโอนเข้ามาจากบัญชีต่างประเทศครับ” ผู้จัดการฝ่ายการเงินพูดเสียงสั่น
“บัญชีต่างประเทศ?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว “บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปยังไม่ได้เติบโตในตลาดต่างประเทศ ทำไมเงินนี้ถึงโอนเข้ามาจากต่างประเทศได้ล่ะ?”
“ตรวจสอบได้มั้ยว่าเจ้าของบัญชีนี้เป็นใครกัน?” หลีหยางถามขึ้น
“ตรวจแล้วครับ ธนาคารบอกว่าเป็นบริษัทแห่งหนึ่ง จุ้ยหลงจือเปิ่น หลังจากนั้นพวกเราก็ส่งคนไปตรวจสอบจุ้ยหลงจือเปิ่นสักหน่อย……พบว่าเป็นบริษัทเปลือกนอกแห่งหนึ่งครับ” ผู้จัดการรายงาน
“น่าแปลก เงินหนึ่งแสนล้านได้มาอย่างไม่ชัดเจนนี้ คาดไม่ถึงแม้แต่ใครยังไม่รู้เลย” กรรมการท่านหนึ่งพูดอย่างสีหน้าฉงน
“ชิงเยียน ลูกเป็นคนหามารึเปล่า?” หลีหยางมองทางหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนส่ายหน้า ตั้งแต่เธอกลับจากเรียนต่อที่ต่างประเทศ ความสัมพันธ์กับเพื่อนต่างชาติก็จางลง ถึงแม้ครั้งนี้หลีชิงเยียนจะหาคนมามากมาย แต่ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับเพื่อนทางฝั่งตะวันตกเลย
“หนึ่งแสนล้าน สำหรับพวกเราพูดได้ว่าเป็นจำนวนตัวเลขที่มากมาย สรุปเป็นใครกัน สามารถนำเงินจำนวนมากขนาดนี้ออกมา……แถมยังไม่ยอมเผยสถานะอีก……” หลีหยางพึมพำ จมสู่การครุ่นคิด
“บางทีอาจเป็นเพราะผู้ลึกลับท่านนี้ไม่อยากเผยสถานะ” กรรมการท่านหนึ่งพึ่งเอ่ยปาก ทันใดนั้นหลีชิงเยียนก็สีหน้าเปลี่ยน เหมือนนึกอะไรได้
“ผู้ลึกลับ……” หลีชิงเยียนพึมพำเสียงต่ำ ท่าทางเปลี่ยนฉับพลัน!
“มีอะไรหรือเปล่าชิงเยียน?” หลีหยางถามขึ้น
“หนู……หนูไม่เป็นอะไรค่ะ” หลีชิงเยียนส่ายหน้าแล้ว ภายในใจสั่นสะเทือน ความสงสัยนิดๆ โผล่ในความคิด หรือว่า……ครั้งนี้ก็เป็นผู้ลึกลับคนนั้นลงมืออีกเหรอ?
สรุปผู้ลึกลับคนนั้นเป็นใคร……ช่วยเหลือตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า……ครั้งนี้ควักเงินหนึ่งแสนล้านอย่างไม่คาดคิด!
หลีชิงเยียนคาดเดามากมายภายในใจ หนึ่งแสนล้านนี้ มาอย่างน่าประหลาดใจ ถึงสุดท้ายเธอทำได้เพียงปักหมุดที่ตัวของผู้ลึกลับคนนั้น
“ท่านประธานกรรมการ ในเมื่อได้มาแล้ว เราก็ควรรับมันไว้ หนึ่งแสนล้านนี้โอนเข้ามาแล้ว ไม่ทันได้มาสนว่าเป็นใคร รักษาบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเอาไว้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกที” หลีชิงเยียนเอ่ยปากเสียงน่าดึงดูด
หลีหยางพยักหน้า รีบลงคำสั่ง “รีบโจมตีกลับ! ให้บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปเห็นดีสักหน่อย บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปกดดันนานเกินไปแล้ว ถึงเวลาเอาคืนบ้าง!”
หลีชิงเยียนถอนหายใจยาวๆ แต่กลับไม่กล้าวางใจลงมา ไม่มีใครรู้ว่าสรุปแล้วบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปยังมีกำลังเท่าไร จึงได้แต่ส่งความหวังว่าหนึ่งแสนล้านนี้ จะสามารถทำให้บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปรู้ว่าอะไรควรไม่ควรยอมแพ้
หลังจากประชุมเสร็จ หลีชิงเยียนขยับขายาวที่ตรงมีเสน่ห์คู่นั้น ค่อยๆ เดินออกจากห้องประชุม พึ่งกลับมาถึงห้องทำงานประธาน ภาพคนคนหนึ่งก็ประกายเข้ามาจากด้านนอก
“นายยังไม่ไปอีกเหรอ?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น พูดไป
“นี่ไม่ใช่รอประธานหลีคุณประชุมเสร็จมาตลอดเหรอ” เฉินเป่ยยิ้มพูดเอาใจ
“ทำอะไร?” หลีชิงเยียนบ่นพึมพำ ไม่ไว้หน้าเฉินเป่ยเลย
“บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?” เฉินเป่ยถามอย่างเป็นห่วง
หลีชิงเยียนถอนหายใจยาวๆ ทีหนึ่ง “ยังไม่รู้ ไม่รู้จะเป็นหรือตาย”
“ไม่ล้มก็ดีแล้ว” เฉินเป่ยยิ้มอ่อนๆ ในดวงตานกพิราบประกายความหมายล้ำลึก
หลังจากเฉินเป่ยเดินออกจากห้องทำงานประธาน ก็เดินมาตรงกลางบันไดที่ไม่มีคน เสียงมือถือดังขึ้น เฉินเป่ยรับสาย ในสายนั้นเสียงของชิงเหนียนที่จำใจกลัดกลุ้มดังขึ้น “ลูกพี่ เจ็บตัวเลย แค่แป๊บเดียว หนึ่งแสนล้านก็ไม่มีแล้ว……พี่รู้มั้ยว่าสหรัฐเพื่อธุรกิจนาโนนี้เปิดราคาเท่าไร กำไรสุทธิสักห้าหมื่นล้าน……
“เงินไม่มีแล้วยังสามารถหาอีกได้” เฉินเป่ยพูดอย่างสบายๆ
ชั่วขณะนั้นชิงเหนียนร้อนใจ โมโหตอบ “ลูกพี่ พี่ยังมากล้าพูดแบบนี้ ตอนนี้พี่ไม่ได้เป็นหัวหน้าแล้ว เรื่องอะไรก็พุ่งมาที่ผม ผมไม่ต้องให้ผลประโยชน์กับเหล่าเพื่อนที่เขตฐานเหรอ กินดื่มเที่ยวเล่นล้วนใช้เงิน……”
ในที่สุดเฉินเป่ยก็รับคำพูดร่ำไรของชิงเหนียนไม่ไหว พยุงหน้าผากด้วยความปวดหัวสุดๆ “พอแล้วๆ ครั้งนี้ไม่ใช่สถานการณ์ไม่คาดคิดเหรอ ฉันขอแค่ให้นายอย่าเผยสถานะ นายทำยังไงบ้าง?”
“วางใจได้ลูกพี่ ถึงแม้พี่สะใภ้จะเป็นปีศาจฉลาด ก็ค้นหาผมไม่เจอเด็ดขาด ใช้บริษัทเปลือกนอกแห่งหนึ่ง ต่อให้เธอหาถึงเบื้องหลังได้ก็ไม่มีเส้นสนกลในสักนิด” ชิงเหนียนพูดรับรอง
เฉินเป่ยพยักหน้า ยังถือว่าเขาพอใจต่อการแสดงออกของชิงเหนียน “ไปสืบดูหน่อย ครั้งแรกที่ลอบฆ่าเกี่ยวข้องกับบ้านหลีหรือไม่……ตอนนี้นับวันฉันยิ่งสงสัยว่าการลอบฆ่าครั้งแรกจ้ะเป็นฝีมือของบ้านหลี”
“ได้เลย” หลังวางสายโทรศัพท์ ทันใดนั้นเสียงอ่อนช้อยก็หนึ่งลอยมาจากด้านหลังเฉินเป่ย “ทำอะไรลับๆ ล่อๆ กัน?”
เฉินเป่ยหันหน้า มองเห็นซูเสี่ยวหยุนถือกระเป๋าไว้ ยืนอยู่ด้านหลังเขาอย่างเต็มไปด้วยความสนใจ
เฉินเป่ยตกใจ ยิ้มตอบอย่างอึดอัด “คุณมาบริษัทได้ยังไง?”
“เป็นห่วงบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เลยเข้ามาดูหน่อย สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” ซูเสี่ยวหยุนถามขึ้น
“น่าจะมั่นคงแล้ว” เฉินเป่ยทำหน้างงงวย
“เมื่อกี้ฉัน……ฟังนายพูดว่าลอบฆ่าอะไร นายกำลังคุยกับใคร?” ซูเสี่ยวหยุนเอ่ยปากทันใด ถามคำถามนี้ขึ้นอย่างเจตนา ทำให้หัวใจเฉินเป่ยเต้นเร็วขึ้นฉับพลัน
“ไม่มีอะไร……ผมกำลังสงสัยกับเพื่อนว่าการลอบฆ่าครั้งก่อนเป็นบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปทำรึเปล่า” เฉินเป่ยสีหน้าสงบนิ่งลง
รอหลังจากเฉินเป่ยกับซูเสี่ยวหยุนผลักประตูเดินเข้ามาห้องทำงานประธานด้วยกัน เห็นหลีชิงเยียนกำลังยุ่งทำงาน ซูเสี่ยวหยุนจึงไม่อยากรบกวนเธอ เดินมาข้างโซฟา นั่งลงมาอย่างสงบ
ผ่านไปตั้งนาน หลีชิงเยียนถึงถอนหายใจออกมา เงยหน้าขึ้น มองเห็นซูเสี่ยวหยุนกับเฉินเป่ย
“พวกคุณมาตั้งแต่เมื่อไรกัน?” ใบหน้างดงามสง่าของหลีชิงเยียนตะลึงเล็กน้อย
“ถึงนานแล้ว เห็นเธอกำลังทำงาน กลัวจะรบกวนเธอเข้า” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มนิดๆ พูดว่า “เวลาก็นานแล้ว พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
“ได้” หลีชิงเยียนชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือ รับปากลงมา
สาวสวยทั้งสองลุกขึ้น เดินไปทางหน้าประตู ทันใดนั้นเฉินเป่ยก็ตามเข้ามา พูดอย่างหน้าไม่อาย “ประธานหลี พาผมไปด้วยสิ”
“ไม่เอา ตัวเองกลับไปกินที่บ้านสิ” หลีชิงเยียนตอบกลับอย่างเย็นชา เดิมทีไม่อยากสนใจเฉินเป่ย
“ในบ้านไม่มีกับข้าวแล้ว~ ประธานหลี แค่เรื่องที่เพิ่มมาอีกปากเท่านั้น” เฉินเป่ยตามติดจากด้านหลัง สีหน้าเอาใจ เหมือนเงาตามตัวอย่างกับแกะ
…………
ด้านในร้านอาหารสไตล์โบราณจีนแห่งหนึ่ง หลีชิงเยียนกับซูเสี่ยวหยุนนั่งอยู่ด้วยกัน สนิทแนบชิดราวกับพี่น้อง
ส่วนเฉินเป่ยก็หดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างขมขื่น
กับข้าวในร้านอาหารชาล้วนแล้วแต่เป็นกลิ่นหอมของชาที่แฝงไปด้วยความแปลก ว่ากันว่าล้วนเพิ่มชาทิกวนอิมเข้าไป……แม้กระทั่งรสชาติกับข้าวที่ไม่มันหลายอย่าง ยังแฝงไปด้วยกลิ่นชาที่เข้มข้น หอมกรุ่นน่าลุ่มหลง
กับข้าวที่รสชาติไม่มันแบบนี้ ย่อมเป็นที่ชื่นชอบของหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนสาวงามแบบนี้ ปริมาณแคลอรีน้อยเท่าไร ยิ่งช่วยลดน้ำหนักได้
เพียงแต่เฉินเป่ยนั้น เดิมทีทานไม่ชิน ทานได้ไม่กี่คำ ในปากก็ไร้รสชาติ จึงยิ้มบอกกับหลีชิงเยียน “ชิงเยียน ขอสั่งอาหารเนื้อหน่อยได้รึเปล่า……”
หลีชิงเยียนชายตามองเฉินเป่ยอย่างเย็นเฉียบ นำรายการอาหารส่งให้เฉินเป่ย “สั่งไปเลย”
เฉินเป่ยดีใจใหญ่ ประธานนางฟ้าเปลี่ยนมาใจกว้างขนาดนี้เป็นครั้งแรก
แต่หลังจากเฉินเป่ยเปิดพลิกรายการอาหาร ชั่วขณะนั้นสีหน้าก็แข็งตัว
ซูเสี่ยวหยุนหัวเราะเบาๆ “นี่คือชา ชัง เตง ล้วนเป็นมังสวิรัติ มีอาหารเนื้ออะไรที่ไหน”
ความสนใจเฉินเป่ยกำลังจะหมดไป เดินออกไปจากห้องอาหารส่วนตัว แล้วเดินไปทางห้องน้ำ
พึ่งเดินเข้าห้องน้ำ เฉินเป่ยก็ก้าวเท้าช้าๆ เงยหน้าขึ้น เห็นเพียงภาพเบื้องหลังที่เซ็กซี่อ่อนช้อย กำลังพิงผนัง สูบบุหรี่อยู่
ควันบุหรี่พ่นออกมาจากริมฝีปากแดงอันเซ็กซี่ ควันบุหรี่เลื่อนลอย เฉินเป่ยหรี่ตาทั้งคู่ สังเกตเห็นภาพสาวงามสง่าคนนี้สักหน่อย
นี่คือผู้หญิงที่เซ็กซี่มากคนหนึ่ง แต่งตัวเสื้อผ้าตาข่ายสีดำทั้งตัว แต่ละการกระทำล้วนเห็นได้ชัดถึงคลื่นที่โหมซัดสาด
สายตาของเฉินเป่ยกวาดลงไปตามคอระหงที่ขาวสะอาดนั้น มุมปากโค้งเส้นรัศมีวงกลมที่ความหมายเปลือยเปล่า!
ของดี นี่เป็นของเยี่ยมยอดอย่างแน่แท้! ในใจเฉินเป่ยแอบตื่นเต้น สาวงามผมยาวท่านนี้ ผมยาวดกดำนุ่มลื่นสยายอยู่ด้านหลัง หญิงสาวกำลังคีบบุหรี่อยู่ พ่นควันล่องลอย
ขายาวใส่ถุงน่องสีดำคู่นั้น เป็นเครื่องสังหารที่เล่นอย่างไรก็ไม่เบื่อแน่ๆ
เฉินเป่ยเดินขึ้นไปด้านหน้า พูดทักทาย “คนสวย มีบุหรี่มั้ย ขอสูบสักมวนสิ~”
สาวงามผมยาวหันหน้า กวาดตามองเฉินเป่ยด้วยดวงตานิ่งเฉย ไม่ได้สนใจเฉินเป่ยเลย
“บุหรี่สูบหมดแล้ว” สาวงามผมยาวน้ำเสียงเย็นชาอยู่บ้าง
ทันใดนั้น! เฉินเป่ยลงมือราวกับประกายไฟ แย่งบุหรี่ของสาวงามเข้ามา แล้วดูดไว้ในปากของตนเอง
สาวงามผมยาวสีหน้าตะลึง คิดไม่ถึงสักนิดว่ายังจะมีการกระทำที่ไร้ยางอายขนาดนี้!