สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 91
ตอนที่91 พอเหมาะสมก็สมควรหยุด
เซินหวยเฟิงหันกลับมา แล้วมองไปทางเฉินเป่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในใจหวาดหวั่น
เขาไม่เข้าใจ สิ่งที่เฉินเป่ยพูดออกมามันหมายความว่ายังไง
แค่โทรออกไปครั้งหนึ่ง จะทำอะไรได้
แววตาที่คมลึกของเซินหวยเฟิงมองไปทางเฉินเป่ย ก่อนจะเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเฉินเป่ย ก่อนจะยกยิ้มเยาะ “ฉันจะคอยดูว่านายจะคุยโม้ว่ายังไง”
“ถ้าหลังกดโทรไปแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะ” เซินหวยเฟิงยิ้มชั่วร้าย “ฉันเองก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่นายคุกเข่าลง แล้วขอโทษฉันก็พอ”
ซูเสี่ยวหยุนยืนกอดอก มองการกระทำของเซินหวยเฟิง ภายในใจรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
ความหวังสุดท้ายที่เธอมีต่อเซินหวยเฟิง หายไปในพริบตา
“เซินหวยเฟิง พอได้แล้ว ทำอะไรอย่าให้มันมากจนเกินไป”ซูเสี่ยวหยุนขมวดคิ้วแน่น
“สงสารสามีแล้วหรือไง หรือคืนนี้คุณจะกลับโรงแรมกับผมก็ได้…”เซินหวยเฟิงมองไปที่ใบหน้าที่สวยมีเสน่ห์ของซูเสี่ยวหยุน ก่อนจะพูดกวน
“เพี๊ยะ” เซินหวยเฟิงยังพูดไม่ทันจบ หน้าของเขาก็ถูกตบจนปรากฏรอยฝ่ามือแดง
เสียงตบนั้น เสียงดังฟังชัดมาก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด
เซินหวยเฟิงที่มีหน้าที่การงานดีที่สุดในงานเลี้ยงรุ่น กลับโดนตบหน้าอย่างเต็มแรง
สายตาของทุกคนหันไปพร้อมกัน แรงตบนั้นน่ากลัวมาก จนทำให้เซินหวยเฟิงล้มลงบนพื้น
เซินหวยเฟิงรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน ใบหน้าข้างที่โดนตบเริ่มบวมแดง เซินหวยเฟิงกุมหน้าตัวสั่น
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึง มองไปทางเฉินเป่ยที่ยืนหน้านิ่งอยู่ที่เดิม
นี่เฉินเป่ยกล้าตบหน้าเซินหวยเฟิงเลยเหรอ
“นายกล้าดียังไง”เซินหวยเฟิงรีบลุกขึ้นมา แล้วมองไปทางเฉินเป่ย ก่อนจะส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายออกมา
“ทำไมฉันจะไม่กล้า”เฉินเป่ยมองไปทางเซินหวยเฟิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ถึงเง็กเซียนฮ่องเต้อยู่ที่นี่ฉันก็กล้าตบ นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
หลังจากพูดจบ เฉินเป่ยก็ง้างมือขึ้นมา แล้วตบหน้าเซินหวยเฟิงอีกครั้ง
“เพี๊ยะ”
ทุกคนในเหตุการณ์ตกอยู่ในความเงียบ เห็นแค่ว่าใบหน้าอีกข้างของเซินหวยเฟิงมีรอยแดงขึ้นด้วย
แม้แต่ซูเสี่ยวหยุน ใบหน้าที่งดงามของเธอก็ตะลึงไปเช่นกัน เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินเป่ยจะลงไม้ลงมือจริงๆ
“เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ”
เฉินเป่ยใช้ทั้งมือซ้ายและมือขวาตบใบหน้าของเซินหวยเฟิงสลับกันไปมา จนเซถอยหลังออกมาหลายก้าว
“กล้าพูดแทะโลมภรรยาของฉัน หาที่ตายชัดๆ”เฉินเป่ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ตกตะลึงไปหมด
ไม่ว่าใครก็คงคาดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างเซินหวยเฟิง จะได้เจอเข้ากับผู้ชายที่บ้าบอไม่ทำการทำงานอย่างเฉินเป่ยได้
“ตึก”
เฉินเป่ยปล่อยหมัดออกไป จนถูกหน้าอกของเซินหวยเฟิงอย่างแรง
เซินหวยเฟิงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ร่างกายสั่นสะเทือนไปหมดทั้งตัว ก่อนที่จะกระเด็นออกไปชนกับกำแพงด้านหลัง
ภาพวาดที่แขวนไว้บนกำแพงแตกออกจากกัน สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบสงบ จนแม้แต่เข็มตกพื้นยังสามารถได้ยินเสียง
ทุกคนในงานยืนมองเซินหวยเฟิงที่หน้าบวมช้ำ นอนหมดสติอยู่ ต่างพากันมึนงง
“โอ้โห คนคนนี้ใจกล้าจริงๆเลย ที่กล้าลงมือทำร้ายคุณชายเซินแบบนี้”
“เล่นซะหนักเลย รอคุณชายเซินได้สติกลับมา เขาแย่แน่ๆ”
ชายร่างท้วมที่ชื่อประธานจ้าวกลัวจนตัวสั่นไปนานแล้ว เขายังจะกล้าพูดอะไรอีกล่ะ
คนที่กล้าทำร้ายเซินหวยเฟิงจนกลายเป็นแบบนี้ คนที่ไม่กลัวตายแบบนี้ เขาจะกล้าไปมีปัญหาด้วยได้ยังไงกัน
เฉินเป่ยหันหน้ากลับมา แล้วมองไปทางซูเสี่ยวหยุน พอสายตาของทั้งคู่สบตากัน เฉินเป่ยก็ยิ้มออกมา แล้วเดินเข้าไปหาซูเสี่ยวหยุน ก่อนจะโอบไหล่ซูเสี่ยวหยุนอย่างสนิทสนม
ซูเสี่ยวหยุนกระพริบตาถี่ๆ ภายใต้สายตาของทุกคนที่กำลังมองอยู่ คนที่ฉลาดเฉลียวควบคุมอารมณ์ตัวเองเก่งอย่างเธอ กลับเหมือนตั้งตัวไม่ทัน
“เมื่อก่อนนายไม่คู่ควรกับภรรยาฉัน ตอนนี้ก็ยังไม่คู่ควร นายมันก็แค่แมงดา”เฉินเป่ยพูดจบก็หันหลัง แล้วเดินออกจากงานไปทันที
“หยุดนะ” เซินหวยเฟิงตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากกำแพง ก่อนจะมองแผ่นหลังของเฉินเป่ยกับซูเสี่ยวหยุนอย่างอาฆาตแค้น แล้วพูด “ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกแกทั้งสองคนชายชั่วหญิงแพศยา”
ทันใดนั้นเอง เฉินเป่ยหยุดเดิน ก่อนจะแสยะยิ้มขึ้นมา
เขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วมองสายเรียกเข้าพบว่าเป็นเบอร์ที่เขาโทรหาก่อนหน้านี้
“ผมขอไปคุยโทรศัพท์”เฉินเป่ยหันไปพูดกับซูเสี่ยวหยุนอย่างอ่อนโยน
“ไปเถอะ” ซูเสี่ยวหยุนพยักหน้าให้ เฉินเป่ยเดินไปอีกด้าน ก่อนจะได้ยินเสียงหอบหายใจของชายหนุ่มดังมาจากปลายสาย
“เมื่อตะกี้โทรไปทำไมนายไม่รับสาย ตอนนี้โทรกลับมาทำไม…”
เฉินเป่ยได้ยินเสียงหอบหายใจแรงของอีกฝ่ายก็เบ้ปาก ก่อนจะสั่งงานอีกฝ่ายเล็กน้อย
“เรื่องจิ๊บๆ วางใจได้เลยลูกพี่” ชิงเหนียนรับปากอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหัวเราะออกมา “ลูกพี่ ช่วงนี้เจ้าหญิงแห่งประเทศซาอุดีอาระเบียให้ผมมาบอกลูกพี่ว่าเธอสนใจลูกพี่ เอายังไงครับ ลูกพี่สนใจไหม…”
“ไม่สนใจ ในใจฉันมีแค่หลีชิงเยียนภรรยาของฉันคนเดียว”เฉินเป่ยปฏิเสธออกไปโดยไม่มีลังเลแม้แต่น้อย
“เฮ้ยลูกพี่ เมื่อก่อนลูกพี่ไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา คำคมในกองทัพที่เล่าขานกันว่าขอให้ได้หญิงที่ถูกตาต้องใจ ถึงตายก็ถือว่าคุ้มค่า มันออกมาจากปากลูกพี่เองนะ…”ชิงเหนียนบ่นพึมพำ “พี่สะใภ้มีเสน่ห์อะไร ถึงทำให้ลูกพี่กลับตัวกลับใจได้แบบนี้”
เฉินเป่ยยิ้มบาง “นายยังไม่ได้เจอตัวจริงของเธอ นายย่อมไม่รู้สึกถึงเสน่ห์ที่เธอปล่อยออกมา”
“เจ้าหญิงแห่งประเทศซาอุดีอาระเบียก็สวยนะลูกพี่ ได้ข่าวว่าเเป็สาวสวยลูกครึ่งด้วย ผมเคยเห็นรูปแล้ว มีหุ่นที่เว้าโค้งอย่างงดงาม…”
เฉินเป่ยส่ายหัว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหญิงหรือว่าสาวสวยล่มบ้านล่มเมือง ในสายตาเขาแล้ว ก็สวยได้ไม่เท่ากับหลีชิงเยียนแม้แต่น้อย
หลังจากวางสายไป เฉินเป่ยเดินกลับมาหาซูเสี่ยวหยุน แล้วพูด “ไปกันเถอะ”
“อืม”ซูเสี่ยวหยุนพยักหน้ารับ ทั้งสองคนเดินออกจากโรงแรมแชงกรี-ลา รีสอร์ต พอขึ้นนั่งบนรถบีเอ็มดับเบิลยู
“ให้ฉันขับรถดีกว่าค่ะ คุณดื่มเหล้ามา ขับรถไม่ได้”ซูเสี่ยวหยุนพูดเสียงหวาน เฉินเป่ยมองไปทางเธอ จึงเห็นซูเสี่ยวหยุนถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วเปลี่ยนมาใส่รองเท้ากีฬาทะมัดทะแมงแทน
ซูเสี่ยวหยุนระมัดระวังตัวเองดีมาก เธอรู้ว่าถ้าใส่รองเท้าส้นสูงมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ ตรงจุดนี้ทำให้เฉินเป่ยตะลึงมาก
ซูเสี่ยวหยุนวางรองเท้าส้นสูงไว้ด้านข้าง ทันใดนั้นเอง เฉินเป่ยทำอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึงออกมา
เฉินเป่ยหยิบรองเท้าส้นสูงคู่นั้นขึ้นมา แล้วจับไว้อย่างทะนุถนอม เหมือนมันเป็นของล้ำค่า ที่ไม่สามารถละทิ้งได้
“คุณ…”ซูเสี่ยวหยุนสีหน้าตกใจ ก่อนจะยิ้มยั่วยวน “ ทำไมคะ คุณชอบรองเท้าคู่นี้หรือไง”
เฉินเป่ยหันไปมอง “รองเท้าที่คุณเคยใส่แล้ว ผมจะไม่ชอบได้ยังไงกัน”
“พูดประจบเก่ง”ถึงแม้ซูเสี่ยวหยุนจะพูดแบบนี้ แต่พอถูกเฉินเป่ยพูดชมแบบนี้ อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมาก ความไม่ชอบใจที่สะสมไว้ในใจก็หายไปจนหมด
รถบีเอ็มดับเบิลยูถูกสตาร์ทรถ แล้วเคลื่อนตัวออกจากโรงแรมโรงแรมแชงกรี-ลา รีสอร์ต พอขับออกไปทางถนนใหญ่ ความเร็วของรถก็เพิ่มขึ้น จนเห็นแค่แสงไฟของรถที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว…
ด้านในรถ เฉินเป่ยจับรองเท้าส้นสูงคู่นั้นไว้อย่างทะนุถนอม รองเท้าคู่นี้ เป็นรองเท้าแบรนด์ดัง วัตถุดิบที่ทำขึ้นมาจึงดีที่สุด ทำให้เฉินเป่ยจับเล่นไม่หยุด แล้วยังรู้สึกไม่อยากปล่อยมือจากมันด้วย
ภายในรถ มีกลิ่นหอมของกลิ่นดอกไม้กระจายไปทั่วรถ และกลิ่นหอมนั้นมาจากรองเท้าส้นสูงที่เฉินเป่ยถือไว้ ทำให้เฉินเป่ยเผลอยกรองเท้าส้นสูงขึ้นมาดมโดยไม่รู้ตัว…
นั่นเป็นกลิ่นหอมที่ซูเสี่ยวหยุนเหลือทิ้งไว้ ไม่มีกลิ่นเหม็นเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับปลุกความรู้สึกดีสำหรับผู้ชาย
ทางด้านซูเสี่ยวหยุนที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจ พอหันมาเห็นเข้า หน้าของเธอก็ตกตะลึงไปทันที
“คุณ… เอ๊ะ อย่าทำอย่างนี้สิคะ มันสกปรก”
หลังจากได้สติ เธอก็รีบเหยียบเบรครถ แล้วหยุดรถลง ใบหน้าที่งดงามของเธอเริ่มแดงก่ำ
เฉินเป่ยเงยหน้าขึ้น จึงเห็นซูเสี่ยวหยุนที่กำลังหน้าแดงเหมือนลูกแอปเปิ้ลพอดี
เฉินเป่ยยกยิ้มกริ่ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นซูเสี่ยวหยุนหน้าแดงแบบนี้
“ตอนคุณหน้าแดง หน้าดูดี” เฉินเป่ยเอ่ยปากพูด ใบหน้างดงามของซูเสี่ยวหยุนที่แดงก่ำ ยิ่งมีเสน่ห์จนทำให้คนมองรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
“จะน่ามองเท่าเสี่ยวเยียนได้ยังไงกัน”ซูเสี่ยวหยุนพูด ก่อนจะส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจออกมา
“พวกคุณสองคน… สวยทั้งคู่นั่นแหละครับ”เฉินเป่ยชนไหล่ซูเสี่ยวหยุนเบาๆ
“แล้วตกลงฉันสวยกว่าหรือว่าเธอสวยกว่าคะ” ซูเสี่ยวหยุนกระพริบตาปริบๆ มองไปทางเฉินเป่ยอย่างตั้งตารอคำตอบ
เฉินเป่ยขยับหน้าเข้าใกล้ซูเสี่ยวหยุน กลิ่นหอมที่ลอยอยู่ในรถ และพอเฉินเป่ยขยับเข้าไปดมใกล้ๆ พบว่ากลิ่นหอมบนตัวของซูเสี่ยวหยุนยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก
ทั้งสองคนสบตากันโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจของทั้งสองคนพ่นใส่หน้าอีกฝ่าย หัวใจเต้นแรงและเร็วขึ้น
ทันใดนั้นเอง ซูเสี่ยวหยุนกัดริมฝีปาก แล้วหลับตาลง
ภายในใจของเฉินเป่ยเต้นแรง นี่ซูเสี่ยวหยุนกำลังส่งสัญญาณให้เขาอยู่ใช่ไหม
มีเหรอที่เฉินเป่ยจะยอมพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ไป เขายกสองมือที่กำลีงสั่นขึ้นมา แล้วค่อยๆแกะกระดุมเสื้อของซูเสี่ยวหยุนอย่างเบามือ
ตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงเลยว่า มีวันหนึ่ง สองมือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อของเขา จะตื่นเต้นจนสั่นได้ถึงขนาดนี้
กระดุมเสื้อเม็ดแรกถูกแกะออก ภาพที่แสนยั่วยวนปรากฏออกมาให้เขาได้เห็น
ซูเสี่ยวหยุนตัวสั่นเบาๆ ตอนนี้เธอทั้งรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัว
เธอไม่อยากออกตัวมากเกินไป ถึงแม้เธอจะดูเป็นผู้ใหญ่ มีเสน่ห์ แต่เธอยังอยากเป็นเหมือนผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกผู้ชายปกป้องดูแลอยู่
ดังนั้นเธอจึงหลับตาลง ทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร และปล่อยให้เฉินเป่ยแตะเนื้อต้องตัวเธอตามใจชอบ ถึงเวลาเธอแค่ทำตามความเหมาะสมก็พอแล้ว
ไม่นาน สายตาของเฉินเป่ยก็มองไปที่กระดุมเม็ดที่สอง
พอแกะกระดุมเม็ดที่สองออก ทำให้เสื้อเปิดออกทั้งสองข้าง สายตาของเฉินเป่ยเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ผิวขาวเนียนกระจ่างใสราวน้ำนม จะให้ผู้ชายคนไหนระงับอารมณ์ตัวเองได้ล่ะ
หลังจากนั้น กระดุมเม็ดที่สาม… กระดุมเม็ดที่สี่ กระดุมเม็ดๆก็ถูกแกะออกด้วยมือที่สั่นเทาคู่นั้น เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกถอดออกจากร่างบาง…
ผมของซูเสี่ยวหยุนเริ่มยุ่ง ดวงตาเริ่มปรือ… พื้นที่ในรถที่คับแคบมาก มีเสียงครางออกมาเบาๆ บรรยากาศในรถร้อนแรงมาก…
รถบีเอ็มดับเบิลยูโคลงเคลงไม่หยุด… บรรยากาศในรถเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ…