สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1535 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1375
“ท่านพึ่งจะบอกว่าจะทดสอบความน่าดึงดูดของฉัน ตอนนี้ฉันอยากจะดูว่าลายเซ็นพวกนี้เพียงพอรึยังที่จะพิสูจน์ศักยภาพของฉัน” เธอพูดไปอย่างกังวลนิดหน่อย
ชายหนุ่มทำเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ จากนั้นสำรวจเธออย่างละเอียดต่อ ผู้หญิงแบบนี้สามารถทำให้นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง คนที่กำลังจะเติบโตที่ฮอลลีวูดคนหนึ่ง ผู้สืบทอดบริษัทเย่ซื่อคนหนึ่งล้วนพากันมาพูดเพื่อเธอ ยอมเป็นศัตรูกับตนเอง
ผ่านไปนาน สุดท้ายเขาก็ตอบกลับ “คุณกลับไปก่อนเถอะ หลังจากนี้สักพักจะมีคนแจ้งให้คุณทราบ”
กว่าติงยียีจะได้รับการติดต่อก็ผ่านไปสองวันแล้ว สองวันนี้เธอเฝ้ารอคอยจนหมดหวังจนสิ้นหวังแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จแล้ว
นิ้วของเธอเลื่อนไปทั่วรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ อยากหาใครสักคนมาแบ่งปันความดีใจของตนเองอย่างเร่งด่วน จนถึงล่างสุดของบันทึกการโทร เบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งนอนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เกลี้ยกล่อมให้ตนเองกดเบอร์โทรศัพท์นั้นลงไป
รอสายอยู่นานถึงสายจะถูกรับ เสียงจากปลายสายมีลมแรงมาก ได้ยินเสียงเพียงแค่ของซ่งเมิ่นเจ๋ผสมอยู่ด้วย
ติงยียีไม่กล้าที่จะพูดเล็กน้อย จนอีกฝ่ายเดาเธอออก เลยถามเธอก่อน “ยียี ช่วงนี้ผ่านมาด้วยดีมั้ย?”
ทันใดนั้นติงยียีก็น้ำตาซึมเล็กน้อย จุกจนพูดไม่ออก ซ่งเมิ่นเจ๋ถอนหายใจออกมา “ที่จริงไห่โจ๋ซวนบอกฉันแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะกลับมาเมื่อไหร่?” ติงยียีเธอรู้สึกมาตลอดว่าเธอเลือกวิธีการไปรักษาการบาดเจ็บที่สุดโต่งขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้เคลียร์ความเข้าใจผิดกันแล้ว แบบนี้ก็แสดงว่ามิตรภาพของพวกเขาสามารถกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนรึเปล่า
เสียงของซ่งเมิ่นเจ๋เจือไปด้วยเสียงหัวเราะ “อีกสักพักน่ะ ผ่านการทำจิตอาสามาคุณก็จะพบว่าความรักไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต”
ทั้งคู่ต่างหาเรื่องมาพูดคุยกันแก้เขิน จนกระทั่งแบตของโทรศัพท์หมด เธอจึงต้องยอมบอกลาซ่งเมิ่นเจ๋อย่างไม่ค่อยเต็มใจ ถึงจะวางสาย
บนหน้าจอมือถือ มีข้อความที่ถูกส่งมาเมื่อสองชั่วโมงก่อนอยู่ในกล่องข้อความ ข้อความเขียนไว้ว่า “ตอน2ทุ่ม ที่สนามบินหงเฉียว พี่ยียีพวกเราเตรียมตัวจะไปแล้ว มาส่งเราหน่อยนะ”
ติงยียีมองนาฬิกา โชคดีที่ยังทัน เธอรีบคว้าเสื้อคลุมตัวใหญ่แล้วตรงไปที่สนามบิน
คนเข้าออกสนามบิน ทุกๆ ส่วนที่ปกคลุมด้วยความหนาวเย็นของฤดูหนาว ติงยียีเดินไปพลางก้มหน้ามองมือถือ เย่ชูฉิงเจ้าเด็กคนนี้ไม่รู้เป็นอะไร ให้ตนเองเดินไปเดินมาอยู่ในสนามบินตลอดเลย
เธอก้มหน้า ก่อนจะชนปะทะกับคนที่ก้มหน้าอยู่คนหนึ่ง มือถือของทั้งคู่ลอยอยู่ในอากาศ หลังจากนั้นก็ร่วงลงสู่พื้น
“ขอโทษค่ะ!” ติงยียีย่อตัวลงไปเก็บมือถือโดยจิตใต้สำนึก มือถือทั้งสองเครื่องตกอยู่ด้วยกัน มือข้างหนึ่งคว้ามือถือได้พอดี
เธอมองเห็นข้อมูลบนมือถือ มองเห็นเบอร์มือถือของเย่ชูฉิง เธอเงยหน้าอย่างประหลาดใจ ตกอยู่ท่ามกลางดวงตาที่ลุ่มลึกของเย่เนี่ยนโม่
คนในสนามบินทยอยเพิ่มมากขึ้น มีสองเที่ยวบินที่ล่าช้า ผู้โดยสายผู้หญิงคนหนึ่งโวยวายเสียงดังอย่างไม่พอใจ ดูเหมือนว่าทั้งสนามบินจะมีเสียงเอะอะโวยวายมากกว่าวันปกติ และในมุมเล็กๆ ทั้งสองคนดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ
เย่เนี่ยนโม่ยืดตัวขึ้น และหันหน้าจอมือถือไปให้เธอ พูดออกมาสั้นๆ ว่า “ชูฉิง”
ติงยียีพยักหน้า เย่ชูฉิงจะต้องอยากจับคู่ให้เธอกับพี่ชายของเธออย่างแน่นอน ดังนั้นก็เลยคิดเล่ห์เหลี่ยมนี้ออกมา เสียงการออกเดินทางของเที่ยวบินถูกเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ติงยียีจามออกมาครั้งหนึ่ง
เสื้อคลุมอุ่นๆ ถูกวางไว้บนตัวเธอ เธอทันเห็นแค่เพียงกระดุมสีขาวบนเสื้อของเขาเท่านั้น เขาก็ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไปเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณ” เย่เนี่ยนโม่บอก ติงยียีมองมาที่เขาอย่างสับสน ทันใดนั้นคว้าเสื้อคลุมหนักๆ ที่อยู่บนตัวไว้อย่างประหม่าแล้วยัดใส่เข้าไปในมือของเขา “ขอบคุณนะ ฉันไปก่อนนะ”
เขามองเธอที่รีบหนีไป ดวงตาหม่นแสงลง ในเครื่องบิน แอร์โฮสเตสกำลังแนะนำให้ผู้โดยสารคนหนึ่งรัดเข็มขัด ด้านข้างของผู้โดยสารคนนั้น ทั้งสามมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นดึงดูดความสนใจของผู้โดยสารไม่น้อย
ไห่โจ๋ซวนพลิกดูหนังสือพิมพ์บนมือไปมาพลางพูดว่า : “คุณคิดว่ามันมีประโยชน์มั้ย?”
“ไม่ว่าจะยังไงก็เป็นความประสงค์ของเย่ซูฉิงอยู่ดี หวังว่าพวกเขาจะสามารถแก้ไขความเข้าใจผิดได้” หลี่ยี่ซวนไม่พอใจกับน้ำเสียงของเขา พูดต่อจากนั้น
เย่ซูฉิงยิ้มให้กับอีกสองคน สายตามองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน เธอรู้ว่าทำไมพี่ยียีถึงไม่ยอมรับพี่ชายของเธอ แต่เพื่อให้บรรลุผลคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ยียี เธอจึงวางทุกอย่างไว้ใต้ขอบหน้าต่าง ถ้าคนสองคนมีวาสนาต่อกัน พี่ชายจะต้องค้นพบอย่างแน่นอน
“Games!ดารา!” เป็นรายการที่ได้รับการสนับสนุนมากที่สุดในรายการเรียลลิตี้โชว์ในปัจจุบัน บรรลุเป้าหมายในการใกล้ชิดกับผู้คนโดยการจ้างดาราดังมาเล่นเกม เพราะในนั้นมีทางเลือกที่สนุกสนานอยู่บ้าง ดังนั้น เรตติ้งผู้ชมถึงสูงมาก
ติงยียีนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หลับตาลงแล้วขอให้ช่างแต่งหน้าเขียนคิ้วให้ พลางฟังชิวไป๋อ่านกฎของเกมด้วยตนเอง
“ฉันดูเองดีกว่า อ่านแบบนี้ฉันประหม่ามากๆ” ติงยียีลืมตาขึ้น ยื่นมือออกไปให้ชิวไป๋ส่งเอกสารมาให้ตนเอง
หยิบเอกสารแล้ว เธออ่านแต่ละหน้า ทันใดนั้น สายตาเธอค้างอยู่ที่หน้าหนึ่งอยู่นาน ชิวไป๋เข้าไปใกล้อย่างแปลกใจ “มีตรงไหนไม่เข้าใจรึเปล่า? ฉันอ่านมารอบหนึ่งแล้ว ฉันสามารถอธิบายให้เธอได้นะ”
ติงยียียิ้มและชี้ไปที่ข้อมูลที่เขียนด้วยอักษร 2ตัวว่า “เย่ป๋อ” สีหน้าชิวไป๋เป็นสีแดง ยื่นมือแย่งเข้ามา
“เย่ป๋อก็ไม่เลวนะ” ติงยียีรู้สึกมีความสุขกับเธอจากใจ แม้ว่าเรื่องนี้ที่ชิวไป๋ชอบเย่ป๋อจะทำให้เธอประหลาดใจนิดหน่อย
“เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้” ชิวไป๋ฉีกมุมที่เขียนชื่อของเย่ป๋อออก ใบหน้าที่มีร่องรอยของความเศร้า เมื่อหันกลับไปหาติงยียี
“ทำไมเหรอ?” ติงยียีไม่เข้าใจมากๆ
ชิวไป๋มองไปรอบๆ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ในห้องแต่งหน้ามีเพียงดาราแค่สองคน คนหนึ่งคือนักร้องหน้าใหม่ชื่อหูเพ่ยเพ่ย อีกคนหนึ่งเป็นนักแสดงงิ้วหลินกึ่ง
สองคนนี้กำลังแต่งหน้าตนเองอยู่ ชิวไป๋ไม่เห็นว่ามีใครสนใจถึงตรงนี้ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉัน32แล้วนะ เดี๋ยวก็33แล้ว ฉันรับไม่ได้ว่าตอนที่ฉันแก่แล้วเขาก็ยังเด็กอยู่”
เมื่อได้พูดสิ่งที่ตนเองกลัวมาโดยตลอดออกมา ชิวไป๋รู้สึกว่าในใจของเธอสบายใจขึ้นไม่น้อย ติงยียีอยากจะบอกเธอว่าเย่ป๋อไม่สนใจเลย กลับไม่รู้ความคิดที่เย่ป๋อมีต่อเธอในใจแอบสาบานกับตนเองไว้ว่าวันหลังจะต้องถามเย่ป๋อให้ได้
“สวัสดีทุกคน!” แร็ปเปอร์บอยที่เป็นหนึ่งในพิธีกรถือเอกสารปึกหนึ่งเดินเข้ามาเอามือทาบอกแล้วพูดว่า : “นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอกับสาวสวยทั้งนั้นเลย!”
หูเพ่ยเพ่ยมองเขาแล้วยิ้มหวาน “คุณก็หล่อเหมือนกันนะ แร็ปเปอร์บอย”
หลินกึ่งโห่อยู่ด้านข้างอย่างให้ความร่วมมือ แร็ปเปอร์บอยหัวเราะ จู่ๆบทสนทนาก็เปลี่ยนไป “เพิ่งจะทราบข่าวมา น่าเสียดายที่เพื่อนของผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์บนท้องถนน ตอนนี้ทำได้เพียงแค่เลือกมาหนึ่งคนจากพวกคุณ”
สถานที่ตรงนั้นก็เงียบลง เเรปเปอร์บอยก้มหน้าลง “เพ่ยเพ่ย เมื่อกี้คุณเพิ่งชมผม มาร่วมมือกันมั้ย?”
หูเพ่ยเพ่ยหยิบแป้งฝุ่นขึ้นมาเติมแป้งอย่างเขินอายพลางพูดว่า “ฉันอยากที่จะเป็นคู่หูของคุณ แต่ว่าผู้จัดการของฉันครั้งนี้ให้ฉันเป็นแขกรับเชิญเป็นหลัก ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
หลินกึ่ง ก็รีบตอบกลับอย่างคล้อยตาม “ทำไมพวกเขาต้องกลัวการร่วมงานกับแร็ปเปอร์บอยด้วยล่ะ?” ติงยียีขยับเข้าไปกระซิบใกล้ๆ หูของชิวไป๋
ชิวไป๋ก้มเข้าไปหา “ข่าวลือของแร็ปเปอร์บอยคนนี้ มีรายการหนึ่งไปพูดเยาะเย้ยคนอื่น ศิลปินท่านอื่นก็เลยกลัวที่จะทำงานร่วมกับเขา ทั้งที่เขาเยาะเย้ยอื่นแต่ผู้คนก็ชอบดูมากเพราะงั้น….”
ทั้งคู่เอียงหูตนเอง ทันใดนั้นจู่ๆ ข้างกายก็มีเสียงปรบมือ ติงยียีกับชิวไป๋มองไปยังแร็ปเปอร์บอยที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวอยู่ด้านหลังทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยความหวาดผวาและตกใจ
“คุณคือติงยียีนี่! ผมเคยเห็นคุณในโฆษณา! ถือว่าเป็นแฟนคลับของคุณไปครึ่งหนึ่งแล้วนะ!” แร็ปเปอร์บอยยิ้มออกมา หลังจากการพูดคุยของเขากับ หูเพ่ยเพ่ยเมื่อสักครู่นี้
ติงยียียังคงรู้สึกสงสัยในคำชมของเขา เป็นไปตามที่คิดเอาไว้หลังจากนั้นเพียงอึดใจเขาก็พูดว่า : “ดังนั้นครั้งนี้ก็มาเป็นคู่หูของผมเถอะ น่าสนุกจริงๆ!”
ชิวไป๋อยากช่วยติงยียีบอกปัดไป ทันใดนั้นแร็ปเปอร์บอยก็น้ำตาซึมพลางมองมาที่ทั้ง2คน อ้าปากพูดไม่หยุด “เป็นผมที่มนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดี ก็เลยไม่มีคนยอมที่จะร่วมงานกับผมใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” ติงยียีลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรีบร้อน
สีหน้าของแร็ปเปอร์บอยก็เปลี่ยนไป กลับสู่สภาพเดิมที่มีท่าที่หยอกล้อดังเดิม ดวงตาทั้ง 2 ข้างของเขามองมาที่เธอ “พูดแบบนี้ก็คือคุณสัญญาแล้วนะ ผมดีใจจริงๆ!”
“คือ…” ติงยียีมองไปยังชิวไป๋อย่างทำอะไรไม่ถูก ชิวไป๋ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ติงยียีใจอ่อนแบบนี้กันล่ะ นั้นก็ไม่มีทางแล้ว
เมื่อตกลงกันได้แล้ว แร็ปเปอร์บอยก็นำเอกสารในมือส่งมาให้เธอ “เธอลองดู พวกนี้คือชื่อของแขกผู้มีเกียรติกับผลงานอีกนิดหน่อยของวันนี้ เธอไปทำการบ้านมาก่อน”
ติงยียีพลิกเปิดเอกสาร ในครั้งนี้คนที่มาร่วมรายการมีทั้ง ดาราภาพยนตร์แช่ถิงถิง นักแสดง อันหรัน นักร้องหน้าใหม่ หูเพ่ยเพ่ย นักแสดงงิ้วหลินกึ่ง สุดท้ายเป็นเย่เนี่ยนโม่ที่โผล่ออกมาอย่างไม่คาดคิด
มือของเธอสั่นเบาๆ ม้วนกระดาษสองสามครั้งจนไม่มีหน้านั้นโผล่ออกมา ก็จะปักใจเปิดเอกสารออกมา เย่เนี่ยนโม่ ลูกชายของประธานบริษัทเย่ซื่อเย่เชินหลิน ได้รับปริญญาสองใบ ด้านสถาปัตยกรรมและด้านดนตรี จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นคนออกแบบห้างสรรพสินค้านานาชาติ
เธอไล่มองทีละอย่าง มีเรื่องที่เธอไม่รู้มากมาย “ทำไมเขาถึงมาเข้าร่วมรายการแบบนี้ได้ล่ะ?” เธอพูดออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมตนเองได้
ชิวไป๋มองไปที่เธออย่างอิจฉาเล็กน้อย รู้สึกจำใจอยู่บ้างสำหรับระดับความอ่อนไหวของเธอที่มีต่อความรักช่างต่ำเช่นนี้เธอพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมาว่า “ใช่แล้ว จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นคนที่มาจากวงการบันเทิง แล้วทำไมถึงเสี่ยงที่จะโผล่มาโดนด่าในรายการนี้ด้วย?”
ติงยียีมองไปที่เธออย่างสับสน แต่ก็มีคำตอบอยู่แล้ว ตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกผลักออก
เป็นพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา ติงยียีเก็บใจที่ตกลงไปอย่างฉับพลันขึ้นมา เธอมองภาพของพนักงานคนนั้น ความคิดในใจของเธอก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น ถึงแม้ไม่ได้เจอหน้า เธอเองก็ไม่ได้ลืมเย่เนี่ยนโม่ ขอเพียงแค่เห็นชื่อของเขา ได้ฟังเรื่องราวของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะเสาะหาเขา
จนกระทั่งถึงตอนเริ่มการถ่ายทำ ความรู้สึกของเธอก็ยังไม่ค่อยดีอยู่นิดหน่อย แร็ปเปอร์บอยรู้ว่าเธอกังวล เขาก็มากระซิบข้างหูของเธอเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก ปกติเป็นยังไงก็ทำแบบนั้นเลย ไม่เห็นจะเป็นไรเลยสมัยนี้ตัดต่อได้”
“ได้หรือ?” เธอเองก็เอนตัวไปกระซิบถามที่ข้างๆ หูของเขา ตอนที่เย่เนี่ยนโม่นั้นเข้ามาในสตูดิโอ ก็เห็นภาพทั้งสองคนกระซิบพูดคุยกันข้างหูอย่างสนุกสนาน